Sunday, January 6, 2013

ภูมิธรรม ยังแทงกั๊ก แก้รธน. โยนประชาชนตัดสินใจ

ภูมิธรรม ยังแทงกั๊ก แก้รธน. โยนประชาชนตัดสินใจ
ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยังแทงกั๊ก แก้รธน. โยน ประชาชนตัดสินใจ ชงให้สถาบันการศึกษา รวบรวมและเสนอแนวทางแก้ปัญหาให้รัฐบาลใน45-60วัน ยื้อแก้รธน.วันที่ 6ม.ค. ที่เดอะกรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ นครราชสีมา นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวยืนยันว่า การสัมมนาแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ที่เพิ่งจบลงไปนี้  ยอมรับว่าเป้าหมายของพรรคเพื่อไทยที่จัดการประชุมนี้ขึ้น ไม่ใช่ต้องการให้มีมติ ว่าต้องจบลงในวันนี้ด้วยการเลือกแนวทางการแก้ไขรธน.ว่า จะให้เลือกแนวทางการแก้ไขแนวทางใด แต่เป็นการต้องการให้ส.ส. และสมาชิกพรรคเสนอแนวทางการแก้ไขรธน. ซึ่งสุดท้ายก็ได้แนวทางที่สมาชิกพรรคเสนอขึ้นมา ที่จะต้องไปทำการศึกษาถึง 6 แนวทางด้วยกัน ซึ่งส่วนตัว หากเป็นไปได้จากนี้ไปต้องการให้ประชาชนในประเทศเป็นผู้เลือกว่า เห็นควรให้แก้รธน.ด้วยวิธีใด ทั้งลงประชามติ ลงมติวาระ3 หรือแก้เป็นรายมาตรา ประชาชนทั้งประเทศจะต้องเป็นผู้ตัดสิน เนื่องจากในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยในวันนี้ก็ได้แสดงถึงเหตุผลทั้งหมดที่พรรคเห็นพร้อมต้องกันให้มีการแก้ไขรธน.แล้วนั่นเองขณะที่ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 16.30 น. นายภูมิธรรม ได้ กล่าวบนเวทีสัมมนาแก้รธน.ของพรรคเพื่อไทย ในหัวข้อ “ทางออกประเทศไทย รัฐธรรมนูญต้องเป็นประชาธิปไตย คนไทยต้องมีความสุข” ว่า พรรคเพื่อไทยหาเสียงกับประชาชนว่าจะมาแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย โดยเป็นนโยบายเร่งด่วนภายใน 1 ปีแรก ซึ่งชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญปี 50 ไม่เป็นประชาธิปไตยทั้งนี้ ขณะนี้มีอยู่สามทางเลือกในการแก้ คือโหวตวาระ 3 แก้รายมาตรา และเดินหน้าจัดทำประชามติ ซึ่งมีปัญหาทุกช่องทาง ดังนั้นต้องมาหาข้อยุติ โดยจะเสนอให้สถาบันการศึกษาอย่างเป็นทางการ เข้ามามีส่วนช่วยหาคำตอบ เช่น คณะรัฐศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ จากกจุฬาฯ ม.ธรรมศาสตร์ ม.รามคำแหง เป็นต้น โดยใช้เวลาดำเนินการประมาณ 45 – 60 วัน เพื่อหาคำตอบว่าภายใต้รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ชัดเจน หากรัฐบาลอยากแก้รัฐธรรมนูญให้ชัดเจนควรทำอย่างไร โดยเปิดให้เป็นประเด็นสาธารณะเพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เมื่อได้คำตอบก็จะเดินหน้าไปด้วยกัน โดยให้นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ และประธานคณะทำงานศึกษาข้อกฎหมายและวิธีการออกเสียงประชามติ รับไปดำเนินการ

