Saturday, April 27, 2013

เลขาฯ สมช.เผย 9 คีย์แมนย์ถกบีอาร์เอ็น 29 เม.ย.

เลขาฯ สมช.เผย 9 คีย์แมนย์ถกบีอาร์เอ็น 29 เม.ย.
พล.ท.ภราดร เปิด 9 รายชื่อโต๊ะเล็กถกบีอาร์เอ็น 29 เม.ย.นี้ ส่วนใหญ่เป็นทีมงานชุดเดิม มีหน้าใหม่เพียงตัวแทนจากทัพภาค 4 ขานรับนายกฯ ลุยบัญชาการคุมดับไฟใต้ด้วยตัวเอง เชื่องานไหลลื่น ปัดเกิดความขัดแย้งระหว่าง นายกฯ กับ เฉลิม...เมื่อวันที่ 27 เม.ย. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติภาพฝ่ายไทย กับคณะตัวแทนแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น ในวันที่ 29 เม.ย.นี้ เปิดเผยกับไทยรัฐออนไลน์ ว่า รายชื่อคณะที่จะเข้าร่วมเจรจา ชุด 9 คน ที่ขึ้นโต๊ะเจรจา ประกอบด้วย
ตน พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พล.อ.สำเร็จ ศรีหร่าย ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) พล.ต.นักรบ บุญบัวทอง รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 (รอง ผอ.ศปป.5) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) นายประมุข ลมุล ผู้ว่าฯ ปัตตานี นายศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ และนายอาซิส เบ็ญหาวัน ประธานสภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีตัวแทนจากกองทัพภาค ที่ได้มอบหมายให้ พล.ต.ชรินทร์ อมรแก้ว เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 เข้าร่วมด้วย“องค์คณะที่เข้าร่วมประชุม กรอบการเจรจาจะเน้นในเนื้อหาต่อเนื่องจากการประชุมเมื่อคราวที่แล้ว ที่ได้ตกผลึกร่วมกันมีจำนวน 15 คนเช่นเดิม โดยจะมี 9 คนเท่านั้นที่จะอยู่ร่วมในวงเจรจา ทั้งนี้ ในจำนวน 9 คน ส่วนใหญ่ยังเป็นตัวแทน หลักจากภาคส่วนเดิมที่พูดคุยเมื่อครั้งที่ผ่านมา แต่จะเพิ่มเติมขึ้นมา 1 คน คือ ในส่วนของตัวแทนกองทัพภาคที่ 4 เพราะเป็นคนที่รับผิดชอบในพื้นที่ในด้านความมั่นคง โดยคณะตัวแทนฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบกลุ่มบีอาร์เอ็น มี 1 คน และตัวแทนจากกลุ่มพูโล 5 คน รวม 6 คน” พล.ท.ภราดร กล่าวเมื่อถามว่ากรอบการเจรจาในครั้งนี้เน้นอะไรเป็นพิเศษ เลขาฯ สมช. กล่าวว่า จะต้องเน้นย้ำในเรื่องการลดเหตุความรุนแรง สถานการณ์ 1 เดือนที่ผ่านมา มีสภาพเป็นเช่นไร เพราะจากการพูดคุยครั้งก่อน เกิดเหตุต่างๆ ก็นำว่าพูดกันว่าจะต้องมาตื่นสภาพกันอย่างไร เกิดจากอะไร จากขบวนการของเขา หรือขบวนการอื่น หรือภัยแทรกซ้อน จะได้มาหารือพูดคุยกันเพื่อจะได้ข้อเท็จจริง และแสวงหาทางออก อย่างไรก็ตาม การพูดคุยครั้งนี้ไม่ได้เป็นครั้งสุดท้าย แต่เมื่อเกิดผลดีจะต้องมีวิวัฒนาการต่อยอดออกไป เพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจกัน เราจะต้องค่อยๆ คุย ยิ่งเมื่อเกิดความไว้วางใจกันมากเท่าไหร่ ก็จะเริ่มปรากฏข้อเท็จจริงมากขึ้นในปัญหาเลขาฯ สมช. กล่าวอีกว่า การพูดคุยนั้น ทางเราประสงค์จะพูดคุยกับทุกกลุ่ม แต่เมื่อขบวนการบีอาร์เอ็นเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด จะต้องพูดคุยก่อน เพราะปัญหาแต่ละกลุ่ม แต่ละพวกไม่เหมือนกัน จะต้องรับฟังแต่ละปัญหา แล้วมาบูรณาการจัดให้ตรงกันว่าอันไหนไปได้ อันไหนไปไม่ได้ จะได้หาทางออกร่วมกันพร้อมกันนี้ พล.ท.ภราดร ยังกล่าวถึงคำถามการเจรจาครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเชื่อมโยงไปถึงความพยายามรื้อฟื้นเหตุ 9 ปีกรือเซะ ด้วยหรือไม่ ว่า จะต้องดูผลจากวันที่ 28 เม.ย. 2556 แต่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์กรือเซะ ส่วนใหญ่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ไม่ประสงค์ที่จะนำกลับมากล่าวกันแล้ว ภาครัฐเองก็จะไม่พูดถึงเหตุการณ์ที่จะต้องมาเจ็บปวดร่วมกัน ส่วนเหตุการณ์ความไม้สงบเมื่อช่วงเช้าวันที่ 27 เม.ย. 2556 ใน จ.ปัตตานี ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะทุกครั้งเมื่อครบรอบก็มีเหตุเฝ้าระวังตามเดิม ขณะเดียวกัน พยายามไม่พูดถึงเหตุการณ์ไม่ดีในอดีตถามต่อว่าผู้ที่พยายามสร้างเหตุการณ์ มักอ้างอิงจดจำภาพอดีตของเหตุการณ์กรือเซะมาเป็นตัวก่อเหตุ ทางกองทัพและ สมช.ให้ราคาอย่างไร เลขาฯ สมช. กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะพูด ดังนั้น กองทัพและฝ่ายรัฐไม่ได้ให้ราคาอะไรอยู่แล้ว แต่จ้องมองอนาคตไปข้างหน้าร่วมกันเพื่อหาทางแก้ไข เพื่อให้สถานที่แห่งนี้เป็นประวัติศาสตร์ที่สวยงามมากกว่า และเดินไปตรงนั้น ส่วนการทำความเข้าใจกับผู้เห็นต่างคงยาก เพราะต้องการหยิบยกไปเป็นปัญหาเพื่อกระตุกฝ่ายจัดการ หรือรัฐ เป็นเรื่องของเขา แต่เราฟังเสียงจากประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก ที่ควรจะเดินไปข้างหน้าเพื่อหาหนทางที่ดีนอกจากนี้ พล.ท.ภราดร ได้กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะรอง ผอ.รมน. ระบุ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้ลงมากำกับดูแลงานการแก้ปัญหาภาคใต้ทั้งหมด ว่า โครงสร้างชัดเจนอยู่แล้วที่นายกฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะเป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายยุทธศาสตร์และแก้ไขปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กปต.) โดยมีศูนย์อำนวยการปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) เป็นฝ่ายอำนวยการให้ จึงต้องเป็นความรับผิดชอบที่ท่านจะลงมากำชับ และน้ำหนักของท่านจะเน้นให้ผู้ที่อยู่กองหลังคือ กระทรวง ทบวง กรม 66 หน่วยงานไปสนับสนุนข้างหน้า ส่วน ศปก.กปต.ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ที่กำกับดูแล ก็จะเร่งงานข้างหน้าเป็นหลัก ซึ่งในเรื่องดังกล่าวก็มีผู้พยายามโยง หรือปล่อยข่าวว่าเกิดความขัดแย้งระหว่างนายกฯ กับ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งจริงๆ ไม่มีอะไร“มีความเชื่อมั่นว่า เมื่อนายกฯ ลงมากำกับดูแลเอง งานจะเกิดประสิทธิภาพ และขับเคลื่อนไปได้เร็ว เพราะกองหลังที่เกี่ยวข้องจะได้เคลื่อนตัวได้เร็ว และมีการบูรณาการได้เร็ว เพราะสำนักงบประมาณ สภาพัฒน์ก็ลงมาช่วยของแผนงานการพัฒนาจากพื้นฐาน ในพื้นที่ ศอ.บต. สภาความมั่นคง กอ.รมน. ก็ว่ากันได้เต็มที่ ส่วนราชการอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในมิติโครงสร้างเหล่านี้ ก็สนับสนุนการดำเนินงานก็ไปได้ง่าย เมื่อนายกฯ มากำกับดูแลแผนงานต่างๆ ก็มีความรวดเร็วและตื่นตัว เพราะมีการประเมินทุกสัปดาห์” พล.ท.ภราดร กล่าวอย่างไรก็ตาม พล.ท.ภราดร ยังได้กล่าวถึงกรณีแผนงานที่ กอ.รมน.ได้ออกมาย้ำหลักการทำงานแบ่งพื้นที่จังหวัดชานแดนภาคใต้เป็น 3 ประเภท คือ สร้างความมั่นคง เร่งรัดการพัฒนา และเสริมสร้างการศึกษา ว่า การแบ่งพื้นที่จะได้เห็นสภาพข้อเท็จจริงและโครงการที่ลงไปก็จะเหมาะสม และการทำงานจะง่าย เห็นผลได้เร็วขึ้น ซึ่งการแบ่งพื้นที่สืบเนื่องจากที่นายกฯ นั่งประชุมหน่วยงานความมั่นคงคราวที่แล้ว ที่ได้พิจารณาร่วมกันของทุกหน่วย ทั้ง กอ.รมน. สมช. ศอ.บต. กองทัพบก แล้วมาตกผลึกร่วมกันตรงกันจึงมีการกำหนด และงบประมาณที่ลงไปก็จะเข้มข้นแต่ละแบบ.

นายกฯปู บินมองโกเลียร่วมประชุมประชาคมประชาธิปไตย

นายกฯปู บินมองโกเลียร่วมประชุมประชาคมประชาธิปไตย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรี บินเยือนมองโกเลีย เข้าร่วมการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ระหว่างวันที่ 27-29 เม.ย.นี้...เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯและ รมว.ต่างประทศ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางด้วยเที่ยวบินพิเศษ ที่ TG 8880 ไปยังกรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย เพื่อเยือนประเทศมองโกเลียอย่างเป็นทางการนอกจากนี้ จะได้เข้าร่วมการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ระหว่างวันที่ 27-29 เม.ย. โดยนายกฯ และคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติเจงกิสข่าน กรุงอูลานบาตอร์ ในเวลา 17.30 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) จากนั้นเดินทางต่อไปยังกระโจมแบบมองโกเลีย (เกอร์/Ger) เพื่อรับประทานอาหารค่ำแบบพื้นเมือง พร้อมชมการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมแบบมองโกเลีย ทั้งนี้ ถือเป็นการเยือนครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีไทย. 

ประธานวุฒิสภาเตือนศาล รธน.อย่าใช้อารมณ์ตัดสิน

ประธานวุฒิสภาเตือนศาล รธน.อย่าใช้อารมณ์ตัดสิน
นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เตือนศาลรธน.อย่าใช้อารมณ์ตัดสิน ชี้ส.ส.เพื่อไทยเตรียมเดินหน้าถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้นสามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 ... เมื่อวันที่ 27 เม.ย. นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทยรวบรวมรายชื่อเพื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างมาก ที่มีมติรับคำร้องนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ว่า ถือเป็นสิทธิของส.ส.ที่จะดำเนินการได้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 แต่ต้องใช้เสียงถอดถอนจาก ส.ว. 3 ใน 5 หรือ 90 เสียงขึ้นไป อย่างไรก็ตามในส่วนของส.ว.ไม่มีใครร่วมเข้าชื่อด้วย เพราะส.ว.จะเข้าชื่อถอดถอนได้เฉพาะกับ ส.ว.ด้วยกันเอง และอำนาจถอดถอนของ ส.ว.ก็มีอยู่แล้วเมื่อถามว่าจะยิ่งทำให้เกิดปัญหาระหว่าง 2 สถาบันมากขึ้นหรือไม่ นายนิคมตอบว่า เป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ เมื่อถามย้ำว่าจะทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญสะดุดหรือไม่ นายนิคมตอบว่า คิดว่าไม่เกี่ยวกัน กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กับการยื่นคำร้องขอถอดถอนตุลาการฯ ต้องแยกจากกัน อย่านำมารวมกัน ทุกอย่างอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ต้องใช้ดุลพินิจพิจารณาด้วยเหตุด้วยผล ตามหลักกฎหมาย อย่าใช้อารมณ์ความรู้สึกมาตัดสิน ด้านนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี แกนนำส.ว.ผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา กล่าวว่า ไม่มี ส.ว.ร่วมเขาชื่อถอดถอน ให้ส.ส.เขาว่ากันไป ยังไม่มีใครมาหารือกับเรา ส.ว.แค่ร่วมลงชื่อไม่รับขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น เป็นการทำในนามองค์กรต่อองค์กร ที่สามารถโต้แย้งอำนาจระหว่างกันได้ เพียงแต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครทำ แต่ยืนยันว่าเราสามารถโต้แย้งได้ตามกฎหมาย ส่วนที่มองว่าอาจเกิดปัญหาขัดแย้งระหว่าง 2 องค์กรนั้น ก็ว่ากันไปตามกระบวนการ ตนถึงพยายามดึงให้ฝ่ายรัฐบาลหันมาแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา อย่าไปดึงดันลงมติวาระ 3 ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 จะได้ไม่เกิดปัญหา ซึ่งเขาก็ยอมแล้ว แต่มาถูกเบรกอีกทั้งที่รู้อยู่ว่าเราพยายามหาทางออกให้แล้ว มันจึงเสียความรู้สึก และคนในสังคมเขาก็ข้องใจกับท่าทีของตุลาการฯเสียงข้างมาก ดังนั้นเราจำเป็นต้องโต้แย้งเพื่อแสดงให้เห็นถึงการคานอำนาจซึ่งกันและกัน.

Wednesday, April 24, 2013

โภคินยัน แก้ม.68 แค่ปรับให้ชัด ปูทางสอบองค์กรอิสระ

โภคินยัน แก้ม.68 แค่ปรับให้ชัด ปูทางสอบองค์กรอิสระ
“โภคิน พลกุล ”ยัน แก้ รธน.ม.68 แค่ปรับให้ชัด เหตุไม่มีช่องทางตรวจสอบองค์กรอิสระ  ด้าน “บวร” แนะ กำหนดกรอบเวลาให้ อสส. ดูคำร้อง เพราะที่ผ่านมาล่าช้า จนต้องไปร้องตรง ศาล รธน.  วันที่ 24 เม.ย. ที่ห้อง 219 อาคารรัฐสภา 2 มีการประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 68 และ มาตรา 237 ที่มี นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี เป็นประธาน โดยในวันนี้ มีการเชิญผู้ร้อง อาทิ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา นายบวร ยสินธร ราษฎรอาสา และฝ่ายผู้ถูกร้อง อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี นายโภคิน พลกุล ปรึกษานายกรัฐมนตรี และนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เข้าชี้แจง กรณีมีการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 โดยนายโภคิน ชี้แจงว่า มาตรา 68 เรื่องการให้ประชาชน ใช้สิทธิ์ยื่นเรื่องร้องเรียน โดยที่ไม่ผ่านอัยการสูงสุด เพียงช่องทางเดียวนั้น จะทำให้เกิดปัญหา เพราะหากอัยการสูงสุด พิจารณาว่า ไม่มีมูล แต่ศาลรัฐธรรมนูญ กลับวินิจฉัยว่ามีมูลนั้น หรือ มีการวินิจฉัยที่กลับกัน ตนขอถามว่า จะมีผลผูกพันต่อความเห็นของ อัยการสูงสุด หรือไม่ และมองว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา68 เป็นการแก้ไขให้เกิดความชัดเจน เพราะหากให้ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้รับเรื่องโดยตรง แล้วมีผู้เห็นว่า ศาลดำเนินการเข้าข่ายล้มล้างการปกครองเช่นกัน ก็จะทำให้ประชาชน ไม่มีช่องทางการยื่นเรื่องร้องเรียน  ซึ่งตนมองว่า ขณะนี้ไม่มีช่องทางใด จะใช้ตรวจสอบองค์กรอิสระ ด้าน พล.อ.สมเจตน์ ชี้แจงว่า การที่ตนยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ใช่ประเด็นจะอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่เป็นประเด็น ที่ตนมีความระแวงว่า จะมีการล้มล้างการปกครอง ซึ่งข้อเท็จจริง จะเป็นแบบนี้หรือไม่ ก็ไม่ทราบ แต่ระยะเวลาขณะนี้ ยังไม่สมควรแก้รัฐธรรมนูญ เพราะควรสร้างความเข้าใจและให้ความรู้ต่อสังคมให้เกิดความเชื่อใจกันก่อน ด้าน นายบวร กล่าวว่า การที่ตนต้องยื่นเรื่องศาลรัฐธรรมนูญนั้น เนื่องจากตนได้ยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุดแล้ว แต่กลับดำเนินการล่าช้า ไม่มีคำตอบ ให้กับตน จึงทำให้ต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอัยการสูงสุด คือ ปัญหา จึงควรแก้ไขที่จุดนี้ โดยเสนอให้มีการกำหนดกรอบเวลาการพิจารณา คำร้องของอัยการสูงสุด และเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ก็อย่าตัดสิทธิ์ประชาชน ที่จะยื่นเรื่อง โดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ.

ไม่มีคนรับ รัฐสภาตีกลับหนังสือแจงปมแก้รธน.

