Wednesday, March 31, 2010

อภิสิทธิ์โชว์ไทยอู่ข้าวอู่น้ำของโลก

อภิสิทธิ์โชว์ไทยอู่ข้าวอู่น้ำของโลก



คมชัดลึก :นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ถึงการเดินทางไปร่วมประชุม World Economic Forum ครั้งที่ 40 ยันต่างประเทศมีความั่นใจและเข้าใจประเทศไทยมากขึ้น โชว์ไทยอู่ข้าวอู่น้ำของโลก ยันโครงการไทยเข้มแข็งทำเศรษฐกิจฟื้น






เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 31 ม.ค. นายอภิสิทธิ์   เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี  กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” เป็นครั้งที่ 55  ผ่านระบบ Tele Presence จากเมืองดาวอส สหพันธรัฐสวิส  มายังชั้น 28 บริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลเวิลด์  ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย  และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย  ดังนี้
ช่วงที่ 1 
ผู้ดำเนินรายการ ท่านได้พูดในช่วงต้นว่าครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญเหมือนกันที่ทำให้เราได้ตอกย้ำประเทศไทยใน ฐานะที่เป็นผู้ส่งออกอาหาร  ตรงนี้ท่านได้นำเสนออะไรในเวทีการประชุมครั้งนี้บ้างคะ
นายกรัฐมนตรี  ได้นำเสนอหลัก ๆ นะครับ 1. ไทยเข้มแข็ง  ซึ่งกำลังเข้าไปแก้ปัญหาในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน คือเรื่องแหล่งน้ำ เรื่องการขนส่ง ซึ่งจะช่วยทำให้ผลผลิตต่อไร่เราสูงขึ้น  ต้นทุนในเรื่องของการนำ สินค้าเกษตรมาสู่ตลาดลดลง ซึ่งควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรทางด้านอื่น ๆ เช่น ที่ทำกิน หนี้สิน 
2. คือได้พูดถึงการที่เราปรับเปลี่ยนโครงการการแทรกแซงพืชผลทางการเกษตร  ของระบบจำนำมาเป็นระบบประกัน  ซึ่งทำให้เงินที่เราใช้เท่าเดิมหรือน้อยกว่าเดิม แต่ประโยชน์ไปตกอยู่กับเกษตรกรในจำนวนที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว  ที่สำคัญคือว่าเป็นนโยบายที่เอื้อต่อการที่ทำให้สินค้าเกษตรของเรามีคุณภาพ แข่งขันได้  แล้วก็เป็นการกระตุ้นกลไกตลาดที่จะช่วยนำไปสู่ประสิทธิภาพ และโอกาสที่ดีกว่าสำหรับเกษตรกรต่อไป  ซึ่งอันนี้ก็เป็นประสบการณ์ซึ่งหลายประเทศเขากำลังดำเนินการ  เริ่มจะปรับเปลี่ยนนโยบายการแทรกแซงพืชผลทางการเกษตร มาเป็นในลักษณะของการที่จะช่วยเหลือเป็นเรื่องของรายได้ให้แก่เกษตรกรโดยตรงมากกว่า และก็จะเอื้อต่อเรื่องของการที่จะทำให้เรามีสินค้าเกษตรออกสู่ตลาดมากขึ้น  แก้ปัญหาความไม่มั่นคง หรือจะสร้างความมั่นคงทางอาหารต่อไป
ผู้ดำเนินรายการ  เรื่องร้อนที่เกิดขึ้นในการถกกันมากในเวทีดาวอสครั้งนี้คืออะไรคะ
นายกรัฐมนตรี  ถ้าพูดถึงสภาพทั่วไป ก็จะเป็นเรื่องปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภาคการเงิน  เพราะว่าในขณะที่เศรษฐกิจต่าง ๆ เริ่มฟื้นตัวขึ้นมา  ความห่วงใยประการหนึ่งก็ยังมีอยู่ว่า  สถาบันการเงิน ธนาคารซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตครั้งที่ผ่านมาได้เปลี่ยนแปลงไปหรือยัง จะมีการปฏิรูประบบการกำกับดูแลอย่างไร  เพราะฉะนั้น ก็เป็นหัวข้อที่ถกเถียง เพราะว่าในด้านหนึ่งทุกคนก็เห็นว่า ต้องเข้มงวดกวดขันกันมากขึ้นในเรื่องของภาคการเงิน  แต่ในอีกด้านหนึ่งเขาก็กลัวว่าถ้าไปเข้มงวดกวดขันสุดโต่งเกินไป