สดศรีเผยส่งเลขาธิการถกร่วมคณะทำงานแก้รธน.ก่อนชงกลับทำประชามติ

สดศรีเผยส่งเลขาธิการถกร่วมคณะทำงานแก้รธน.ก่อนชงกลับทำประชามติ
กกต. สดศรี เผย ส่งเลขาธิการ กกต. “ภุชงค์ นุตราวงศ์” หารือร่วมคณะทำงานแก้ รธน.ม.291 ของรัฐ ก่อนส่ง กกต.ทำประชามติ ยืนยันหากให้ กกต.ทำ ทุกอย่างต้องถูกต้องและชัดเจน พร้อมชี้หากดันทุรังส่อโมฆะ-โดนฟ้อง ....นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงกรณีที่ทาง กกต. มีมติมอบหมายนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. เป็นตัวแทนไปหารือกับคณะทำงานศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ของรัฐบาลว่า เบื้องต้นเท่าที่ดู พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 น่าจะมีปัญหา โดยเฉพาะเรื่องการออกเสียงนอกราชอาณาจักร เนื่องจากอาจติดเงื่อนไขวันและเวลาของประเทศต่างๆ ที่อาจจะไม่ตรงกับประเทศไทย เพราะตามกฎหมายกำหนดให้ออกเสียงประชามติให้แล้วเสร็จภายในวันเดียว ขณะที่หากมีคนคัดค้านประเด็นหรือญัตติในการจัดทำประชามติ ว่าอาจจะขัดรัฐธรรมนูญ เรื่องก็จะอาจจะเข้าสู่การพิจารณของศาลปกครองสูงสุด ซึ่ง กกต. ก็ไม่รู้ว่าศาลจะพิจารณาแล้วเสร็จเมื่อใด แต่การดำเนินการจัดทำประชามติของ กกต. มีเงื่อนระยะเวลาว่า จะต้องจัดทำประชามติ ไม่น้อยกว่า 90 วัน และไม่เกิน 120 วัน ดังนั้น กกต. จะสามารถหยุดหรือเดินหน้าจัดทำประชามติอย่างไร ถ้าหากจัดทำประชามติไม่เสร็จทันกรอบระยะใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ก็คงหนีไม่พ้น กกต. ทั้ง 5 คนอย่างแน่นอน “เพราะ พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติฯ มีปัญหาในเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. เมื่อมีปัญหาเช่นนี้ กกต.จะออกระเบียบได้อย่างไร ดังนั้น ควรเสนอให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติก่อน เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาตามมาภายหลัง และถ้าหากศาลพิจารณาการจัดประชามติเป็นโมฆะ กกต.ก็อาจจะถูกฟ้องได้ เรื่องนี้ นายภุชงค์ ได้รับทราบถึงปัญหาเป็นอย่างดี น่าจะนำประเด็นนี้ไปหารือกับคณะทำงานฯของรัฐบาลก่อน ขณะเดียวกัน กกต. ได้ให้คณะทำงานของ กกต. ไปศึกษาหาวิธีแก้ไขในการร่างระเบียบก่อน และจึงนำเสนอต่อที่ประชุมภายในสัปดาห์นี้” เมื่อถามว่าขณะนี้รัฐบาลพยายามบอกว่า กกต. ไม่สามารถจัดทำประชามติได้ เพื่อให้รัฐบาลสามารถเดินหน้าลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 วาระ 3 นางสดศรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่เกี่ยวกับ กกต. อย่าคิดในแง่ลบ เพราะรัฐบาลรู้ว่า กกต. เป็นผู้ดำเนินการจัดทำประชามติ ถ้าจะให้ กกต. ทำประชามติ ก็ต้องทำทุกอย่างถูกต้องและชัดเจนเสียก่อน นอกจากนี้ กกต. อาจจะเชิญนักวิชาการที่เคยร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติฯ มาร่วมหารือ เพื่อสอบถามว่าขณะที่ร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติฯ มีเจตนารมย์อย่างไร ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวเพียงสั้นๆ  ว่า การทำประชามติ หากรัฐบาลยืนยันให้ กกต. จัดทำประชามติ สามารถทำได้ แต่ต้องให้ถูกกฎหมาย เพราะเราเป็นผู้ปฏิบัติต้องเป็นผู้รับชอบ ทั้งนี้มองว่าการทำประชามติทำยาก ถ้าจะให้ประชาชนมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่ง ต้องมีการจูงใจ.

ทักษิณ ฟันธงปี56 ศึกการเมือง2ขั้วรู้ผลเด็ดขาด

ทักษิณ ฟันธงปี56 ศึกการเมือง2ขั้วรู้ผลเด็ดขาด
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำนายอนาคตการเมืองปี 2556 เชื่อศึก 2 ขั้วรู้ผลชัยชนะเด็ดขาด เชื่อหากคนชักใยในอดีตหยุดผลักไสทหารเข้ามายุ่งเกี่ยวการเมือง บ้านเมืองก็จะไม่เกิดความรุนแรงแน่นอน...“ทีมข่าวการเมือง” ได้ถือโอกาสการเปลี่ยนผ่านสู่ศักราชใหม่ เปิดหน้าสัมภาษณ์พิเศษบุคคลสำคัญทางการเมือง โดยจะคัดสรรบุคคลที่เป็นจิ๊กซอว์ “ชิ้นสำคัญ” ในสถานการณ์ทางการเมืองช่วงต่างๆ มาแง้มมิติทางความคิด มุมมองและตัวตน จากถ้อยคำการให้สัมภาษณ์ของบุคคลสำคัญชนิดเกาะติดกระแสบุคคลทางการเมืองคนแรกที่ “ทีมข่าวการเมือง” เลือกก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็น “ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมือง” 9 ปีที่อยู่แดนไกล จากวันนั้นถึงวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ขยับมุมคิดการมองประเทศไทย การเมืองไทยไปถึงไหน และอย่างไรในปี 2556 “ทักษิณ” ได้เปิดแนวคิดไว้กับทีมการเมืองว่า“เชื่อว่าการเมืองปีนี้จะเป็นปีแห่งการเมืองตกผลึก ขอพูดคำว่าตกผลึกทางการเมือง วันนี้ผมเชื่อว่าการชนะเด็ดขาดจะเกิดขึ้นระหว่างพรรคการเมืองที่ใช้ปัญญากับขั้วที่ใช้โวหาร ในเมื่อประชาชนแยกแยะได้แล้วสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและกับตัวเขาเอง อะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง ตรงนั้นจะเป็นการตกผลึก”ที่ผมเชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีตกผลึกเพราะการเมืองหลังจากปี 2554 ประชาชนเริ่มเห็นความแตกต่างของพรรคการเมืองว่า การเมืองที่ใช้ปัญญากับการเมืองที่ใช้แต่โวหาร และการเมืองที่ใช้แต่สตางค์ ไม่มีทั้งปัญญาและไม่มีทั้งโวหาร แน่นอนจะเป็นการต่อสู้กันระหว่างสองพรรคเหมือนเดิม เป็นการเมืองสองขั้ว ขั้วหนึ่งใช้ปัญญา อีกขั้วหนึ่งใช้แต่โวหาร ทำให้การต่อสู้ทางการเมืองทุกครั้งก็จะมีความรุนแรง เพราะฝ่ายหนึ่งใช้ความคิด อีกฝ่ายหนึ่งใช้โวหารก็จะสู้กันอย่างนี้ตลอดไป ประชาชนก็เริ่มคิดได้เรื่อยๆ ว่าอะไรเป็นอะไร ประชาชนที่หลงคำใส่ร้ายป้ายสีก็อาจจะหลงเชื่อไปบ้างไม่ว่าจะมีการกล่าวหาว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือผลักดันออก พ.ร.บ.ปรองดองเพื่อผม จะเกี่ยวข้องกับผมได้อย่างไร ทุกวันนี้ทุกอย่างที่คิดผมคิดให้บ้านเมืองหมด ผมอยู่เมืองนอกจนชินแล้ว เมื่อก่อนนี้คิดว่าอย่างไรเราต้องอยู่เมืองไทยเท่านั้นแต่วันนี้ถ้าเมืองไทยเป็นอย่างนี้ผมอยู่เมืองนอกได้ คิดว่าถ้ากลับไปแล้วทำให้บ้านเมืองดีขึ้นผมก็กลับ แต่ถ้ากลับไปแล้วจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกผมก็ไม่กลับ ไม่รู้จะกลับไปทำไม เพราะวันนี้ชีวิตมีสตางค์ มีบ้านอยู่หลายประเทศ มีเครื่องบินนั่ง จะไปวิตกอะไร ถือว่าทำให้ดีที่สุดแล้ว เราเกิดมาวันนี้พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะมีอะไร ดังนั้น เราต้องทำสิ่งที่ดีๆ ไว้ คิดแค่นั้นเองวันนี้ก็ปรับตัวที่จะอยู่เมืองนอกได้แล้ว ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไร ผมถือว่าผมรักบ้านเมือง รักพระเจ้าอยู่หัว มีอะไรที่คิดว่าเป็นประโยชน์ก็ทำไป แต่ก็ไม่ต้องร้อนใจว่าจะต้องกลับบ้าน “ฉะนั้น สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ก้าวไม่ข้ามผม เหมือนคิดจะฆ่าทศกัณฐ์ เพราะทศกัณฐ์ถอดหัวใจไว้ อย่างไรก็ไม่ตาย เล่นงานแต่ผมแล้วเป็นอะไร ก็ผมไม่ใช่นักการเมืองแล้ว ผมไม่ได้เป็น ส.ส. ไม่ได้เป็นอะไรเลย คุณเล่นงานผมแล้วมันได้อะไรขึ้นมา ก็ได้แค่สะใจ”ขณะที่โหวตวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ถ้าที่ประชุมรัฐสภาโหวตชนะก็ไม่เป็นที่พอใจของอีกฝ่าย ถ้าโหวตแพ้ก็ไม่เป็นที่พอใจของอีกหลายฝ่าย เพราะสังคมมีความขัดแย้ง จะเดินซ้ายก็มีปัญหา จะเดินขวาก็มีปัญหา ทางออกจากความขัดแย้งของรัฐบาลก็ต้องทำประชามติ ให้ประชาชนเป็นฝ่ายตัดสิน ซึ่งเป็นแนวคิดของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางปรองดองของประเทศ และไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ดังนั้น ปีนี้จะเป็นเรื่องของกระแสการทำประชามติ และปลดล็อกคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญส่วนการปฏิวัติรัฐประหาร ไม่เชื่อว่าจะทำได้ง่ายเหมือนในอดีต ไม่ได้บอกว่าไม่มี ถึงมีก็ไม่ราบรื่นเหมือนเมื่อก่อน วันนี้ผมได้พบผู้นำหลายประเทศ ทุกคนไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติรัฐประหาร โดยเฉพาะประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทั้งหลาย เพราะโอกาสที่หลายประเทศจะไม่รับรอง ไม่คบค้ารัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติมีมากขึ้นทุกวัน ดังนั้น ในปี 2556 จะเป็นปีตกผลึก แม้ประเทศไทยยังปกคลุมไปด้วยม็อบสารพันสี ก็ที่ผมบอกไว้ถ้าฝ่ายคุมความยุติธรรมวางตัวยุติธรรม จะต้องเดินอย่างตรงไปตรงมา ทหารไม่ให้ยุ่งกับการเมือง มันจะจบด้วยตัวมันเอง เพราะในที่สุดประชาชนจะเป็นคนคิดได้ ตัดสินใจได้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ถ้าหากไม่ตรงไปตรงมา แล้วทหารมายุ่งกับการเมืองปีนี้จะเป็นปีที่รุนแรงถ้าทหารไม่เข้ามายุ่งด้วยผมว่าอุบัติเหตุการเมืองเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะการเดินขบวน การแสดงความไม่พอใจต่างๆ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามกระบวนการประชาธิปไตย แต่ทุกครั้งที่มีปัญหาเพราะว่ามีคนไปผลักดันทหารเข้าไปอยู่ด้วย ก็เลยเกิดความรุนแรง“เชื่อว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่า การเข่นฆ่าประชาชนคนไทยด้วยกันเองเป็นสิ่งที่น่าละอาย เป็นสิ่งที่เลวร้าย เป็นสิ่งที่ชาวโลกสนใจ และศาลโลกก็สนใจ ฉะนั้น ไม่เป็นประโยชน์กับประเทศไทย ผมคิดว่ายังไม่มีอะไร บางคนว่าเดือน เม.ย.ปีนี้น่ากลัวมาก ดาวมฤตยูเล็งดวงเมือง ลัคนาเมืองต้องดาวอังคารอยู่ด้วย ผมก็ยังไม่เชื่อ ถ้าดูจากพัฒนาการทางการเมือง น่าจะเป็นปีที่การเมืองตกผลึก”การต่อสู้กันก็ยังมีแน่นอน เพราะว่าฝ่ายหนึ่งถูกดำเนินคดี อีกฝ่ายก็ถูกจองจำอยู่ จึงเป็นเรื่องที่แสวงหาความถูกต้อง ฉะนั้น ปีนี้ถ้าต้องการความรุนแรง ก็จะถูกกำหนดโดยฝ่ายที่ควบคุมความยุติธรรมทำให้เกิดความไม่ยุติธรรม แล้วใช้ทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง อันนี้รุนแรงแน่ แต่ถ้าฝ่ายที่คุมความยุติธรรมให้รักษาความยุติธรรมและเป็นกลางไว้ และฝ่ายทหารไม่มายุ่งกับการเมือง ผมเชื่อว่าการเมืองจะตกผลึกและจบในปีนี้ขณะที่ข้อหาใหญ่เรื่องความไม่จงรักภักดี เป็นการกล่าวหาทางการเมือง เป็นการหาเรื่อง คนที่กล่าวหาผมเชื่อว่าไม่ได้รักในหลวงมากกว่าผม เพราะผมเป็นผู้ที่ได้รับพระเมตตา ถือเป็นหนี้บุญคุณต่อเจ้านายทุกพระองค์มาก ได้รับพระราชทานพระเมตตามาหลายครั้งในชีวิต เป็นไปไม่ได้เลย สันดานผมเป็นคนมีความกตัญญู แม้กระทั่งคนทั่วไปชาวบ้านเคยทำอะไรให้ยังนึกถึงบุญคุณเขา นี่พระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระเมตตากับผม แล้วผมจะไม่กตัญญูได้อย่างไรถึงอย่างไรก็เชื่อว่าสิ่งที่เป็นของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุดของคนไทย คือ รัฐบาลจะแบ่งสรรอำนาจของประเทศโดยประชาชนมาตัดสินให้หน่อยว่าจะเอาอย่างไร จะเอาอย่างแช่แข็งประเทศหรือจะเอาความก้าวหน้าของประเทศ คนที่ชักใยทั้งหลายจะต้องเลิกชักใย ให้กลไกทุกอย่างทำงานด้วยตัวเอง ทุกอย่างก็จบผมเป็นคนใจกว้าง พร้อมที่จะคุยกับทุกฝ่าย ไม่ค่อยถือโทษโกรธแค้นกับใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราเป็นคนไทยด้วยกัน ผมถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมของใครก็รับไป คนเคยทำงานด้วยกันรู้จักกันจะมาคุยก็ไม่เป็นไร ไม่ขัดอยู่แล้วอยากบอกคนไทยว่าการเมืองยังมองในแง่ดีว่า น่าจะเป็นปีแห่งการตกผลึก ไม่น่าจะเกิดนองเลือด ไม่น่าจะเกิดความรุนแรง เพียงแต่ขอร้องว่าคนที่ชักใยในอดีตไม่ให้มีความยุติธรรมเกิดขึ้น ต้องหยุดคนที่ผลักไสไล่ส่งให้ทหารเข้ามายุ่งการเมืองก็ต้องหยุดเพราะรัฐบาลกำลังส่งเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ โครงการต่างๆ จะเริ่มดำเนินการเยอะมากในปีนี้ การลงทุนภาครัฐ การลงทุนต่างประเทศดี การท่องเที่ยวดี รัฐบาลเน้นเศรษฐกิจรากหญ้า เพื่อให้ขึ้นถึงข้างบน ปัญหาสังคมจะลดไปเยอะ เพราะวันนี้คนรู้ความจริงและเข้าใจอะไรมากขึ้นเสื้อแดงและเสื้อเหลืองก็จะเริ่มยุติลงแล้ว.ทีมข่าวการเมือง

กรณ์ อัดถอด เหนือเมฆ 2 แก้ต่างให้พวกพ้อง

กรณ์ อัดถอด เหนือเมฆ 2 แก้ต่างให้พวกพ้อง
กรณ์ จาติกวณิช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นเกี่ยวกับละครเหนือเมฆ 2 ชี้การปลดละครเป็นความพยายามในการแก้ต่างให้กับพวก แนะลดเรื่องพวก สังคมน่าอยู่...เมื่อวันที่ 6 ม.ค. มีรายงานว่า นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก www.facebook.com/KornChatikavanijDP แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับละครเหนือเมฆ 2 ในหัวข้อ ลดเรื่อง เล่นพวก โดยมีเนื้อหาใจความว่า 

มีคนถามว่าคิดอย่างไรกับเรื่อง เหนือเมฆ ผมอยากจะบอกว่า เรื่องนี้ทำให้เราได้เห็นความพยายามในการแก้ต่างให้กับพวกของตนแบบข้างๆ คูๆ โดยมากคนที่น่าจะคิดได้ดีกว่า โดยเฉพาะการปลดละครนั้น น่าจะขัดต่ออุดมการณ์ของทุกฝ่ายที่ยังมีอุดมการณ์อยู่ จึงทำให้เราเห็นว่าการแบ่งฝ่ายในสังคมเราตอนนี้เกินเลยการใช้เหตุผลและหลักของความถูกต้องไปเพียงใด การไม่ลืมหูลืมตาและจะเอาชนะกันอย่างเดียวอย่างนี้ไม่ดีแน่ครับ เอาละ ไม่อยากด่าพวกเดียวกันก็เงียบๆ ไว้ก็ได้ สังคมไทยเราวันนี้ไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรก็เพราะเราแทบทุกคนเน้นเรื่องการเล่นพวกกันเกินไป ลดเรื่องพวกสักนิด เพิ่มเรื่องของความถูกต้องกันบ้าง สังคมจะน่าอยู่ขึ้นเยอะ

อภิสิทธิ์ย้ำจุดยืนแก้ รธน.ห้ามแตะ 3 ปมสำคัญ

อภิสิทธิ์ย้ำจุดยืนแก้ รธน.ห้ามแตะ 3 ปมสำคัญ
อภิสิทธิ์ ยังย้ำจุดยืนเดิม หากรัฐบาลแก้รัฐธรรมนูญ ต้องไม่เกี่ยวข้องอำนาจสถานะสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่กระทบความอิสระของตุลาการ และล้างผิดให้ใคร ชี้เสื้อแดงเรียกร้องลงมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ควรพิจารณาให้รอบคอบ...เมื่อวันที่ 6 ม.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล จะหารือถึงการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ทางฝ่ายค้านยังย้ำในจุดยืนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้าแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ไปเกี่ยวข้องอำนาจสถานะสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่กระทบความอิสระของตุลาการ ไม่ไปล้างผิดให้ใครก็ไม่มีปัญหา แต่หากยังวนเวียนอยู่กับเรื่องพวกนี้จะใช้วิธีไหนก็เกิดความขัดแย้งขึ้น ส่วนที่คนเสื้อแดงเรียกร้องให้ลงมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 นั้น ก็ควรต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะศาลรัฐธรรมนูญให้ความเห็นเอาไว้แล้ว.

อภิสิทธิ์ ย้ำไม่เปลี่ยนตัว สุขุมพันธุ์ ลงชิงผู้ว่าฯ กทม.

อภิสิทธิ์ ย้ำไม่เปลี่ยนตัว สุขุมพันธุ์ ลงชิงผู้ว่าฯ กทม.
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันไม่เปลี่ยนตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. แม้ดีเอสไอจะแจ้งข้อกล่าวหาในคดีต่ออายุสัมปทานบีทีเอส เชื่อไม่กระทบรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง…เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 56 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะแจ้งข้อกล่าวหาในคดีต่ออายุสัมปทานบีทีเอสต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ที่พรรคส่งลงชิงตำแหน่งอีกสมัยว่า ยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จากการส่งลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ซึ่งในวันที่ 9 ม.ค.นี้ ทราบว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะไปรับการแจ้งข้อกล่าวหาและจากการพูดคุยกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ได้รับคำยืนยันว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าว เป็นเรื่องข้อกฎหมายที่ได้มีการสอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกาถึง 2 ครั้งแล้ว ดังนั้นผู้ว่าฯกทม.ท่านยืนยันว่าจะไปชี้แจงตามข้อเท็จจริง ซึ่งไม่คิดว่าจะมีผลต่อการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เพราะเชื่อว่าประชาชนคนกรุงเทพฯ คงดูออกถึงเจตนาในการดำเนินคดีเหล่านี้ใน ช่วงเวลานี้ ซึ่งแม้แต่ตนก็ยังถูกแจ้งเพิ่มเช่นกัน จึงไม่กังวลหรือวิตกใดๆ แต่หากจะห่วง ก็น่าจะห่วงดีเอสไอต่างหาก ที่มีคดีต่างๆ ย้อนกลับไปมาก ส่วนว่าจะฟ้องเมื่อไหร่นั้น ขณะนี้ยังมีหลายเรื่องและรอกำลังจังหวะเวลาที่เหมาะสม

Blog Archive