ไม่มีคนรับ รัฐสภาตีกลับหนังสือแจงปมแก้รธน.
โฆษกศาลเผยรัฐสภาตีกลับหนังสือแจงปมแก้รธน. เหตุไม่มีสส.-สว.มารับ ระบุขึ้นอยู่กับ ตุลาการตัดสินใจ ด้าน วสันต์ลั่นไม่สนแดงชุมนุมกดดันหน้าศาล พบมี จนท.บันทึกภาพ-เสียงม็อบนายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 เม.ย.56 ทางสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการวุฒิสภา กรณีที่ทางสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้มีหนังสือลงวันที่ 11 เม.ย. แจ้งให้ ส.ส. และ ส.ว. 312 คน เป็นผู้ถูกร้องคดีนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งระงับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และมาตรา 237 ได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากลับมายังศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับหนังสือ โดยสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักเลขาธิการวุฒิสภา ได้แจ้งให้ส.ส.-ส.ว. ทั้ง 312 คน มารับหนังสือของศาลรัฐธรรมนูญที่หน้าห้องประชุมรัฐสภาในการประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่มีส.ส.และส.ว. มารับหนังสือดังกล่าวประกอบกับขณะนี้เป็นช่วงปิดสมัยประชุมทางสำนักงาน เลขาธิการฯ จึงไม่อาจนำส่งเอกสารของศาลรัฐธรรมนูญให้กับสมาชิกรัฐสภาได้ โดยได้ส่งหนังสือดังกล่าวกลับมาให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการจัดส่งให้ กับผู้ถูกร้องเอง ซึ่งกำลังทำบันทึกแจ้งต่อประธานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร หรือจะนำเข้าหารือในการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่าผู้ถูกร้องพยายามจะไม่รับหนังสือแจ้งจากศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อจะได้ไม่ต้องจัดทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา นายพิมล กล่าวว่า ข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ.2550 ข้อ 31 ระบุว่า การส่งคำร้อง ประกาศ หรือเอกสารอื่นใด ให้ส่งแก่คู่กรณีหรือผู้เกี่ยวข้อง ณ ภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่ปกติ หรือสถานที่ติดต่อแห่งใดแห่งหนึ่งตามที่คู่กรณีหรือผู้เกี่ยวข้องได้แจ้งไว้ ในกรณีไม่อาจดำเนินการได้ให้ ศาลมีอำนาจสั่งให้นำเอกสารดังกล่าว ปิดไว้ ณ ที่ทำการศาล หรือสถานที่ที่คู่กรณีแจ้งไว้ หรือให้ประกาศโดยวิธีอื่นใดตามที่ศาลเห็นสมควร และการปิดหรือการประกาศดังกล่าว ให้ถือว่าได้มีการส่งเอกสารโดยชอบแล้วนับแต่วันปิดหรือประกาศแล้ว ขณะที่ข้อ 29 ก็ระบุว่า กรณีผู้ถูกร้องไม่ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 นับแต่วันรับสำเนาคำร้อง หรือภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด หรือไม่มารับสำเนาคำร้องภายในกำหนดเวลา ให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับประธานศาลรัฐธรรมนูญและคณะตุลาการว่าจะพิจารณาดำเนิน การตามข้อกำหนดข้อใดด้านนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีกลุ่มแดงที่ชุมนุมหน้าศาลรัฐธรรมนูญว่า ส่วนตัวก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร เพราะคิดว่าน่าจะเป็นคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวมากกว่า เป็นแบบเดียวกับนางกรองทอง ทนทาน หรือ ดีเจป้อม อุดรธานี ที่ครั้งก่อนชุมนุมหน้ารัฐสภา ก็ด่าตนเสียหาย ตนก็ฟ้องศาลอาญาใน 4 ข้อหา ในฐานดูหมิ่นศาล ดูหมิ่นเจ้าพนักงานด้วยการโฆษณา โดยใช้ทนายจากสำนักงานทนายของพรรคเพื่อไทย คือสำนักงานทนายนิติทัศน์ศรีนนท์ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีมูลประทับรับฟ้องนางกรองทองก็ยื่นขอประนีประนอม จะขอขมา ศาลสั่งเลื่อนไปพิจารณาในวันที่ 27 พ.ค.นี้ ซึ่งตนก็ยังไมได้ตัดสินใจว่าจะรับคำขอขมาหรือเปล่า ดังนั้นที่ชุมนุมกันหน้าสำนักงานอยู่ขณะนี้ก็กำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับตั้งแต่กลุ่มคนเสื้อแดงมาชุมนุมที่หน้าสำนักงานเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ทางสำนักงานก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการบันทึกภาพ บันทึกเสียงการปราศรัยโจมตีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไว้ทั้งหมด และกำลังอยู่ในการระหว่างการพิจารณารวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปสู่การฟ้องร้อง ดำเนินคดี อย่างไรก็ตามในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 2 ก็ได้มีการประสานไปยังผู้บริหารสำนักงานว่าจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไป ดูแลความปลอดภัยให้กับตุลาการแต่ละคน ทางสำนักงานก็ให้เป็นการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ในขณะนี้การดูแลความปลอดภัยของตุลาการฯยังคงเป็นไปตามปกติ

บิ๊กตู่ยันเขมรขอโทษแล้วเหตุยิงปืนชายแดน

บิ๊กตู่ยันเขมรขอโทษแล้วเหตุยิงปืนชายแดน
พล.อ.ประยุทธ์ เผยทหารกัมพูชาขอโทษแล้ว เหตุกำลังพลเมาขาดวินัย ยิงปืนชายแดนดึกที่ผ่านมา ขณะย้ำมีคำสั่งห้ามใช้ GT200 ในพื้นที่ภาคใต้นานแล้ว ใครฝ่าฝืนต้องถูกลงโทษ พร้อมระบุไม่มีทุจริตแน่นอน...ที่กองการบินขนส่งทหารบก เมื่อเวลา 07.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เตรียมเดินทางลงพื้นที่ จ.ปัตตานี พร้อม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อรับฟังความคืบหน้าการแก้ปัญหาในพื้นที่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทาง โดยได้แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ช่วงครบรอบ 9 ปี เหตุการณ์ กรือเซะ ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามถึงการเจรจากับตัวแทนจากกลุ่ม BRN ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 เม.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การพูดคุยกับกลุ่มดังกล่าวยังเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ส่วนกรณีเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด GT200 ยืนยันว่าไม่มีการทุจริตใดๆ แต่ในพื้นที่ภาคใต้ไม่มีการนำมาใช้นานแล้ว นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่เกิดเสียงปืนดังขึ้นกว่า 30 นัดที่ชายแดน ทางทิศตะวันตกของ ช่องโดนเอาว์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ คืนที่ผ่านมา (24 เม.ย.) ว่า รับทราบเบื้องต้นว่ามีการติดต่อขออภัยในเรื่องดังกล่าวจากทางกัมพูชาแล้ว โดยเข้าใจว่ามีการเมาสุราเกิดขึ้น ส่วนทางการไทยไม่มีการตอบโต้ใดๆอย่างไรก็ตาม รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คืนที่ผ่านมา เวลา 20.25 น. เกิดเสียงปืนดังขึ้นยาวนานต่อเนื่องกว่า 30 นัดที่บริเวณช่องโดนเอาว์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ติดกับพื้นที่ปัญหาเขาพระวิหาร โดยหลังจากมีเสียงปืนดังขึ้น ทหารฝ่ายไทย สังกัดกองพลทหารราบที่ 13 ที่ประจำในพื้นที่ตรงข้ามกับฐานทหารเขมร ได้รับคำสั่งให้อยู่ในที่ตั้งโดยไม่ต้องยิงตอบโต้ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีคำสั่งให้เฝ้าระวังการสร้างสถานการณ์อยู่แล้ว อีกทั้งเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดจากทหารนอกแถวฝ่ายกัมพูชา หรือพวกที่ขาดวินัย ทหารไทยจึงนิ่ง และเฝ้าสังเกตการณ์เพียงเท่านั้นขณะที่มีรายงานว่า พ.อ.ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ 1 (ผบ.ฉก.๑) กองกำลังสุรนารี ได้สั่งทหารไทยนิ่ง รอดู ไม่ต้องยิงโต้ตอบ แต่มีการประสานวิทยุถาม ผบ.หน่วยทหารเขมร ไปว่าเกิดอะไรขึ้น โดย ร้อยเอก ดิ วอน ผบ.ฐานทหารกัมพูชา ผบ.ฐานทหารกัมพูชา ได้ให้คำตอบว่า ทหารเขมรเมาเหล้า เลยเสียวินัย ยิงปืน จนต้องช่วยกันจับกุมตัวเอาลงไปจากแนว พร้อมขอโทษฝ่ายไทย และรับปากจะดูแลไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก.

Tuesday, April 23, 2013

โฆษกศาลรธน.ไม่กังวล เสื้อแดง ขู่ปิดที่ทำการ

โฆษกศาลรธน.ไม่กังวล เสื้อแดง ขู่ปิดที่ทำการ
โฆษกสำนักงานศาล รธน. เผย กลต.รธน.ยังไม่พิจารณาคำร้องขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวแก้ ม.68 ขัดรธน.ของ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม พรุ่งนี้ เหตุยังไม่มีวาระการประชุม ยัน ไม่กังวลกลุ่มเสื้อแดง ขู่ ปิดศาลพรุ่งนี้วันที่ 23 เม.ย. 2556 นายกมล โสตถิโภคา โฆษกสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยถึง กรณีคำร้องของ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา ที่ร้องว่า การแก้ไขมาตรา 68 ขัดรัฐธรรมนูญ และขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเป็นกรณีฉุกเฉิน ว่า คณะตุลาการ ยังไม่มีการประชุมเพื่อพิจารณาในคำร้องดังกล่าว ประกอบกับยังไม่มีการบรรจุเรื่องนี้ในวาระการประชุมตุลาการ เพราะยังไม่การประชุมในวันพรุ่งนี้ (24 เม.ย.)ส่วน กรณี ส.ส.เพื่อไทยและ ส.ว. 312 คน ที่ลงชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะส่งหนังสือไม่ยอมรับอำนาจการพิจารณาของศาลนั้น นายกมล เชื่อว่า เรื่องนี้ทางตุลาการคงต้องรอดูหนังสือเปิดผนึกดังกล่าวก่อน ว่ามีความต้องการ และวัตถุประสงค์อย่างไร แล้วจึงจะมาพิจารณาในภายหลัง อย่างไรก็ตาม โฆษกศาลรัฐธรรมนูญ ไม่กังวลกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง หน้าศาล เพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความเรียบร้อย ส่วนการที่ผู้ชุมนุมขู่จะปิดศาลในวันพรุ่งนี้ หากศาลไม่ทำตามข้อเรียกร้อง นั้น ตนมองว่า เป็นเพียงการแสดงในเชิงสัญลักษณ์ที่ต่างคนต่างแสดงความเห็นที่แตกต่างกันแหล่งข่าวเปิดเผยว่า ในช่วงวันนี้  23 เม.ย. ตุลาการ ได้มีการพุดคุยกันถึงกรณีที่ ส.ส.เพื่อไทย และ ส.ว.จะยื่นแถลงการณ์ ไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญว่า ทางศาลรัฐธรรมนูญ คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกมาชี้แจง ให้ประชาชนเข้าใจ การทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะตามที่ ส.ส.และ ส.ว.ไม่รับอำนาจศาล และจะไม่ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในดคีแก้ไข รัฐธรรมนูญมาตรา 68 นั้น น่าจะไม่เป็นผลดี กับผู้ถูกร้องมากกว่า โดยได้มีการยกกรณี ที่มีการฟ้องคดีในศาลแพ่งแล้ว จำเลยไม่โต้แย้ง ว่า ศาลก็ยังเดินหน้าพิจารณาคดี และไม่ต้องออกมาชี้แจงถึงเหตุผลว่าทำไมศาลพิจารณาโดยไม่มีคำชี้แจงของอีกฝ่าย ทั้งนี้ ในการพูดคุย มีความเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามอำนาจของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย การที่ ส.ส.และ ส.ว.จะไม่รับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ก็ไม่รู้ว่า เป็นการอ้างบทบัญญัติข้อใด ในรัฐธรรมนูญ เพราะหากที่สุดแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยออกไป รัฐธรรมนูญก็บัญญัติให้ผูกพันทุกองค์กร ซึ่งรวมทั้งรัฐสภาต้องปฏิบัติตาม.

ครม.ไฟเขียว ต่อยอดประหยัดพลังงาน-ปรับถนนเบตง-ยะลา

ครม.ไฟเขียว ต่อยอดประหยัดพลังงาน-ปรับถนนเบตง-ยะลา
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายกฯ สั่ง ต่อยอดประหยัดพลังงาน ไฟเขียว คค.ปรับถนน เบตง-ยะลา พร้อมขอบคุณ ทีมงานพระวิหารวันที่ 23 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าในการประชุม ครม.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดูแลความเรียบร้อย และมาตรการประหยัดพลังงานในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงพลังงานและรัฐบาลได้ร่วมมือทำให้ผ่านวิกฤติมาได้ โดยนายกฯ อยากให้ทุกฝ่ายช่วยประหยัดพลังงานต่อไป ไม่ใช่แค่ช่วงที่เกิดวิกฤติพลังงานในประเทศเท่านั้น รวมถึงการรณรงค์การใส่ผ้าไทยนพ.ทศพร กล่าวอีกว่า ในการประชุม ครม.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เร่งรัดการทำงานทุกกระทรวงในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยระดับนโยบายให้ดำเนินการผ่านศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย ยุทธศาสตร์และแก้ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) เพื่อให้ทุกเรื่องลงไปในพื้นที่อย่างแท้จริง และมอบให้กระทรวงคมนาคมทำการปรับปรุงเส้นทางสายเบตง-ยะลา ที่พบว่ามีการก่อเหตุหลายครั้งอย่างไรก็ตาม  นพ.ทศพร ยังเปิดเผย อีกว่า นายกฯ กล่าวแสดงความขอบคุณรัฐมนตรีทุกคนที่ได้ช่วยกันทำงานมาตลอดในการแถลงด้วยวาจาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ในคดีปราสาทพระวิหาร รวมถึงคณะดำเนินการต่อสู้คดีประเทศกัมพูชายื่นร้องต่อศาลโลก เพื่อให้ตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษากฎหมายระหว่างประเทศ.

โพลเอแบค ชี้ 61.7% เชื่อ ไทยมีความพร้อม รับประชาคมอาเซียน

โพลเอแบค ชี้ 61.7% เชื่อ ไทยมีความพร้อม รับประชาคมอาเซียน
โพลเอแบค ชี้ 61.7% เชื่อไทยมีความพร้อมเปิดรับประชาคมอาเซียน ขณะที่ 24.8% ให้ความสำคัญพัฒนาการศึกษา ส่วน “สิงคโปร์” ประเทศที่มีความพร้อมมากที่สุดวันที่ 24 เม.ย. นางสาวปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์วิจัยด้านนโยบายสาธารณะเพื่อกิจการอาเซียน สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่องความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนในสายตาชาวกรุง กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,525 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15-23 เมษายน 2556 ที่ผ่านมาจากการสำรวจพบว่ากลุ่มตัวอย่างเกือบสองในสามหรือร้อยละ 61.7 ระบุ คนไทยมีความพร้อมต่อการรับมือกับการเปิดประชาคมอาเซียน ส่วนร้อยละ 33.4 ระบุว่ายังไม่พร้อม นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนมากหรือร้อยละ 80.3 ระบุว่า ผู้นำประเทศควรให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเมื่อสอบถามเพิ่มเติมถึงสิ่งที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุดต่อการเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนพบว่า ห้าอันดับแรกของสิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือ อันดับหนึ่งหรือร้อยละ 24.8 ได้แก่ การพัฒนาระบบการศึกษาให้มีคุณภาพและมาตรฐานให้เท่าเทียมกันทั้งประเทศ อันดับสองหรือร้อยละ 23.6 ได้แก่ ภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาอังกฤษ อันดับสามหรือร้อยละ 18.2 ได้แก่การส่งเสริมวิชาชีพชำนาญการและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน อันดับสี่หรือร้อยละ 14.4 ได้แก่ การพัฒนาเศรษฐกิจและการส่งเสริมการลงทุน และอันดับห้าหรือร้อยละ 7.6 ได้แก่ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตามลำดับที่น่าสนใจคือสามอันดับแรกของประเทศในอาเซียนที่มีความพร้อมและศักยภาพมาก ที่สุดในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในสายตาของกลุ่มตัวอย่าง สามอันดับแรกได้แก่ อันดับหนึ่งหรือร้อยละ 34.5 ระบุสิงคโปร์ อันดับสองหรือร้อยละ 25.7 ระบุไทย และอันดับสามหรือร้อยละ 9.8 ระบุมาเลเซีย ตามลำดับนางสาวปุณฑรีก์ ผช.ผอ. กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีที่ประชาชนเล็งเห็นถึงการให้ความสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมของทั้งประชาชนและประเทศ โดยภาพรวมในการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ดังนั้น รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาและยกระดับประเทศอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ ความสามารถ และศักยภาพ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษาและการประกอบอาชีพให้ทัดเทียมประเทศอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตชนบท ถิ่นทุรกันดารซึ่งที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าการพัฒนาจะถูกมุ่งเน้นไปที่บริเวณชุมชนเมือง นอกจากนี้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวให้เข้าสู่สังคมนานาชาติ ควรให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการส่งเสริมและการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมอันดีงามของไทยให้กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กและเยาวชน อย่างไร ก็ตามสิ่งที่สำคัญคือผู้ใหญ่ของประเทศก็ควรเป็นตัวอย่างที่ดี ใช้เหตุและผลในการบริหารประเทศเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของตนเอง และพวกพ้อง

Monday, April 22, 2013

มาร์คดักทางโภคินจ่อออกแถลงการณ์ ต้านอำนาจศาล รธน.

มาร์คดักทางโภคินจ่อออกแถลงการณ์ ต้านอำนาจศาล รธน.
อภิสิทธิ์ ดักทาง โภคิน จ่อออกแถลงการณ์ต้านอำนาจ ศาล รธน. ตอกย้ำ “ทักษิณ” ยกปัญหาตัวเองขึ้นเป็นปัญหาชาติ รับ ตอบยาก ใกล้ยุบสภาฯ หากเป็นจริงก็ทำเพื่อ นายใหญ่วันที่ 22 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงกรณีที่ นายโภคิน พลกุล ประธานคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมมาตรา 291 จะออกจดหมายเปิดผนึก ค้านอำนาจศาลรัฐธรรมนูญที่รับคำร้อง เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า ทุกคนมีขอบเขตอำนาจหน้าที่ของตนเอง ศาลรัฐธรรมนูญก็มีหน้าที่เฉพาะในการดูแลพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ซึ่งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่มีผู้ไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีการยกคำร้องไปแล้ว ซึ่งในครั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ เพิ่งจะรับคำร้อง แต่กลับมีการคัดค้าน แล้วก็ดูกระไรอยู่ เพราะหากเริ่มตั้งคำถามซึ่งกันและกันก็จะเป็นปัญหา เนื่องจากเป็นการเพิ่มความขัดแย้งระหว่าง ฝ่ายนิติบัญญัติ และตุลาการมากขึ้น โดยเห็นว่า ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องการที่จะผลักดันไปสู่เป้าหมายที่ไม่ว่า จะฝ่ายนิติบัญญัติ ตุลาการ หรือทุกๆ ฝ่ายจะต้องอยู่ภายใต้ฝ่ายบริหารเกือบหมด ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย จึงคิดว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่เป็นความพยายามที่จะนำไปสู่การล้มอำนาจ ตุลาการ เพราะมีการท้าทายอำนาจตุลาการมาโดยตลอด หากตัดสินถูกใจก็เฉยๆ แต่ถ้าไม่พอใจคำตัดสิน ก็จะสร้างกระแสเข้ามาล้มระบบตรงนี้ ซึ่งอันตราย  นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณี ที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สไกป์มาในการประชุม ส.ส.ว่า หากแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ จะมีการยุบสภา จะทำให้ดีกรีทางการเมืองร้อนแรงขึ้นหรือไม่นั้น ก็ชัดเจนว่า เป็นเป้าหมายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ปักธงไว้ว่า จะกลับบ้านมาโดยไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเหมือนกับคนอื่น โดยรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ก็วนเวียนอยู่ตรงนี้ ผ่านมาเกือบสองปีแล้ว ทั้งที่มีหน้าที่ต้องไปทำในเรื่องอื่นมากกว่า แต่ก็ทำให้ปัญหาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการนิรโทษกรรมกลับมาเป็นปัญหา ของชาติอีกครั้ง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เอาปัญหาของตัวเองมาเป็นปัญหาของประเทศอยู่ตลอด ส่วนพรรคประชาธิปัตย์เอง ก็พยายามที่จะให้ประชาชนทราบความจริงให้ได้มากที่สุด และเตือนรัฐบาลว่า อย่าสร้างปมความขัดแย้งซ้ำเลย เมื่อได้อำนาจมาแล้ว ควรใช้อำนาจเพื่อแก้ปัญหาของชาติ ที่มีเรื่องใหญ่รอการแก้ไขมากมายที่ต้องทำ ทั้งเรื่องการเตรียมประเทศ ให้มีความพร้อมต่อประชาคมอาเซียน หรือการตั้งเป้าปี 2020 ก็ควรจะมุ่งไปที่จุดนั้น ทำไมถึงจะให้บ้านเมืองยุ่งวุ่นวายอยู่กับปัญหาคดีความ ของคนไม่กี่คนเมื่อถามต่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการยุบสภาในระยะเวลาอันใกล้นี้ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอบยาก แต่ส่วนตัวคิดว่า สิ่งที่สำคัญคือ ถ้าพูดอย่างนี้ พรรคเพื่อไทยก็จะดำรงอยู่เพียงเพื่อเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น ส่วนจะเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความมั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้ง จึงนำเรื่องการยุบสภามาเป็นเงื่อนไขสุดท้ายหรือไม่นั้น ตนอยากให้มองว่า ในการเลือกตั้งซ่อมที่เชียงใหม่ ก็มีการตั้งเป้าว่า จะได้คะแนนเป็นแสนเพื่อสร้างความชอบธรรมด้วยซ้ำ แต่ผลก็ไม่ได้ออกมาอย่างนั้น.