อาจจะไม่เป็นผลดีต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในวันข้างหน้า  แต่ว่าผมเองไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องมากนักกับการถกเถียงในส่วนนี้ เพราะว่าในส่วนของเอเชียเป็นที่ยอมรับเลยว่าเราไม่ได้ประสบกับปัญหานี้เลยในวิกฤตรอบนี้  เขาก็เชื่อว่าเราได้บทเรียนมาตั้งแต่ปี  2540 ตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง  และขณะนี้เขาก็มองเห็นว่าลู่ทางของเราทางด้านการเงินไม่ได้มีปัญหาอะไร 
ผู้ดำเนินรายการ  2 วันที่ผ่านมาอะไรที่เป็นสิ่งท้าทายที่สุดของบรรดาผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่มาพูดคุยหารือกันคะ
นายกรัฐมนตรี ผมว่าในใจหลายคนยังมีความผิดหวังกับการประชุมที่โคเปนเฮเกนในเรื่องของสิ่งแวดล้อม  สภาพภูมิอากาศ  แล้วต้องยอมรับครับผมพบกับท่านประธานาธิบดีเม็กซิโก  ซึ่งจะเป็นประธานในเรื่องนี้ในปีนี้  ท่านยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าจะเป็นงานยากมาก  ไม่เพียงแต่ว่าครั้งที่แล้วไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้  แต่ว่าท่านมีความรู้สึกว่าความไว้วางใจ  การทำงานร่วมกันระหว่างประเทศต่าง ๆ  มันก็เหมือนกับมาเริ่มต้นกันใหม่  ซึ่งมีความหนักใจในเรื่องนี้มาก 
อันนี้ชัดเจนมากนะครับ  เพราะเป็นสิ่งซึ่งแทรกอยู่กับทุกหัวข้อที่มีการประชุมกันว่าผิดหวังในเรื่องของโคเปนเฮเกน  และก็อยากจะเห็นความร่วมมือทางด้านนี้คืบหน้า เช่นเดียวกับเรื่องของการเจรจาการค้า และก็มีการพูดกันมากถึงเรื่องการปฏิรูประบบการดูแลเศรษฐกิจโลก  ตัวองค์กรอย่าง  IMF (กองทุนการเงินระหว่างประเทศ) ธนาคารโลก อยู่ในระหว่างการปฏิรูปอยู่แล้ว  แต่ครั้งนี้พูดกันในหมู่ภาครัฐด้วยกันนะครับ  พูดกันค่อนข้างแรงถึงสหประชาชาติ ว่าอยากจะต้องมีการยกเครื่องกันครั้งใหญ่ เพราะว่าไม่สามารถที่จะตอบสนองปัญหาและความท้าทายต่าง ๆ ที่ประเทศทั่วโลกกำลังจะเป็น
ผู้ดำเนินรายการ  ในโอกาสที่มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับนักธุรกิจ  เขาสนใจที่จะมาลงทุนในบ้านเรามากน้อยแค่ไหน
นายกรัฐมนตรี  คือมีช่วงหนึ่งที่เขาจัดให้มาฟังเรื่องประเทศไทยโดยเฉพาะ ซึ่งหลายคนที่มาจะมีทั้งที่ลงทุนอยู่แล้ว หรือกำลังมา  ตั้งใจที่จะทำมาลงทุนเพิ่มเติม  และหลากหลายมากนะครับ  มีตั้งแต่ปิโตรเคมี  อุตสาหกรรมยา  อุตสาหกรรมการเกษตร  เรียกว่าเกือบจะทุกด้านเลย  ที่น่าดีใจคือว่าเวลาที่ประชุมเสร็จ คือหมายความเลิกในช่วงนั้นก็จะมีคนเข้ามา และก็ยืนยันว่าสนใจที่จะลงทุนในประเทศไทย  หรือขยายการลงทุนในประเทศไทย  แม้แต่ในประเด็นนี้อาจจะยังมีปัญหาอยู่  เขาก็ยังสนใจ 
ผู้ดำเนินรายการ  สุดท้ายแล้วเราได้อะไรจากการประชุมที่ดาวอสในครั้งนี้คะ
นายกรัฐมนตรี   ผมคิดว่าได้มาช่วยตอกย้ำว่า 1. ประเทศไทยฟื้นตัวแล้ว  ปีที่แล้วผมมานี่ในภาวะที่คนทุกคนพูดตรง ๆ ก็คือว่าเป็นห่วงมากว่าประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าได้หรือเปล่า แต่ผมเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง พูดกันตรง ๆ ตอนนั้นเขาก็ไม่แน่ใจว่าปีนี้ผมจะมีโอกาสมาที่นี่หรือเปล่า   แต่ว่าปีนี้เขารับรู้ถึงความก้าวหน้า 1 ปีที่ผ่านมา  เขาได้มองเห็นว่าประเทศไทยเริ่มกลับมาเดินหน้าแล้ว  ถึงความมั่นใจในเศรษฐกิจ ซึ่งตัวเลขต่าง ๆ ยืนยันถึงการฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี  และได้รับทราบสิ่งที่เราได้วาง เหมือนกับเป็นจุดขาย จุดแข็งของเรา เช่น ภาคการเกษตร  การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ครับ