มาร์คออกโรงขวางรัฐแก้ม.190 ลั่นต้องผ่านสภาฯ เท่านั้น

มาร์คออกโรงขวางรัฐแก้ม.190 ลั่นต้องผ่านสภาฯ เท่านั้น
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ย้ำ ขวางรัฐ แก้ ม.190  ยันต้องผ่านสภาฯ เท่านั้น ชี้นับวันแปรญัตติ แก้ รธน. 15 วัน ส่วนตัว เชื่อมีปัญหาแน่ แต่ขอเวลาตรวจสอบก่อน...วันที่ 22 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่อยู่ในระหว่างการแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการ ว่า หากนับวันแปรญัตติ 15 วัน ตามที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภากำหนดให้นับตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 2556 ก็ครบกำหนดแล้ว แต่ตนยังไม่ได้ตรวจสอบว่า มียอด ส.ส.แปรญัตติกี่คนและมีใครจะแปรญัตติหลังจากนี้อีกหรือไม่ เพราะอาจมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับกระบวนการในส่วนนี้ เนื่องจากบางส่วนเห็นว่าควรนับวันแปรญัตติ จากวันที่มีการประชุมรัฐสภาวันที่ 18 เม.ย. 2556 ที่มีการลงมติในญัตติแปรญัตติ 60 วัน หลังจากที่ญัตตินี้ค้างอยู่ เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบจากการประชุมในวันที่ 4 เม.ย. จึงคิดว่าอาจจะมีปัญหาตามมา แต่คงต้องดูก่อนว่าจะมีช่องทางในการโต้แย้ง อย่างไร เพราะเป็นเรื่องข้อบังคับเป็นหลัก ทั้งนี้ ในส่วนของตนได้แปรญัตติเกี่ยวกับมาตรา 190 แล้ว โดยตนยืนยันว่าข้อตกลงที่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม อย่างกว้างขวาง ต้องผ่านกระบวนการของสภาฯ เพียงแต่ทำกระบวนการให้มีความกระชับขึ้นเท่านั้น.

อภิสิทธิ์ซัดรัฐเน้นการตลาดแก้ไฟใต้ ตั้งโต๊ะถกล้มเหลว

อภิสิทธิ์ซัดรัฐเน้นการตลาดแก้ไฟใต้ ตั้งโต๊ะถกล้มเหลว
อภิสิทธิ์ ห่วงไฟใต้ยังอยู่ในภาวะพูดไปฆ่าไป ชี้จุดอ่อนไม่สามารถดึงฝ่ายต่างๆ ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ให้ยอมรับ มีคำตอบให้คนในพื้นที่ว่าจะลดความรุนแรงอย่างไร หากทำไม่ได้ไร้ประโยชน์ที่จะคุย...เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2556 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีการนำป้ายผ้าคัดค้านการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มบีอาร์เอ็น ไปติดไว้ในหลายพื้นที่ภาคใต้ ว่า รัฐบาลยังต้องเดินหน้าเกี่ยวกับการเจรจาต่อ แต่ต้องเดินไปสู่จุดที่เรียกร้องฝ่ายที่มาพูดคุยว่าจะจัดการอย่างไรกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วดูคำตอบเพื่อนำมาประเมินอีกครั้ง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่า กระบวนการพูดคุยยังมีจุดอ่อนคือ ไม่สามารถดึงฝ่ายต่างๆ ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ให้ยอมรับหรือเข้ามาร่วมได้ ถือเป็นโจทย์ใหญ่ในการพูดคุยให้เกิดความสำเร็จ ถ้า พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ประเมินว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเรียกร้องความสนใจของกลุ่มที่ต้องการเข้าร่วมเจรจาด้วย ก็ต้องไปดำเนินการให้กลุ่มเหล่านี้เข้ามามีส่วนร่วม ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เห็นว่ากลุ่มที่ก่อเหตุในพื้นที่มีหลากหลาย การจะสรุปว่ามีเพียงแค่ความคิดเดียวคงไม่ได้ แต่ที่สำคัญคือ การพูดคุยจะได้ผลต้องดึงทุกฝ่ายเข้ามา และต้องเริ่มมีข้อตกลงที่ชัดเจน เพราะคงไม่มีประโยชน์ที่จะคุยไปเรื่อยๆ ในขณะที่มีแต่ความสูญเสียและความรุนแรงอยู่ทุกวัน ทั้งนี้ ในการทำงานของรัฐบาลก็ต้องมีความเป็นเอกภาพ ทั้งในส่วนของนโยบายและ ฝ่ายปฏิบัติ ไม่ใช่ต่างคนต่างคิดต่างคนต่างทำ เพราะจะทำให้ประสบความสำเร็จยาก นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการเจรจา โดยทุกคนมีสิทธิเรียกร้องจากการเจรจาของทั้งสองฝ่ายว่า ต้องมีคำตอบให้คนในพื้นที่ว่าจะลดความรุนแรงได้อย่างไร ซึ่งรัฐบาลควรจะลดเรื่องการตลาดที่นำมาใช้ในงานด้านความมั่นคงลง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากคิดถึงเรื่องการตลาด และการเมืองมากเกินไป จนมองข้ามความละเอียดอ่อนของปัญหา วันนี้ก็ต้องพยายามที่จะแก้ไขจุดนี้ให้ได้ โดยในการเจรจาที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 เม.ย.นี้ จะต้องนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรอบเดือนมาเป็นตัวตั้งเพื่อประเมินและหาคำตอบร่วมกัน.

Monday, April 15, 2013

ปริญญา แนะสร้างกระบวนการพูดคุยก่อนเสนอ พรบ.นิรโทษฯ

ปริญญา แนะสร้างกระบวนการพูดคุยก่อนเสนอ พรบ.นิรโทษฯ
นักวิชาการนิติศาสตร์ไม่เห็นด้วย ส.ส.เพื่อไทยเร่งดัน พรบ.นิรโทษกรรมเข้าสภาฯ ชี้ไม่ใช่ทางออกแก้ความขัดแย้งเพราะยังมีความไม่ไว้วางใจกัน เสนอให้เน้นกระบวนการพูดถึงหาทางออกโดยให้ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกัน...นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงการที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะเสนอให้เลื่อนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมมาพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วนในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 18 เม.ษ.นี้ว่า ต้องเริ่มจากคำถามว่า กฎหมายนี้ จะนำไปสู่การปรองดองจริงหรือไม่ เพราะความแตกแยกที่เกิดขึ้นตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมา มาจากความไม่ไว้วางใจกันระหว่างฝ่ายต่างๆ ขณะเดียวกัน ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนนตรีเอง ก็ทำตัวไม่น่าไว้วางใจว่าจะพยายามให้มีการนิรโทษกรรมตนเองหรือไม่อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ.กล่าวอีกว่า การแก้ไขความแตกแยกของคนในชาติเพื่อนำไปสู่ความปรองดองนั้น ต้องไม่ไปเริ่มที่การหาคำตอบ แต่ต้องเน้นไปที่กระบวนการในการหาตอบตอบร่วมกัน โดยให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการหาคำตอบ ที่ผ่านมาเรามักเริ่มต้นด้วยคำตอบ แล้วคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องยอมรับคำตอบ  แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีความไว้วางใจ ก็ไม่สามารถที่จะยอมรับในคำตอบนั้นได้“ทางที่ดี ควรเริ่มต้นด้วยการพูดคุยกัน เพื่อให้เกิดการยอมรับร่วมกันก่อน ส่วนปัญหาที่มีประชาชนที่ยังถูกคุมขังอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น สามารถใช้กระบวนการตามกฎหมายที่มีอยู่แล้วเพื่อให้มีการประกันตัวออกมาสู้คดี โดยไม่จำเป็นต้องออก พรบ.นิรโทษกรรมเลย” นายปริญญากล่าว

สุรพงษ์มั่นใจ ไทยพร้อมหักล้างคำแถลงกัมพูชา

สุรพงษ์มั่นใจ ไทยพร้อมหักล้างคำแถลงกัมพูชา
รมว.ต่างประเทศ  มั่นใจไทยมีข้อมูลหักล้างคำแถลงของกัมพูชา อยากให้ประชาชนรอฟัง 17 เม.ย.นี้ เดินหน้าต่อสู้สิ่งที่ตีความหมายของไทยถูกต้องเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 15 เม.ย. นายสุรพงษ์​ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ พร้อมด้วย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม แถลงข่าวภายหลัง ทางการกัมพูชาแถลงทางวาจา กรณียื่นคดีปราสาทพระวิหาร ให้ศาลโลกตีความ โดยนายสุรพงษ์ กล่าวว่า วันนี้คณะดำเนินดคีฝ่ายไทยเข้าฟังการชี้แจงของทางการกัมพูชา โดยมีนายฮอร์นัมฮง รมว.ต่างประเทศ กัมพูชา เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนของกำพูชาเป็นผู้กล่าวนำก่อน โดยมีผู้แทนอีก 3 ท่าน โดยท่านฮอร์นัมฮง ได้ชี้แจงว่าทำไมกัมพูชาถึงได้ขอให้ศาลตีความคำพิพากษา 2505 หลังเวลาผ่านไปแล้ว 50 ปี โดย อ้างถึงการการกระทบกระทั่งกันในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ โดยเอ่ยถึงชื่อท่านอภิสิทธิ์ 2 ครั้ง โดยเกิดเหตุปะทะกันของกำลังทั้งสองฝ่าย ในช่วงขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยทางการกัมพูชา เห็นว่าเหตุดังกล่าวเกี่ยวกับคำพิพากษาที่ไม่ชัดเจน และเกี่ยวกับไม่ทำตามคำพิพากษาของฝ่ายไทย จึงทำให้ยื่นเรื่องดังกล่าว จากนั้นที่ปรึกษา กฎหมายต่างประเทศ 3 คนของกัมพูชา ได้อธิบายว่าทำไมถึงต้องยื่นตีความ โดยทั้งสามพยายามหักล้างเหตุผลของไทยที่เคยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรของไทย ที่เคยแจ้งเมื่อช่วงพ.ย.2554 และ มิ.ย.2555โดยในภาพรวมที่ได้รับฟังตลอดทั้งวัน ไม่รู้สึกหนักใจใดๆ ทั้งสิ้น เพราะข้อมูลที่กัมพูชาเสนอ เป็นไปตามที่ทีมงานของเราคาดหมาย ทางไทยมีความพร้อมในการเสนอหักล้างเช่นกัน อันนี้ก็ต้องรอฟังวันที่ 17 เม.ย. เวลา ประมาณ 15.00 น. ทีมของประเทศไทยจะขึ้นชี้แจง โดยมีท่านทูต วีรชัย (นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก เนเธอร์แลนด์)จะเป็นคนพูดก่อน จากนั้น ทีมกฎหมายทั้งสามท่าน ซึ่งเราได้เตรียมการไว้แล้วนายสุรพงษ์ กล่าว ด้านนายพงษ์เทพ กล่าวเสริมว่า หลายคนที่ฟังถ่ายทอดสดในวันนี้ อาจจะไม่เข้าใจ ดังนั้น จึงต้องรู้ที่มาที่ไปของคดีนี้ก่อน โดยคดีนี้เป็นการตีความที่ศาลโลกเคยตัดสินไปแล้วเมื่อปี 2505 แต่ทางกัมพูชายื่นขอให้ตีความ ขอให้ไทยถอนทหาร ตำรวจ ออกจากปราสาทพระวิหาร ความหมายของบริเวณโดยรอบคืออะไร ก็เลยมีประเด็นต่อสู้กันหลายประเด็น  เราต่อสู้ว่าเขาไม่สามารถนำเรื่องนี้มาขอตีความได้ เพราะการขอตีความต้องมีเงื่อนไขหลายประการ เราก็ต้องต่อสู้ไป แต่วันนี้กัมพูชาบอกว่า ขอตีความตรงตามเงื่อนไข เช่น ไทยและกัมพูชามีความเห็นแตกต่างกันในคำวินิจฉัย โดยกัมพูชา เขาก็อ้างว่าเคยเห็นแตกต่างเคยทำอะไรบ้าง โต้แย้งอะไรบ้าง เพื่อให้ศาลรับวินิจฉัย แต่ที่พูดมากคือเรื่องแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ซึ่งเรียกว่าแผนที่แนบท้ายฉบับที่1 โดยทางการกัมพูชาพยายามอ้างว่าไทยต้องถอยออกไปจากเขตแดน ซึ่งตามแผนที่แนบท้าย 1 มีพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ไม่ใช่พื้นที่ที่ทาง ครม. ไทยไปตีกรอบไว้ เมื่อปี 2505 ไว้ แต่เขาจะให้เราถอยออกไป เขาอ้างว่าแผนที่เป็นส่วนสำคัญของคำพิพากษา โดยยกตัวอย่างแบบนี้ทั้งวันนายพงษ์เทพ กล่าวต่อว่า ทางเรามีข้อต่อสู้เยอะแยะไปหมด สิ่งที่เขายื่นมาคือพยายามหักล้างเหตุผลของเราที่เคยยื่นเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดทั้งหมดเป็นประมาณนี้  ส่วนในวันพุธ ฝ่ายไทยก็จะนำเสนอสิ่งที่กัมพูชาร้องขอ ศาลควรจะรับตีความหรือไม่ แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน เป็นอย่างไร วันนี้ขอให้สบายใจได้ เพราะทางท่านทูตวีรชัย ได้เตรียมเสนอข้อมูลหักล้างแล้ว จากนั้น นายสุรพงษ์ กล่าวสรุปว่า ฝ่ายกัมพูชา พยายามบอกว่า ฝ่ายไทยกับกัมพูชา ได้ตีความหมายคำพิพากษา ปี2505 แตกต่างกัน จึงขอให้ศาลชี้ให้ชัดเจนว่าคำพิพากษาที่ถูกต้องเป็นไปตามแบบของกัมพูชา ฉะนั้น ในวันพุธเราก็ต้องต่อสู้ว่าสิ่งที่เราตีความเป็นไปในทางที่ถูกต้องแล้ว โดยใช้เหตุผลหลายเรื่อง อย่างกรณี ลวดหนาม ที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขึ้นไปขึงไว้รอบบริเวณปราสาทพระวิหาร ตาม ครม. โดยกัมพูชาบอกว่าเราคิดเองฝ่ายเดียว แม้เราจะบอกว่าท่านสีหนุ เคยเห็นแล้วก็ไม่คัดค้าน โดยเขาก็อ้างว่าไม่จริง ซึ่งเราก็ต้องชี้แจงว่าเขาเห็นแล้วไม่คัดค้านเป็นอย่างไร ในส่วนกระทรวงต่างประเทศ จะนำคำแปลสรุปประเด็นวันนี้ให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เข้าใจครบถ้วนอีกครั้งหนึ่ง ด้านพล.อ.สุกำพล กล่าวว่า เขาพยายามจะหยิบในส่วนที่มีการโต้แย้ง ในส่วนของทางเรา ก็จะหยิบเรื่องที่เขาไม่ได้โต้แย้งมาต่อสู้ อย่างประเด็นเจ้าสีหนุ ขึ้นบนปราสาทพระวิหารแล้วเห็นเราตีเส้นลวดหนาม แต่ท่านสีหนุ ไม่ได้รับสั่งอะไร แค่บอกว่าตีเส้นกินแดนเข้ากัมพูชาไม่กี่เมตรเอง แล้วเขาก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรที่เป็นทางการอย่างจริงจัง ในส่วนของไทยเราก็เชื่อว่าเรามีน้ำหนัก  ทางการทหารเขาก็พูดขึ้นมานิดหน่อย แต่ไม่ได้มีอะไรมาก เขาอ้างว่ามาสร้างวัด เจดีย์ ตลาดแล้ว เขาอ้างว่าเราประท้วงเขาช้า แต่เราก็ประท้วงไป ซึ่งทีมกฎหมายก็จะว่ากันต่อไป ส่วนเรื่องปะทะ เขาไม่ได้พูดเรื่องนี้มาก แต่แค่เกริ่นเพื่อนำเข้าสู่ศาลโลกเท่านั้นเอง

บทบาททักษิณคิด? ยิ่งลักษณ์ทำ? กับรถไฟความเร็วสูง 2 ล้านล้านบาท

บทบาททักษิณคิด? ยิ่งลักษณ์ทำ? กับรถไฟความเร็วสูง 2 ล้านล้านบาท
เป็นไปตามคาดแล้วก็อดไม่ได้จริงๆ สำหรับคนชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยและในฐานะผู้มีเสียงเด็ดขาดเบ็ดเสร็จในพรรคเพื่อไทย ที่ต้องออกมาช่วยรัฐบาลของผู้เป็นน้องสาว คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันในการทำหน้าที่ เพราะในขณะนี้โดนกระแสโจมตีเป็นอย่างหนักในการจะกู้เงินเพื่อใช้มาพัฒนาระบบขนส่งทางการเมืองในประเทศ เพราะต้องรองรับการเติบโตและกระจายความเจริญสู่ท้องถิ่นที่รัฐบาลกำลังโดนตั้งคำถามอย่างหนักในจำนวนเงิน 2 ล้านล้านบาท ว่าจะมีความคุ้มด้านการลงทุนหรือไม่ และยังมีบางฝ่ายตั้งข้อสังเกตกันเอาไว้เลยว่าอาจจะต้องเป็นหนี้กันไปอีก 50 ปีกว่าจะใช้หมด โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แจงเอาไว้ว่า เศรษฐกิจประเทศนั้นจะต้องรักษาสัดส่วนของหนี้ต่อ GDP ของประเทศไม่ให้เกิน 50% ไม่เกิน 60% แต่ตัวเลขของสัดส่วนย่อมเปลี่ยน ไปถ้า GDP หรือเศรษฐกิจประเทศโตขึ้น เหมือนบริษัท ถ้าบริษัทมีรายได้มากขึ้น มีกำไรสะสมมากขึ้น สัดส่วนของหนี้ต่อทุนส่วนของผู้ถือหุ้น ก็จะลดลง เพราะมีกำไรสะสมมาเพิ่มเช่นกัน  การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล คือการลงทุนให้เศรษฐกิจของประเทศโตขึ้นทั้งทางตรงทางอ้อม ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าหนี้จะพุ่งข้างเดียวเพราะรายได้ก็พุ่งด้วย สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP จึงจะไม่สูงอย่างที่วิตก และก็ไม่ต้องรอว่าจะต้องใช้หนี้อีก 50 ปีจะหมด ดูตัวอย่างหนี้ IMF ที่เราใช้ได้เร็วกว่ากำหนด ทั้งนี้อยู่ที่ใครสร้างเศรษฐกิจเป็น กับใครเป็นแต่ใช้จ่ายอย่างเดียว วิธีมองจึงต่างกันไปแปลความง่ายๆ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ หนุนสำหรับเรื่องโครงการนี้กับรัฐบาลอย่างแน่นอน เห็นได้จากการสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับไทยรัฐออนไลน์ เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 55  http://www.thairath.co.th/content/pol/254664 หรือประมาน 1 ปีที่ผ่านมา ที่บอกถึงแนวทางของการบริหารของพรรคเพื่อไทย ว่า “เท่าที่เราวางไว้ในการบริหารพรรคเพื่อไทย คือ รถไฟฟ้าความเร็วสูง จะมีไปในเส้นทางไกลจะมีหมดและครอบคลุม รวมไปถึงรถไฟฟ้าใน กทม. และมอเตอร์เวย์ อุดรฯ พัทยา เชียงราย เชียงใหม่ กทม.  แล้วอีกเส้น ออกไปทางเมืองกาญจนบุรี ไปทางทวาย” เป็นข้อยืนยันว่าโครงการนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความคิดจะทำไว้แล้วตั้งแต่แรก แต่ไม่สามารถบอกได้ว่ามีการดำเนินการมายาวนานเท่าใด เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความคิดเห็นอย่างไรรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็มีหน้าที่สนองเท่านั้น เป็นเรื่องจริงที่ใครก็ไม่สามารถปฏิเสธได้การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นน่าจับตาทุกครั้ง เพราะมักจะร้อนแรงทุกครั้งในช่วงเดือน เม.ย.ของ 2-3 ปีที่ผ่านมา อย่างที่เคยสร้างความฮือฮาเมื่อครั้งปี 2555 ที่เข้ามาเล่นน้ำสงกรานต์ที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวและกัมพูชา ทำให้คนเสื้อแดงและนักการเมืองใหญ่ทั้งหลายตั้งเข้าไปรดน้ำดำหัวกันมากมายมาแล้ว และช่วงก่อนเดือน เม.ย. 56 พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังได้สร้างความเซอร์ไพรส์ด้วยการเป็นแม่ทัพเลียบค่ายมาดูธุรกิจที่ประเทศพม่ามาแล้วให้คนที่ไม่เอาทักษิณตกใจเล่น เชื่อว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญและไม่ใช่เรื่องแหย่หนวดเสือที่มาใกล้ประเทศไทย แต่ว่าทักษิณก็เคยให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐออนไลน์ไว้อีกในบทความดังกล่าวถึงเมกะโปรเจกต์เมืองทวาย ในประเทศพม่าว่าจะสร้างรถไฟความเร็วสูงไปติดต่อกับเมืองทวายด้วยการเดินเกมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้ภายใต้การนำของน้องสาวที่เป็นรัฐบาลกำลังมุ่งหน้าสร้างเครือข่ายธุรกิจเพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น แม้ว่าตนเองจะไม่ได้อยู่ฐานะที่จะมีอำนาจการสั่งการโดยตรง แต่ยังไงก็ไม่มีใครปฏิเสธอำนาจในการตัดสินใจเด็ดขาดรอบสุดท้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้อยู่ดี การเคลื่อนไหวทุกครั้งที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศแม้ว่าคนในรัฐบาลจะบอกว่าเป็นเพราะทักษิณทำไปเพราะช่วยรัฐบาล บางครั้งก็ต้องมีการคำนึงถึงบทบาทของตัวเองให้ชัดว่ากำลังทำเพื่อรัฐบาล หรือชี้นิ้วสั่งรัฐบาลกันแน่ เพราะตอนนี้หลายคนคลางแคลงใจว่าคนไหนคือนายกรัฐมนตรีตัวจริง? 

Sunday, April 14, 2013

กลับสงกรานต์ คนแห่ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า ส.ส.เขต3เชียงใหม่เกินครึ่ง

กลับสงกรานต์ คนแห่ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า ส.ส.เขต3เชียงใหม่เกินครึ่ง
กกต.เชียงใหม่ เผยคนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า ส.ส.เขต 3 เกินครึ่ง คาดเป็นเพราะเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงสงกรานต์ ระบุยังไม่ได้รับร้องเรียน กรณี ปชป. อ้างเจอชายชุดดำไปข่มขู่สมาชิกพรรค ...วันที่ 14 เมษายน นายสุชาติ ใจภักดี ผอ.กต.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่นคำร้องขอให้ กกต.เชียงใหม่ ตรวจสอบการทุจริตการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.เชียงใหม่ เนื่องจากเห็นว่ามีจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้ามากเกินปกติ โดยในคำร้องอ้างว่าเป็นผลมาจากนายอำเภอในพื้นที่เขต 3 ได้เกณฑ์ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้มาลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า จึงเป็นการปฏิบัติตัวไม่เป็นกลางว่า ขณะนี้ กกต.เชียงใหม่ ได้รับคำร้องและเริ่มดำเนินการตรวจสอบแล้ว แต่ในคำร้องได้กล่าวหาบุคคลเป็นจำนวนมาก ทาง กกต.เชียงใหม่ จึงต้องเรียกผู้ถูกร้องมาให้คำชี้แจงเพื่อหาข้อเท็จจริง ส่วนการที่มีผู้มาลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นจำนวนมากกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนนั้น อาจเป็นเพราะครั้งนี้ตรงกับช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเดินทางกลับมายังภูมิลำเนา ขณะที่ผู้มีสิทธิ์มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 12 เม.ย. เพียง 5 พันกว่าคน เกินครึ่งจากที่ลงทะเบียนไว้ถึง 9 พันกว่าคนเล็กน้อย คาดว่าอีก 4 พันกว่าคนที่ไม่ได้มาใช้สิทธิ์ อาจเปลี่ยนใจไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนในวันที่ 21 เม.ย. เป็นวันเลือกตั้งจริงแทน ก็สามารถกระทำได้และไม่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม กกต.เชียงใหม่ จะเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนคำร้องที่ได้รับมาว่ามีมูลหรือไม่ เมื่อมติแล้วก็จะส่งคำร้องไปให้ กกต.กลางพิจารณาต่อไป นอกจากนี้ การที่พรรคประชาธิปัตย์เผยว่ามีชายชุดดำอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ไปข่มขู่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และประชาชนที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จนสร้างความหวาดกลัวนั้น ยังไม่มีคำร้องในลักษณะนี้เข้ามา มีเพียงแต่คำร้องขอให้ตรวจสอบการทุจริตและข้าราชการในพื้นที่เขต 3 วางตัวไม่เป็นกลางเท่านั้น.

ถาวร ชี้รัฐเร่งดันนิรโทษหวั่นทำสังคมแตกแยกเพิ่ม

ถาวร ชี้รัฐเร่งดันนิรโทษหวั่นทำสังคมแตกแยกเพิ่ม
นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ชี้รัฐเร่งนิรโทษกรรมหวั่นเพิ่มแตกแยกในสังคม ซัดรัฐบาลย่ามใจลืมแก้ไขปัญหาประชาชน...เมื่อวันที่ 14 เม.ย. นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย จะขอใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.เสนอเลื่อนระเบียบวาระร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ขึ้นมาเป็นวาระด่วนในการประชุมสภาฯ วันที่ 18 เม.ย.ว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วย เพราะเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ไม่ใช่มุ่งเน้นการปรองดอง แต่เนื้อหาจะนำไปสู่ความขัดแย้ง และที่สำคัญที่สุดการปรองดองไม่ได้เกิดจากการออกกฎหมาย แต่ต้องเกิดจากการทำความเข้าใจ ซึ่งขณะนี้การค้นหาความจริงและความยุติธรรมยังไม่เกิด เอาแค่ว่าสิ่งที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง ได้ประกาศ สอดคล้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ที่มีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง หรือแม้แต่การโฟนอิน ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในหลายครั้ง ก็ต้องทำความจริงให้ปรากฏ ดังนั้น ถ้ามานิรโทษกรรมล้างผิดก็จะเกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก นอกจากนี้ ขั้นตอนของกฎหมายที่จะนิรโทษกรรมต้องมีกระบวนการรับโทษต้องเกิดขึ้นก่อน จึงจะสามารถนิรโทรษกรรมได้ ที่สำคัญต้องเขียนให้ชัดเจนว่า จะนิรโทษกรรมให้ใคร กลุ่มใดบ้าง คดีอะไร เพราะคดีความผิดทางอาญาแผ่นดิน เผาศาลากลาง ปล้นทรัพย์ ยิงอาวุธสงคราม คดีทุจริตคอรัปชัน พรรคประกาศเจตนารมณ์มาตลอดว่า ไม่เอา แต่ถ้าเป็นมวลชนที่ฝ่าฝืนร่วมชุมนุมนั้นทำได้ เมื่อถามว่ามองว่า การดำเนินการครั้งนี้ของพรรคเพื่อไทยจะสำเร็จหรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า เขาชนะมา 2 เรื่องแล้ว ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ดังนั้น ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและรัฐบาลจึงย่ามใจ โดยลืมเรื่องอื่นหมด ทั้งความสงบสุขของสังคม และปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพสูงสวนทางที่ประกาศหาเสียงไว้ ยังมีเรื่องของประชาชนที่ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาอีกคือ ระบบทักษินกำลังฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง แบบประเภทสร้างความหายนะให้กับประเทศไทยมากกว่าเดิม เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับบทเรียนและรู้นิสัยคนไทยว่า ลืมง่าย ซึ่งก็ต้องคอยดูว่า เขาจะทำสำเร็จหรือไม่ อย่างไร เพราะฝ่ายค้านเรามีเสียงข้างน้อยในสภาฯ เราสู้เขาไม่ได้การโหวตในสภาฯ เราก็แพ้ ดังนั้น สิ่งที่สำคัญ คือการติดอาวุธทางความคิดคือการให้ความรู้เท่าทันกับประชาชน ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชาติบ้านเมือง หากเป็นเช่นนี้.

สุเทพ ชี้หากรัฐเดินหน้านิรโทษฯ บ้านเมืองส่อวุ่น

สุเทพ ชี้หากรัฐเดินหน้านิรโทษฯ บ้านเมืองส่อวุ่น
สุเทพ เทือกสุบรรณ คาดการณ์สถานการณ์การเมืองหลังสงกรานต์ผ้านพ้น เชื่อ หาก เดินหน้าออกกฎหมายนิรโทษกรรมอาจเกิดความวุ่นวายได้ แนะ พ.ต.ท.ทักษิณ เลิกบงการ รัฐบาลน้องสาว...เมื่อวันที่ 15 เม.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงการคาดการณ์สถานการณ์ทางการเมืองหลังผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์ โดยกล่าวว่า สถานการณ์การเมืองจะร้อนแรงขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าจะเลิกแทรกแซง บงการ กำกับ การทำงานของรัฐบาล ของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่ ส่วนรัฐบาลนี้หากจะบริหารประเทศจนครบ 4 ปีได้ นายกรัฐมนตรี ต้องกำกับดูแลไม่ให้มีการกระทำการใดๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และพวกพ้องเช่นเดียวกัน รวมถึงต้องพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลจะบริหารงานเพื่อประโยชน์ของ ประชาชน ไม่มีการทุจริตคอรัปชัน และป้องกันไม่ให้มีการละเมิดสถาบันส่วนเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า การพยายามเดินหน้าออกกฎหมายนิรโทษกรรม ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไปเป็นรูปแบบอื่น จะส่งผลให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองได้

Saturday, April 13, 2013

สุรพงษ์ควงสุกำพล บินแจงศาลโลกปมพระวิหาร

สุรพงษ์ควงสุกำพล บินแจงศาลโลกปมพระวิหาร
สุรพงษ์-สุกำพล ยกคณะบินกรุงเฮก เตรียมขึ้นแจงศาลโลกปมเขาพระวิหาร ลั่นหลักฐานพร้อม มั่นใจชนะคดี เชื่อมั่นศาลฯให้ความยุติธรรม วอนคนไทยใช้สติรับฟัง ระบุสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมร ปกติ....เมื่อวันที่ 13 เม.ย. มีรายงานว่า ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ท.วรวิทย์ ดรุณชู เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมคณะได้เดินทางไปยังกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อร่วมฟังถ้อยแถลงด้วยวาจาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) กรณีที่กัมพูชายื่นให้ศาลโลกตีความพื้นที่โดยรอบปราสาทเขาพระวิหาร ระหว่างวันที่ 15-19 เม.ย.นี้ทั้งนี้นายสุรพงษ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางว่า ทีมทนายความของฝ่ายไทยได้เตรียมความพร้อมทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้ส่งคณะล่วงหน้าของฝ่ายไทยไปกรุงเฮกด้วยก่อนหน้านี้ นำโดยปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในวันนี้ต้องบอกเลยว่าเราพร้อมขึ้นแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลกครั้งสุดท้าย และคิดว่าข้อต่อสู้ทั้งหมดในประเด็นต่างๆ เราได้เตรียมการไว้ครอบคลุมทุกประเด็น สำหรับข้อห่วงกังวลและข้อเสนอแนะของแต่ละฝ่ายที่หยิบยกขึ้นมาให้ทีมทนายของเราได้นำไปสู้ในชั้นศาลนั้นได้เตรียมความพร้อมทั้งหมดทุกประเด็นไว้เรียบร้อย ขึ้นอยู่กับศาลโลกว่าจะหยิบยกประเด็นอะไรขึ้นมา และเราจะนำประเด็นอะไรไปยืนยันกับสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2505 ให้ศาลโลกได้รับทราบนายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้อยากให้ประชาชนได้ติดตามการถ่ายทอดสดการแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลกผ่าน ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 คลื่นเอฟเอ็ม 92.5 เมกะเฮิรตซ์ คลื่นเอเอ็ม 891 เมกะเฮิรตซ์ และสถานีวิทยุสราญรมย์ก็จะมีการถ่ายทอดอยู่ตลอด หากประชาชนที่ติดตามอยู่แล้วเกิดข้อสงสัยต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ โดยทีมงานกองสารนิเทศและทีมสนธิสัญญาต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศที่จะคอยชี้แจงปัญหาและข้อสงสัยให้กับประชาชนในเว็บไซต์ ของกระทรวงการต่างประเทศ นอกจากนี้ทีมฝ่ายไทยที่เดินทางไปกรุงเฮก ทั้งอธิบดีกรมสนธิสัญญา ทูตไทยประจำกรุงเฮก ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ตลอดจนพล.อ.อ.สุกำพล และตน พร้อมติดตามและนำประเด็นต่างๆ มานำเสนอให้กับประชาชนในส่วนที่ไม่ชัดเจน ในขณะที่มีการแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยช่วงเวลากลางวัน โดยจะนำมาสรุปและชี้แจงอีกครั้งในช่วงเวลากลางคืนของกรุงเฮก ซึ่งตรงกับช่วงเช้าของประเทศไทย ผมอยากให้พี่น้องประชาชนได้ติดตามและใช้สติในการรับฟัง เพราะจะมีนักวิชาการผู้รอบรู้ต่างๆ ในไทยคอยวิจารณ์อยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้การเดินทางไปครั้งนี้เป็นการไปขึ้นศาลเพื่อให้ถ้อยแถลงด้วยวาจา ซึ่งยังไม่มีการตัดสินใดๆ ทั้งสิ้น และในการตัดสินคดีนั้น ผู้พิพากษาจะต้องกลับไปเขียนประเด็นสรุปของผู้พิพากษาของศาลแต่ละคน เช่นเดียวกับกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญไทย เพื่อหาข้อคำตัดสินในอีก 6 เดือนข้างหน้า ประมาณ ก.ย.-ต.ค. และศาลก็จะออกนั่งบัลลังก์ตัดสินอีกครั้งหนึ่ง ผมอยากให้คนไทยได้ฟังการถ่ายทอดสดพร้อมกันทั้งประเทศ เพราะจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และผู้ที่วิจารณ์จะได้วิจารณ์ไม่ถนัด หากวิจารณ์ผิดพลาดก็จะเป็นผู้เสียหายเอง นายสุรพงษ์ กล่าว เมื่อถามว่าขณะนี้มีความมั่นใจแค่ไหน นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เรามั่นใจว่าจะชนะคดี เพราะทีมทนายได้เตรียมข้อมูลไว้ทุกประเด็นเรียบร้อย และเรามั่นใจว่ากระบวนการยุติธรรมของศาลโลกจะให้ความเป็นธรรมกับเรา เพราะศาลโลกเคยตัดสินคดีในกรณีที่มีข้อพิพาทระหว่างประเทศ ซึ่งศาลโลกต้องมองถึงความสงบของคู่กรณีด้วย ตนเชื่อมั่นว่าศาลโลกจะให้ความยุติธรรมในกรณีนี้ด้วย ทั้งนี้ทางด้านนายกฯไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ โดยจะคิดตามการถ่ายทอดที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนายกฯได้ให้กำลังใจกับทีมทนายและคณะว่าให้พวกเราสู้กันอย่างเต็มที่ ถ้ามีประเด็นใดที่ประชาชนคนไทยสงสัย ทางคณะที่อยู่กรุงเฮกจะต้องตอบขึ้นมาด้วย ทุกคนถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของประเทศชาติ การไปสู้คดีครั้งนี้ทุกคนสู้เพื่อประเทศไทยและคนไทยทุกคน เราจะไปปกป้องประเทศเป็นหลัก บอกกับประชาชนได้เลยว่าเราสู้เต็มที่ด้านพล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีความห่วงใยว่าจะเกิดปัญหาบริเวณเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างนี้นั้น ตนบอกเลยว่าไม่มีอะไร อย่าไปมองว่าสถานการณ์ตึงเครียด เพราะมันไม่มีอะไรทั้งนั้น สถานการณ์เป็นปกติเหมือนทุกวัน อย่าไปเพ่งเล็งและอย่าไปคาดว่าอาจจะเกิดอะไรต่างๆนานาขึ้น ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ดี ตนยืนยันว่าชายแดนเป็นปกติเหมือนทุกวัน และทางประชาชนของทั้งสองประเทศก็ทราบดีว่าช่วงนี้เป็นช่วงการพิจารณาของศาลโลก ก็ไม่ควรที่จะทำอะไรที่เป็นปัญหาชายแดน อย่างไรก็ตามตนก็ไม่ได้มีการสั่งมาตรการดูแลเพิ่มเติม เพราะทุกอย่างเป็นปกติ ส่วนที่มีกลุ่มมวลชนชุมนุมเคลื่อนไหวคัดค้านในพื้นที่นั้น ตนคิดว่ากลุ่มมวลชนที่เข้าไปก็เป็นกลุ่มเดิมและมีกลุ่มเดียว สิ่งที่เขาต้องการทางรัฐบาลก็ได้อธิบายไปหมดแล้ว เช่น การไม่รับคำตัดสินของศาลโลก ตนบอกไปเลยว่าเป็นไปไม่ได้ เราอธิบายหมดแล้วก็ไม่เข้าใจ ซึ่งก็ได้สั่งการให้ทหารเข้าไปดูแล เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น และจัดให้อยู่ในส่วนที่สามารถเข้าไปได้ หากต้องการแสดงออกก็ไม่ว่ากัน อย่างไรก็ตามตนไม่มีความเป็นห่วงสถานการณ์ชายแดนช่วงนี้ เพราะเหตุการณ์ปกติ และทหารคุยกันรู้เรื่อง. 

กกต.กทม.จ่อสอบ ดุสิตโพล สำรวจความเห็นตามหลักวิชาการหรือไม่

กกต.กทม.จ่อสอบ ดุสิตโพล สำรวจความเห็นตามหลักวิชาการหรือไม่
ปธ.กกต.กทม. เผยจ่อฟัน สวนดุสิตโพล ทำโพลผู้ว่าฯ กทม. เป็นไปตามหลักวิชาการหรือไม่ 17 เม.ย.นี้  ก่อนที่จะมีมติเสนอไปยัง กกต.กลาง ต่อไป ...นายสุพจน์ ไพบูลย์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคำร้องคัดค้าน ผู้ว่าฯ กทม.ว่า ขณะนี้ กกต.กทม. ได้พิจารณาไม่รับคำร้องคัดค้านผู้ว่าฯ กทม.ไปทั้งหมด 12 เรื่อง และเสนอไปยัง กกต.กลาง เพื่อพิจารณาแล้ว ส่วนคำร้องที่รับเป็นเรื่องร้องคัดค้านนั้น มี 10 เรื่อง เบื้องต้นอยู่ในชั้นของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของ กกต.กทม. ที่มีระยะเวลาการตรวจสอบ 20 วัน และสามารถขอขยายเวลาการตรวจสอบได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 15 วัน คาดว่าคณะอนุกรรมการฯ จะใช้เวลาสืบสวนสอบสวนคำร้องคัดค้านให้แล้วเสร็จไม่เกิน 3 เดือน ขณะที่คำร้องคัดค้านที่เกี่ยวกับสำนักโพลที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนช่วงก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่อาจเข้าข่ายเป็นการสนับสนุนผู้สมัครพรรคการเมืองนั้น ขณะนี้คณะอนุกรรมการฯ ได้รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมด รวมทั้งข้อสรุปของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ กกต.กทม. ขอให้ดำเนินการตรวจสอบการทำผลสำรวจความคิดเห็นของสวนดุสิตโพลและให้นับคะแนนใหม่ ว่าเป็นไปตามหลักวิชาการหรือไม่ เสนอมายัง กกต.กทม. แล้ว และจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าทีี่ประชุม กกต.กทม. เพื่อพิจารณาในวันที่ 17 เม.ย.นี้ เวลา 09.30 น. ก่อนที่จะมีมติเสนอไปยัง กกต.กลาง ต่อไป.

ยิ่งลักษณ์ ช่วย เจ๊แดง หาเสียงเลือกตั้งซ่อม

ยิ่งลักษณ์ ช่วย เจ๊แดง หาเสียงเลือกตั้งซ่อม
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ลุยช่วย เจ๊แดง หาเสียงเลือกตั้งซ่อม เขต 3 จ.เชียงใหม่ พร้อมไหว้อัฐิบรรพบุรุษตระกูลชินวัตร ปฏิเสธรับของชาวบ้าน หวั่นผิดกฎหมายเลือกตั้ง ...เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 13 เมษายน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานบอร์ดการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ลงพื้นที่ช่วย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ที่กาดอุ๊ยทา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่  โดยมีประชาชนให้การต้อนรับ พร้อมให้กำลังใจนางเยาวภาชนะการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ในระหว่างหาเสียง ประชาชนพยายามมอบของที่ระลึกกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่นายกฯ ปฏิเสธ เนื่องจากเกรงว่าจะทำผิดกฎหมายเลือกตั้งต่อมาเวลา 17.00 น. นายกฯ พร้อมด้วยพี่สาวนางเยาวภา นางเยาวเรศ ชินวัตร นายกสมาคมสตรีไทยดีเด่นแห่งชาติ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือ น้องไปป์ บุตรชาย และเครือญาติตระกูลชินวัตร เดินทางไปยังวัดโรงธรรมสามัคคี เพื่อไหว้อัฐิบรรพบุรุษ ที่สุสานตระกูลชินวัตร จากนั้นนายกฯ พร้อมด้วยนายวรวัจน์ และนายบุญทรง ลงพื้นที่หาเสียงให้กับนางเยาวภาที่ตลาดถนนคนเดิน อ.สันกำแพง ซึ่งได้รับความสนใจจากบรรดาพ่อแม่ค้าและประชาชน ที่เข้ามาขอถ่ายรูปและขอจับมือนายกฯ โดยช่วงหนึ่งของการหาเสียง นายกฯ ได้เข้าทักทายเจ้าของร้านขายกรอบรูป ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้เซ็นชื่อไว้บนรูปถ่ายของตัวเอง เพื่อเป็นที่ระลึกให้กับเจ้าของร้าน. 

Friday, April 12, 2013

ปธ.สภาฯเมินเสียงฝ่ายค้านให้รับผิดชอบ ปมขอแปรญัตติ60วัน

ปธ.สภาฯเมินเสียงฝ่ายค้านให้รับผิดชอบ ปมขอแปรญัตติ60วัน
“สมศักดิ์-นิคม”ประสานเสียงโต้ฝ่ายค้าน หลังกล่าวหาวินิจฉัยญัตติของฝ่ายค้าน ที่เสนอกรอบเวลาการแปรญัตติ 60 วัน ผิดพลาด ยืนกรานวินิจฉัยถูกต้อง  อัดฝ่ายค้านได้คืบจะเอาศอก สั่งทีม ก.ม.ยกร่างคำชี้แจงศาล รธน.  .....เมื่อวันที่ 12 เม.ย. นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าได้ส่งร่างคำร้องของนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา และคณะ มาให้ ส.ส. ส.ว.ที่ถูกร้องฐานกระทำขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 จากการร่วมเข้าชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าส่งมาแล้ว แต่ตนยังไม่เห็นตัวหนังสือ เบื้องต้นได้สั่งการให้คณะกรรมการกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎรไปดูรายละเอียดคำร้อง เพื่อดำเนินการยกร่างคำแถลงชี้แจงข้อกล่าวหาเมื่อถามว่าจะแถลงชี้แจงเป็นรายบุคคลหรือทำทีเดียวพร้อมกันหมด นายสมศักดิ์ตอบว่า ยังไม่มีข้อสรุป ให้เขาไปดูก่อน รวมถึงต้องหารือร่วมกับทาง ส.ว.ด้วย เมื่อถามว่าฝ่ายค้านยืนยันว่าประธานรัฐสภาและรองประธานฯ ต้องรับผิดชอบกับการวินิจฉัยญัตติของฝ่ายค้าน ที่เสนอกรอบเวลาการแปรญัตติ 60 วัน ผิดพลาด นายสมศักดิ์ตอบว่า ยังไม่รู้ว่าทำผิดอะไรตรงไหน อย่ากล่าวหาลอยๆ ชี้ให้ชัดมาเลยว่าตนทำผิดตรงไหน เพราะยืนยันว่าวินิจฉัยโดยยึดหลักข้อบังคับทุกอย่าง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยบอกว่าจะไม่ให้เปิดประชุม พูดแต่ในแนวให้เปิดประชุมเพื่อลงมติอีกครั้ง ไม่อยากให้ผ่าหมาก จนทุกฝ่ายเห็นพ้อง จึงคิดว่าที่ทำไปถูกต้องทุกอย่าง ไม่มีแนวทางไหนดีกว่านี้อีกแล้ว เมื่อถามว่ามองเจตนาของฝ่ายค้านอย่างไร นายสมศักดิ์ตอบว่า ได้คืบจะเอาศอก ไม่เปิดก็ต่อว่าตน พอเปิดก็ว่าอีก ตกลงจะเอาอย่างไร คำก็ถอดถอน สองคำก็จะถอดถอน ถามว่าทำผิดตรงไหน ในเมื่อเสนอญัตติมาแล้วพอนับองค์ประชุมไม่ครบ ญัตติดังกล่าวต้องตกไป แล้วยึดเอาตามข้อบังคับที่กำหนดแปรญัตติภายใน 15 วันด้านนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา กล่าวว่ารับทราบหนังสือจากทางศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และสั่งการให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ส่งร่างคำร้องไปยัง ส.ว.ที่ร่วมเข้าชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกคนแล้ว เบื้องต้นจะขอขยายเวลาส่งคำชี้แจงออกไปก่อน เพราะเพิ่งจะได้รับหนังสือและติดวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ เบื้องต้นไปมอบให้สำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ไปดูรายละเอียดคำร้อง เพื่อยกร่างคำชี้แจง โดยจะทำคำชี้แจงเป็นกลุ่ม จะไม่แยกชี้แจงเป็นรายบุคคล ส่วนกรณีที่นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เลขานุการวิปฝ่ายค้าน เรียกร้องให้ตนและนายสมศักดิ์รับผิดชอบกับการวินิจฉัยที่ผิดพลาดนั้น ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ถอดเทปการประชุมในช่วงนั้นอย่างละเอียดแล้ว เพราะเบื้องต้นชัดเจนแล้วว่าเมื่อผู้เสนอญัตติไม่อยู่แสดงตนในห้องประชุม และองค์ประชุมไม่ครบญัตติต้องตกไป.

ถาวรชมเฉลิมกล้าลงใต้ แนะรมต.อื่นดูตัวอย่าง

ถาวรชมเฉลิมกล้าลงใต้ แนะรมต.อื่นดูตัวอย่าง
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชม เฉลิมกล้าลงใต้ แนะรมต.อื่นดูเป็นตัวอย่าง เหตุมีหน่วยงานที่เกี่ยวโยงกว่า 60 หน่วย หวังรองนายกฯ ลงพื้นที่อีกเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ ...นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่ภาคใต้ กล่าวถึง กรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่ในจังหวัดชายแดนใต้เป็นครั้งแรกหลังถูกมอบหมายงานให้รับผิด ชอบว่า ต้องขอชมที่ ร.ต.อ.เฉลิม ลงพื้นที่ไปปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย แต่ตนอยากให้ รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงอื่นๆ ที่ร่วมรับผิดชอบดูแลการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ดูเป็นตัวอย่าง และต้องลงพื้นที่ไปร่วมแก้ไขปัญหาอย่างเป็นเอกภาพด้วย เพราะงานในการแก้ปัญหาภาคใต้ เกี่ยวโยงกับ 60 กว่าหน่วยงานในหลายกระทรวง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆลงไปดูแล และปัญหาพื้นที่ชายแดนภาคใต้ก็ยังมีอยู่จริง พรรคประชาธิปัตย์จึงมองเห็นว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนใต้เลย เพราะหากตั้งใจปัญหาความรุนแรงต้องลดลง ไม่ใช่เพิ่มมากขึ้น ส่วนใครจะพูดว่าในภาคใต้ไม่มีปัญหาหรือเริ่มคลี่คลายเพราะมีการพูดคุยกับ ตัวแทนกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบแล้ว ก็ต้องตั้งคำถามว่าเดินมาถูกทางหรือไม่อย่างไร และได้พูดความจริงหรือไม่อย่างไร เพราะหากยอมรับความจริงว่ามีปัญหาก็จะแก้ไขได้ตรงจุด ซึ่งครั้งนี้ก็ต้องขอชม ร.ต.อ.เฉลิม ที่ลงมาทำหน้าที่ และหวังว่าจะลงไปอีก เพราะอย่างน้อยก็จะเป็นขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่

เปิดแผนปฏิบัติการ! ตั้งวอร์รูมมอนิเตอร์ใกล้ชิด รับมือคดีพระวิหาร

เปิดแผนปฏิบัติการ! ตั้งวอร์รูมมอนิเตอร์ใกล้ชิด รับมือคดีพระวิหาร
ก่อนที่จะมีการเริ่มต้นขึ้นของการอ่านถ้อยคำแถลงด้วยวาจา ในคดีที่กัมพูชายื่นขอตีความคำตัดสินปี 2505  ที่เกี่ยวข้องกับคดีปราสาทพระวิหารต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 15 - 19 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นที่จับตามองในประเด็นต่างๆ ว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างแน่นอนไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง หลายฝ่ายต่างจับตามองอย่างไม่กะพริบ ทั้งในระดับชาติอย่างรัฐบาลและฝ่ายที่รักชาติไม่ยอมให้เสียดินแดนที่จะเกิดขึ้น และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดความโปร่งใสให้ประชาชนได้ทราบโดยทั่วกันทางเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์ข่าวที่กระทรวงฯ และการรับทราบข้อมูลข่าวสารของประชาชน เรื่องการให้การทางวาจาที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ กรุงเฮก ระหว่างวันที่ 15 – 19 เม.ย. นี้ โดยการถ่ายทอดสดการให้การทางวาจาทางเว็บไซต์ของศาลโลก www.icj-cij.org/homepage ซึ่งจะสามารถรับชมภาพและรับฟังเสียงเป็นภาษาที่ใช้จริงในศาลฯ คือ ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส นอกจากนี้ จะเผยแพร่การให้การฯ ในเว็บไซต์ของสหประชาชาติ webtv.un.org ด้วยทั้งนี้ รัฐบาลมีนโยบายให้ถ่ายทอดสดการให้การทางวาจา พร้อมแปลเป็นภาษาไทยทันทีคำต่อคำ โดยกระทรวงฯ จะถ่ายทอดผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ 1. เว็บไซต์ที่กระทรวงฯ จัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะ ทาง www.phraviharn.org ซึ่งสามารถเลือกฟังเสียงภาษาที่ใช้จริง เสียงภาษาอังกฤษ และเสียงภาษาไทยได้ 2. สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยหรือสถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นบีที 3. สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเอฟเอ็ม 92.5 และ เอเอ็ม 891 4. สถานีวิทยุสราญรมย์ เอเอ็ม 1575 สำหรับกระทรวงการต่างประเทศเองนั้นจะจัดตั้งศูนย์ข่าวที่กระทรวงการต่างประเทศ ถนนศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 14 – 19 เม.ย. โดยเปิดทำการเวลา 13.00 – 01.00 น. ในวันที่ 15, 17 - 19 เม.ย. และ 17.00 – 01.00 น. ในวันที่ 14 และ 16 เม.ย. โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ รับส่งสัญญาณภาพและเสียงผ่านระบบดาวเทียม รวมทั้งแปล เป็นภาษาไทยทันที เพื่อเผยแพร่ทางช่องทางที่กล่าวไว้ พร้อมจัดการเชื่อมสัญญาณภาพและเสียง นอกจากนี้ ศูนย์ข่าวฯ จะส่งสัญญาณภาพและเสียงขึ้นไปยังดาวเทียมไทยคม เพื่อถ่ายทอดให้สถานีโทรทัศน์ต่างๆ สามารถรับสัญญาณได้โดยตรงอีกทางหนึ่งด้วยนอกจากนี้ยังได้ถ่ายทอดการสัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ กำหนดให้มีขึ้น 2 ช่วง ได้แก่ เวลา 22.30 – 23.30 น. สำหรับการแถลงข่าวประจำวัน และการสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงที่เดินทางไปศาลโลก และเวลา 22.30  – 24.00 น. สำหรับการให้ข้อมูลเพิ่มเติม และตอบคำถามสื่อมวลชนโดยเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทยในการต่อสู้คดีฯ ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถรับฟังได้ทางเว็บไซต์ และเผยแพร่เอกสารสาระสำคัญของการให้การทางวาจาในแต่ละวันผ่านเว็บไซต์  www.phraviharn.org และสถานีวิทยุสราญรมย์อีกด้วยส่วนที่ทำเนียบรัฐทำเนียบนั้น ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมกรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่ทำเนียบรัฐบาล โดยจะตั้งวอร์รูมระหว่างวันที่ 15-19 เมษายนที่ห้องปฏิบัติการตึกไทยคู่ฟ้า ชั้น 2 ซึ่งมีนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าติดตามสถานการณ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล ไว้ใช้สำหรับเชื่อมต่อสัญญาณการถ่ายทอดสดจากวอร์รูมของกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ก็จะมีการแปลเอกสารและทำความเข้าใจกับประชาชนพร้อมทั้งประเมินสถานการณ์เป็นระยะอีกด้วยจะเห็นจากกำหนดการที่ได้มีการชี้แจงและการเตรียมความพร้อมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งฝ่ายกระทรวงต่างประเทศและที่ทำเนียบรัฐบาล ว่าฝ่ายภาครัฐเองนั้นได้ตระเตรียมกระบวนการทุกอย่างที่ประชาชนผู้สนใจได้ติดตามความคืบหน้าของการรายงานสถานการณ์อย่างติดขอบเวที นับว่าเป็นเรื่องดีทีเดียวที่ทุกคนจะได้เห็นการรายงานสดอย่างไม่ถูกบิดเบือนจากคนนำเสนอต่อๆไป อย่างไรก็ตาม ที่น่าจับตามองอีกอย่างหนึ่งคือท่าทีของกลุ่มพันธมิตรฯ เองที่เคยออกมากร้าวว่าไม่ยอมจะเสียดินแดนให้ใคร หากคำพิจารณาออกมาไม่เป็นคุณกับฝ่ายไทย อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้จึงจำเป็นต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะทำให้วันหยุดสงกรานต์เป็นการเมืองร้อนๆ อีกหรือเปล่า. 

Thursday, April 11, 2013

กอ.รมน.ภาค4 สรุปผลดับไฟใต้6เดือน โวทำงานได้ผล

กอ.รมน.ภาค4 สรุปผลดับไฟใต้6เดือน โวทำงานได้ผล
กอ.รมน.ภาค 4 สรุปผลดับไฟใต้ 6 เดือน โวทำงานได้ผล เบรกโจรผลิต แนวร่วม” รุ่นใหม่ ทำคนใต้เลิกระแวง จนท. ต่อต้านโจรใต้ใช้ความรุนแรง คุยยึดปืน-กระสุน-ระเบิด-ยาเสพติดได้เพียบ... เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2556 พล.ท.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวสรุปผลการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ว่า การแก้ไขปัญหาได้ดำเนินการงานด้านความมั่นคง งานพัฒนา และงานยุติธรรมควบคู่กันไป โดยการรักษาความปลอดภัย ชีวิตและทรัพย์สิน และภัยแทรกซ้อนได้มีการบูรณาการงานการข่าว รวบรวมหลักฐานและเก็บสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) จำนวน 478 ครั้ง สามารถนำประกอบสำนวนคดี 603 คดี และสามารถตรวจยึดอาวุธปืน 68 กระบอก ยึดเครื่องกระสุน อุปกรณ์ประกอบระเบิด ยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังรักษาความปลอดภัยเป้าหมายเชิงสัญลักษณ์ เช่น ชุมชนเมือง รถไฟ เส้นทางหลัก วัด พระ ครู โรงเรียนและชุมชนไทยพุทธ นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มกล้องซีซีทีวี และระบบด่านตรวจในพื้นที่ ลาดตระเวนตรวจสอบจุดล่อแหลม ตลอดจนประชาสัมพันธ์ไม่ให้มีการจอดรถทุกชนิดบนไหล่ทาง และฝึกอบรมเยาวชนกลุ่มเสี่ยง เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง พล.ท.ดิฏฐพร กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ดำเนินการในด้านสุขภาพด้วยการจัดแพทย์และชุดทันตกรรมเคลื่อนที่ หมอเดินเท้า ด้านการส่งเสริมรายได้นั้นได้จัดตั้งร้านค้าประจำอำเภอสามารถสร้างรายได้ในพื้นที่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ของรายได้เฉลี่ยต่อคน และยังมีการดำเนินการตามโครงการศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและฟาร์มประจำตำบล ส่วนการอำนวยความยุติธรรมสามารถขับเคลื่อนการดำเนินการตามมาตรา 21 พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ได้เรียบร้อยแล้ว 2 ราย โดยผู้ผ่านกระบวนการนี้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ปัจจุบันมีผู้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ 1 ราย และอยู่ในขั้นการสอบสวน 1 ราย โฆษก กอ.รมน.กล่าวต่อว่า ด้านสิทธิมนุษยชนและสร้างความเข้าใจ ได้จัดชุดวิทยากรการเมืองเคลื่อนที่เข้าให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ด้วยการเปิดเวทีชาวบ้าน 26 ครั้ง ใน 26 ชุมชน ส่งผลให้ประชาชนออกมาต่อต้านการใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 แจ้งข่าวสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และจำนวนเรื่องร้องเรียนเจ้าหน้าที่รัฐลดลงร้อยละ 20 ส่วนการสกัดกั้นการบ่มเพาะในสถานศึกษา 48 โรงเรียน ได้จัด 4 กิจกรรมหลัก และ 9 กิจกรรมเสริม “สรุปผลการดำเนินการในภาพรวม บุคลากรและเยาวชนในสถานศึกษามีทัศนคติที่ดีขึ้น ความหวาดระแวงลดลง และเข้าใจการดำเนินงานของหน่วย ซึ่งน่าจะสามารถจำกัดการจัดตั้ง หรือผลิตสมาชิกรุ่นใหม่ พล.ท.ดิฏฐพร กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ เรายังมีโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ร่วมเสริมสร้างสันติภาพ โดยการนำผู้ที่เข้ารายงานตัวตามโครงการพาคนกลับบ้าน จำนวน 257 คน มาดำเนินกรรมวิธีและอบรม เพื่อจัดตั้งเป็นแกนนำในการชักจูงผู้ที่ยังหลบหนีให้กลับเข้ามารายงานตัว ซึ่ง กอ.รมน.ขอย้ำว่า การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในด้านต่างๆ ดังกล่าว จะต้องดำเนินการควบคู่กันไป โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชน.

นิด้าโพลเผยยังไม่มีใครเหมาะสมนั่งนายกฯคนต่อไป

นิด้าโพลเผยยังไม่มีใครเหมาะสมนั่งนายกฯคนต่อไป
นิด้าโพล เผยคนส่วนใหญ่ 53.51 % ยังไม่เห็นใครเหมาะสมเป็นนายกฯคนต่อไป หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง มีแค่ 8.87 % มองว่า เหลิม ตามมาด้วยพงศ์เทพและเจ๊แดง ด้านนักวิชาการชี้ไทยยังไม่ประชาธิปไตยอย่างเต็มที่ ทำให้คนที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศต้องเป็นเจ้าของพรรคเท่านั้น...เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2556 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง อุบัติเหตุทางการเมืองกับนายกคนต่อไป ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4 – 5 เม.ย. จากประชาชนทั่วประเทศ ทุกภูมิภาค จำนวน 1,252 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ ค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานไม่เกินร้อยละ 1.4 โดยความคิดเห็นของประชาชนต่อบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.51 ระบุว่า ยังไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป รองลงมาร้อยละ 8.87 เป็นร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง  ร้อยละ 4.71 เป็นนายพงศ์เทพ  เทพกาญจนา ร้อยละ 4.23 เป็นนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ร้อยละ 3.67 เป็น พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต  ร้อยละ 1.12 เป็น นายจารุพงศ์  เรืองสุวรรณ  ร้อยละ 1.68 เป็นใครก็ได้  (ฝ่ายรัฐบาล/สมาชิกพรรคเพื่อไทย) ที่สามารถทำให้ประเทศชาติเจริญ และร้อยละ 22.20 ไม่ทราบ ไม่แน่ใจ ด้านศ.ดร.บรรเจิด  สิงคะเนติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับผลการสำรวจในครั้งนี้เพิ่มเติมว่า จากผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า ในระบอบการเมืองไทยนั้นยังไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง การที่ใครจะขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศได้นั้น จะต้องเป็นเจ้าของพรรค ซึ่งผู้นำไม่ได้เกิดขึ้นมาจากระบบการเติบโต จึงควรจะต้องมาจากการแข่งขันจากความสามารถมากกว่า จึงทำให้ประชาชนยังมองไม่เห็นผู้ที่จะสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศได้ ส่วนคะแนนความนิยมคนอื่นๆ ถือว่าน้อยมาก

ยะใสชี้ไฟใต้ส่อคล้ายปมไทย-กัมพูชา แนะปัดฝุ่นข้อเสนอ กอส.