ผู้ดำเนินรายการ  อยากกลับมาเรื่องของการเมืองบ้างนะคะ  หลังจากคุยเรื่องดาวอสไปค่อนข้างเยอะแล้ว  เรื่องการเมืองในบ้านเรา เรื่องร้อน ๆ ก็ยังเป็นเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  อยากให้ท่านนายกฯ ให้ความมั่นใจอีกสักครั้งหนึ่งว่า ความเห็นที่แตกต่างจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี  คือเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  ผมเท้าความสั้น ๆ ว่าตอนที่จัดตั้งรัฐบาลก็เป็นประเด็นหนึ่ง ซึ่งเราหยิบยกมาคุยกัน  แล้วก็ได้พูดกันชัดเจนอย่างนี้ว่า  1. ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญบางประเด็น ไม่ควรที่จะทำ  เพราะทำแล้วจะเกิดความขัดแย้ง  เพราะว่าปี 2551 ถ้าจำได้ชนวนของการเคลื่อนไหวชุมนุมกันตั้งแต่ต้นก็คือเรื่องนี้   ก็เห็นตรงกัน เช่น ประเด็นไหนที่นำไปสู่เรื่องการนิรโทษกรรม เรื่องอะไร  เราก็บอกว่าอย่าไปทำ 
2. เราบอกว่าถ้าการแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นที่มีความจำเป็น เช่น เขียนในทางเทคนิคแล้วมันเป็นอุปสรรค  ประเด็นไหนที่คิดว่าจะส่งเสริมประชาธิปไตยให้แก้ไขแล้ว อันนี้ตกลงกันเลยว่าอย่างนี้เดินหน้าด้วยกัน  ขณะเดียวกันมันก็มีรัฐธรรมนูญอีกหลายมาตรา หลายประเด็น  ซึ่งไม่เข้าข่ายทั้งเรื่องการไปนิรโทษกรรม สร้างความขัดแย้ง และก็ไม่ได้เป็นการแก้ไขหรือว่าพัฒนาระบอบประชาธิปไตยโดยตรง  หนึ่งในประเด็นเหล่านั้นคือเรื่องเขตเลือกตั้ง  ซึ่งผมพูดกับพรรคร่วมตั้งแต่ตอนที่ไปคุยกับเขาตอนจัดตั้งรัฐบาล  ว่าประเด็นนี้ความเห็นเรายังไม่ตรงกัน  พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ไปเสนอตอนที่เขามีการทำร่างรัฐธรรมนูญว่า เราเชื่อว่าระบบปัจจุบันที่เป็นเขตใหญ่  มันดีกว่า เพราะว่าเราเห็นว่ามันลดความแตกแยกในการแข่งขัน  ทำให้การแข่งขันรุนแรงน้อยกว่า เพราะฉะนั้น แก้ปัญหาธุรกิจการเมืองได้ส่วนหนึ่งด้วย และเห็นว่าการที่เป็นเขตใหญ่ช่วยให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มีความตระหนักถึงภาระหน้าที่ระดับชาติมากกว่า  
ช่วงที่ 2
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ ก่อนที่ผมจะออกเดินทางไปดาวอสนะครับ ซึ่งเดินทางไปเมื่อคืนวันพฤหัสบดี มีงานหลายด้านครับที่มีความคืบหน้าและก็อยากจะถือโอกาสนี้รายงานให้กับพี่น้องประชาชนได้รับทราบนะครับ เรื่องแรกคงจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจครับ ที่ตลอดระยะเวลาในช่วงสัปดาห์ - 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้มีสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ค่อนข้างชัด ตัวเลขที่ยังไม่ได้รายงานให้พี่น้องทราบผ่านทางรายการ ก็จะมีเช่นในที่สุดปีที่แล้วการขอรับการส่งเสริมการลงทุนนั้นถ้าคิดเป็นมูลค่าของโครงการต่าง ๆ รวมกันแล้ว ถึงประมาณ 700,000 ล้านบาทนะครับ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 400,000 ล้าน เรียกกว่าสูงกว่าเป้าหมายที่เราคาดคิดเอาไว้ อาจจะเรียกว่าร้อยละ 60 ทีเดียวนะครับ ซึ่งอันนี้ก็เป็นผลมาจากการที่เรามีมาตรการที่จะส่งเสริมการลงทุนเป็นกรณีพิเศษจนถึงปลายปีที่แล้ว ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนในหลายสาขาจากหลายประเทศ ทำให้ตัวเลขตรงนี้สูงขึ้นมามาก และเราได้ตั้งเป้าเอาไว้ครับว่าสำหรับปี 2553 นี้ ก็อยากจะให้มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 500,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันนะครับ ที่ผมได้เคยรายงานว่าเราได้จัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นเกินเป้าทั้งปีนี้อาจจะเกือบถึง 200,000 ล้าน ก็ทำให้เราสามารถที่จะกำหนดนโยบายงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ 2554 ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนตุลาคมของปีนี้ โดยลักษณะของงบประมาณที่เราได้อนุมัติในครม. นะครับ ก็เป็นงบประมาณขาดดุลครับ คือเราประมาณการกันว่าการจัดเก็บรายได้สำหรับปีที่จะถึงนี้ จะขยับมาอยู่ที่ประมาณ 1,650,000 ล้าน และจะตั้งงบประมาณในลักษณะที่เป็นการขาดดุล เพราะฉะนั้นก็จะมีงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่ายประมาณเกิน 2 ล้านล้านบาทมาเล็กน้อย ที่น่ายินดีก็คือจากโครงสร้างงบประมาณที่เราได้ดูและจะจัดทำนี้นะครับ สิ่งที่จะเพิ่มขึ้นได้มากก็จะเป็นเรื่องของงบลงทุนครับ ซึ่งปีที่แล้วงบลงทุนจะมีอยู่ที่ประมาณ 200,000 ล้าน ปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 340,000 กว่าล้านนะครับ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละเกือบร้อยละ 60 ทีเดียว เพราะฉะนั้นผมคิดว่าจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ดีขึ้น การจัดเก็บรายได้ที่ดีขึ้น ก็จะทำให้เราสามารถจะใช้กระบวนการของงบประมาณกลับมาใช้ในการลงทุนเพื่อทำโครงสร้างพื้นฐาน และกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นอันนี้ก็จะเป็นแนวโน้มในเรื่องของเศรษฐกิจ และการจัดทำงบประมาณซึ่งจะมีขึ้นในปีงบประมาณต่อไป
นอกจากเรื่องของภาพรวมทางเศรษฐกิจนะครับ มีเรื่องของเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชนอีกจำนวนมากนะครับในระดับของผู้ประกอบการขนาดกลางขนาดย่อม และในส่วนของพี่น้องในชุมชนต่าง ๆ นั่นก็คือเรื่องแรกก็คือเราได้จัดนิทรรศการ SMEs หรือ SMEs EXPO ซึ่งวันนี้คือวันอาทิตย์เป็นวันสุดท้ายนะครับที่พี่น้องประชาชนสามารถที่จะไปเยี่ยมชม ซื้อสินค้าจากเอสเอ็มอีต่าง ๆ ที่มาร่วมแสดงสินค้าอยู่ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะได้ไปเห็นถึงความก้าวหน้าการพัฒนาของอุตสาหกรรมขนาดกลางขนาดย่อมของประเทศ ซึ่งรัฐบาลนั้นให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกันในวันนี้นะครับคือวันอาทิตย์ก็มีการจัดทำประชาคมชุมชนพอเพียง โครงการชุมชนพอเพียงพร้อมกันทั่วประเทศ คงจะจำได้นะครับว่าโครงการชุมชนพอเพียงนั้นเป็นโครงการซึ่งรัฐบาลได้ใช้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบแรกครับ แต่ว่าต่อมานี้พบปัญหาในเรื่องของการทุจริตที่เกิดขึ้นในบางโครงการในบางพื้นที่ ก็มีการมาทบทวนการจัดทำโครงการนี้ใหม่นะครับ และคุณมีชัย วีระไวทยะ ได้เข้ามาทำงานทางด้านนี้ วันที่ 31 คือวันนี้ครับเป็นวันที่ได้มีการกำหนดให้มีการจัดทำประชาคมพร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งมีการเชิญชวนพี่น้องประชาชนนะครับ จริง ๆ แล้วใครก็ตามมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปก็สามารถที่จะไปประชุมในชุมชนหรือหมู่บ้านของท่าน เพื่อช่วยกันคิดและจัดทำโครงการที่สอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการสร้างรายได้ สร้างอาชีพ ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากจน หรือเป็นโครงการที่ส่งเสริมอนุรักษ์รักษาป่า น้ำ ดิน และศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพราะฉะนั้นวันนี้ถ้าอยากจะเห็นโครงการใด ๆ เกิดขึ้นอยู่ในชุมชนของท่าน สอดคล้องกับเศรษฐกิจพอเพียงนั้นก็ขอให้ไปร่วมประชุมในการจัดทำประชาคมซึ่งกำลังเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ อันนี้ก็คืองานทางด้านเศรษฐกิจทั้งที่เป็นเศรษฐกิจภาพรวม และเศรษฐกิจระดับชุมชนและของพี่น้องประชาชนที่มีการดำเนินการ
สุดท้ายครับในเรื่องของเฮตินั้นอยากจะเรียนครับว่ามีความคืบหน้าในการช่วยเหลือของรัฐบาลในหลาย ๆ ด้านนะครับ เงินของรัฐบาล 100,000 เหรียญมอบกันไปเรียบร้อย และก็มีการจัดซื้อของและนำส่งถึงประชาชนในเฮติ ขณะเดียวกันเมื่อสักครู่ผมได้บอกไปแล้วว่าเรากำลังจัดส่งข้าวนะครับ โดยในส่วนแรกนั้นจัดส่งทางเครื่องบินไปก่อนนะครับ เพราะว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะนำเอาข้าวนั้นไปถึงประชาชนชาวเฮติ ส่วนข้าวที่เหลือซึ่งทั้งหมดมีอยู่ 20,000 ตันก็จะทยอยส่ง แต่จะเป็นการส่งทางเรือ ซึ่งก็จะดูประสานให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการในการช่วยเหลือในเรื่องของอาหาร และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมก็ได้พูดนะครับว่านอกเหนือจากเรื่องของข้าว เรื่องของเงินที่เป็นของภาครัฐและที่ภาคเอกชนมาร่วมบริจาคผ่านรัฐ ซึ่งขณะนี้ยอดของการบริจาคผ่านศูนย์ของรัฐบาลก็หลายสิบล้านแล้ว และยังมีของเอกชนที่เกิน 100 ล้านแล้ว เราได้พูดถึงเรื่องการส่งแพทย์หรือช่างเข้าไปช่วยเหลือ ขณะนี้ก็มีการจัดส่งทีมล่วงหน้าเดินทางไปที่เฮติ ซึ่งก็จะเป็นการปูทางไปสู่การที่เราจะส่งคนของเรานั้นเข้าไปมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูเฮติ หลังจากที่ประสบกับภัยพิบัติ ซึ่งก็จะเป็นอีกครั้งหนึ่งนะครับที่พี่น้องประชาชนคนไทยได้แสดงออกให้เห็นถึงความมีน้ำใจของเราที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนะครับ สัปดาห์นี้คงจะมีเวลาเพียงเท่านี้ครับในการรายงานงานต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้ดำเนินการมา รวมทั้งการเดินทางมาที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ของผมในช่วงวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ เสาร์ สำหรับสัปดาห์หน้าจะกลับมาพบกันใหม่ครับ หลังจากที่ผมเดินทางกลับไปที่ประเทศไทยแล้วครับ สวัสดีครับ
อย่างไรก็ตามนายอภิสิทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทางการ ถึงผลการประชุมในเวทีต่างๆ โดยได้กล่าวถึงเวทีการอภิปรายหัวข้อ Towards an East Asian Community ว่าได้กล่าวสุนทรพจน์ และแสดงความคิดเห็นในประเด็นการรวมกลุ่มของประเทศในเอเชียตะวันออก ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เล่าถึงประสบการณ์ในฐานะประธานอาเซียน ว่าช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา ได้มีการผลักดันความร่วมมือของในประเทศเอเชีย ทั้งเรื่องเขตการค้าเสรี  ข้อริเริ่มเชียงใหม่ และการรับพิจารณาข้อเสนอของประเทศคู่เจรจา อาทิ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เกี่ยวกับการขายยความร่วมมือในกลุ่มเอเชียตะวันออกให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวความคิดของนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปัจจุบัน และรัฐมนตรี รวมถึงผู้แทนของอินเดีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลี  ซึ่งเห็นได้ว่าประเทศต่างๆมีความคาดหวังสูงกับภูมิภาคเอเชีย ในฐานะต้องเป็นกลไกในการสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ ถือเป็นโอกาสที่ดี และคิดว่าสิ่งที่ได้ทำในฐานะประธานอาเซียนนั้นประเทศต่างๆได้รับทราบและเห็นว่าเป็นทิศทางที่ดี ในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทยด้วย  
ส่วนในการหารือ หัวข้อ Business Interaction Group on Thailand ซึ่งมีภาคเอกชนจากประเทศต่างๆเข้าร่วมหารือว่าได้มีการพูดคุยกับนักลงทุนที่มีความสนใจในประเทศไทยโดยตรง  โดยนายกรัฐมนตรีได้เล่าถึงนโยบายและการทำงานในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะตัวเลขเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้ชัดเจนว่า มี่การฟื้นฟูทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน และนักลงทุนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจ ในการแก้ปัญหาในภาพรวม ส่วนปัญหาเฉพาะที่เกิดขึ้น เช่นกรณีมาบตาพุด มีความห่วงใยทางการเมือง หรืออุปสรรคในการค้า และลงทุนนั้น นายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสนี้ อธิบายการดำเนินการ แก้ไข มีกลไกอย่างไร จากากรทีได้สัมผัสกับภาคเอกชนเหล่านี้ รู้สึกพึงพอใจแนวทางที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ เชื่อว่า ความสนใจที่จะขยายการลงทุน และการที่จะเข้ามาประเทศไทย คงมีมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดี ทัง้นี้ นักธุรกิจส่วนใหญ่ที่สนใจมักมีธุรกิจอยู่แล้ว ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ ธุรกิจปิโตรเคมี โทรคมนาคม ยา รองเท้า ภาคเกษตร แต่ยังมีความเชื่อว่า จะมีโอกาสในการขยายการลงทุนเพิ่มเติมมากขึ้น  
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้มีการหารือผู้นำต่างประเทศ ที่สำคัญได้แก่ ประธานาธิบดีของสวิสเซอร์แลนด์   นายกรัฐมนตรีเบลเยี่ยม  รวมถึง Duke of York ซึ่ง ส่วนใหญ่พูดคุยถึงโอกาสการขยาย การค้า การลงทุนกับไทย โดยเฉพาะสวิสฯเสนอให้ไทยพิจารณาการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับเอฟต้า (สมาคมเอฟทีเอแห่งสหภาพยุโรป) ซึ่งสวิสฯ เป็นสมาชิกอยู่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะให้กระทรวงพาณิชย์ไปศึกษาข้อดี ข้อเสีย โดยเฉพาะเอฟต้า ที่แยกออกมาจากสหภาพยุโรป   ส่วนนายกรัฐมนตรี เบลเยี่ยม  ได้พูดถึงการประชุมเอเชีย-ยุโรป หรือ อาเซม ซึ่งเบลเยี่ยมจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมปลายปีนี้ โดยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นประเด็นที่เป็นหัวข้อสำคัญของการประชุม ที่จะครอบคลุมตั้งแต่เรื่องเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากนั้นได้ใช้โอกาสนี้ให้ผู้นำในยุโรปรับทราบถึงปัญหา ที่ทางสหภาพยุโรป อาจมีการออกมาตรการซึ่งจะส่งผลกระทบต่อมาตรการส่งออกของไทย ซึ่งผู้นำได้รับทราบปัญหา และจะสนับสนุนไทย ในการช่วยไม่ให้เกิดมาตรการที่จะมากีดกันไทยมากขึ้น  