ยะใสชี้ไฟใต้ส่อคล้ายปมไทย-กัมพูชา แนะปัดฝุ่นข้อเสนอ กอส.
ยะใส ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ชี้ไฟใต้ส่อคล้ายปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จวกเจรจาเหลว ซ้ำกลายเป็นเงื่อนไขใหม่ของความรุนแรง แนะปัดฝุ่นข้อเสนอ กอส. ก่อนทุกอย่างจะสายเกินแก้...วันที่ 11 เม.ย. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ตนเห็นว่าระดับความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นกว่าสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตั้งแต่ปี 47 ที่เหตุการณ์เสียชีวิตรายวันไม่ลดลง แต่ยังขยายวงกว้างขึ้น ดูเหมือนระดับการก่อความรุนแรงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนให้เห็นว่า การเจรจานอกจากจะไม่บรรลุผลแล้ว ยังกลายเป็นเงื่อนไขใหม่ของความรุนแรง และชัดเจนว่ามาเลเซียไม่ได้ใส่ใจต่อแผนเจรจาเท่าที่ควร เอาเรื่องนี้ไปโยงกับการเลือกตั้ง ขาดความแน่นอน และความต่อเนื่อง เช่นเดียวกับทางการไทย ที่ทำให้การเจรจาขาดความน่าเชื่อถือ เพราะฝ่ายการเมืองขาดเจ้าภาพ หรือผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ไร้ความสามารถ นายกฯ ก็ไม่มีความรู้ หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปอย่างนี้ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จะซ้ำรอยปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ถืออำนาจอธิปไตยในนามเท่านั้นนายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน แผนการเจรจาถ้ายังไม่สามารถขยายวงได้มากกว่ากลุ่มบีอาร์เอ็น เมื่อการเจรจาก็ไม่มีความหวังอะไร พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. เป็นได้แค่หนังหน้าไฟของความล้มเหลว รับหน้ายื้อสถานการณ์ไปวันๆ ความล้มเหลวของรัฐบาลชุดนี้ผิดตั้งแต่โครงสร้าง ครม. ที่ไม่ได้รองรับการแก้ปัญหาไฟใต้ มองเรื่องนี้เป็นปัญหาปลายแถว และปล่อยให้คนที่เป็นจำเลยสร้างปัญหา อย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ มามีบทบาทในการเจรจา ทำให้ทุกอย่างล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ดังนั้นแนวทางคลี่คลายสถานการณ์เฉพาะหน้านอกจากต้องปลด ร.ต.อ.เฉลิม รัฐบาลควรทบทวนยุทธศาสตร์การแก้ปัญหา เอารายงานข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) กลับมาทบทวน และทำเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้.

Wednesday, April 10, 2013

อภิสิทธิ์ซัดรัฐ เลื่อนถกบีอาร์เอ็นไม่เป็นผลดีต่อไทย

อภิสิทธิ์ซัดรัฐ เลื่อนถกบีอาร์เอ็นไม่เป็นผลดีต่อไทย
“มาร์ค” ไม่เชื่อเหตุเลื่อนถกบีอาร์เอ็น แนะนายกฯ หนีความรับผิดชอบไม่ได้ ซัดรัฐทำนโยบายสับสน ไล่ “เฉลิม” กลับไปถามรัฐบาลเอง...วันที่ 10 เม.ย. พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเลื่อนการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็น ในวันที่ 29 เม.ย. 56 ออกไปโดยไม่มีกำหนดว่า รัฐบาลต้องมีจุดยืนที่ชัด เพราะไม่มีเหตุผลในการเลื่อนการเจรจา เพราะคนกลางที่อำนวยความสะดวก ก็ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งของมาเลเซีย ที่สำคัญสถานการณ์ในขณะนี้ ความเสี่ยงอยู่ที่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ต่างหากที่มีมาก หากจะปล่อยให้ยืดเวลาออกไปอีก คงไม่ถูกต้อง ทั้งที่ตัวแทนบีอาร์เอ็น ควรจะมาชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และส่วนตัวก็ไม่แน่ใจว่า การที่อ้างว่ามาเลเซีย ติดการเลือกตั้งเป็นเหตุผลที่แท้จริงหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวก็สงสัยว่าทำไมต้องเลื่อน เพราะไม่เป็นผลดีกับประเทศ ทาง สมช.และรัฐบาลต้องยืนยัน ที่จะพูดคุยตามกรอบเวลาเดิม และรัฐบาลไม่ควรมีแนวคิดเอาความมั่นคงของประเทศไทย ไปอิงกับการเมืองของประเทศมาเลเซีย เพราะเป็นปัญหาของประเทศไทย และเป็นความเสี่ยงเป็นของคนไทย เมื่อรัฐบาลตัดสินใจที่จะพูดคุยก็ต้องเดินหน้าต่อ เนื่องจากที่ผ่านมา ผลที่ออกมามีการยกระดับความรุนแรง ทำในเชิงสัญลักษณ์ไปแล้ว จึงต้องแก้ปัญหาต่อ นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวไม่อยากให้นายกฯ คิดแต่เรื่องของการเมือง หรือการลอยตัวออกจากปัญหา เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง แต่ขอให้คิดถึงความรับผิดชอบในตำแหน่ง และความรับผิดชอบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ เพราะนายกฯ สามารถดูแลฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้กำหนดนโยบายสูงสุด ปัญหาที่เกิดขึ้นรุนแรงขนาดนี้ นายกฯจำเป็นต้องเข้ามาแก้ไขเอง อย่าคิดว่าถ้าไม่ยุ่งเกี่ยวก็ไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะที่สุดก็หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ จึงควรตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ และดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนมากกว่า ที่จะคิดถึงประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี บอกจะพานายอภิสิทธิ์ลงพื้นที่ภาคใต้ด้วยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไปเองได้ และ ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ต้องมาดูแล และเห็นว่าปัญหาที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะลงหรือไม่ลงพื้นที่ภาคใต้เป็นเรื่องเล็กไปแล้ว แต่ประเด็นที่ว่า นายกฯ มอบหมายงานให้คนที่ไม่พร้อมลงพื้นที่ ที่สะท้อนปัญหาเรื่องความเหมาะสม ประสิทธิภาพ การบังคับบัญชา กระทบเอกภาพในการแก้ปัญหา เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะรัฐบาลใช้นโยบายการเมืองนำการทหาร จนอาจกลายเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลกำลังเปลี่ยนแปลงแนวทางการแก้ปัญหา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถือเป็นตัวอย่างความสับสนในนโยบายของฝ่ายปฏิบัติว่า รัฐบาลมีนโยบายอย่างไร เพราะในวันที่ยืนยันว่าจะคุยสันติภาพก็บอกการเมือง นำการทหาร แต่วันนี้ กลับพูดอีกอย่าง จึงไม่ทราบว่าใครบังคับบัญชาใคร ไม่รู้จะมีผลในทางปฏิบัติหรือไม่ อีกทั้งที่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า กลุ่มก่อความไม่สงบไม่รักษาคำพูดนั้น ก็ต้องถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะแนะนำรัฐบาลอย่างไร ในการที่จะไปพูดคุยกับคนที่ไม่รักษาคำพูด ก็ต้องไปถามรัฐบาลของตัวเองว่าจะพูดกันต่อหรือไม่ แต่ถ้าถามตนก็เห็นว่าจำเป็นต้องคุยต่อ โดยกำหนดแนวปฏิบัติที่จะลดความรุนแรงให้ชัดเจนเป็นรูปธรรมก่อน.

เมื่อนายกฯปูกลายเป็นนายกฯป๔ อิทธิพลโซเชียลฯ ทำเซเลบเจ็บแบบไม่ตั้งใจ

เมื่อนายกฯปูกลายเป็นนายกฯป๔ อิทธิพลโซเชียลฯ ทำเซเลบเจ็บแบบไม่ตั้งใจ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ที่ทำให้ นักข่าวคนดัง อย่าง น.ส.วาสนา นาน่วม ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการนักข่าวว่า มีความเจนจัดโดยเฉพาะในเรื่องของทหาร กองทัพ ที่หาตัวจับได้ยาก ถึงต้องยอมออกมาขอโทษกับสังคม อย่างใหญ่โตในโลกโซเชียลมีเดีย เพียงกับประเด็นที่พิมพ์แป้นพิมพ์ส่งข่าวผิด  จากที่ต้องการพิมพ์ คำว่า นายกฯปู แต่ด้วยความรีบเร่งที่ต้องการรายงานข่าว นิ้วไปจิ้มแป้นพิมพ์ ในโทรศัพท์มือถือผิดแบบไม่ตั้งใจ จนกลายเป็น นายกฯป๔ ทำให้ถูกกระแสกลุ่มแฟนคลับนายกฯ หญิง รุมถล่มอย่างหนัก ร้อนจนเจ้าตัวต้องรีบออกมาโพสต์ข้อความเพื่อแก้ไข และ ขอโทษ แบบที่เรียกว่ายาวเหยียด เป็นเรื่องเป็นราว เลยก็แล้วกัน  หมายเหตุแห่งความผิดพลาด.....เนื่องจากความรีบเร่งในการโพสต์ เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เมื่อคืนในงานวันกองทัพอากาศ จึงทำให้จิ้มผิด จาก นายกฯปู เป็น นายกฯป๔ ส่งผลให้ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรุนแรง ...วาสนา เพิ่งมาเห็นตอนเช้า ยังตกใจในความผิดพลาดของตัวเอง...วาส ต้องขออภัยในความผิดพลาด จากการจิ้มไอโฟนผิด อยู่ในงานไฟไม่สว่างนัก แล้วไม่ได้ตรวจดูก่อนโพสต์ เพราะใช้เวลาระหว่างการทำข่าว ถ่ายรูป สั้นๆ ในการรีบโพสต์ภาพ เลยไม่ได้ทันมอง ที่สำคัญ ได้ก๊อบปี้ข้อความเดียวกัน ไว้เพื่อโพสต์ใน ทวิตเตอร์ ด้วย จึงทำให้เขียนผิด ทั้งสองอย่าง ทำให้ดูเหมือนวาสนาตั้งใจ แต่หากดูทั้งประโยค วาสพิมพ์ผิดหลายจุดมาก บางทีตอนพิมพ์ก็ไม่ผิด แต่พอมาโพสต์แล้ว บางอักษรกลายเป็นขยะ ก็มีเกิดขึ้นบ่อยๆ แต่ก็ต้องยอมรับในความผิดของตัวเอง ที่สัญญาว่า ต่อไปจะระวัง จะอ่านทบทวนก่อน ไม่รีบ เพราะอยากจะให้แฟนๆ รับทราบข่าวและภาพทันเหตุการณ์ อยากย้ำว่า วาส เป็นนักข่าว ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินคนอื่น หรือดูถูกคนอื่น แบบนี้ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ต่อให้เป็นชาวนา เป็นคนกวาดถนน เก็บขยะ ของเก่า ที่แม้เขาอาจจะไม่ได้เรียนแม้แต่ ป.๔ วาสนาก็ไม่มีสิทธิ์ไปตำหนิเขา เพราะบางทีประสบการณ์ชีวิตของคนเหล่านี้ มีค่าสูงส่ง กว่าปริญญาตรี หรือปริญญาโท ที่วาส ร่ำเรียนมาเสียอีก ที่สำคัญ วาส เป็นคนเคร่งครัดในจุดยืน ที่ไม่เข้าข้างใคร มองทุกอย่างตามเนื้อผ้าและข้อมูล แฟนๆ เพื่อนๆ น่าจะเข้าใจ ไม่อย่างนั้น เพื่อนๆ ของวาส ก็คงไม่มีหลากหลายสี เช่นนี้ ดังนั้น ถ้าเวลา วาส พิมพ์ผิด ก็ได้โปรดเข้าใจ อย่าเอามาเป็นประเด็น แล้ววิพากษ์กันต่ออย่างรุนแรง หรืออย่างน้อยก็พิมพ์เตือนมาก็ยังดี ผ่าน Direct Message ที่วาส จะอ่านทุกข้อความ... แต่ต่อไป วาส จะรอบคอบมากขึ้น และจะพยายามเข้ามาอ่านโพสต์และคอมเมนต์ต่างๆ แต่เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่มีเวลาจริงๆ อีกทั้งมีคอมเมนต์เข้ามามาก ก็ตอบไม่หมด  งานนี้ วาส ได้บทเรียนหลายเรื่อง ในเรื่องของโซเชียล มีเดีย และทำให้ตนเองต้องปรับเรื่องความรอบคอบ ไม่อย่างนั้นจะเสียหายและบานปลาย แถมส่งผลให้เพื่อนๆ แฟนๆ เข้าใจผิดในตัว วาส ไปด้วย ...วาส เป็นคนตรงๆ เวลาเห็น นายกฯ ปู สวย ก็บอกว่า สวย วันไหนได้เจอ แล้วหน้านายกฯ โทรมๆ ฟูๆ ก็จะบอกว่า หน้าเหมือน เจ๊แดง ถ้าเจอ พี่มาร์ค อภิสิทธิ์ ก็จะบอกว่า หล่อตลอด แต่ก็จะมองว่า มีฝ้าขึ้นมาแผ่นใหญ่ ทำให้หมองไปบ้าง...อย่างน้อยเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ก็มั่นใจได้ว่า ยังมีนักข่าว อย่าง วาส หลงเหลืออยู่ อย่าให้ต้องเกลียด ไม่ชอบ หรือรักใครตามที่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ต้องการเลย....ปล่อยให้นักข่าวได้มีพื้นที่ยืนตรงกลาง อย่ากดดันให้ไปอยู่ฝั่งไหนเลยนะคะ จะได้มีนักข่าวทำหน้าที่แบบไร้ข้อจำกัด และมอง วิเคราะห์ แบบไม่ติดเรื่องขั้วอำนาจหรือสี วาส เชื่อมั่นและภูมิใจในตัวเองมาตลอดว่า วาส ทำได้ และทำได้ดีพอสมควร ทุกวันนี้ ดูได้ทั้ง ทีวี.เหลือง ทีวี.แดง หนังสือพิมพ์หัวสีต่างๆ เพื่อศึกษา และดูว่าแต่ละฝ่ายคิดและจะทำอะไรกัน....อยากให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ยังไม่เลือกข้าง ให้ยืนอยู่ตรงกลาง จะทำให้เรามองภาพการเมืองและวิเคราะห์ได้ถูก และศึกษามันอย่างสนุก และน่าสนใจ ส่วนคนที่เลือกข้างแล้ว ก็ไม่ว่ากัน เพราะทุกคนย่อมมีเหตุผลของตนเอง แต่จะดีมาก ถ้าเราจะเปิดใจมองคนที่เราเกลียด หรือมองคนที่เรารัก ในมุมอื่นบ้าง ทุกคนย่อมมี Dark side และก็ย่อมมีส่วนดีในตัวเอง อยู่ที่ว่าเราจะมองด้านไหน การละโลภความเกลียดชังมากมาย หรือรักสุดหัวใจ ลงบ้าง จะทำให้จิตใจเราผ่อนคลายขึ้น ทนฟังคนเห็นต่าง คนเห็นต่างหรือต่างสี เป็นเพื่อนพี่น้องได้ เริ่มจากเรื่องแค่นี้ แล้วไม่นานสังคมไทยจะค่อยๆ ดีขึ้น ความคิดเห็น ขั้วสีมีได้ แต่อย่าเอามาเป็นกำแพงกีดกั้นมิตรภาพ จากคนต่างสี หรือทำให้มองคนคิดต่าง เป็นศัตรู ยอมรับและให้เกียรติในการเลือกข้าง เลือกสี แต่ไม่ต้องเป็นศัตรูกัน แล้วช่วยกันตรวจสอบทุกสี ทุกขั้ว โดยยึดความถูกต้อง และชาติ เป็นหลัก...วาส เชื่อว่า เราจะอยู่กันใน เฟซบุ๊ก อย่างมีความสุข  แล้ว วาส ก็ขอยืนยันว่า วาส จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด บางครั้งมี ซีเรียส บางครั้งก็มีขำๆ ผ่อนคลาย ในหน้าเพจ มีเรื่องส่วนตัว เพื่อนฝูงบ้าง เพราะเฟซบุ๊กมันเป็นเวทีส่วนตัว ที่บางทีอาจทำให้คนที่อยากบริโภคแต่ข่าวสาร รำคาญบ้าง แต่โปรดทำใจ.... ถ้าคุณๆ ยอมรับ นักข่าวอย่าง วาส ที่คุณๆ อาจงงๆ ว่าสีไหน จะเหลืองก็ไม่เหลือง จะแดงก็ไม่เชิงจะโปรดทหาร หรือไม่ชอบทหาร หรือทำไมทหารไม่ชอบ ชอบด่าวาส คนนี้ได้ คุณจะอ่านเพจนี้อย่างมีความสุขและได้ความรู้ ค่ะ เพราะวาส ไม่ใช่พวกไหน สีไหน แต่จะอยู่เคียงข้างทุกคนทุกสี เมื่อมีจุดร่วมแห่งความถูกต้อง ค่ะ.....จบข่าวทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ได้ลองตรวจสอบแป้นพิมพ์ที่อยู่ในเครื่องโทรศัพท์ไอโฟน เห็นได้ชัด โดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้งานเป็นประจำจะทราบดีว่า แป้นพิมพ์ สระ  ู กับเลข๔ อยู่ชิดติดกันมาก ทั้งมีขนาดเล็ก ทำให้นิ้วจิ้มลำบากยอมรับว่า มีโอกาสเสี่ยงที่จะพิมพ์ผิดสูง ประกอบกับ คนทำงานอาชีพนักข่าว ก็แน่นอนว่า ต้องมีหน้าที่รายงานข่าว ที่เกิดขึ้นในสนามให้พี่น้องประชาชน ได้ทราบทุกความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วที่สุด  ยิ่งปัจจุบันโลกของเรามีเทคโนโลยี ที่ทันสมัย สามารถเข้าถึง ข้อมูลข่าวสารแพร่หลายไปได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมไปทั้งโลก ทั้ง เฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์ โดยหากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับบุคคลธรรมดา ก็คงไม่มีผลกระทบมากนั้น แต่พอมาเกิดกับคนดังอย่าง วาสนา ก็กลับกลายเป็นเรื่อง เป็นราวใหญ่โต  เชื่อว่า สังคมในโลกโซเชียลฯ โดยเฉพาะกลุ่มแฟนคลับที่ชื่นชอบในตัว นายกรัฐมนตรี คงให้อภัย และไม่เก็บเอาเรื่องนี้มาใส่ใจแน่ แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นสื่อมวลชนด้วยกัน ก็คงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ นอกจากอยากจะเตือนไปถึงเหยี่ยวข่าว ทั้งในสนามและนอกสนามข่าวทุกคน  ต้องมีความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด ในการรายงาน หรือ ส่งข่าวมากที่สุด เพราะด้วย เทคโนโลยี สื่อสารในโลกยุคปัจจุบัน จะว่าไปก็เหมือนเป็นดาบสองคม ถึงแม้ จะรายงานได้รวดเร็ว ชนิดที่เรียกว่าถ่ายทอดสด แต่หากข้อมูลที่นำเสนอออกไปเกิดผิดพลาด หรือ สื่อสารไปผิดความหมาย ไม่ว่า ตั้งใจ หรือ ไม่ตั้งใจ ก็ตาม  ก็อาจทำให้ประชาชนเกิดการเข้าใจผิด กลายเป็นเรื่องใหญ่โตระดับประเทศ ที่ต้องตามแก้ข่าวจนวุ่นวายในภายหลังได้ ดังนั้น สิ่งที่สำคัญอีกอย่าง ที่ขาดไม่ได้ในการทำข่าว ก็คือ การตรวจทานเนื้อข่าวหลายๆ ครั้ง ด้วยว่า มีเนื้อหาถูกต้อง หรือไม่ อย่างไร? ถึงแม้เข้าใจว่า งานข่าวปัจจุบัน มันต้องแข่งขันกันมาก ทั้งเวลาและตัวบุคคล แต่การเช็กข่าวก่อนส่ง ก็มีความสำคัญไม่อาจที่จะให้ความละเลยได้ เพราะต้องไม่ลืมว่า นั่นหมายถึงเครดิต และหน้าตา ขององค์กรข่าวนั้นด้วยว่าน่าเชื่อถือระดับใด ที่ว่ามาทั้งหมดไม่ได้มีเจตนาจะตำหนิใคร... ก็ขอให้นำกรณีตัวอย่างนี้ ยกเป็น อุทาหรณ์ เตือน เหล่า นกน้อยในไร่ส้ม หรือคนที่ไม่ใช่ก็ตาม ให้ต้องมีการตรวจทาน ก่อนที่จะนำข้อมูลชิ้นนั้นนำเสนอออกสู่สาธารณชน....

อารีเพ็ญ ชี้ BRN ยังไม่ได้รับปากลดเหตุรุนแรง

อารีเพ็ญ ชี้ BRN ยังไม่ได้รับปากลดเหตุรุนแรง
นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาดับไฟใต้ ชี้ กลุ่มบีอาร์เอ็น ยังไม่ได้รับปากจะลดเหตุรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ คาด ถกครั้งต่อไปจึงจะมีคำตอบ รับ ช่วงนี้กลุ่มวาดะห์ต้องระวังตัว...เมื่อวันที่ 11 เม.ย.นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาดับไฟใต้ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และหนึ่งในสมาชิกกลุ่มวาดะห์ ให้สัมภาษณ์ ไทยรัฐออนไลน์ ยืนยันสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่เกิดความรุนแรงมากขึ้นในระยะนี้ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความพยายามพูดคุยระหว่างรัฐบาลไทยและกลุ่มบีอาร์เอ็น เพราะหากจะสังเกตให้ดี ในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ก็มักจะเกิดเหตุรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ค่อนข้างถี่เป็นประจำทั้งนี้ อยากให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทน อย่าใจร้อน และมุ่งจับประเด็นแต่เฉพาะเหตุร้ายรายวัน เพราะธรรมดาของการพูดคุย จำเป็นต้องใช้เวลา และการพูดคุยเท่าที่ผ่านมา ก็ยังไม่ได้เป็นเรื่องเป็นราวอะไรมากมาย แต่อย่างไรก็ดี ตนเองมีความเชื่อมั่นว่า ตั้งแต่เริ่มมีการพูดคุยกัน ทิศทางการแก้ไขปัญหาจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน    นอกจากนี้ เท่าที่ตนเองได้รับทราบข้อมูลมา ในการพูดคุยครั้งล่าสุด ระหว่าง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นนั้น ทางกลุ่มบีอาร์เอ็นยังไม่ได้รับปากว่าจะลดความรุนแรงลงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ตามที่ทางฝ่ายไทยเสนอไป เพียงแต่รับว่าจะนำข้อเสนอดังกล่าว ไปหารือกับองค์กรของเขาเท่านั้น เพราะผู้แทนที่เข้าพูดคุยคงไม่สามารถตัดสินใจทันทีทันใดในระหว่างการหารือได้ อย่างไรก็ดีเท่าที่ตนเองทราบ คาดว่าในการพูดคุยครั้งต่อไปที่กำลังจะเกิดขึ้น ทางกลุ่มบีอาร์เอ็นจะมีคำตอบในเรื่องดังกล่าวแน่นอน ขณะที่มุมมองของกลุ่มบีอาร์เอ็น ต่อการพูดคุยที่เกิดขึ้นนั้น นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า ต้องเข้าใจก่อนว่า กลุ่มบีอาร์เอ็นในขณะนี้ ฝ่ายปฏิบัติกับฝ่ายที่เป็นองค์กรนำ การสื่อกันยังไม่ถึง และต้องไม่ลืมว่าในขบวนการใดก็ตาม ย่อมมีกลุ่มๆ หนึ่งที่เป็นพวกแตกแถว แต่อย่างไรก็ดี กลุ่มแตกแถวที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยนั้น เมื่อคนส่วนใหญ่เขาไม่เอาด้วย นานๆ ไปก็ย่อมจะสูญสลายไป เช่น กรณีกลุ่มอาบูไซยาฟ ในประเทศฟิลิปปินส์ ส่วนกลุ่มบีอาร์เอ็นที่กำลังพูดคุยกับฝ่ายรัฐบาลไทยอยู่ในขณะนี้ สามารถสั่งการกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้หรือไม่นั้น แกนนำกลุ่มวาดะห์กล่าวยอมรับว่า อาจจะไม่สามารถสั่งการได้ทั้งหมด แต่ก็ถือว่าเป็นองค์กรนำ ที่สามารถลดจำนวนผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่ลงได้มากเกินกว่าครึ่งหนึ่ง  ทั้งนี้ นายอารีเพ็ญ ยอมรับว่า หลังเกิดเหตุคนร้ายยิงเอ็ม 79 ใส่นายนัจมุดดีน อูมา เป็นต้นมา ทำให้สมาชิกกลุ่มวาดะห์ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น แต่สมาชิกกลุ่มวาดะห์เองก็เหมือนกับประชาชนส่วนใหญ่ที่ต้องการให้เกิดสันติภาพขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ส่วนใครจะเกิดไม่พอใจอะไร อย่างไร ก็คงไปห้ามไม่ได้ แต่ต้องเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง ฝ่ายที่ไม่พอใจการพูดคุยนั้น ไม่ได้มีเพียงแต่กลุ่มก่อความไม่สงบแต่เพียงฝ่ายเดียว ฝ่ายสายเหยี่ยวของรัฐเอง ก็คงเป็นฝ่ายที่จะต้องจับตาดูอยู่เช่นกัน

Tuesday, April 9, 2013

ครั้งแรกสภาไทย จับสลากชิงรองปธ.วุฒิฯ สุดท้ายอนันต์เข้าวิน

ครั้งแรกสภาไทย จับสลากชิงรองปธ.วุฒิฯ สุดท้ายอนันต์เข้าวิน
ครั้งแรกประวัติศาสตร์รัฐสภาไทย จับสลากชิงตำแหน่ง รอง ปธ.วุฒิ เหตุลงคะแนนรอบ 2 เท่ากัน 2 คน สุดท้าย อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ ส.ว.สุรินทร์ ดวงดีกว่า จับสลากเข้าวิน ได้เป็นสมใจ...  วันที่ 9 เม.ย. ที่รัฐสภา โดยวันนี้มีการนัดประชุมวุฒิสภา ซึ่งมีวาระการเลือกรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 แทนนางพรทิพย์ โล่ห์วีระ จันทร์รัตนปรีดา ส.ว.ชัยภูมิ ที่ลาออก โดยเปิดให้ผู้สมัครทั้ง 4 คน ได้แก่ นายวิทยา อินาลา ส.ว.นครพนม นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว. อุตรดิตถ์ นพ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ ส.ว.สุรินทร์ และ น.ส.สุมล สุตะวิริยวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี แสดงวิสัยทัศน์ไว้ จากนั้นจึงลงคะแนนด้วยวิธีลับ ปรากฏว่า นางนฤมลได้ 54 คะแนน นพ.อนันต์ ได้ 39 คะแนน น.ส.สุมล ได้ 37 คะแนน และนายวิทยาได้ 11 คะแนน จึงไม่มีใครได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง ต้องมีการลงคะแนนกันใหม่ในรอบที่ 2 ปรากฏว่า นางนฤมล และ นพ.อนันต์ ได้ 68 คะแนนเท่ากัน ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ข้อ 6 (3) วรรค 2 ถ้าการลงคะแนนในรอบ 2 ผู้ที่ชิงตำแหน่งมีคะแนนเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมจับสลากเลือกรองประธาน ผลปรากฏว่า นพ.อนันต์ เป็นผู้จับสลากได้ และได้เป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 คนใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์รัฐสภาไทย ที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งมีคะแนนเท่ากัน ในรอบสอง จนต้องใช้วิธีจับสลากแบบนี้ ทั้งนี้ น.พ.อนันต์ ได้แสดงวิสัยทัศน์ตอนหนึ่งว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งเถียงกันเรื่องที่มาของ ส.ว. เพราะเรามีหน้าที่ ต้องทำอย่างมุ่งมั่น ให้เหมาะกับคำว่า ผู้ทรงวุฒิ ส.ว.เรามีผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในหลายๆ ด้าน แต่เรายังทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ ฉะนั้น ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ ต้องเป็นบุคคลที่เป็นกลาง สามารถควบคุมการประชุมให้มีคุณภาพได้ ที่สำคัญต้องรักษาเกียรติของวุฒิสภาได้ อย่างไรก็ตาม ในเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก่อนการประชุมวุฒิสภา กลุ่มชมรมสมาชิกรัฐสภาสตรีได้แจกเอกสารเปิดผนึกเรียกร้องให้ ส.ว.สนับสนุน ส.ว.สตรี ขึ้นมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว.

นายกฯร่วมงานวันทอ.ย้ำรบ.พร้อมหนุนเพิ่มขีดความสามารถ

นายกฯร่วมงานวันทอ.ย้ำรบ.พร้อมหนุนเพิ่มขีดความสามารถ
ป๋าเปรม-นายกฯปู ร่วมงานวันกองทัพอากาศ กล่าวชมการทำงานของ ทอ.ไทยที่ผ่านมาทำงานได้มีประสิทธิภาพแม้จะมีงบประมาณจำกัด ย้ำรัฐบาลพร้อมหนุนเพิ่มขีดความสามารถ เพื่อก้าวสู่การเป็นกองทัพอากาศชั้นนำในอาเซียน...เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 9 เม.ย.2556 ที่หอประชุมกองทัพอากาศ (อาคารทองใหญ่) ถนนพหลโยธิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานงานเลี้ยงรับรองเนื่องในวันกองทัพอากาศประจำปี 2556 โดยมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพลอากาศเอกประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้การต้อนรับ ซึ่งภายในงานมี พล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตลอดจน ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้ช่วยทูตทหารประเทศต่างๆเข้าร่วมงาน ทั้งนี้เมื่อพลเอกเปรม เดินทางมาถึงนายกฯรมว.กลาโหม และผบ.ทอ. ได้ลงมาต้อนรับ โดยนายกฯซึ่งสวมชุดราตรียาวสีเทาฟ้า ได้ยกมือสวัสดีพลเอกเปรม ซึ่งพลเอกเปรมก็ได้ทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่จะหันไปทักทายรมว.กลาโหม และผบ.ทอ. ก่อนพากันขึ้นมาที่ห้องงานเลี้ยงรับรองนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอขอบคุณและแสดงความชื่นชมกองทัพอากาศที่มีความมุ่งมั่นในการปฎิบัติภารกิจ ด้านการพิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตยของชาติ และความมั่นคงของรัฐ ให้ความร่วมมือที่ดีกับรัฐบาลในการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ประชาชน ตลอดเวลาที่ผ่านมา เช่น การจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจ การเฝ้าระวังการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติตลอด 24 ชั่วโมง การทำฝนหลวง การแก้ปัญหาอุบัติภัยต่างๆ รวมถึงการแก้ปัญหายาเสพติด และการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะการช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน จากสถานการณ์วิกฤติหลายครั้ง ด้วยความทุ่มเท และรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทย และการทำงานของภาครัฐ ตลอดเวลาที่ผ่านมากองทัพอากาศ และบุคลากรปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้ข้อจำกัดของทรัพยากรและงบประมาณ แต่สามารถปรับตัวและรองรับสถานกรณ์ได้ รวมถึงความท้าทายต่างๆ ที่กองทัพอากาศทำได้ประทับใจ ซึ่งเป็นเพราะระบบที่ดีภายใต้ผู้บังคับบัญชาที่มีความรู้ความสามารถมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในการทำงานและสร้างจิตสำนึกให้กับกำลังพล รวมทั้งการหล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งในการปฎิบัติภารกิจอย่าง จริงจัง ตนเชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์ องค์ความรู้ และความมุ่งมั่นตั้งใจจะทำให้กองทัพอากาศสามารถเผชิญหน้าความท้าทายในทุกๆ ด้าน ตลอดจนการปฏิบัติภารกิจในการคุ้มครองรักษาอธิปไตย และผลประโยชน์ของชาติ พัฒนาประเทศ ดูแลประชาชนได้พ้นจากทุกข์ภัยอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลยินดีสนับสนุนและส่งเสริมในการสร้างขีดความสามารถของกองทัพอากาศ เพื่อให้บรรลุถึงวิสัยทัศน์ในการเป็นกองทัพอากาศชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน และขอยืนยันว่ารัฐบาลจะทำงานร่วมกันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยไม่ย่อท้อ เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศ และแก้ปัญหาให้กับประชาชนต่อไป. 

ทำสำเนาคำร้องเรืองไกรร้อง8ตลก.-ปชป. ปมพิจารณา ม.68 แล้ว

ทำสำเนาคำร้องเรืองไกรร้อง8ตลก.-ปชป. ปมพิจารณา ม.68 แล้ว
โฆษกศาล รธน.เผย จนท.ทำสำเนาคำร้อง เรืองไกร ร้องตุลาการ ปมพิจารณา รธน.ม.68 แล้ว ปัดบรรจุเข้าวาระประชุมหรือไม่ ชี้ยังตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมจะมีมติ...วันที่ 9 เม.ย. นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีคำร้องของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เนื่องจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ ได้ส่ง นายวิรัตน์ กัลยาศิริ และพวก ส.ส.พรรค ปชป. รวม 11 คน เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 68 และมาตรา 237 ตามสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากเห็นว่า การกระทำของนายวิรัตน์และพวก เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ ว่า ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จะทำสำเนาคำร้องส่งให้คณะตุลาการทั้ง 9 คน ก่อนที่จะมีการประชุมพิจารณาคำร้องดังกล่าว ทั้งนี้ ยังไม่ทราบว่าจะมีวาระการประชุมเมื่อไหร่เมื่อถามถึงเนื้อหาในคำร้องที่ระบุว่า คัดค้านไม่ให้คณะตุลาการทั้ง 8 คน เข้าร่วมการพิจารณา ยกเว้น นายจรัญ ภักดีธนากุล เนื่องจากเห็นว่า ตุลาการทั้ง 8 คน มีส่วนได้ส่วนเสียกับการพิจารณาคำร้อง และคณะตุลาการจะดำเนินการอย่างไร นายพิมล กล่าวว่า เรื่องการพิจารณาคำร้องต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมว่าจะมีมติอย่างไร ซึ่งตนไม่สามารถตอบได้ ต้องรอฟังผลจากที่ประชุมเท่านั้น.

Monday, April 8, 2013

มาร์คอัดแม้วสร้างความสับสน กู้ 2 ล้านล้าน

มาร์คอัดแม้วสร้างความสับสน กู้ 2 ล้านล้าน
อภิสิทธิ์ อัด ทักษิณ อย่าสร้างความสับสน กรณีกู้เงิน 2 ล้านล้าน ยกระดับรายได้ให้ ปชช.ทั้งประเทศ ย้ำ ปชป.ใช้หนี้ IMF ตามกำหนด ส่วนการใช้หนี้ของ รบ.ทักษิณ ทำชาติเสียค่าปรับจำนวนมาก...วันที่ 8 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สร้างความสับสนให้กับประชาชน กรณีที่ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ไม่น่ากังวล เพราะจะยกระดับรายได้ของประชาชน เนื่องจากก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้สไกป์ ระบุว่าจะทำโครงการต่างๆ โดยไม่ต้องกู้เงิน แต่มาวันนี้กลับบอกว่า ต้องเป็นหนี้ก่อนจึงจะรวยทั้งนี้ ส่วนตัวยังมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามสร้างความสับสน เรื่องการใช้หนี้ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) โดยอ้างว่า รัฐบาลต้องสามารถใช้หนี้ได้ก่อนกำหนด แต่ความเป็นจริง รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้เข้ามาบริหารประเทศ และเตรียมเงินสำหรับการใช้หนี้ตามกำหนดแล้ว และการใช้หนี้ในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้ต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนมาก.

มาร์คกรีดนิคมเป็นกลางแบบมีอคติ ยังมีแปรญัตติ60วันค้างอยู่

มาร์คกรีดนิคมเป็นกลางแบบมีอคติ ยังมีแปรญัตติ60วันค้างอยู่
มาร์ค กรีด นิคม เป็นกลางแบบมีอคติ ปัด ปชป.ไม่คิดตีรวนแปรญัตติ 60 วัน แต่ข้อเท็จจริง อ้างญัตติยังค้างอยู่ ปธ.สภาฯ จึงต้องมีการเรียกลงมติฯ ตามข้อบังคับ ไม่เช่นนั้นถือว่ามีเจตนาฝ่าฝืน รธน. ต้องยื่นถอดถอน...วันที่ 8 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กล่าวถึงกรณีที่ นายนิคม ไวรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ที่กล่าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องการตีรวนเรื่องกระบวนการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สมบูรณ์ กรณียังมีญัตติเรื่องแปรญัตติ 60 วัน ค้างอยู่ว่า นายนิคมก็ทำตัวเป็นกลางแบบนายนิคม คือมีอคติกับผู้พยายามรักษาความถูกต้อง ความจริงคนเป็นประธานต้องรักษากฎระเบียบ ไม่ใช่ผลประโยชน์ของตนเอง ในฐานะผู้เสนอญัตติ เพราะข้อเท็จจริงปฏิเสธไม่ได้ว่า ญัตติมีการเสนอรับรองถูกต้องแล้ว ประธานกำลังขอมติ แต่องค์ประชุมไม่ครบ ญัตติจึงยังค้างอยู่ ข้อบังคับเขียนไว้อย่างนี้ ดังนั้น หากนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ไม่เรียกประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติ ก็จะต้องถือว่ามีเจตนาที่จะฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ซึ่งเข้าข่ายยื่นถอดถอนได้ เพราะการประชุมสภาฯ ต้องมีองค์ประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง แต่ประธานสรุปข้อยุติของญัตติโดยที่องค์ประชุมไม่ครบ ซึ่งหลังสงกรานต์คงจะมีความชัดเจน โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ติดตามเรื่องนี้อยู่นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการทำงานของกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญคิดว่ายังเดินต่อไปได้ เพราะในส่วนการตั้งกรรมาธิการถูกต้องแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่การแปรญัตติ ตนถือว่ายังไม่ได้กำหนดวันที่ชัดเจน เพราะมีญัตติ 60 วันค้างอยู่ ดังนั้น หากมีการแปรญัตติ หลังวันที่ 15 ก็คงเกิดการโต้แย้งตามมา.

ศึกชิงรองปธ.วุฒิสภา ไม่คึก นฤมลกลุ่ม40ส.ว.มาแรง

ศึกชิงรองปธ.วุฒิสภา ไม่คึก นฤมลกลุ่ม40ส.ว.มาแรง
ศึกชิงรองปธ.วุฒิสภา ไม่คึก นฤมล กลุ่ม 40 ส.ว.มาแรง ด้านชมรมสภาสตรียื่นหนังสือออกโรงหนุน ส.ว.หญิงทำหน้าที่ พร้อมร้อง ส.ว.ทุกท่าน เลือก ส.ว.หญิง ดำรงตำแหน่ง วอน ส.ว.ชาย สละสิทธิ์... วันที่ 8 เม.ย. นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี กล่าวถึงการเลือกรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 แทน นางพรทิพย์ โล่ห์วีระ จันทรรัตนปรีดา ส.ว.ชัยภูมิ ที่ลาออกไปว่า ยืนยันว่าจะไม่ลงชิงตำแหน่งตามที่มีชื่อของตนเป็นแคนดิเดตด้วย เพราะเคยลงชิงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 มาแล้ว ควรเปิดโอกาสให้เพื่อนสมาชิกคนอื่น เดี๋ยวจะถูกมองว่าลงชิงทุกตำแหน่ง ขณะนี้มีผู้เปิดตัวลงแข่ง 4 คน คือ นพ.นายอนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ ส.ว.สุรินทร์ นายวิทยา อินาลา ส.ว.นครพนม นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ และ น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี โดยไม่มี ส.ว.สรรหาลงแข่งด้วย เพราะอยากเปิดโอกาสให้ ส.ว.เลือกตั้งทำหน้าที่ต่อ เพราะเหลือวาระอีกเพียงปีเศษ  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้สมัครทั้ง 4 คน มีการเคลื่อนไหวทั้งเดินสายและโทรขอคะแนนจากเพื่อน ส.ว.ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีกฎระเบียบบังคับ แต่ที่ผ่านมาตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 จะเป็นที่รับทราบกันว่าเป็นโควตาของ ส.ว.หญิง ทั้ง น.ส.ทัศนา บุญทอง ส.ว.สรรหา และนางพรทิพย์ ทำให้กระแสเลือกผู้หญิงยังคงมีอยู่ดังนั้น การชิงชัยครั้งนี้จึงน่าจะเป็นการชิงชัยกันระหว่าง ส.ว.หญิงด้วย กันเอง โดย น.ส.สุมล มีกลุ่มสนับสนุนเป็นกลุ่ม 40 ส.ว. ขณะที่นางนฤมลจะได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว.สายเลือกตั้ง เกือบทั้งหมด รวมทั้ง ส.ว.สรรหาบางส่วน จึงถือว่ามีโอกาสสูงที่จะได้รับเลือก แต่คาดว่าน่าจะต้องลงคะแนนกัน 2 รอบ เพราะรอบแรกเชื่อว่าจะไม่มีใครได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่ง เสียงน่าจะแตกออกไป ด้านนางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานชมรมสมาชิกรัฐสภาสตรี กล่าวว่า ทางชมรมฯ เห็นว่าตำแหน่งดังกล่าวควรเป็นของ ส.ว.สตรี โดยทางชมรมฯ จะยื่นหนังสือเปิดผนึกถึง ส.ว.ทุกคน ก่อนจะลงคะแนนเลือกกันในวันที่ 9 เม.ย.นี้ เพื่อเรียกร้องใน 2 ข้อ คือ 1. ขอให้ ส.ว.ชาย ที่จะลงแข่ง อย่าลงแข่งเลย หลีกทางให้ ส.ว.สตรี เพื่อให้คงไว้ซึ่งแบบอย่างที่ดีงามเหมือนเช่นที่ผ่านมา 2. ขอเรียกร้องให้ ส.ว.ทุกท่าน ลงคะแนนเลือก ส.ว.สตรี มาทำหน้าที่เป็นรองประธานคนที่ 2 ส่วนจะเป็นใครนั้น ทางชมรมฯ ไม่ติดใจ เพราะถือว่าทุกท่านมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์การทำงาน.

Sunday, April 7, 2013

ผบ.ทบ.สั่งทภ.2สกัดคนไทยรักชาติขึ้นเขาพระวิหาร

ผบ.ทบ.สั่งทภ.2สกัดคนไทยรักชาติขึ้นเขาพระวิหาร
ผบ.ทบ.สั่งกองทัพภาค 2 สกัดกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติบุกขึ้นเขาพระวิหาร และทำความเข้าใจคนในพื้นที่ถึงขั้นตอนการขึ้นศาลโลกต้องทำตามกติกาของศาลโลก เผยคนไทยไม่ควรทะเลาะกันเอง... เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2556 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติพยายามเข้าไปในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ในช่วงจะชี้แจงต่อศาลโลกในวันที่ 15 เม.ย.นี้ว่า ได้สั่งให้กองทัพภาคที่ 2 เข้าไปดูแลแล้ว และทำความเข้าใจคนในพื้นที่ถึงขั้นตอนการขึ้นศาลโลกต้องทำตามกติกาของศาลโลก ส่วนการตัดสินจะผิดจะถูกอย่างไรก็ว่ากันไป อย่าไปเอาสิ่งเลวร้ายมาพูดกัน เรื่ิองที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อถามว่า หากคนในพื้นที่ปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มันแน่นอนอยู่แล้ว เพราะมีกลุ่มคนที่มีความคิดไม่ตรงกัน ถ้าไม่อยากให้คนไทยชนกันเองก็อย่าเสนอข่าวเสี้ยมกัน ทุกฝ่ายต้องหยุดเพราะวันนี้ยังไม่เกิดอะไรขึ้นจะไปตีกันเองทำไมเรายังไม่ได้เสียอะไรเลย.

ประยุทธ์สั่งสอบ เหตุบึมรถรองผวจ.ยะลา หวั่นหนอนบ่อนไส้

ประยุทธ์สั่งสอบ เหตุบึมรถรองผวจ.ยะลา หวั่นหนอนบ่อนไส้
ผบ.ทบ.สั่งสอบเหตุลอบบึมรถรองผู้ว่าฯ จ.ยะลา อาจมีหนอนบ่อนไส้ พร้อมเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ที่ต้องเป็นเป้านิ่ง ย้ำให้ระมัดระวังตัว เพราะโจรยังอยู่ในที่มืด วอนอย่าโยงคุยบีอาร์เอ็น  ชี้แค่จุดเริ่มต้น ไม่อยากให้เครดิต หรือ ให้คุณค่ากับใคร...เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2556 ที่กองบินกรมการขนส่งทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีคนในเป็นหนอนบ่อนไส้ให้ผู้ก่อการร้ายลอบวางระเบิดขบวนรถรองผู้ว่าฯ ยะลาจนเสียชีวิตว่า ตนกำลังตรวจสอบว่าเกิดจากสาเหตุใดที่ส่อไปว่ามีไส้ศึกหรือไม่ ต้องพิสูจน์ความไว้วางใจเวลาบรรจุเข้ารับราชการ ตั้งแต่ทหาร อาสาสมัคร ทหารพราน ต้องตรวจสอบถึงประวัติการรักษาความปลอดภัย ตนได้ย้ำเสมอว่าอย่าเพิ่งลงความเห็นว่าใช่หรือไม่ แต่ก็กำลังตรวจสอบอยู่ ตนมีความห่วงใยคนที่ทำงานในพื้นที่้ต้องสัญจรไปมากทุกวัน และหากมีบ้านพักในพื้นที่ก็มีความเสี่ยงเป็นสองเท่า จึงต้องระมัดระวังให้มากขึ้น เพราะเขาไม่มีการป้องกันความปลอดภัย โจรก็มาเล่นงานนั้น คือ สิ่งที่น่ากังวล ต้องถือเป็นบทเรียนที่สำคัญ และต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่เพราะเขาไม่สามารถหนีไปไหนได้ ดังนั้น ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยมาตรการรักษาความลับ การจัดกำลังป้องกัน รวมถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการเคลื่อนย้าย เพราะที่ผ่านมามีคนมาแจ้งเหตุร้าย เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปก็ถูกระเบิดโดนซุ่มยิงถือเป็นเรื่องยากที่ต้องต่อสู้ กับคนที่ไม่เปิดเผยตัวครั้งนี้เป็นข้าราชการระดับสูง ทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน ผมไม่อยากให้มองว่าคนระดับรองผู้ว่าฯ ถูกทำร้าย เพราะทุกคนมีโอกาสถูกทำร้าย อาจเป็นตำรวจ ทหาร หรือผมก็อาจจะโดนขึ้นอยู่กับจังหวะและช่องว่าง ซึ่งทุกคนต้องระวังตัวเอง ผบ.ทบ.กล่าวส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเชื่ิอมโยงกับกลุ่มบีอาร์เอ็น หรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อก็อย่าเอาไปเชื่อมโยง เราไม่รู้ว่าพูดคุยกับเขาจะได้ผลหรือไม่ ตนไม่อยากให้เครดิตและไม่ให้ค่า ตนให้ค่าว่าใครที่คุยแล้วทำให้สถานการณ์เบาบางลงเท่านั้น อย่าไปให้ความสนใจหรือยกระดับคนพวกนี้เพราะเขาเป็นผู้ร้าย แต่เราก็ให้เกียรติเขามานั่งพูดคุย หลังจากพูดคุยกันแล้วเหตุการณ์รุนแรงมากขึ้นเหตุการณ์มีทุกวันตราบใดที่คนพวกนี้ยังมีอยู่และยังไม่ได้นำไปสู่ความต้องการของเขามันก็ยังไม่เลิก มันชักไปกันใหญ่แล้วอย่าไปให้ความสำคัญอย่าไปให้เครดิตมากนักเพราะจะเสียหายต่อประเทศ ผมได้ย้ำไปว่ายิ่งพูดคุย เรายิ่งเข้มงวดให้เด็ดขาดมากขึ้น และให้มองว่า ถ้าเขาไม่เสียเปรียบเขาจะมาพูดคุยกับเราทำไม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเมื่อถามว่า มีความคืบหน้ากรณีที่นาวิกโยธินถูกอุ้มไปสังหารหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นกลุ่มเดิมที่ได้รับผลกระทบจาก 16 ศพ มีความแค้นเคืองและไม่พอใจที่อาจนำข่าวมาบอก ซึ่งเขาเสี่ยงถูกจับตาว่า เป็นผู้ให้ข่าวเจ้าหน้าที่เลยถูกแก้แค้น ดังนั้นกำลังต้องระมัดระวังตัวขณะกลับบ้าน ถ้าไม่จำเป็นไปพักที่อื่น ซึ่งทาง ผบ.ทร.และ ผบ.นย.จะได้กำชับไปยังผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อถามว่า คาดหวังการเจราจะสำเร็จหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ตนพูดไปหลายครั้งแล้วว่าอย่าเพิ่งไปหวัง ลูกน้องตนเสี่ยงตายทุกวันใครน่าห่วงใยมากกว่ากัน จะมาวิจารณ์ว่า ตนส่งลูกน้องไปตาย ตนไม่ห่วงลูกน้องหรือไร ถ้าพูดแบบนี้อย่าพูดกันดีกว่า อย่ามาบอกว่าตนอารมณ์เสียอีก เมื่อถามว่าจะมีการเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยมากขึ้นหรือไม่ ผบ.ทบ. กล่าวว่า ก็ไปไหว้พระให้มากขึ้น พกพระให้มากขึ้นดูแลระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น ตนเคยบอกแล้วว่าโจรอยู่ในที่มืด.

ปธ.วิปรัฐเผยไม่ถกนัดประชุมใหม่ ยันทำถูกข้อบังคับทุกขั้นตอน

ปธ.วิปรัฐเผยไม่ถกนัดประชุมใหม่ ยันทำถูกข้อบังคับทุกขั้นตอน
ประธานวิปรัฐบาล ยันไม่ถกนัดประชุมใหม่ ชี้ทำตามข้อบังคับการประชุมทุกขั้นตอน บอกปชป.แปรญัตติ 60 วัน ตกไปแล้ว เพราะองค์ประชุมไม่ครบ...นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้เปิดประชุมรัฐสภาอีกครั้งเพื่อลงมติการแปรญัตติใหม่ ว่า ขณะนี้วิปรัฐบาลกับวิปวุฒิสภายังไม่มีการกำหนดเพื่อที่จะหารือเพื่อเปิดประชุมรัฐสภา ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้มีการแปรญัตติ 60 วัน ถือว่าตกไปแล้วและจบลงตั้งแต่วันนั้น ที่เขาเสนอให้นับองค์ประชุม เมื่อองค์ประชุมไม่ครบก็ถือว่าตกไป และให้มีการแปรญัตติ 15 วันตามที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาระบุ ทุกอย่างทำตามหลักข้อบังคับ โดยไปดูข้อ 96 ได้ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้รวบรัด ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์เสนอให้แปรญัตติพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ก็ยังให้ได้ตามข้อเสนอ เพราะเป็นตามข้อบังคับที่องค์ประชุมครบและฝ่ายค้านมีเสียงมากกว่า ทั้งนี้การที่ต้องการให้มีการประชุมใหม่ก็เพื่อจะเสนอให้แปรญัตติให้ได้ 60 วันอย่างที่เขาเสนอ ถ้ามันมีเหตุมีผลเราพร้อมจะหารือ แต่ที่ผ่านมาเรายึดถือตามข้อบังคับ ส่วนที่จะไปยื่นร้องกับศาลรัฐธรรมนูญนั้นพรรคก็ไม่ได้กังวลอะไร เชื่อว่าจะชี้แจงได้                 เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 นายอำนวย ตอบว่า สามารถทำได้ แต่ตนอยากให้ช่วยกันลดความขัดแย้งเพื่อให้ประเทศเดินไปได้.

Saturday, April 6, 2013

เพื่อไทย ฟุ้ง มั่นใจแจง ศาลรธน.ได้

เพื่อไทย ฟุ้ง มั่นใจแจง ศาลรธน.ได้
พรรคเพื่อไทย มั่นใจแจงศาลรธน.ได้ ยัน แก้มาตรา 68 ไม่ได้ลิดรอนสิทธิประชาชน และไม่มีวาระซ่อนเร้น อ้าง มี ส.ส.-ส.ว.บางส่วนหนุนไม่ต้องไปชี้แจง เหตุดำเนินการถูกต้องแล้ว...วันที่ 6 เม.ย.56 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ เตรียมส่งคำร้องให้ ส.ส. และ ส.ว. 312 คน ชี้แจงการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ตามที่กลุ่ม 40 ส.ว.ร้องเรียนว่า ไม่น่าเป็นห่วง ส.ส.เพื่อไทยทุกคนชินกับสถานการณ์นี้หมดแล้ว ซึ่งทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยเตรียมข้อมูลชี้แจงไว้พร้อมแล้ว ประเด็นหลักๆ คือ การแก้ไขมาตรา 68 ให้ประชาชนยื่นคำร้องผ่านอัยการสูงสุด ไม่ใช่การลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน แต่เป็นการทำกฎหมายให้ชัดเจน ไม่ต้องไปตีความอีก มั่นใจว่า ชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ เพราะทำตรงไปตรงมา ไม่มีเจตนาซ่อนเร้น ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง 3 ร่าง โดยอ้างว่า ยังไม่มีการลงมติเรื่องเวลาแปรญัตติ 15 วันนั้น ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย คาดไว้อยู่แล้ว ยืนยันว่า คำวินิจฉัย นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ที่ให้แปรญัตติ 15 วัน ถูกต้องแล้ว หากฝ่ายค้าน จะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญอีก ก็ทำได้เลย แต่กรรมาธิการต้องเดินหน้าทำหน้าที่ต่อไปขณะที่ นายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เบื้องต้นพรรค ได้เตรียมข้อกฎหมายต่างๆไว้ต่อสู้คดีเรียบร้อยแล้ว มั่นใจว่า การยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราครั้งนี้ เป็นไปอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการทำตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้แก้ไขรายมาตรา อย่างไรก็ตามเท่าที่พูดคุยกันมี ส.ส.และ ส.ว.บางส่วนไม่อยากเข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการต่อสู้คดี เพราะไม่ยอมรับอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเห็นว่า การยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ดำเนินการอย่างถูกต้องแล้ว

สาธิตอัดนายกฯ เร่งลงพื้นที่ใต้ให้กำลังใจแก่จนท.

สาธิตอัดนายกฯ เร่งลงพื้นที่ใต้ให้กำลังใจแก่จนท.
สาธิต ปิตุเตชะ เรียกร้องให้นายกฯ ลงพื้นที่ 3 จชต. เพื่อให้กำลังใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และ ขรก.ที่ปฏิบัติงาน แนะทบทวนการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น หากหาเหตุผลมาสนับสนุนไม่ได้ ชี้ เฉลิม ไม่ลงพื้นที่ เพราะรู้ว่าคนร้ายวางเป้าหมายในระดับใหญ่ขึ้น...เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2556 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้กำลังใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและข้าราชการที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ขณะเดียวกัน ขอให้ทบทวนการเจรจาสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็นว่าจะปรับทิศทางอย่างไร เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ขอตั้งข้อสังเกตว่า การที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ยังไม่ยอมเดินทางลงพื้นที่ เพราะรู้ดีว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายวางเป้าหมายในระดับที่สูงขึ้น ทำให้ ร.ต.อ. เฉลิม ไม่กล้าลงพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายล่าสุด คือ นายอิศรา ทองธวัช รองผู้ว่าฯ ยะลา อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา นายกฯ กลับบอกว่าการเสียชีวิตของนายอิศราและนายเชาวลิต ไชยฤกษ์ ปลัดฝ่ายป้องกันจังหวัด ไม่เกี่ยวกับการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็นนั้น ตนอยากให้นายกฯ ไปหาเหตุผลมาสนับสนุน แต่ถ้าหาไม่ได้ ก็ต้องทบทวนการเจรจาด้วย. 

มาร์คแฉ เผด็จการนักการเมืองคุกคามประชาธิปไตย

มาร์คแฉ เผด็จการนักการเมืองคุกคามประชาธิปไตย
ปชป.เปิดไฮปาร์ก เวทีปราศรัยผ่าความจริง (ภาคพิเศษ) ในหัวข้อ “อุดมการณ์ไม่มีวันตาย ความจริงไม่มีวันตาย” ใต้สะพานพระราม 8 ระดมแกนนำและสมาชิกพรรคขึ้นเวที ด้าน อภิสิทธิ์ ระบุ เผด็จการในคราบนักการเมือง กำลังคุกคามประชาธิปไตยไทย แม้ว่าจะก้าวหน้ามากกว่าหลายสิบปีก่อน...เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 6 เม.ย. 2556 ที่สวนหลวง ใต้สะพานพระราม 8 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้จัดเวทีปราศรัยผ่าความจริง (ภาคพิเศษ) ในหัวข้อ “อุดมการณ์ไม่มีวันตาย ความจริงไม่มีวันตาย” โดยมีแกนนำพรรคและสมาชิกพรรค เข้าร่วมงาน อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรค ภาคใต้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก จากนั้นเวลา 18.45 น. นายอภิสิทธิ์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ในวันนี้ต้องยอมรับว่า ความต่อเนื่องของประชาธิปไตย เมื่อเทียบกับหลายสิบปีที่แล้วถือว่าดีขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่า ประชาธิปไตยไทย คือ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะเป็นสิ่งที่ประชาชนตายใจว่ามั่นคงปลอดภัยแล้ว เพราะยังมีการคุกคามโดยเผด็จการในคราบนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง อีกทั้งปัจจุบันไม่มีการสนใจมารยาททางการเมือง ซึ่งอยากเรียกร้องให้ประชาชนมาร่วมเดินหน้าให้สังคมไทยได้ตระหนัก ทำให้ประเทศเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง มั่นคง.

Friday, April 5, 2013

นายกฯให้โอวาท นปร.รุ่น5 ย้ำยึดประโยชน์ส่วนรวม

นายกฯให้โอวาท นปร.รุ่น5 ย้ำยึดประโยชน์ส่วนรวม
นายกฯ ขอบคุณที่เข้ามาเป็นข้าราชการ ขอให้ นปร.ทุกคนเป็นตัวกลางของความเปลี่ยนแปลงที่จะไปทำงานในกระทรวง กรมต่างๆ การที่เงินเดือนมาจากภาษีประชาชน ต้องทำงานยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เน้นการทำงานที่ต้องตรวจสอบ ไม่มีการทุจริตคอรัปชัน...เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 5 เม.ย.2556 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) นำคณะนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ (นปร.) รุ่นที่ 5 จำนวน 34 คน เข้าพบ และรับปัจฉิมโอวาทจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก่อนไปปฏิบัติราชการในส่วนราชการต่างๆนพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ ได้ขอบคุณที่ทุกคนตัดสินใจเข้ามาเป็นข้าราชการ พร้อมให้โอวาทว่า การทำงานต้องไม่หงุดหงิด ต้องไม่เบื่อที่จะพูดซ้ำๆ ในการเสนอความเห็น แต่ถ้าเป็นความเห็นที่ผิดก็ต้องเปลี่ยนแปลง พร้อมขอให้ นปร.ทุกคน เป็นตัวกลางของความเปลี่ยนแปลง ที่จะไปทำงานในกระทรวง กรมต่างๆ และเน้นให้มีคติคุณธรรมประจำใจ เพราะทุกคนเป็นข้าราชการ มีเงินเดือนที่มาจากภาษีประชาชน ต้องทำงานให้ดีที่สุด โดยยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง รวมทั้งให้เน้นการทำงานที่จะต้องตรวจสอบไม่ให้มีการทุจริตคอรัปชัน ทั้งนี้ นปร.รุ่นที่ 5 ได้เสนอให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในระบบราชการเพื่อเชื่อมต่อข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะการจัดทำเว็บไซต์ เพื่อลดกลไกการทำงานระบบราชการให้น้อยลง และไม่ควรตีกรอบเวลาการทำงานของข้าราชการ โดยงานบางอย่างที่ข้าราชการที่ไม่ต้องพบกับประชาชนโดยตรง ข้าราชการสามารถนั่งทำงานที่บ้านได้ และวัดกันที่ผลงานเป็นหลัก.

Blog Archive