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สรุปภาพรวมการประชุมในปีนี้ว่า แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกดีกว่าปีที่แล้วมาก และเห็นชัดเจนมากขึ้นว่าบรรดานักธุรกิจ และผู้นำต่าง ยอมรับบทบาทของเอเชีย ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่ยุโรป และสหรัฐ แม้จะมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่ก็ยังเป็นการฟื้นตัวที่ค่อนข้างช้า และยังมีปัญหาการว่างงาน และน่ายินดีที่หลายคนรู้ถึงสิ่งที่ประเทศไทยดำเนินการมาหลายเรื่อง อย่างกรณีความมั่นคงทางอาหาร เมื่อวานได้ขอบคุณ ที่ไทยบริจาคข้าวให้กับเฮติ ทำให้เขามั่นใจในสิ่งที่ประเทศไทยประกาศ ว่าจะเป็นประเทศที่ช่วยแก้ปัญหาความมั่นคงทางอาหารในระดับโลก ซึ่งจุดนี้คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย ว่าจะเป็นประเทศที่ช่วยแก้ปัญหา รวมถึงให้เห็นว่า เศรษฐกิจไทยได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน  
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ร่วมในงานเลี้ยงอาหารค่ำ และกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ Davos 2010 Anti-Corruption Private Dinner ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าว เกี่ยวกับการต่อต้านคอรัปชั่น  โดยเปรียบเทียบการคอรัปชั่นเหมือนมะเร็งร้าย  ที่เกิดขึ้นได้ทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้ว และยังไม่พัฒนา ซึ่งส่วนใหญ่จะมีรูปแบบในการติดสินบน ซึ่งอาจมาจากการที่ภาคเอกชนเห็นว่า  เอกชนอื่นๆก็ทำการติดสินบน   และหากมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นแล้ว อาจทำให้รัฐบาลใช้อำนาจไปในทางที่ผิดได้  ดังนั้นจะต้องมีการแก้ไขปัญหาซึ่งในส่วนของไทยก็มีความพยายามต่อเนื่อง  แต่สิ่งที่ประเทศไทยโชคดีก็คือ  การมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ทรวงแนะนำให้ทุกคนปฎิบัติตนสุจริต  รวมถึงการที่องค์กรอิสระก็มีความพยายามดูแลปัญหาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเข้าร่วมการอภิปรายหัวข้อ  The Geat Shift in the Global Agenda ซึ่งจัดโดยสถานีโทรทัศน์ NHK ของญี่ปุ่น โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงบทบาทของกลุ่มประเทศอาเซียน ในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะกับการทำเขตการค้าเสรี หรือ เอฟทีเอ กับหลายประเทศ โดยอาเซียนได้มีนโยบายที่เปิดรับทางเศรษฐกิจ ส่วนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน มีผลต่อการพัฒนาในอนุภูมิภาคต่างๆ เช่นเดียวกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่น ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วย
  








ข่าวที่เกี่ยวข้องอภิสิทธิ์มั่นใจศก.ฟื้นตัวเร่งแก้ปัญหาเอสเอ็มอีรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์อภิสิทธิ์โชว์ผลงานแก้ปัญหาภาคใต้
"ลี-นางมา"พิธีกรรายการเชื่อมั่นฯกับนายกฯอภิสิทธิ์

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive