Thursday, February 28, 2013

ก.พลังงาน ประสานเสียง กฟผ. ยันสถานการณ์พลังงานไทยยังไม่เลวร้าย

ก.พลังงาน ประสานเสียง กฟผ. ยันสถานการณ์พลังงานไทยยังไม่เลวร้าย
ก.พลังงาน ประสานเสียง กฟผ. ยันสถานการณ์พลังงานไทยยังไม่เลวร้าย มีไฟฟ้าสำรองเพียงพอ เตรียมตั้งศูนย์รับซื้อไฟฟ้าระหว่างประเทศ ลดการนำเข้าก๊าซธรรมชาติมาผลิตไฟฟ้าเอง ด้านนายกสภาวิศวกร หนุนใช้พลังงานนิวเคลียร์วันที่ 28 ก.พ. ที่สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ถ.รามคำแหง สภาวิศวกรได้เชิญตัวแทนจากกระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มาให้ข้อมูล “ความพร้อมของไทยต่อสถานการณ์พลังงาน” จากกรณีที่พม่าหยุดส่งก๊าซธรรมชาติให้ไทยในช่วงวันที่ 5-14 เม.ย.2556 เพื่อซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซยานาดา ทำให้หลายหน่วยงานต้องเร่งหามาตรการมารองรับป้องกันวิกฤติพลังงาน เพื่อความมั่นใจให้แก่สมาชิกสภาวิศวกรว่า ประเทศไทยจะมีไฟฟ้าสำรองเพียงพอในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ นายจรรยงค์ วงศ์จันทร์พงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า กฟผ. กล่าวว่า การหยุดส่งก๊าซดังกล่าวจะกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าประมาณ 4.1 พันเมกะวัตต์ ที่จะหายไปจากระบบการผลิตไฟฟ้า และมีการประมาณการว่าในวันที่ 5 เมษายน จะผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 2.7 หมื่นเมกะวัตต์ ที่จะสามารถจ่ายไปยังประชาชนผู้บริโภคได้ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าวันดังกล่าวจะมีความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าจำนวน 2.6 หมื่นเมกะวัตต์ และกำลังผลิตมาตรฐานที่ กฟผ.พยายามสำรองไว้ที่ 1.2 พันเมกะวัตต์ หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นเรายังสามารถที่จะดึงส่วนนี้ขึ้นสำรองใช้ได้นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ รองผู้อำนวยการ สำนักนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สถานการณ์พลังงานของประเทศไทยขณะนี้ยังไม่เลวร้าย เพราะกระทรวงพลังงานปรับแผนเชิงนโยบายลดการใช้ก๊าซเป็นพลังงานผลิตไฟฟ้ามาตลอด โดยขณะนี้กำลังเตรียมการศึกษาจัดตั้งศูนย์รับซื้อไฟฟ้าระหว่างประเทศ ในประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยสามารถนำเข้าพลังงานไฟฟ้าโดยตรงจาก ลาว พม่า มาเลเซีย และจีนตอนใต้ ลดการนำเข้าก๊าซธรรมชาติมาผลิตไฟฟ้าเอง ซึ่งถ้าทำได้ จะมีการส่งเสริมให้มีการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ และโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในประเทศเหล่านี้มากขึ้นด้าน นายกมล ตรรกบุตร นายกสภาวิศวกร และกรรมการประสานงานโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ กล่าวว่า ไม่ต้องเป็นห่วงว่าประเทศไทยไฟจะดับ เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการจัดการที่ดี มีการนำเข้าไฟฟ้าจากลาวและมาเลเซียมาชดเชยเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว รัฐบาลจะต้องกระจายแหล่งพลังงานผลิตไฟฟ้า ไปยังถ่านหิน น้ำ และนิวเคลียร์ ทดแทนการใช้ก๊าซมากขึ้น โดยเฉพาะพลังงานนิวเคลียร์ ถ้าหากรัฐบาลคิดเดินหน้าตามแผนนโยบายพลังงานอย่างจริงจัง คือ สร้าง 2 โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ จะทำให้ประเทศไทยมีพลังงานไฟฟ้าใช้ได้อีกนาน และประชาชนก็จะได้ใช้ไฟฟ้าได้ถูกเพียงยูนิตละ 4 บาทเท่านั้น

คุณชายเปรี้ยว ซ้อนบิ๊กไบค์โบกธงฟ้า หาเสียงชาวฝั่งธนฯ (ชมคลิป)

คุณชายเปรี้ยว ซ้อนบิ๊กไบค์โบกธงฟ้า หาเสียงชาวฝั่งธนฯ (ชมคลิป)
ปชป.เอาฤกษ์เอาชัยยกพลไปฝั่งธนฯ ช่วงโค้งสุดท้ายเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ขณะที่ สุขุมพันธุ์ ควง อภิสิทธิ์ ลุยวงเวียนใหญ่ หาเสียงผู้ว่าฯ กทม. ขี่ บิ๊กไบค์ เบอร์ 16 โชว์ อ้อนขอคะแนน...วันที่ 1 มี.ค. 56 ที่วงเวียนพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (วงเวียนใหญ่) ฝั่งธนบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) หมายเลข 16 ได้นำพลพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายเอกนัฐ พร้อมพันธุ์ นายพนิช วิกฤตเศรษฐ และกลุ่มกองเชียร์ของพรรคฯ ลงพื้นที่บริเวณวงเวียนใหญ่ เขตธนบุรี เพื่อรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนถึงวันเลือกตั้ง 3 มี.ค.นี้ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์และแกนนำพรรคฯ ได้จุดธูป-เทียนถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นขวัญกำลังใจ และขอพรเพื่อให้ประสบความสำเร็จ เสร็จแล้วได้นำคณะเดินถือธงพรรคไปหาเสียงรอบบริเวณวงเวียนใหญ่เพื่อรณรงค์หาเสียง ส่งผลให้ประชาชนที่ขับรถสัญจรผ่านไป-มาในบริเวณนั้น ให้ความสนใจเป็นจำนวนมากหลังจากนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้ถือธงประจำพรรค ขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ สีเหลือง ทะเบียน พวข 808 กทม. ที่มีนายสุทธิชัย วีระกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง อดีตประธานสภา กทม. เป็นคนขับ วนรอบๆ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ซึ่งสามารถเรียกความสนใจจากกลุ่มสื่อมวลชน และพี่น้องประชาชนที่มาเฝ้ารอดูกันเป็นจำนวนมาก. 

เสรีพิศุทธ์ทำคลิปขอบคุณ คนกดไลค์ทะลุ2แสน (ชมคลิป)

เสรีพิศุทธ์ทำคลิปขอบคุณ คนกดไลค์ทะลุ2แสน (ชมคลิป)
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ทำคลิปโพสต์ขอบคุณแฟนเพจกดไลค์ ทะลุ 2 แสนคน ก่อนบุกหาเสียง สตช. พร้อมเข้าพบ ผบ.ตร. ...  พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครผู้ว่ฯา กทม. หมายเลข 11 ลงพื้นที่หาเสียงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยได้เข้าไปทักทายข้าราชการตำรวจ รวมถึงยังได้เข้าพบ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และทักทายผู้ใต้บังคับบัญชาอีกจำนวนมาก ที่บริเวณโรงอาหาร ทั้งนี้ ยังได้กล่าวย้ำว่า ช่วงโคงสุดท้ายของการเลือกตั้ง ตนจะยังคงหาเสียงจนถึงวันที่ 2 มี.ค. โดยจะมีการออกรถตระเวนแห่ทั้งหมด 11 คัน ใน 3 เส้นทาง ทั้งกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ตะวันออก และโซนกลาง และจะมีการเตรียมเข้าหาเสียงในหน่วยข้าราชการทหาร ที่กองพันทหารราบที่ 2 ด้วย นอกจากนี้ จะมีการลงพื้นที่หาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย ที่ตลาดนัด อ.ต.ก. และบริเวณย่านบางขุนนนท์ด้วย   อย่างไรก็ตาม ล่าสุด หน้าเฟซบุ๊กของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังได้มีการจัดทำคลิปพิเศษ โพสต์ขอบคุณบรรดาผู้ให้การสนับสนุน ที่เข้ามาร่วมกันกดไลค์ ทะลุ 237,434 แล้วด้วย.

Wednesday, February 27, 2013

จูดี้ ลงพื้นที่หาเสียงเขตจตุจักร

จูดี้ ลงพื้นที่หาเสียงเขตจตุจักร
พงศพัศ พงษ์เจริญ ลุยหาเสียงโค้งสุดท้ายย่านวิภาวดีและบางเขน ขณะที่ช่วงเย็นเตรียมดีเบตเวทีสุดท้าย...เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่หาเสียงโค้งสุดท้่าย บริเวณตลาดนัดกองบัญชาการศึกษา ถนนวิภาวดี 42 โดยได้เดินหาเสียงกับประชาชน ตลอดจนพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาด  ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจนำดอกกุหลาบมามอบให้ และได้เข้าไปยังกองบัญชาการศึกษาเพื่อพบปะพูดคุยกับข้าราชการตำรวจ  โดยกล่าวกับข้าราชการตำรวจว่า ขอให้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่และพัฒนาองค์ความรู้ในด้านต่างๆ พร้อมระบุการตัดสินใจลาออกจากข้าราชการตำรวจ และมาลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่า กทมฯครั้งนี้ เนื่องจากมองเห็นปัญหาของประชาชนในทุกชุมชน  จึงอยากอาสาเข้ามาทำงานและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่างๆโดยเฉพาะการทำงานแบบไร้รอยต่อกับรัฐบาลขณะเดียวกันพล.ต.อ.พงศพัศ ได้เดินไปตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ภายในวิทยาลัยการตำรวจ  กองบัญชาการตำรวจ  ซึ่งผู้สมัครฯ มีรายชื่อลำดับที่ 19   หน่วยเลือกตั้งที่ 26 แขวงลาดยาว เขตจตุจักรจากนั้นพล.ต.อ.พงศพัศ ได้ขึ้นรถแห่หาเสียงมายังตลาดบ้านพักรถไฟ ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลัง บริษัท ปตท.จำกัด มหาชน  ตลาดประชานิเวศน์ 1 ย่านประชาชื่น ตลาดอมรพันธ์ ที่บริเวณแยกเกษตรศาสตร์ และตลาดบางเขน  เขตบางเขน.อีกด้วยโดยตามกำหนดการจากนั้นจึงจะไปหาเสียงที่ซอยเฉยพ่วงอาคารชันทาวเวอร์ เขตจตุจักร. ขอคะแนนเสียงจากพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนในตลาด.  ต่างเปล่งเบอร์ 9ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่ในช่วงเย็น จะมีการแสดงวิสัยทัศน์ แข่งกับผู้สมัคนผู้ว่า กทม.คนอื่นๆที่ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนด้วย อย่างไรก็ตาม ผลจากการลงพื้นที่หาเสียงต่อเนื่องทุกวัน ส่งผลให้พล.ต.อ.พงศพัศมีสีหน้าอิดโรยเล็กน้อย แต่ก็ยืนยันว่าในอีกไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้ง จะต้องลงพื้นที่หาเสียงอย่างเต็มที่. 

มาร์ค ลุยบางบอน ช่วยคุณชายหาเสียง

มาร์ค ลุยบางบอน ช่วยคุณชายหาเสียง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำลูกพรรคประชาธิปัตย์ ลุยเขตบางบอน ช่วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หาเสียง โว คนให้การตอบรับ จ.ม.เปิดผนึกเพียบ...             วันนี้ (28 ก.พ. 56) เวลา 06.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรค พ.ต.อ.นพ.สามารถ ม่วงศิริ นายสากล ม่วงศิริ ส.ส.กทม.ของพรรค ได้ลงพื้นที่ ตลาดสดหมู่บ้านดีเค เขตบางบอน เพื่อช่วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หาเสียง โดยมีประชาชนให้การต้อนรับตลอดเส้นทาง มีการมอบดอกไม้ พวงมาลัย ขนมของฝากมอบให้นายอภิสิทธิ์และคณะ ขณะเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ ได้ตักบาตรพระสงฆ์ ที่มาบิณฑบาตบริเวณหมู่บ้านดีเคด้วย ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้ส่งจดหมายเปิดผนึกแล้ว ก็ได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี เห็นได้ชัดเจนว่า มีส่วนช่วยกระตุ้นให้คน กทม. ตื่นตัวออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และจากการลงพื้นที่วันนี้ พบว่า คน กทม.ต้องการเห็นความเป็นธรรมความถูกต้องใน กทม. จึงย้ำกับตนว่า พรรคประชาธิปัตย์ ต้องสู้ต่ออย่ายอมแพ้ เพื่อให้ช่วยกันนำพา กทม.เดินหน้าต่อไปได้ จากนั้น นายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปหาเสียงต่อที่ศูนย์เยาวชนบางขุนเทียน  โดยปราศรัยกับประชาชน ที่รอต้อนรับตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม เพื่อจะได้คนที่พร้อมทำงาน รวมทั้งพร้อมรับใช้คน กทม. จึงถือเป็นหน้าที่สำคัญ ของประชาชน ต้องออกมาแสดงพลังในวันที่ 3 มี.ค.นี้.

สุหฤทแหวกแนว ทำป้ายหาเสียงถังขยะ

สุหฤทแหวกแนว ทำป้ายหาเสียงถังขยะ
นายสุหฤท สยามวาลา ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 17 แหวกแนว ทำป้ายหาเสียงถังขยะ พร้อมเรียกร้องกลุ่มพลังเงียบ 2 ล้านคน ออกมาใช้สิทธิในวันที่ 3 มี.ค. ... นายสุหฤท สยามวาลา ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 17 เปิดตัวป้ายหาเสียงถังขยะ ซึ่งนำถังขยะพลาสติกสีเขียว มาติดสติ๊กเกอร์หาเสียง และยังติดทับถังไม่ให้สามารถทิ้งขยะเข้าไปได้ด้วย โดยพิมพ์ข้อความระบุชัดเจนว่าเป็นป้ายหาเสียง ห้ามใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น โดยจุดแรกที่นายสุหฤทนำป้ายหาเสียงถังขยะไปวางไว้คือ หน้าตลาด อ.ต.ก. ใกล้ทางลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินกำแพงเพชร โดยนายสุหฤท กล่าวว่า ป้ายหาเสียงถังขยะ ผลิตมาจำนวน 50 ใบ จะถูกตั้งวางไว้ 5 จุด ได้แก่ ที่ตลาด อ.ต.ก. สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินจตุจักร แยกเกษตร ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และ ม.ศิลปากร โดยสาเหตุที่ยังไม่เปิดให้ถังขยะใช้ได้ เพราะเกรงว่าจะผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่หลังจากพ้นการเลือกตั้งไปแล้ว จะกลับมาดูว่าป้ายหาเสียงถังขยะเหล่านี้ว่ายังวางไว้หรือไม่ พร้อมกันนี้ นายสุหฤท ยังกล่าวถึงคนกรุงเทพฯ ว่า ขอให้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 3 มี.ค.นี้ อย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่เคยออกมาใช้สิทธิ จำนวน 2 ล้านคน. 

Tuesday, February 26, 2013

พงศพัศ ลุยหาเสียงพระโขนง-ประเวศ

พงศพัศ ลุยหาเสียงพระโขนง-ประเวศ
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ลุยหาเสียงเขตพระโขนง-ประเวศ ช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนอ้อนขอคะแนน บรรดาสาวฉันทนา... พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย หมายเลข 9 ลงพื้นที่หาเสียงขอคะแนนเขตพระโขนง-ประเวศ โดยเริ่มที่ตลาดบางจาก สุขุมวิท 95 โดยได้รับความสนใจ จากพ่อค้าแม่ค้าและประชาชน ที่มาจับจ่ายซื้อของ โดยได้เข้ามาทักมายและขอถ่ายรูป และมอบดอกไม้เป็นระยะ ๆ นอกจากนี้ พล.ต.อ.พงศพัศ ยังได้ทักทายพูดคุยกับ นักเรียนโรงเรียนสมาหารศึกษา เพื่อให้ไปบอกกับผู้ปกครอง ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในวันที่ 3 มี.ค. นี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ระหว่างการเดินทักทาย ปรากฏว่าผู้สมัครได้พบกับกลุ่มผู้สนับสนุนผู้สมัครอีกคนหนึ่ง และเมื่อ พล.ต.อ.พงศพัศ เข้าทักทายและขอจับมือด้วย กลับไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างใด จากนั้น พล.ต.อ.พงศพัศ ได้ขึ้นรถแห่ไปตามถนนสุขุมวิท เข้าถนนวชิรธรรมสาธิต ออกมาถนนอุดมสุข เพื่อมาหาเสียงต่อที่บริษัทพีเคการ์เม้นท์จำกัด อิมพอร์ต-เอ็กซ์พอร์ต ซึ่งได้รับการต้อนรับจากพนักงานบริษัทเป็นอย่างดี โดยมีการรับฟังปัญหาต่าง ๆ จากพนักงานอย่างเป็นกันเอง.

คุณชาย ชู คลองด่วน แก้น้ำท่วมผิวจราจร

คุณชาย ชู คลองด่วน แก้น้ำท่วมผิวจราจร
“คุณชาย” ชี้ โค้งสุดท้าย เลือกผู้ว่าฯ กทม. คนส่วนใหญ่ตัดสินใจแล้ว เปิดทีมที่ปรึกษาผู้ว่าฯ หรือไม่? โยนพรรคตัดสิน เตรียมเปิดนโยบาย “คลองด่วน” แก้น้ำท่วมผิวจราจร เป็นนโยบายส่งท้ายวันที่ 27 ก.พ. ที่มหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์หมายเชลข 16 ได้เดินทางเข้าร่วมการแสดงวิศัยทัศน์ เป็นภาษาอังกฤษการนำพากรุงเทพฯ สู่ AEC 2015 ทั้งนี้ มีผู้สมัครผู้ว่าฯ รายอื่นๆ เข้าร่วมด้วย อาทิ นายจำรัส อินทุมาร ผู้สมัครอิสระ หมายเลข 15 นายสุหฤท สยามวาลา ผู้สมัครอิสระ หมายเลข 17ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้กล่าวภายหลังการแสดงวิสัยทัศน์ เป็นภาษาอังกฤษ ว่า วันนี้ก็ดีครับ เพราะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการประชันวิสัยทัศน์เป็นภาษาอังกฤษ เพราะ กทม.ไม่ใช่เมืองที่มีแต่คนไทยเท่านั้น เป็นเมืองที่มีต่างชาติเข้ามาพักอาศัยเป็นจำนวนมาก เป็นเรื่องที่ดีที่คนเหล่านี้ที่อาจไม่มีคะแนนเสียง แต่ก็ถือว่า เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียพื้นที่ กทม.ส่วนหนึ่ง และเข้าถึงสิ่งต่างๆ ที่ผู้สมัครนำเสนอให้พี่น้องประชาชน ก็หวังว่าจะสามารถทำอย่างนี้ในอนาคตได้เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ผู้สมัครมาน้อย ชาวต่างชาติที่มาวันนี้ได้สะท้อนข้อห่วงใยเรื่องเดียวกันหมดคือ ความสะดวกในการเดินทาง และการใช้ชีวิตของผู้พิการหรือผู้สูงอายุ ก็ต้องยอมรับว่า เราคือทั้งรัฐบาลและ กทม.ในอดีต ยังไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้เท่าที่ควร โดยเฉพาะเรื่องทำสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ไม่มีลิฟต์ในช่วงแรก อำนวยความสะดวกให้ผู้พิการและผู้สูงอายุ ตอนนี้ก็แก้ไขยาก เพราะต้องมีการเปลี่ยนโครงสร้างหลายอย่าง แต่ กทม.ได้จัดสรรงบประมาณแล้ว แต่มีปัญหาเรื่องกฎหมายเล็กน้อย คาดเดินหน้าเร็ววันนี้ พูดถึงแท็กซี่คนพิการ และเรื่องสัญญาณข้ามถนนสำหรับคนตาบอด ชาวต่างชาติจะสามารถสะท้อนเรื่องความสะดวกของผู้พิการอีก 4 วัน ก็ถึงวันที่ 3 มี.ค.แล้ว ยังมีกลยุทธ์ หรือสิ่งใดที่ยังไม่ได้บอกคน กทม.แล้วจะบอกอีกบ้าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ผมเชื่อว่า พี่น้องประชาชน กทม.ตัดสินใจแล้วนะครับ เพียงแต่ว่าจะดึงพี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เท่านั้น รักใครชอบใครก็ออกมาใช้สิทธิ์ ส่วนตัวผมคงเปิดนโยบายอีกเรื่องเดียว กำลังจัดหาเวลาอยู่ คือ เรื่องคลองด่วน จะเป็นสิ่งสำคัญจะแก้ปัญหาฝนตกหนัก ซึ่งตอนนี้ กทม.รับมือได้เพียง 60 มิลลิเมตร ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นตัวเลขที่เหนื่อย แต่ผมก็อยากทำให้ขีดความสามารถระบายน้ำ กทม.ดีขึ้นมาที่ 80-90 มิลลิเมตร ต่อชั่วโมง เพื่อให้คน กทม.เดินทางทั้งถนนได้สะดวก คิดว่าเป็นพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ เป็นวิธีที่จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ต้องใช้งบประมาณมากหน่อย แต่เพื่อความสะดวกปลอดภัยของพี่น้องประชาชาชนส่วนที่มีการเปิดตัวทีมที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.ในช่วงบ่ายวันนี้จะเป็นอีกตัวที่ดึงคะแนนให้ขึ้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ก็ได้คุยกันแล้ว แต่เวลามันน้อย ไม่ทราบว่าพรรคประชุมแล้วว่าอย่างไรเปิดตัววันนี้เลยหรือไม่ เรามีรายชื่อทีมงานทั้งหมดแล้ว อยู่ที่พรรคครับว่า จะพร้อมวันไหน อาจเป็นวันนี้หรือวันศุกร์ก็ได้ หน้าที่ผมคือเปิดนโยบายและพบปะพี่น้องประชาชนคำถามที่ว่า ถึงวันนี้มั่นใจหรือไม่ว่าคนที่เคยเลือกเราเมื่อคราวที่แล้วมาครั้งนี้จะเลือกเราอีกหรือเปล่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ระบุว่า ผมก็ยังบอกว่า ไม่ประมาทและก็ไม่หวั่นไหว ถามว่าผมแต่งตัวรอแล้วหรือยังก็ไม่ครับ แต่ถามว่าผมตัวสั่น ตื่นตระหนก ก็ไม่เหมือนกัน แต่ผมมีความมั่นใจว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้พี่น้องประชาชนก็คิดว่ายังคงสนับสนุนพรรค ปชป.มากพอสมควร ส่วนจะมากพอทำให้ผมกลับไปเป็นผู้ว่าฯ กทม.อีกหรือไม่ก็ขอให้ดูวันที่ 3 มี.ค. นี้ ย้ำไม่ขอประมาทแต่ก็ไม่หวั่นไหวส่วนกรณี เรื่องพรรค ปชป.ใช้เวิร์ดดิ้ง ช่วงโค้งสุดท้าย หาเสียงผู้ว่าฯ ชู ซื่อสัตย์ ไม่โกงนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า ถ้าสังเกตให้ดี ผมจะเสนอนโยบายที่ทำมาแล้ว และจะทำต่อไปอย่างเดียวส่วนที่บนเวทีปราศัรยเหมือนพรรค ปชป. พยายามเน้นถึงเหตุการณ์การเมืองปี 2553 ลักษณะเดียวเหมือนกับการเลือกตั้งปี 2554 ที่พรรคประสบความสำเร็จ ได้คะแนน ส.ส.ในกทม.นั้น ก็สุดแล้วแต่จะคิด ผู้อภิปรายบนเวทีปราศรัยก็ไม่ได้กล่าวหาใคร และมันก็เป็นจริง ก็แล้วแต่พี่น้องประชาชนจะคิด ผมก็โดนกล่าวหามาเยอะ ก็ไม่เห็นเสียหายอะไร ผมอยากทำงาน เวลาปราศรัยก็ส่วนใหญ่เป็นงานล้วนๆ มีสีสันบ้างก็เล็กน้อยผมไม่ได้จะเป็นผู้ว่าฯ ฝ่ายค้าน ผมเป็นผู้ว่าฯ กทม.มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขพี่น้องประชาชน ถ้าได้กลับไปก็จะพูดเรื่องงาน เป็นผู้ว่าฯ ที่ดูแลประชาชนไม่ว่า จะใส่เสื้อสีอะไร ดูแลทุกสี ที่ผ่านมา มีเวลาก็อยากพบปะพี่น้องประชาชนให้มากกว่านี้ แต่เรื่องแสดงวิสัยทัศน์ก็มีความสำคัญ เพราะพื้นที่ กทม.กว้างใหญ่ ถ้าไม่ออกทีวี อาจไม่สามารถสื่อสารได้ทั่วถึง แต่ใจผมอยากพบปะประชาชนมากกว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว.. อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มรว.สุขุมพันธุ์ ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์เป็นภาษาอังกฤษ ในหัวข้อการนำพากรุงเทพฯ สู่ AEC 2015 มีใจความโดยรวมว่า  จะดูแล คนต่างชาติที่เข้ามาทำงาน เพื่อความสะดวก ความปลอดภัยทั่วไปใน ชีวิตและทรัพย์สินพี่น้องประชาชน เชื่อมโยงบริการความสะดวกสบายต่างๆ รวมทั้งกทม.จะช่วยคิด ส่งเสริมพัฒนาธุรกิจการค้าในพื้นที่ ให้ กรุงเทพมหานคร เดินเข้าสู่ AEC ในปี 2015 ได้เป็นอย่างดี เพื่อเป็นมหานครแห่งอาเซียน ให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันกทม.ก็ต้องทำ เรื่องการส่งเสริมท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมา ตอนที่เป็นผู้ว่าฯกทม. 4 ปี ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติใน กทม.เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจำนวนปริมาณนักท่องเที่ยว และรายได้ที่เติบโตมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดประมาณ 200,000ล้านบาท ภายในระยะเวลาประมาณ 2-3ปี รวมทั้งส่งเสริมให้มหานครแห่งนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวในด้านศิลปวัฒนธรรม ขณะที่เรื่องที่ กทม.จะทำเป็นเรื่องหลักต่อจากนี้ไป คือ การแก้ปัญหา น้ำท่วม จราจร ความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน การอำนาวยความสะดวกให้กับคนต่างชาติที่มาพักอาศัยในกทม. ทั้งเรื่องปัญหาการเดินทาง และสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มคนพิการ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนต่างชาติที่เข้ามาอาศัยและประกอบธุรกิจการค้า ในกทม.มีความเป็นห่วง ด้วย ตั้งการติดตั้งลิฟต์ภายในสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ทุกสถานี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนพิการและผู้สูงอายุ และในเรื่องอื่นๆ

เต้น การันตี นายกฯช่วยจูดี้หาเสียงไม่ผิด

เต้น การันตี นายกฯช่วยจูดี้หาเสียงไม่ผิด
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ การันตี นายกรัฐมนตรี ช่วย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ​ หาเสียงไม่ผิด ชี้ นอกเวลาราชการ...  วันนี้ (27 ก.พ.56) เวลา 09.20 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า พรรคการเมืองบางพรรคหาเสียงในลักษณะไม่สร้างสรรค์ ใส่ร้ายป้ายสี สาดโคลนโจมตี ชกใต้เข็มขัดตลอดเวลา คิดว่าประชาชนคงจะพิจารณาเลือกนักการเมือง หรือพรรคการเมือง ที่จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นทั้งเมืองหลวงของประเทศไทยและเป็นเมืองหลวงของอาเซียน เป็นเมืองสำคัญของยุทธศาสตร์เวทีโลก ส่วนที่จะมีการยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ไปช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าไม่น่ากังวลอะไร นายกฯ และรัฐมนตรีแต่ละท่านที่ลงไปมีความละเอียดรอบคอบ ไปช่วยหาเสียงนอกเวลาราชการ เราเข้าใจดีว่ากฎกติกาเป็นอย่างไรก็ว่ากันไป

Monday, February 25, 2013

นายกฯ ถกนักธุรกิจฮ่องกง ชวนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

นายกฯ ถกนักธุรกิจฮ่องกง ชวนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำทีมเศรษฐกิจหารือกับนักลงทุนฮ่องกง ยันประเทศมีเสถียรภาพ ชวนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน  วันที่ 26 ก.พ. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสุรพงศ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงการคลัง และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมรับประทานอาหารเช้ากับผู้บริหารระดับสูงด้านการธนาคารและการลงทุนของฮ่องกงและต่างชาติ เพื่อย้ำถึงโอกาสการลงทุนของไทย ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ เพื่อดึงดูดนักลงทุนชั้นนำและนักการเงินต่างชาติจากฮ่องกง และความพร้อมของไทย ที่จะเป็นจุดเชื่อมในภูมิภาค ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเชื่อมต่อกับฮ่องกง เนื่องจากฮ่องกงมีท่าอากาศยานและท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ และเป็นจุดขนส่งสินค้าที่สำคัญ ที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าเป็นอันดับต้นของโลก ณ โรงแรมที่พัก Island Shangri-La โดยการพบปะครั้งนี้ จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่มี เสถียรภาพมากขึ้น ภายหลังการประสบอุทกภัย เศรษฐกิจไทยได้เจริญเติบโตมาอย่างเข้มแข็ง แม้ว่าจะชะลอตัวกับบางประเทศ โดยในปี 2012 เศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 6.4 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 0.1 และในปี 2013 ตั้งเป้าว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 –6.0สำหรับการลงทุนในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน มีแผนสำคัญ ได้แก่ แผนการลงทุนสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ตั้งเป้าส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน งบประมาณ 2 ล้านล้านบาท ดำเนินงานโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 7 ปี(2013 -2019)โดยจะเน้นด้านการคมนาคมและเครือข่ายโลจิสติกส์ ได้แก่ เส้นทางรถไฟ ถนน เส้นทางเดินเรือ และสาธารณูปโภคตามแนวชายแดน โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ งบประมาณ 350,000 ล้านบาท ดำเนินการระยะเวลา 6 ปี (2012 - 2017) เพื่อป้องกันอุทกภัยและสนับสนุนระบบชลประทานทั่วประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลมีความคิดริเริ่มและแรงจูงใจในการลงทุน โดยได้กำหนดมาตรการสำคัญรองรับด้วยนายกรัฐมนตรี ยังย้ำถึงโอกาสการลงทุนของไทยภายใต้แผนยุทธศาสตร์ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ว่า จะเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การจัดทำโซนนิ่งเกษตรและการส่งเสริม SMEs และ OTOP นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำผ่านการพัฒนาระบบการศึกษาและสาธารณสุข ให้ทั่วถึง โดยการสร้างความเจริญเติบโต ต้องยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม. 

พงศพัศยาหอมให้ชุมชนจัดการงบ ย้ำผู้ว่าฯ กทม.ตรวจสอบได้

พงศพัศยาหอมให้ชุมชนจัดการงบ ย้ำผู้ว่าฯ กทม.ตรวจสอบได้
พงศพัศ พงษ์เจริญ ลั่นเป็นผู้ว่าฯ กทม.ต้องตรวจสอบได้ กระจายงบประมาณให้ชุมชนบริหารโครงการ ย้ำต้านคอร์รัปชันต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็ก....เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่โรงแรมดุสิตธานี ได้มีการจัดแสดงวิสัยทัศน์ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในหัวข้อเรื่อง วิสัยทัศน์ กรุงเทพฯ โปร่งใส ไร้คอร์รัปชัน โดย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในเรื่องของมีการตรวจสอบและไร้การทุจริตนั้นทุกคนอยากให้มีการตรวจสอบ ตนมีขั้นตอนในการปลูกฝังตั้งแต่เยาวชนและมีช่องทางให้มีทุกๆ ฝ่ายเข้ามาจัดการเกี่ยวข้อง โดยการเรียนรู้ของเด็กๆ ก็เป็นเรื่องของการปลูกฝัง สำหรับเรื่องของการป้องกันนั้นก็มีความจำเป็น ตนอยากจะเริ่มตั้งแต่ชุมชนที่เป็นโครงการต่างๆ ตนได้บอกกล่าวตอนลงพื้นที่ว่าการแก้ไขปัญหาต่างๆ อยากให้เริ่มจากชุมชนว่าต้องการอะไรและมาบริหารร่วมกัน เช่น เรื่องปัญหาขยะ น้ำเน่าเสีย กทม.ก็จะกระจายงบประมาณส่วนนี้ลงไปเพื่อบริหารกันเอง ขั้นตอนต่างๆ นั้นก็มีอยู่แต่อีกส่วนนั้นต้องมีขั้นตอนโปร่งใสและมีขั้นตอนที่ชัดเจนที่ทุกคนตรวจสอบได้และรู้ว่าจะใช้เวลาเท่าใด อีกประเด็นการตรวจสอบอย่างเข้มข้นผู้ว่าฯ กทม.ต้องได้รับการตรวจสอบ ตนเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่ กทม.นั้นมีสภาฯ เป็นของตนเองในการตรวจสอบเพราะจะช่วยตรวจสอบการทำงานของผู้ว่าฯ กทม.อย่างใกล้ชิด อีกส่วนหนึ่งก็คือเรื่องของช่องทางในการติดต่อและการทำงานร่วมกันบริการได้ตลอดเวลา ระดับชุมชนเองก็ต้องสามารถตรวจสอบได้ด้วย ทุกกลไกของ กทม.ต้องสนับสนุนในเรื่องดังกล่าวอีกด้วย.

มาร์ค งง จูดี้ ไมร่วมเวทีดีเบตคอรัปชัน

มาร์ค งง จูดี้ ไมร่วมเวทีดีเบตคอรัปชัน
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ ประกาศยุติบทบาทการเมืองหากแพ้เลือกตั้ง ไม่กระทบคะแนนเสียง เชื่อเป็นเพียงความในใจ พร้อมตั้งข้อสังเกต พท.ไม่ร่วมถกดีเบตคอรัปชัน...เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 26 ก.พ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายวิทเยนตร์ มุตตามระ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ตลาดยิ่งเจริญ เขตสายไหม โดยการหาเสียงได้รับการต้อนรับจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอยในบริเวณดังกล่าว ส่วนใหญ่ได้มอบดอกไม้และขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอย่างคึกคัก นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ว่า ยังมีบางพื้นที่ที่ยังต้องเน้นการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ในเรื่องนโยบาย และในการลงพื้นที่ในบางเขตพบว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาให้การต้อนรับพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ก็ต้องขอบคุณที่แสดงอัธยาศัยที่ดีและยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ความรุนแรงจะลดลงส่วนกรณีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ระบุว่า หากแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้จะยุติบทบาททางการเมืองนั้น ส่วนตัวคิดว่า น่าจะเป็นความในใจ ของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ซึ่งเชื่อว่าการพูดดังกล่าวไม่กระทบกับคะแนนเสียง ทั้งนี้ตนแปลกใจที่ในเวทีการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.โดยเฉพาะ ที่เกี่ยวกับนโยบายการแก้ไขปัญหาเรื่องการทุจริตคอรัปชันที่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยกลับไม่เข้าร่วมในเวทีดังกล่าว.

Sunday, February 24, 2013

จูดี้ นั่งจักรยานยนต์พ่วงข้าง หาเสียงลาดกระบัง

จูดี้ นั่งจักรยานยนต์พ่วงข้าง หาเสียงลาดกระบัง
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ นั่งจักรยานยนต์พ่วงข้าง ชูนโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน หาเสียงชาวลาดกระบัง... พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย หมายเลข 9 พร้อมสมาชิกพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่หาเสียงที่เขตลาดกระบัง ตลาดการเคหะชุมชนร่มเกล้า โดย พล.ต.อ.พงศพัศ เดินทักทายประชาชนและพ่อค้าแม่ค้า ที่มาจับจ่ายขายของในตลาด ก่อนจะพักรับประทานกาแฟ จากนั้น ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง กล่าวผ่านเครื่องขยายเสียง เสนอนโยบายให้มีกองทุนพัฒนาชุมชนเมือง เพื่อให้ชาวบ้านเข้าถึง แหล่งทุนได้ง่าย และรับจะชวยคลี่คลายเงินกู้นอกระบบ ด้วยการตั้งโต๊ะเจรจา โดย พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ไม่มีความหนักใจผลสำรวจความนิยมที่ได้รับคะแนนใกล้เคียงกับคู่แข่ง ในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง และคงไม่มีการเพิ่มกลยุทธ์พิเศษ นอกจากพยายามลงพื้นที่รับฟังปัญหาของประชาชนให้มากที่สุด.

คุณชาย รับ หากพลาดหวัง ขอพักงานการเมือง

คุณชาย รับ หากพลาดหวัง ขอพักงานการเมือง
คุณชาย รับ หากผิดหวังไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.อีกสมัย ขอพักงานการเมือง แต่ยังช่วยงานพรรคอยู่ ไหว้พระประธานในอุโบสถ วัดเบญจมบพิตร เมื่อเช้า เผย ขอ ปชป.ชนะเลือกตั้ง ส่วนจดหมายเปิดผนึก ส่งโรงพิมพ์แล้ว ขอสื่ออดใจรอดูวันที่ 25 ก.พ. ที่ห้างสรรพพสินค้า บิ๊กซี คลองเตย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค ปชป. นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ นายอนุชา บูรพชัยศรี ส.ส.กทม. คลองเตย พรรค ปชป. ได้ลงพื้นที่ พบปะกลุ่มสมาคมผู้ ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง หน้าห้างบิ๊กซี จำนวนประมาณ 30 คน เพื่อรับฟังความคิดเห็นและหาเสียงผู้ว่าฯ กทม. ในช่วงโค้งสุดท้ายทั้งนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า หากได้กลับมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.อีก จะดำเนินการให้พี่น้องวินรถจักรยานยนต์ทั่ว กทม.มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการส่งเสริมให้ทำประกันชีวิต และประกันอุบัติภัยซึ่งที่ผ่านมา กทม.ก็ได้มีการดำเนินการอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยอมรับว่าการประชาสัมพันธ์ไม่ดี ทำให้พี่น้องกลุ่มวินรถ จยย.รับทราบไม่ทั่วถึง ส่วนกรณีค่าเบี้ยประกันก็จะเปิดให้ทางสมาคมได้หารือกับบริษัทประกันภัยเองม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเวลาที่เหลืออยู่อีกไม่ถึง 7 วัน ตนคงไม่เน้นหาเสียงกับคนกลุ่มใดเป็นพิเศษพบประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกเพศทุกวัย เพราะทุกกลุ่มมีความสำคัญเท่ากัน แล้วผมก็ไม่คิดว่ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมีความสำคัญเหนือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ต้องกระจายโดยทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ถึงแม้ทางพรรคเพื่อไทยจะระบุว่า พรรคจะเน้นหาเสียงกับกลุ่มตำรวจเป็นพิเศษก็ตามขณะนี้ก็เป็นหน้าที่พรรคที่จะช่วยกันเป็นหูเป็นตา ในการดูแลการเลือกตั้งให้มีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม โดยเฉพาะ กกต.กทม. ขอให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรม ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับการทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้บริสุทธิ์ยุติธรรม ทั้งนี้ ตนไม่เคยกังวลแน่นอน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ แต่ผมเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของพี่น้อง กทม. ผมมีความเชื่อมั่นในเรื่องนี้ และความเป็นตัวของตัวเองของพี่น้อง กทม.เป็นสิ่งที่ทำให้ผมไม่เคยรู้สึกท้อ กลัว หวั่นไหวหรือกังวล จนทำให้เราแพ้การเลือกตั้ง ขณะที่ ช่วงเวลาที่เหลืออยู่จะลงพื้นที่หาเสียงให้มากที่สุด และรับงานประชันวิสัยทัศน์เท่าที่เคยรับไว้แล้ว ซึ่งก็มีเพียง 3 ครั้งในสัปดาห์นี้ส่วนเรื่องกรณีที่พรรค ปชป.จะส่งจดหมายใจถึงใจ อภิสิทธิ์-สุขุมพันธุ์ ถึงประชาชน กทม. จะเริ่มได้เมื่อไหร่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า เนื้อหาได้ส่งไปโรงพิมพ์แล้ว ส่วนเนื้อหา ขอให้สื่อมวลชนรอดูครับว่า จะมีเนื้อหาอะไรมันเป็นหน้าที่พรรคชี้แจงประชาสัมพันธ์ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ ให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่นั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ผมไม่เคยให้คะแนนตัวเอง เพราะไม่ใช่หน้าที่ผมเป็นหน้าที่ของพี่น้องประชาชนจะให้คะแนน เป็นหน้าที่ของสื่อฯ นักวิชาการให้คะแนนผม อย่างเมื่อวานมีประชาชน 2 คนบอกผมตอนหาเสียงว่า เสียงที่บ้านเขา 10 เสียง ได้แน่ๆ ก็เหลืออีก 999,980 จะได้ครบล้านขณะที่คำถามท่านได้วิเคราะห์อย่างไรถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ จะทำอย่างไร ถ้าไม่ได้จะทำอย่างไร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.อีกสมัยก็ต้องไปรายงานตัวที่ศาลาว่าการ กทม.แล้วก็ไปรับเงินเดือนที่รัฐบาลกรุณาเพิ่มขึ้นให้ต่อไป ถ้าไม่ได้ ก็ไม่คิดอะไร ก็คงต้องพักจากการเมืองโดยปริยายในแง่ของตำแหน่งครับ เพราะยังคงไม่มีเลือกตั้งทั่วไปเร็วๆ นี้ แต่ก็ยังช่วยพรรคอยู่ครับ ผมไม่ห่วงว่าจะไม่มีอะไรทำหรอก มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คนอยากให้ผมทำ ก็ไม่เป็นไร ไม่กังวลว่าจะไม่มีอะไรทำขณะที่เมื่อเช้าที่ไปทำบุญตักบาตรที่วัดเบญจมบพิตร เนื่องในวันมาฆบูชา ได้ขออะไรไหมครับ ก็แน่นอนครับก็ขอให้พี่น้องพรรคประชาธิปัตย์ทั้งอาสาสมัครก็เหนื่อยกันมามากแล้ว ผมก็อยากขอให้ทุกท่านได้ประสบความสำเร็จตามที่ได้ทุ่มเทเอาไว้ แน่นอนก็ขอพรให้ชนะ แต่ผมก็ไม่ได้ขอพรให้คนเดียวนะครับ. 

สุขุมพันธุ์สวมเสื้อวินฯเบอร์ 16 อ้อน จยย.รับจ้าง

สุขุมพันธุ์สวมเสื้อวินฯเบอร์ 16 อ้อน จยย.รับจ้าง
สุขุมพันธุ์ สวมเสื้อวินฯ หมายเลข 16 ลุย ย่านคลองเตย เปิดนโยบายหาเสียง กับ วินรถ จยย.รับจ้าง ชู ทำประกันภัย-ปรับปรุง จุดจอดรถและเสื้อวินฯ ให้เหมาะกับที่ กทม.จะเป็นมหานครแห่งอาเซียนวันที่ 25 ก.พ. ที่ห้างสรรพพสินค้า บิ๊กซี คลองเตย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงพื้นที่ พบปะกลุ่มสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง หน้าห้างบิ๊กซี จำนวนประมาณ 30 คน เพื่อรับฟังความคิดเห็นและหาเสียงผู้ว่าฯ กทม. ในช่วงโค้งสุดท้ายทั้งนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า หากได้กลับมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.อีก จะดำเนินการให้พี่น้อง วินรถจักรยานยนต์ทั่ว กทม.มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการส่งเสริมให้ทำประกันชีวิต และประกันอุบัติภัย ซึ่งที่ผ่านมา กทม.ก็ได้มีการดำเนินการอยู่ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว แต่ยอมรับว่า การประชาสัมพันธ์อาจไม่ดี ทำให้ พี่น้องกลุ่มวิน รถ จยย.รับทราบไม่ทั่วถึง ส่วนกรณีค่าเบี้ยประกันภัย ก็จะเปิดให้ทางสมาคมได้หารือกับบริษัทประกันภัยในการกำหนดค่าเบี้ยประกันที่มีความเป็นธรรมและเหมาะสมเองทั้งนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า พร้อมที่จะเป็นผู้ผลักดัน ให้กลุ่มวินรถ จยย.ทั่ว กทม.มีจุดจอดรถที่เป็นกิจจะลักษณะและมีความร่มรื่นเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น รวมทั้งจะยังมีการปรับปรุงเสื้อวิน จยย.รับจ้าง และจุดจอดรถและคนขี่มีป้ายชื่อวิน จยย.รับจ้างในแต่ละวิน และมีการติดป้ายชื่อคนขับ ที่ชัดเจนทั้งที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อบริการนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมไปถึงความปลอดภัย เพื่อรองรับการที่ กทม.จะเป็นเมืองหลวงแห่งอาเซียนทั้งนี้ ระหว่างการปราศรัย ทางตัวแทนวินรถ จยย.รับจ้างได้นำเสื้อกั๊กสีส้ม ที่มีหมายเลข 16 ซึ่งเป็นหมายเลขใช้หาเสียงผู้ว่าฯ กทม.ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ นำมาสวมใส่ให้กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาจากสมาชิก จยย.และกองเชียร์พรรคประชาธิปัตย์และสื่อมวลชนทั้งนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้ขอจับมือและถ่ายภาพร่วมกับ สมาชิกวิน จยย.รับจ้าง ดังกล่าวที่มารอฟังนโยบาย โดยเฉพาะ สมาชิกวินรถ จยย.รับจ้าง คนที่สวมใส่เสื้อกั๊กสีส้ม หมายเลข 9 ซึ่งเป็นหมายเลขหาเสียงของผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ที่เป็นคู่แข่งสำคัญการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งนี้ ได้รับความสนใจเป็นพิเศษจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีการเรียกมาถ่ายภาพและจับมือคู่กันอีกด้วย. 

Saturday, February 23, 2013

ปูปัดพบทักษิณที่ฮ่องกง หวั่นคะแนนคุณชายพลิก

ปูปัดพบทักษิณที่ฮ่องกง หวั่นคะแนนคุณชายพลิก
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ บินเยือนผู้นำเกาหลีใต้-ฮ่องกง ปัดพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ฮ่องกง ยอมรับหวั่นคะแนนพลิกโค้งสุดท้ายเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หลังคะแนน คุณชายหมู หายใจรดต้นคอ    เมื่อเวลา 06.30 น. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเยือนประเทศเกาหลีใต้และฮ่องกงอย่างเป็นทางการ ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตว่าการเดินทางฮ่องกงครั้งนี้ อาจไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ฮ่องกง เพื่อขอคำปรึกษาในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในช่วงโค้งสุดท้าย ว่า ไม่มี เพราะมีการวางโปรแกรมไว้แล้วหน้าอยู่แล้ว ไม่มีภารกิจไปพบใครทั้งนั้น นอกจากผู้นำฮ่องกง   เมื่อถามว่า การสำรวจคะแนนนิยมล่าสุด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 16 พรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนนิยมใกล้เคียง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัคร กทม.หมายเลข 9 พรรคเพื่อไทย กลัวคะแนนพลิกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นห่วงทุกนาที จนกว่าผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะออกมา  ตนมีภารกิจที่ต้องทำหน้าที่ ช่วยหาเสียงเท่าที่ทำได้ ซึ่งการเลือกตั้งระบอบประชาธิปไตยต้องฟังเสียงประชาชน ก็ขอร้องให้ช่วยหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ แล้วให้ประชาชนตัดสินใจ เพื่อนำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน   ทั้งนี้ เมื่อเวลา 06.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิไปเยือนสาธารณรัฐเกาหลีและเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เพื่อเข้าร่วมในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีตามคำเชิญของ มาดามปัก กึน-ฮเย ก่อนเดินทางต่อไปยังเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ตามคำเชิญของผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง พร้อมใช้โอกาสนี้เปิดแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ประเทศ เพื่อดึงดูดนักลงทุนและย้ำความพร้อมของไทยที่จะเป็นจุดเชื่อมในภูมิภาค (connectivity hub) โดยมี ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชายเดินไปด้วย.

จูดี้ หาเสียงเขตประเวศ ปล่อยปลา9ตัวเอาฤกษ์

จูดี้ หาเสียงเขตประเวศ ปล่อยปลา9ตัวเอาฤกษ์
พงศพัศ พงษ์เจริญ หาเสียงชุมชนวัดตะกล่ำขอคะแนนคนเดินตลาดเช้า ก่อนไหว้พระสักการะเพื่อความมงคล พร้อมปล่อยปลา 9 ตัว...เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่วัดตะกล่ำ ย่านสวนหลวง ร.9 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่ิอไทยได้ลงพื้นที่หาเสียงที่วัดตะกล่ำ โดยได้เดินหาเสียงในบริเวณชุมชนและตลาดสดวัดตะกล่ำ โดยผู้สมัครฯ ได้รับการต้อนรับจากประชาชนในพื้นที่จำนวนมาก โดยมาขอถ่ายภาพมอบดอกไม้และชักชวนให้ชิมขนมปลากริมอีกด้วย จากนั้นก็ได้เข้าไปนมัสการเจ้าอาวาสวัดตะกล่ำเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนที่จะปล่อยปลาดุก ปลาไหล ปลาหมอ ชนิดละ 9 ตัว และหอยขมอีกจำนวน 1 ถุง ภายหลังการลงพื้นที่ พล.ต.อ.พงศพัศ ก็ได้ขึ้นรถกระบะแห่หาเสียงไปยังพื้นที่โดยรอบและตลาดหน้าบริเวณสวนหลวง ร.9 เขตประเวศ ต่อไปเพื่อขอคะแนน.  

โซนนิ่งเมือง-ทักษะภาษา-บริการอิเล็กทรอนิกส์3คำขอมาร์ค บล็อกนันถึงผู้ว่าฯ กทม.

โซนนิ่งเมือง-ทักษะภาษา-บริการอิเล็กทรอนิกส์3คำขอมาร์ค บล็อกนันถึงผู้ว่าฯ กทม.
บล็อกเกอร์คนดัง มาร์ค Blognone มองอนาคตใหม่กรุงเทพฯ ฝาก 3 คำขอ เรื่องโซนนิ่งเมือง ภาษา และบริการอิเล็กทรอนิกส์ ถึงผู้ว่าฯ คนที่ 16...เข้าสู่ช่วงนับถอยหลังเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คนที่ 16 เข้ามาทุกที บรรยากาศการหาเสียงและแสดงนโยบายเริ่มคึกคักมากขึ้นทุกขณะ คราวนี้ถึงเวลาฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนที่มีต่อผู้ว่าฯ คนใหม่ กับแนวคิดจากบล็อกเกอร์คนดัง อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ หรือ มาร์ค บล็อกนัน (Blognone) หนึ่งในเจ้าของคอลัมน์ดนดังนั่งเขียนประจำหน้าวิทยาการ ไทยรัฐออนไลน์ ถึงว่าที่ผู้ว่าฯ คนที่ 16 ของกรุงเทพฯบล็อกเกอร์คนดัง ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์บล็อกนัน กล่าวถึงด้านดีของกรุงเทพฯ ว่า แม้จะดูเหมือนเป็นเมืองที่ไม่ให้โอกาสคน แต่ก็สามารถอยู่ได้ทั้งคนรวยคนจน มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ทุกชนชั้นสามารถอยู่ได้ลงตัว แม้จะแตกต่างกันเพียงวิถีชีวิต เรียกว่าเป็นเมืองที่รับได้กับคนทุกระดับ ส่วนด้านไม่ดีคือคนส่วนใหญ่ขาดจิตสำนึกสาธารณะ หมายถึงไม่มีความรู้สึกตระหนักถึงการเป็นเจ้าของสมบัติสาธารณะ เช่น ฟุตปาทหน้าบ้านใครคนนั้นก็จะมองว่าเป็นสมบัติของตัวเอง รวมไปถึงสมบัติสาธารณะอื่นๆ ในกรุงเทพฯ ทั้งถนน สวนสาธารณะ คนมักมองหาช่องทางเพื่อนำสิ่งนั้นๆ มาใช้ประโยชน์ส่วนตัวจนลืมนึกไปว่าสิ่งเหล่านั้นคือของส่วนรวมถ้าพูดถึงในมุมไอที สิ่งที่ไม่ชอบเลย คือ โครงสร้างพื้นฐานตามสาย พูดง่ายๆ คือ อินเทอร์เน็ตแบบเอดีเอสแอล เหมือนจะเข้าถึงเยอะ แต่เอาเข้าจริงคือเข้าไม่ถึงเพราะมีปัญหาเรื่องชุมสาย ต่อให้เป็นหมู่บ้านหรูแต่ถ้าชุมสายมีปัญหาก็ทำให้อินฟราสตรัคเจอร์ไม่ดี แน่นอนว่าด้านดีคือการเป็นศูนย์กลางของเมืองไทย ความเจริญทุกอย่างรวมถึงด้านไอทีก็อยู่ที่กรุงเทพฯมาร์ค บล็อกนัน กล่าวอีกว่า สิ่งที่อยากเห็นกรุงเทพฯ ในอนาคต คือ 1.การทำโซนนิ่งเมือง ที่ปัจจุบันยังไม่เข้มข้นเท่าไหร่ ควรแยกโซนที่พักอาศัยและทำงานออกจากกันอย่างชัดเจน ตอนนี้ยังเรียกว่ามั่วไปหมด บางคนมีห้างอยู่หน้าบ้าน ผมว่ามันทำให้คุณภาพชีวิตเราไม่ดี 2.อยากให้กรุงเทพฯ เปิดรับชาวต่างชาติมากขึ้น เน้นด้านภาษาให้มากขึ้น จากประสบการณ์ที่พบด้วยตัวเอง ผมเชื่อว่าชาวต่างชาติที่ขึ้นรถเมล์บ้านเราไม่มีทางไปไหนได้ถูก เพราะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เลยอยากให้มีอินฟราสตรัคเจอร์ที่เปิดรับชาวต่างชาติมากขึ้น 3.ผมว่าเรื่องฟรี ไว-ไฟ บ้านเราค่อนข้างโอเค เพราะต้องยอมรับว่ายังไม่ค่อยเห็นเมืองที่ทำแล้วประสบความสำเร็จ จริงๆ แล้วไว-ไฟอาจไม่จำเป็นต้องฟรี เก็บเงินก็ได้แต่ต้องสามารถให้บริการได้ครอบคลุมเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรุงเทพฯ จริงๆ และควรปรับปรุงคือบริการประชาชนด้านอิเล็กทรอนิกส์ ปัจจุบันเว็บไซต์ของกรุงเทพฯ เองก็ยังห่วยมาก การติดต่อกับราชการหรือทำธุรกรรมทำเอกสารต่างๆ ก็ยังคงยากเย็นอยู่เช่นเดิม ผมว่าควรผลักดันให้สามารถทำได้ผ่านบริการอิเล็กทรอนิกส์ ถ้าเราอยากได้สำเนาอะไรสักอย่าง ทำไมเราป้อนข้อมูลและส่งสำเนามาให้ถึงบ้านผ่านไปรษณีย์ไม่ได้ ตัวอย่างนี้ช่วยอำนวยความสะดวกสบายและลดปัญหาการจราจรไปได้ในตัวในปีนี้เราเห็นผู้สมัครหลายท่านใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นช่องทางประชาสัมพันธ์ โพสต์ภาพ ลงนโยบาย แต่ไม่มีใครใช้เพื่อรับฟีดแบ็กจากประชาชนสักเท่าไหร่ อยากให้ผู้ว่าฯ คนใหม่ลองใช้วิธีด้านไอทีเพื่อรับเรื่องร้องเรียนหรือรับความคิดเห็น เพื่อใช้แก้ปัญหาอย่างทันท่วงทีและถูกจุด ถ้าหน้าออฟฟิศผมมีเสาไฟฟ้าขาด ผมก็ควรจะถ่ายรูปและส่งรายละเอียดไปให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อให้มาดำเนินการได้ทันที ช่องทางไอทีที่ประชาชนจะสามารถส่งเรื่องร้องเรียนไปให้หน่วยงานหรือทีมงานที่คอยรับเรื่องก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเว็บไซต์อย่างเดียว ยังมีอีกหลายช่องทาง ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะทำ.

Friday, February 22, 2013

เฉลิม อัด ปชป.ไม่สร้างสรรค์

เฉลิม อัด ปชป.ไม่สร้างสรรค์
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี อัด พรรคประชาธิปัตย์ เล่นการเมืองไม่สร้างสรรค์ มีหญิงอ้างตัวเป็นลูกสาวโผล่สภาฯ ยิ้มอีก ภรรยาเข้าใจ...           วันนี้ (22 ก.พ.56) เวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้ข่าวกรณีมีผู้หญิงแอบอ้างเป็นลูกสาวของตนเองว่า ไม่มีอะไร เพราะภรรยาที่บ้านเข้าใจ ก็หัวเราะ ก็อย่างนี้พรรคประชาธิปัตย์เล่นการเมือง ตนไม่ได้เสียหาย แต่เด็กสาวที่เป็นดาราเขาเสียหาย ไม่ควรทำให้คนอื่นนอกวงการเมืองต้องเสียหาย เราเป็นนักการเมืองพูดกันไปพูดกันมา เขาเป็นดารา เขาไม่มีโอกาสมาชี้แจง พรรคประชาธิปัตย์มีพฤติกรรมอย่างนี้มาตลอด เก่งอยู่คนเดียว เก่งอยู่พรรคเดียว ซื่ออยู่พรรคเดียว สะอาดอยู่พรรคเดียว ทำเพื่อความสะใจและไม่รับผิดชอบ ตนก็ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ทำมาตลอด เอะอะก็มาลงที่ตน ไร้สาระ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ คนเก่าๆ ก็รักใคร่กัน แต่พวกรุ่นใหม่มาแรง ไอ้พวกนี้ที่มาแรงเสนอหน้า ถ้าออกจากประชาธิปัตย์ เลือกผู้ใหญ่บ้านยังไม่ได้เป็นเลย ไม่มีใครเลือก เอาเป็นตุเป็นตะ ดีแล้วจะได้แพ้มากๆ หน่อย อย่างนี้ค้านก็ไม่ค้าน รัฐบาลก็ไม่ใช่ ตนไม่มีนิยม ค้านก็ต้องค้านให้จริง เอาเรื่องตรงๆ มาพูด

เอเบคโพลล์ เตือนประชาชน พิจารณาโพลให้รอบคอบ

เอเบคโพลล์ เตือนประชาชน พิจารณาโพลให้รอบคอบ
โค้งสุดท้าย เลือกผู้ว่าฯ กทม.“เอเบคโพลล์” ออกหนังสือ “ข้อพึงระวังในการอ่านโพล” เตือนปชช.อย่าด่วนตัดสินใจ เชื่อทันที ควรพิจารณาให้รอบคอบ ชี้ อาจมีปัจจัยอื่นมากระทบทำคะแนนเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อวันที่ 22 ก.พ. สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้ออกหนังสือเตือนประชาชน ระบุถึง ข้อพึงระวังในการอ่านโพล การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งที่ 10 ที่กำลังมีขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม 2556 มีหลายสำนักโพลได้นำเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้ อาทิ เอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กรุงเทพโพลล์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ บ้านสมเด็จโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ฯลฯ และสำนักโพลอื่น ๆ ที่ทำการสำรวจโดยเปิดเผยหรือไม่เปิดเผยต่อสาธารณะก็ตาม ประเด็นสำคัญที่มีการนำเสนอกันมากคือ คะแนนนิยมของผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.โดยมีคาดการณ์ว่าผู้สมัครบางคนจะมีคะแนนนำและชนะการเลือกตั้งหากประชาชนได้รับฟังผลสำรวจเหล่านั้นขออย่าได้รีบสรุปตัดสินใจเชื่อโพลเหล่านั้นทันที ควรจะมีการพิจารณาให้รอบคอบเนื่องจากผลสำรวจที่นำเสนอนั้นอาจจะ “ไม่สอดคล้อง” กับผลการลงคะแนนจริงในวันเลือกตั้งก็เป็นไปได้ เนื่องจากเหตุผลสำคัญดังต่อไปนี้ประการแรก ผลโพลเป็นเพียงการสำรวจ “คะแนนนิยม” ในช่วงเวลาที่ทำการสำรวจ ยังไม่ใช่ผลการลงคะแนนจริง การนำเสนอผลโดยระบุว่า ใครจะได้คะแนนเท่าใด และใครจะชนะการเลือกตั้งนั้นเป็นแต่เพียง การนำเสนอข้อมูลสำรวจจาก “ตัวอย่าง” และผลการเลือกตั้งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง เป็นการศึกษาความเป็นไปได้ของพฤติกรรมของคนที่จะไปลงคะแนนเลือกตั้งดังนั้นในวันเลือกตั้งประชาชน อาจจะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจ ก่อนการลงคะแนนเลือกตั้งอย่างไรก็ได้ เนื่องจากความคิดและพฤติกรรมของคนนั้น สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยหลายอย่าง อาทิ ข้อมูลข่าวสาร เหตุผล ความเชื่อ ค่านิยม รวมไปถึงอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในนาทีของการตัดสินใจลงคะแนน ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างวันที่ทำการสำรวจไปจนถึงวันที่ลงคะแนนเลือกตั้งจะมีข้อมูลข่าวสารออกมามากมายที่มีผลต่อปฏิกิริยาความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งยังคาดการณ์ไม่ได้ จึงทำให้ผลการลงคะแนนการเลือกตั้งอาจจะไม่เป็นไปตามผลจากโพลที่สำรวจก็ได้ประการที่สอง ผลโพลเกิดจากการทำสำรวจจาก “กลุ่มตัวอย่าง” (sample) ไม่ใช่การสำรวจจากกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดอย่างเช่นการทำสำมะโนประชากร (census) ดังนั้นผลสำรวจที่ได้จากกลุ่มตัวอย่างจะต้องมี “ความคลาดเคลื่อน” (error) ไปจากผลสำรวจประชากรทั้งหมดโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งความคลาดเคลื่อนดังกล่าวเกิดจากสองเรื่องที่สำคัญคือ1) ความคลาดเคลื่อนที่เกี่ยวกับการเลือกตัวอย่าง (Sampling error) ซึ่งมีอยู่สองอย่างที่ส่งผลกระทบสำคัญ โดยอย่างแรกคือความคลาดเคลื่อนจากขนาดตัวอย่าง (sample size) หรือจำนวนคนที่สำนักโพลสุ่มตัวอย่างนำมาวิเคราะห์ หากจำนวนตัวอย่างมีจำนวนไม่มากพอที่จะนำมาวิเคราะห์ให้เชื่อถือได้ ความคลาดเคลื่อนก็จะสูงทำให้เกิดความผิดพลาดในการทำนายคะแนนนิยมได้อย่างที่สองคือความคลาดเคลื่อนจากการสุ่มหรือการกระจายตัวอย่าง (sampling method) ได้แก่ ความสามารถในการกระจายตัวอย่างที่เก็บข้อมูลให้ได้ครอบคลุมครบถ้วนตาม สัดส่วนของประชากรจริงทุกหมู่เหล่าเพียงใด สามารถอ้างอิงเป็นตัวแทนประชากร (representative) ได้ แม้ว่า การสำรวจนั้น จะใช้จำนวนตัวอย่างมากมายเพียงใด หากไม่สามารถเลือกตัวอย่างให้ได้ตัวแทนตามสัดส่วนของประชากรจริงแล้ว การวิเคราะห์ทำนายผลก็ย่อมจะผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปได้ เปรียบดังเช่น การตักแกงในหม้อ ต่อให้ตักมาเป็นชามก็อาจจะไม่รู้รสชาติที่แท้จริงของอาหารในหม้อนั้น หากไม่ได้มีการคนส่วนผสมเครื่องปรุงในแกงให้เข้ากันเสียก่อน แต่ ถ้าหากว่า มีการคนส่วนผสมในแกงให้เข้ากันเป็นอย่างดี ทำให้น้ำกับเนื้อแกงรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว อาจจะตักมาชิมเพียงแค่ช้อนเดียว ก็สามารถที่จะรู้รสชาติของแกงทั้งหม้อได้ ดังที่เคยปรากฏให้เห็นว่าการสำรวจบางครั้ง แม้จะมีการใช้จำนวนตัวอย่างเยอะเป็นแสนเป็นล้าน โดยสุ่มตัวอย่างไม่ดี อาจจะทำนายผลได้ไม่ถูกต้องแม่นยำเท่ากับการสุ่มตัวอย่างมาจากจำนวนเพียงหนึ่งพันคน ที่มีการสุ่มตัวอย่างตามระเบียบวิธีวิจัย2)ความคลาดเคลื่อนที่ไม่เกี่ยวกับการเลือกตัวอย่าง (non-sampling error) ได้แก่ ความคลาดเคลื่อนที่ทำให้เกิดอคติลำเอียง (bias) หรือความผิดพลาดไม่มีประสิทธิภาพในการดำเนินงานสำรวจ ซึ่งเป็นความลำเอียงที่อาจเกิดจากเจตนา อาทิ การมีผลประโยชน์ทับซ้อน อิทธิพลคุกคาม ค่านิยม ทัศนคติทางการเมืองและความไม่มีเจตนาของผู้วิจัย อันทำให้เกิดความผิดพลาดคลาดเคลื่อนในรูปแบบต่างๆ อาทิ ความลำเอียงในแบบสอบถามหรือการตั้งข้อคำถาม ความลำเอียงของผู้สัมภาษณ์หรือคนเก็บข้อมูล การไม่ให้ความร่วมมือของผู้ถูกสัมภาษณ์ การปฏิเสธการให้ข้อมูล การให้ข้อมูลเท็จ ความผิดพลาดในการจดบันทึก ความผิดพลาดตกหล่นของข้อมูลที่เก็บมาได้ ความผิดพลาดในการลงรหัสประมวลผลข้อมูล ความผิดพลาดในการเลือกใช้สถิติ ความผิดพลาดในการวิเคราะห์ ความผิดพลาดในการเขียนรายงาน ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้นความผิดพลาดคลาดเคลื่อน ที่เกี่ยวกับการเลือกตัวอย่าง และความอคติที่ไม่เกี่ยวกับการเลือกตัวอย่างในการทำสำรวจ มีผลกระทบต่อความถูกต้องในระเบียบวิธีวิจัยและการควบคุมคุณภาพการสำรวจ ก่อให้เกิดความผิดพลาดคลาดเคลื่อนในการอธิบายผลหรือทำนายผลของคะแนนนิยมที่ไม่สอดคล้องเป็นไปตามความเป็นจริงความคลาดเคลื่อนนี้มีตั้งแต่ระดับเล็กน้อย ไปจนถึงระดับมากจนทำให้การทำนายผลผิดพลาดตรงกันข้ามกับความเป็นจริงไปเลยก็ มีบางครั้งอาจมีการผิดพลาดเพียงไม่เกิน 1% (ซึ่งถือว่าแม่นยำสูง) บางครั้งอาจคลาดเคลื่อน 1-10% แต่บางครั้งอาจคลาดเคลื่อนไปถึง 30-40% เลยก็ได้ค่าร้อยละของความคลาดเคลื่อนมีผลต่อความถูกต้องในการทำนายผลคะแนนนิยมและการทำนายผลเลือกตั้ง ยกตัวอย่างเช่น โพลสำนักหนึ่ง สำรวจพบว่าผู้สมัคร ก.ได้คะแนนนิยม 45% ผู้สมัครข. ได้คะแนนนิยม 40 % ถ้าสำนักโพลนั้นระบุช่วงความคาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 3 ก็หมายความว่า สำนักโพลแห่งนั้นระบุค่าความเป็นไปได้ที่ผลการเลือกตั้งจริงสำหรับผู้สมัคร ก. จะได้ร้อยละ 42 – 48 และผู้สมัคร ข. จะได้ร้อยละ 37 – 43 นั่นหมายความว่าผู้สมัครทั้งสองท่านยังมีโอกาสพลิกสลับกันได้ในผลการเลือกตั้งจริงถ้าผู้สมัคร ก. ได้คะแนนจริงต่ำสุดอยู่ที่ร้อยละ 42 และผู้สมัคร ข. ได้คะแนนสูงสุดของช่วงที่ร้อยละ 43 เป็นต้นแต่ถ้าผลการเลือกตั้งจริงพบว่า ผู้สมัคร ข. ได้คะแนนสูงถึงร้อยละ 45 แสดงว่า คะแนนจริงได้ทะลุเกินช่วงความคลาดเคลื่อนที่กำหนดไว้ร้อยละ 3 ในโพลของสำนักนั้นที่ระบุว่า ผู้สมัคร ข. จะได้เพียงร้อยละ 40 นั่นย่อมแสดงว่าผลโพลสำนักนั้นมีสาเหตุสำคัญบางประการที่ทำให้เกิดความผิดพลาดคลาดเคลื่อนเพี้ยนไปจากผลการเลือกตั้งจริงทั้งที่อาจเกิดจากความคลาดเคลื่อนจากการเลือกตัวอย่างและความคลาดเคลื่อนที่ไม่เกี่ยวกับการเลือกตัวอย่าง หรืออาจเป็นไปได้ว่าข้อผิดพลาดคลาดเคลื่อนเกิดจากจังหวะเวลาที่ยาวนานก่อน การเลือกตั้งจริงที่มีขึ้นประการที่สาม อาจจะมีปัจจัยอื่นที่มีผลแทรกซ้อนทำให้พฤติกรรมการลงคะแนนไม่เป็นไปตามปกติ ไม่สอดคล้องกับคะแนนนิยมก็เป็นไป อาทิ การซื้อสิทธิขายเสียง การให้อามิสสินจ้าง การใช้อิทธิพลข่มขู่คุกคามให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปหรือไม่ไปลงคะแนน การขนคนมาลงคะแนน การกลั่นแกล้งให้ข้อมูลเท็จแก่ผู้ลงคะแนน (เช่นบอกหมายเลขผู้สมัครผิด) ตลอดจนการทุจริตการเลือกตั้ง ที่มีผลอาจทำให้ผลคะแนนการเลือกตั้งไม่สอดคล้องกับกระแสความนิยมของสังคมที่ สำนักโพลต่าง ๆ ที่ไปทำการสำรวจมาดังนั้นเมื่อเห็นผลสำรวจ “อย่าเชื่อโพล” ในทันทีให้พึงไตร่ตรองอ่านอย่างรอบคอบและระลึกเสมอว่า อาจมีปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการสำรวจทำนายผลการเลือกตั้งดังกล่าว เพราะผลโพลไม่ใช่กรรมการตัดสินชี้ขาด ในการตัดสินใจของประชาชน แต่ที่ต้องทำโพลเพราะต้องการให้ความสำคัญกับเสียงสะท้อนของประชาชนทุกชนชั้น เพราะถ้าไม่มีโพล พื้นที่ข่าวเกือบทั้งหมดของการแสดงความคิดเห็นในสื่อมวลชนจะตกเป็นของกลุ่มคนชนชั้นนำที่มักจะออกมาชี้นำสังคมแต่ฝ่ายเดียวโดยปราศจากข้อมูลสถิติที่เป็นวิทยาศาสตร์มารองรับ

มาร์ค ลุยอ้อนสาวออฟฟิศ ช่วยคุณชาย

มาร์ค ลุยอ้อนสาวออฟฟิศ ช่วยคุณชาย
ประชาธิปัตย์ปรับยุทธศาสตร์ แยกกันตี จัดคิวมาร์คแยกพื้นที่หาเสียงช่วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ซันทาวเวอร์ วิภาวดี สาวออฟฟิศตามกรี๊ดลั่นซอย...เมื่อเวลา 11.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์และทีมงานได้ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ให้กับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริบัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ที่อาคารซันทาวเวอร์ ถนนวิภาวดีรังสิตและบริเวณภายในซอยเฉยพ่วงที่อยู่ใกล้เคียงกัน ซึ่งบรรยากาศเป็นอย่างคึกคักและทุลักทุเลอย่างมาก เนื่องจากเป็นหาเสียงระหว่างการพักเที่ยงของพนักงานบริษัทต่างๆ รวมทั้งบริเวณซอยเฉยพ่วง ก็มีทั้งร้านขายอาหารและขายสินค้าทำให้นายอภิสิทธิ์ ได้รับความสนใจจากพนักงานบริษัทและประชาชนที่อยู่ระหว่างการรับประทานอาหาร และซื้อสินค้าได้เข้ามาขอถ่ายรูปและขอลายเซ็นต์นายอภิสิทธิ์เป็นจำนวนมาก จนทำให้การจราจรภายในซอยเฉยพ่วงต้องติดขัดขณะเดียวกันก็มีประชาชนกลุ่มหนึ่งได้ตะโกนพร้อมส่งเสียงให้กำลังใจนาย อภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ซึ่งนายอภิสิทธิ์และคณะได้ใช้เวลาหาเสียงบริเวณนี้กว่า 2 ชั่วโมง. 

Thursday, February 21, 2013

ปชป. แฉ เวนคืนสายสีสัม พ่วงสร้างห้าง

ปชป. แฉ เวนคืนสายสีสัม พ่วงสร้างห้าง
ประชาธิปัตย์ซัดมือมืดบงการเวนคืนที่รถไฟฟ้าสีส้ม หวังฟันกำไรที่ดินเชิงพาณิชย์ รมช.คมนาคม โต้ไม่เอื้อใคร อ้างเผื่อที่ไว้จัดระบบจราจร ...วันที่ 21 ก.พ. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน เพื่อพิจารณากระทู้ถามสด การเวนคืนพื้นที่ก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบมีการเวนคืนพื้นที่ของประชาชนเพื่อใช้ในการก่อสร้าง โดยเปรียบเทียบกับโครงการที่ผ่านมา สูงถึง 8 เท่า สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน มีข้อครหาว่ารัฐบาลจ้องหารายได้เตรียมนำพื้นที่ไปสร้างศูนย์การค้า เช่น สถานีประตูน้ำ พันธุ์ทิพย์พลาซ่า-แพลทินัม เวนคืน 2-3 ไร่ ทั้งที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ออกแบบไว้เดิมใช้พื้นที่น้อย ซึ่งผู้ว่าการ รฟม. ก็รับว่าส่วนหนึ่งจะทำเป็นศูนย์การค้า แต่ไม่รู้กี่ชั้น ซึ่งอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ หากมีคนร้องศาลปกครอง และหากมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โครงการต้องล่าช้าไป จะกระทบต่อเศรษฐกิจและการจราจร และยังมีเสียงครหาว่าเอื้อประโยชน์เจ้าของที่ดินใกล้เคียง หากมีการพัฒนาเชิงพาณิชย์ และการส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจบอกว่าบางอาคาร อาทิ อาคารบุญดิศ บอกว่าเป็นอาคารร้าง แต่ข้อเท็จจริงมีคนอยู่นับ 100 ครัวเรือน อยากทราบว่ามีคนใกล้ชิดของฝ่ายรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นายประเสริฐ จันทรวงทอง รมช.คมนาคม ชี้แจงว่า ยอมรับว่ามีการเวนคืนที่ดินมากกว่าโครงการที่ผ่านๆมา เนื่องจากแนวก่อสร้างสถานีถนนราชปรารภมีแนวท่อระบายน้ำของ กทม. เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 เมตรวางอยู่ ทำให้เทคนิคออกแบบต้องคำนึงถึงจุดนี้ด้วย รวมถึงสภาพการจราจรที่หนาแน่น เช่น สถานีบีทีเอสหมอชิต พื้นที่ที่เวนคืนจะได้จัดระบบให้รถรับส่งอำนวยความสะดวกผู้โดยสารไม่ให้กระทบต่อการจราจรโดยรวม คาดว่าในอนาคตแต่ละสถานีต้องรองรับผู้โดยสารไม่ต่ำกว่าวันละ 5 แสนคน การเปรียบเทียบว่าโครงการอื่นใช้พื้นที่น้อยกว่า เป็นเพราะไม่ได้คำนึงจุดนี้ส่วนที่บอกว่ามีคนได้ประโยชน์นั้น หลักการที่รฟม.คำนึงถึงคือ เทคนิค วิศวกรรม ผลประโยชน์ส่วนรวม และผลกระทบที่เกิดจากโครงการน้อยที่สุด แนวที่เวนคืนได้ดูว่ากระทบน้อยที่สุดแล้ว ขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างสำรวจและออกแบบศึกษารายละเอียด ยังไม่มีการเวนคืนจะจัดสำรวจและจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ในเดือน ก.พ.2557 แต่จะจัดสำรวจความเห็นประชาชนต้นเดือน มี.ค.2556 ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เอื้อประโยชน์ผู้ใด.

โอละพ่อ! ลูกเหลิมที่แท้ ดาราไอซ์-อะมีนา เจ้าตัวงง!?

โอละพ่อ! ลูกเหลิมที่แท้ ดาราไอซ์-อะมีนา เจ้าตัวงง!?
ไอซ์ อะมีนา งง หลัง วัชระ เพชรทอง ส.ส.ปชป.ชูรูปหน้าคล้าย อ้างหอบลูก 3 เดือนมาสภาฯ อ้างมาหาพ่อนามสกุล อยู่บำรุง ยันไม่ใช่ลูกเฉลิม เผยมีพ่อเป็นชาวปากีสถานทำงานอยู่ต่างประเทศจากกรณี นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงวันนี้ว่า มีสุภาพสตรีรายหนึ่งอ้างว่านามสกุล อยู่บำรุง อุ้มลูกชายวัย 3 เดือน เดินทางมารัฐสภาเพื่อตามหาบิดา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาไม่ยอมให้เข้า ผู้หญิงคนดังกล่าวจึงอุ้มลูกไปนั่งที่ป้ายรถเมล์ หน้ารัฐสภา โดยระหว่างแถลงข่าว นายวัชระ ได้ชูรูปถ่ายหน้าตาคล้าย นักแสดงวัยรุ่น ไอซ์-อะมีนา กูล ล่าสุด ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ได้โทรศัพท์สอบถามเรื่องดังกล่าวกับผู้จัดการส่วนตัวของ ไอซ์-อะมีนา เปิดเผยกับไทยรัฐออนไลน์ว่า เมื่อ 5 นาทีที่ผ่านมา น้องไอซ์ ได้โทรมาหา พร้อมบอกว่าน้องไอซ์งงมาก เพราะมีเพื่อนโทรมาถามว่าเป็นลูก คุณเฉลิม อยู่บำรุง..จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง ไอซ์ไม่ใช่แน่นอน โดยน้องไอซ์ กล่าวไปพลางหัวเราะไป และยังได้ขอคำปรึกษาตนว่าควรทำอย่างไรจากนั้นก็ได้วางสายไป โดยบอกก่อนวางว่าจะโทรไปขอคำปรึกษากับพี่ในวงการ ผจก. ส่วนตัวไอซ์ อะมีนา เผยอีกว่า พ่อน้องไอซ์ เป็นคนปากีสถาน อยู่ต่างประเทศ น้องไอซ์ อยู่ กับน้องและย่า แม่มาหาเป็นบางครั้ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยว่าจะเป็นลูกของนักการเมือง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไอซ์ อะมีนา เคยแสดงภาพยนตร์ เรื่อง รักสุดทีน กับพระเอกชื่อดัง มาริโอ้ เมาเร่อ ล่าสุด ยังมีละครเรื่อง ตะวันฉายในม่านเมฆ ทางไทยทีวีสีช่อง 3 อีกด้วย.

อึ้ง! เทงบ32ล้าน ขน ขรก.450คน ทัวร์อาเซียน

อึ้ง! เทงบ32ล้าน ขน ขรก.450คน ทัวร์อาเซียน
น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.ปชป. อ้าง นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ ชงงบ 32 ล้านบาท ขนข้าราชการสภาฯ 450 ชีวิต ทัวร์อาเซียน โวย มีลัดคิว วิ่งรอก ข้ามหัวเพียบ...วันนี้ (21 ก.พ.56) ที่รัฐสภา น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหารือต่อที่ประชุมสภาฯ ถึงกรณีได้รับเรื่องร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่รัฐสภาว่า นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ ได้จัดงบประมาณถึง 32 ล้านบาท เพื่อให้เจ้าหน้าที่สภาฯ ไปดูงานต่างประเทศ  โดยเจ้าหน้าที่ระดับล่างหลายคนต่างร้องเรียนว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ใกล้เกษียณ และบางฝ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องซึ่งเคยไปต่างประเทศมาแล้วหลายครั้งก็ยังจะไปอีก แต่ปิดกั้นโอกาสของเจ้าหน้าที่ระดับล่าง ซึ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติทำงานมาทั้งปี ไม่มีโอกาสมาเปิดหูเปิดตา   ทั้งนี้น่าสังเกตว่า มีการจัดงบประมาณมากเช่นนี้โดยแอบตกลงโดยไม่มีการแจ้งให้สมาชิกรับทราบหรือไม่ และหากไม่มีการร้องเรียนก็คงไม่มีการทราบ โดยการทัวร์ดังกล่าวแจ้งไปที่ประเทศ                ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามเอกสารด่วนที่สุดของรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เลขรับ 123/56 ลงวันที่ 13 ก.พ.56 เรื่องแจ้งรายละเอียดเข้าร่วมโครงการเยือนและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาในกลุ่มอาเซียน โดยมีรายละเอียดระบุว่า ตามที่เลขาสภาฯ ได้อนุมัติให้สำนักพัฒนาบุคลากร สำนักเลขาธิการสภาฯ ได้จัดโครงการเยือนและสร้างความสัมพันธ์รัฐสภาในกลุ่มอาเซียนร่วม 18 คณะ จำนวนข้าราชการทั้งสิ้น 450 คน งบประมาณรายการค่าใช่จ่ายในการสนับสนุนภารกิจของ ส.ส.ในการส่งเสริมข้าราชการสภาฯ ดูงานครั้งนี้จำนวน 32 ล้านบาท ในกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 9 ประเทศ ในระหว่างช่วงเดือน ก.พ. - พ.ค.56                ทั้งนี้ กลุ่มที่ 1 มีจำนวน 25 คน เดินทางวันที่ 5-8 มี.ค. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว คณะที่ 2 จำนวน 25 คน ระหว่างวันที่ 10-13 มี.ค. ราชอาณาจักรกัมพูชา คณะที่ 3 จำนวน 25 คน ระหว่างวันที่ 16-19 มี.ค. ไปสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม คณะที่ 4 จำนวน 25 คน วันที่ 6-9 มี.ค. ไปประเทศมาเลเซีย คณะที่ 5 จำนวน 25 คน เดินทางไป 28 ก.พ. -3 มี.ค. ประเทศสิงคโปร์ คณะที่ 6 จำนวน 25 คน วันที่ 23-26 ก.พ. สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ คณะที่ 7 จำนวน 25 คน ระหว่างที่ 4-7 มี.ค. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย  คณะที่ 8 จำนวน 25 คน ระหว่างวันที่ 24-27 มี.ค. สหภาพเมียนมาร์ คณะที่ 9 จำนวน 25 คน ระหว่างวันที่ 9-12 มี.ค. ประเทศบรูไน คณะที่ 10 จำนวน 26 คน ระหว่างวันที่ 21-/24 เม.ย. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว คณะที่ 11 จำนวน 26 คน ระหว่างวันที่ 7-10 เม.ย.ราชอาณาจักรกัมพูชา  คณะที่ 12 จำนวน 26 คน ระหว่างวันที่ 28 เม.ย. - พ.ค.56 สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม   คณะที่ 13 จำนวน 26 คน ระหว่างวันที่ 28 เม.ย. - พ.ค.56 ประเทศมาเลเซีย คณะที่ 14 จำนวน 26 คนระหว่างวันที่ 7-10 เม.ย.ประเทศสิงคโปร์ คณะที่ 15 จำนวน 26 คน ระหว่างวันที่ 10-13 มี.ค. สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ คณะที่ 16 จำนวน 26 คน ระหว่างวันที่ 24-27 มี.ค. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย คณะที่ 17 จำนวน 26 คน ระหว่างวันที่ 21-24 พ.ค. สหภาพเมียนมาร์ และคณะที่ 18 จำนวน 26 คน ระหว่างวันที่ 8-11 พ.ค.ประเทศบรูไน                ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติของข้าราชการของสำนักเลขาธิการสภาฯ ที่จะไปดูงาน โดยให้รองเลขาธิการสภาฯ เป็นหัวหน้าคณะเดินทาง และเป็นผู้เสนอรายชื่อข้าราชการ ซึ่งต้องสังกัดสำนักเลขาธิการสภาฯ เท่านั้น โดยเรียงลำดับความอาวุโส แต่ข้อเท็จจริงกลับพบว่า มีรองเลขาธิการบุคคลเดียวได้วิ่งรอกไปหลายประเทศ และยังมีข้าราชการจากสำนักเลขาธิการวุฒิสภาฯ ไปด้วย ซึ่งผิดหลักเกณฑ์ของโครงการนี้  นอกจากนี้ยังพบว่ามีข้าราชการบรรจุใหม่ สามารถลัดคิวไปร่วมคณะได้ด้วย เรื่องดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจแก่ข้าราชการที่ถูกข้ามหัว สำหรับโครงการดังกล่าวนี้ถือเป็นนโยบายของ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ คนที่ 1 โดยมอบเรื่องผ่านสำนักพัฒนาบุคลากรเป็นผู้ดำเนินการ

Wednesday, February 20, 2013

ปชป.จัดหนักโค้งสุดท้าย ระดมพลช่วยชายหมู

ปชป.จัดหนักโค้งสุดท้าย ระดมพลช่วยชายหมู
พรรคประชาธิปัตย์จัดหนัก โค้งสุดท้ายระดมพลช่วย ชายหมู 23 ก.พ.นี้ กระจายกำลังหาเสียงทุกพื้นที่ ใช้แฟนคลับบอกต่อเลือก สุขุมพันธุ์...วันที่ 20 ก.พ. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผอ.ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรค ปชป. กล่าวถึงการรณรงค์หาเสียงของพรรคในช่วงโค้งสุดท้ายว่า ในวันที่ 23 ก.พ.นี้ พรรคจะมีการจัดกิจกรรม รวมพลคนหัวใจฟ้ารักกรุงเทพฯ โดยจะเป็นการรวบรวมแกนนำพรรค ทั้ง ส.ส., ส.ก., ส.ข., นายกอบจ., นายกอบต. หรือนายกเทศมนตรี ที่ทำงานในระดับท้องถิ่นในนามพรรคทั่วประเทศ มาร่วมรณรงค์ พร้อมกลุ่มเยาวชนของพรรคทุกกลุ่ม รวมทั้งมวลชนคนสนับสนุนพรรคอีกหลายกลุ่ม มาร่วมกันรณรงค์ในกิจกรรมดังกล่าว โดยกิจกรรมจะเริ่มเวลา 06.30 น. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งหลังจากการสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ก่อนจะปล่อยขบวนรถหาเสียงไปทุกพื้นที่ของ กทม. เย็นปราศรัยใหญ่ ความจริงที่คนกรุงเทพฯ ต้องรู้นายองอาจ กล่าวต่อว่า จากนั้นเวลา 16.00 น. จะมีการรวมพลที่ลานคนเมืองหน้าศาลาว่าการ กทม. เพื่อจัดปราศรัยใหญ่ ภายใต้ หัวข้อ “ความจริงที่คนกรุงเทพฯ ต้องรู้” ซึ่งวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมดังกล่าว ก็เพื่อให้มีการรวมพลังคนประชาธิปัตย์ ผู้สนับสนุนและคนที่รักพรรค และเป็นการกระจายกำลังตะลุยหาเสียงทุกพื้นที่ทั่ว กทม. นอกจากนั้น ก็จะเป็นการเผยแพร่ความจริงหลายเรื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ที่คนกรุงเทพฯ ต้องรู้ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกผู้ว่าฯ กทม. ส่วนวันที่ 22 ก.พ. ก็จะมีการปราศรัยใหญ่ 2 จุด คือ ที่เขตมีนบุรี สนามข้างโรงเรียนศาลาคู้ เขตมีนบุรี และบริเวณแฟลตการเคหะคลองจั่น เขตบางกะปิ ส่วนวันที่ 24 ก.พ. จะมีการปราศรัยขนาดย่อมที่หมู่บ้านสินทวี พระราม 2 โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ บริพัตร ผู้สมัครของพรรค และแกนนำพรรค ไปร่วมปราศรัยนายองอาจ กล่าวอีกว่า นอกจากมาตรการเหล่านี้ พรรคยังรณรงค์หาเสียงผ่านเวทีปราศรัยแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็มีมวลชนที่สนับสนุนพรรคเคลื่อนไหวในการเป็นผู้ไปชักชวน ประชาชนให้ออกมาลงคะแนนให้กับผู้สมัครของพรรคด้วยการบอกต่อกับญาติพี่น้องและคนในครอบครัว การโทรศัพท์เชิญชวนคนรู้จักและคนใกล้ชิด รวมถึงการเชิญชวนเพื่อนร่วมงานให้ลงคะแนนเสียงให้ผู้สมัครของพรรคด้วย จึงเชื่อมั่นใจว่าจากการระดมกำลังทุกพื้นที่ และด้วยศักยภาพที่มีอยู่ของคนรักพรรค จะมีส่วนสำคัญในการทำให้ผู้สมัครของพรรคมีโอกาสได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.

นิด้าชี้โพลโค้งสุดท้ายสุขุมพันธุ์ตามติดจูดี้ไม่ถึง 1%

นิด้าชี้โพลโค้งสุดท้ายสุขุมพันธุ์ตามติดจูดี้ไม่ถึง 1%
นิด้าโพล เผยเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.โค้งสุดท้าย คะแนน คุณชายหมู ไล่กระชั้นชิด จูดี้ ห่างไม่ถึง 1% โดยเฉพาะกรุงเทพฯ โซนกลางสูสี จับตาอีก 36.84% ยังไม่เลือกใคร เพราะรอดูนโยบาย ถือเป็นตัวแปรสำคัญ ว่าใครจะชนะในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ...เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2556 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล  สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง คนกรุงฯ  กับการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. โค้งที่ 5 ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18 – 19 ก.พ.จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ทั้ง 50 เขต จำนวน 1,485 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกระดับการศึกษา ทุกอาชีพ ซึ่ง เมื่อถามว่า หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง ท่านจะเลือกใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. พบว่า คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 26.80 ระบุว่า จะเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ  รองลงมา ร้อยละ 25.86 จะเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ร้อยละ 4.58 จะเลือก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ร้อยละ 1.62 จะเลือก นายสุหฤท  สยามวาลา  ร้อยละ 0.67 จะเลือก นายโฆสิต สุวินิจจิต ร้อยละ 0.34 จะเลือก   ผู้สมัครอิสระ อื่นๆ เช่น นายณัฐดนัย  ภูเบศร์อรรถวิช  นายสมิตร  สมิทธินันท์   ร้อยละ 36.84 ที่ระบุว่ายังไม่ตัดสินใจ  และมีเพียงร้อยละ 3.30 ที่ระบุว่าไม่ลงคะแนนเสียง เมื่อวิเคราะห์จำแนกตามพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่า พล.ต.อ.พงศพัศ มีคะแนนความนิยมสูงกว่าผู้สมัครรายอื่นๆ ในเขตพื้นที่ กรุงเทพฯ เหนือ, กรุงเทพฯ ตะวันออก , กรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรีเหนือ  และกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรีใต้ ส่วน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีคะแนนความนิยมสูงกว่าผู้มัครรายอื่นๆ ในเขตพื้นที่ กรุงเทพฯ ใต้  ส่วนในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ กลางนั้น พล.ต.อ.พงศพัศ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีคะแนนความนิยมในสัดส่วนที่เท่ากัน เมื่อถามถึงเหตุผลที่ใช้ในการตัดสินใจเลือกผู้สมัคร เป็นผู้ว่าฯ กทม. เมื่อเรียงตามลำดับหมายเลขผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. พบว่าเหตุผลที่เลือก พล.ต.อ.พงศพัศ ผู้สมัครหมายเลข 9 เพราะชอบที่ตัวบุคคล ทำงานเก่ง มีวิสัยทัศน์ และมีประสบการณ์ ร้อยละ 44.50 รองลงมา มีนโยบายที่ดีและน่าสนใจ ร้อยละ 22.00  สามารถทำงานและประสานงานร่วมกับรัฐบาลได้ดี  ร้อยละ 14.75 ชอบพรรคการเมือง (พรรคเพื่อไทย) ร้อยละ 14.50  การบริหารงาน กทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ดีเท่าที่ควร ร้อยละ 3.50  และอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง  อยากให้โอกาสคนอื่นๆ ลองเข้ามาทำงานดูบ้าง ร้อยละ 0.75 เหตุผลในการตัดสินใจเลือกนายโฆสิต ผู้สมัคร หมายเลข 10 เพราะมีนโยบายที่ดีและน่าสนใจ ร้อยละ 60.00 รองลงมา ชอบที่ตัวบุคคล เก่ง  มีวิสัยทัศน์ มีประสบการณ์ และเป็นผู้สมัครอิสระ ไม่สังกัดพรรค ในสัดส่วนที่เท่ากัน คือ ร้อยละ 20.00 เหตุผลที่เลือก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ผู้สมัครหมายเลข 11 เพราะเป็นผู้สมัครอิสระ   ไม่สังกัดพรรค (กลุ่มพลังกรุงเทพฯ)  ร้อยละ 44.12 รองลงมา ชอบที่ตัวบุคคล เก่ง มีประสบการณ์ ร้อยละ 33.82  มีนโยบายที่ดีและน่าสนใจ  ร้อยละ 13.24  และ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง  อยากให้โอกาสคนอื่นๆ ลองเข้ามาทำงานดูบ้าง ร้อยละ 4.41เหตุผลที่เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  ผู้สมัคร หมายเลข 16 สามารถสานต่อนโยบายเดิมได้ต่อเนื่อง ร้อยละ 32.82 รองลงมา ชอบที่ตัวบุคคล เก่ง มีประสบการณ์  ร้อยละ  30.75 ชอบพรรคการเมือง (พรรคประชาธิปัตย์) ร้อยละ 20.16 มีนโยบายที่ดีและน่าสนใจ  ร้อยละ 12.14 และ เป็นการรักษาฐานคะแนนเสียงพรรคประชาธิปัตย์  เกรงว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับคะแนนความนิยมมากกว่า ร้อยละ 3.36เหตุผลที่เลือก นายสุหฤท  ผู้สมัคร หมายเลข 17 มีนโยบายที่ดีและน่าสนใจ ร้อยละ 41.67 รองลงมา ร้อยละ 37.50 เป็นผู้สมัครอิสระ ไม่สังกัดพรรค และ ร้อยละ 20.83 ชอบตัวบุคคล มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหตุผลที่เลือกผู้สมัครายอื่นๆ เช่น นายณัฐดนัย  ภูเบศร์อรรถวิช  นายสมิตร  สมิทธินันท์  ร้อยละ 80.00 ชอบที่ตัวบุคคล และมีนโยบายที่ดีและน่าสนใจ ร้อยละ 20.00 เมื่อถามถึงสาเหตุที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครนั้น พบว่า ร้อยละ 62.16 ระบุว่า รอพิจารณาว่านโยบายใดเหมาะสม รองลงมา ร้อยละ 16.45 ระบุว่า ไม่มีใครน่าสนใจ และร้อยละ 0.55 รอดูผลโพล สำหรับการแบ่งพื้นที่ในการสำรวจ แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ดังนี้ 1. กลุ่มกรุงเทพฯ กลาง 9 เขต ได้แก่ เขตดินแดง เขตดุสิต เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตพญาไท เขตพระนคร เขตราชเทวี เขตวังทองหลาง เขตสัมพันธวงศ์ และเขตห้วยขวาง  2. กลุ่มกรุงเทพฯ ใต้ 10 เขต ได้แก่ เขตคลองเตย เขตบางคอแหลม เขตบางนา เขตบางรัก เขตปทุมวัน เขตพระโขนง เขตยานนาวา เขตวัฒนา เขตสวนหลวง และเขตสาทร 3. กลุ่มกรุงเทพฯ เหนือ 7 เขต ได้แก่ เขตจตุจักร เขตดอนเมือง เขตบางเขน เขตบางซื่อ เขตลาดพร้าว เขตสายไหม และเขตหลักสี่4. กลุ่มกรุงเทพฯ ตะวันออก 9 เขต ได้แก่ เขตคลองสามวา เขตคันนายาว เขตบางกะปิ เขตบึงกุ่ม เขตประเวศ เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง เขตสะพานสูง และเขตหนองจอก 5. กลุ่มกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรีเหนือ 8 เขต ได้แก่ เขตคลองสาน เขตจอมทอง เขตตลิ่งชัน เขตทวีวัฒนา เขตธนบุรี เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่ และเขตบางพลัด 6. กลุ่มกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรีใต้ 7 เขต ได้แก่ เขตทุ่งครุ เขตบางขุนเทียน เขตบางแค เขตบางบอน เขตภาษีเจริญ เขตราษฎร์บูรณะ และเขตหนองแขม   ด้าน รศ.ดร.ธวัชชัย ศุภดิษฐ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย และบริการวิชาการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า คะแนนของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เริ่มไล่กระชั้นคะแนนของ พล.ต.อ.พงศพัศ จากเดิมห่างกันประมาณ 2-3% เหลือเพียงไม่ถึง 1% ส่วนคะแนนของผู้สมัครรายอื่นไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ขณะที่จำนวนผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจเริ่มมีจำนวนลดลง และเมื่อเปรียบเทียบจากข้อมูลการสำรวจ พบว่าผู้ที่เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป ส่วนผู้ที่เลือก พล.ต.อ.พงศพัศ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี เมื่อพิจารณาข้อมูลจากผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ พบว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี เป็นคนรุ่นใหม่ และประกอบอาชีพในภาคเอกชน จึงเป็นประเด็นที่น่าสนใจว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ น่าจะมาแรงแซง พล.ต.อ.พงศพัศ  ในช่วงโค้งสุดท้าย เพราะคาดว่าผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจ อาจมีการตัดสินใจไปบ้างแล้ว แต่ไม่บอกความนึกคิดของตนเองกับโพลออกมา.

เพื่อไทยรุกหนักเปิดตัวป้ายหาเสียงใหม่ 4 ชุด

เพื่อไทยรุกหนักเปิดตัวป้ายหาเสียงใหม่ 4 ชุด
เพื่อไทยรุกหนักเปิดตัวป้ายหาเสียงใหม่ 4 ชุด ชูแก้ปัญหาจราจร ลดอาชญากรรม ย้ำไร้รอยต่อ แต่ไม่ไร้การตรวจสอบ โวยป้ายหาเสียงถูกทำลายอื้อ จี้เจ้าหน้าที่กทม.คุมเข้มตรวจสอบ ...วันที่ 20 ก.พ. ที่พรรคเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และโฆษกศูนย์อำนวยการการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นอกจากนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคเพื่อไทย แถลงไปแล้ว พรรคเพื่อไทยยังมีการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกหลายด้าน เช่น การเพิ่มพื้นที่สีเขียว การแก้ปัญหาอุทกภัยจัดการน้ำอย่างสมดุลโดยไร้รอยต่อกับจังหวัดใกล้เคียง โดยประสานกับทุกกระทรวงเฝ้าระวังปัญหาอุทกภัยอย่างไรก็ตาม ขณะนี้พรรคได้รับการร้องเรียนว่า ป้ายหาเสียงของพรรคจำนวนมากถูกทำลาย จึงได้เปิดตัวป้ายหาเสียงชุดใหม่ 4 ป้าย คือ 1.โครงข่ายจราจรไร้รอยต่อเพื่อคนกทม. 2.เปลี่ยนแปลงใหม่ไร้รอยต่อ ไม่ไร้การตรวจสอบ 3.เปลี่ยนแปลงใหม่ ไร้รอยต่อ เพื่ออนาคตคนกทม. 4.ลดอาชญากรรม 20% ปีแรก ลดอาชญากรรม 50% นักท่องเที่ยว เด็ก สตรี คนชรา ลดความสูญเสียจากเพลิงไหม้และภัยพิบัติ 50% โดยป้ายชุดใหม่จะนำมาเสริมบางพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ชั้นใน เพราะมีป้ายน้อย อยากฝากเจ้าหน้าที่ กทม. ช่วยดูแลป้ายหาเสียงผู้สมัครทุกคน เพราะถูกทำลายมาก แต่พรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายฟ้องร้อง แจ้งความเรื่องป้ายหาเสียง.

Monday, February 18, 2013

มาร์คห่วงโค้งสุดท้ายเจอทุกรูปแบบ ขอ กกต.เข้มงวด

มาร์คห่วงโค้งสุดท้ายเจอทุกรูปแบบ ขอ กกต.เข้มงวด
“อภิสิทธิ์” ห่วงโค้งสุดท้ายหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เจอทุกรูปแบบ ขอ กกต.เข้มงวด เหน็บแรง “ณัฐวุฒิ” ใบ้หวย พูดแล้วจริงบ้างก็ดี...วันที่ 18 ก.พ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ช่วงโค้งสุดท้าย ว่า คาดการณ์อยู่แล้วว่าการแข่งขันจะเข้มข้น และบางฝ่ายจะใช้ทุกวิถีทาง ทุกกลไกที่มี แต่ก็ไม่ได้หวั่นไหว และอยากให้ประชาชนมีความหนักแน่นในการรักษาผลประโยชน์คนกรุงเทพฯ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้มงวดในการแข่งขันให้สุจริต เป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะเมื่อมีเรื่องร้องเรียน ที่อยากให้ กกต.เอาใจใส่มากกว่านี้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ผู้สมัครไปร้องเรียน แต่เมื่อมีการแจ้งเบาะแสว่ามีพฤติการณ์ในการกระทำผิดกฎหมาย หรือมีข่าวสารนำเสนอ กกต.ก็ควรเข้าไปตรวจสอบเอง เพื่อที่จะทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจ เพราะถือเป็นหน้าที่ของ กกต.กทม.แล้ว กกต.กลางเองก็ต้องช่วยกำกับดูแลด้วยเหน็บแรง “ณัฐวุฒิ” ใบ้หวย พูดแล้วจริงบ้างก็ดีเมื่อถามถึงกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ไปปราศรัยบนเวทีหาเสียงให้กับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่สนามกีฬาการเคหะฯ โดยระบุชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีให้หวยเบอร์ 9 ตัวเดียวตรงๆ ไม่มีโต๊ด ไม่ต้องไปดูที่ป้ายทะเบียนรถนายกฯ และหวยออกเลข 09 ในวันที่ 16 ก.พ.นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เพื่อให้ผู้สมัครได้รับชัยชนะหรือไม่นั้น  ตนไม่ทราบว่านายณัฐวุฒิพูดเล่น หรือพูดจริง แต่เห็นว่านายณัฐวุฒิพูดอะไรแล้ว เป็นจริงบ้างก็ดี.

ชายหมูควงมาร์คหาเสียงที่ประชุมสภาอุตฯท่องเที่ยว

ชายหมูควงมาร์คหาเสียงที่ประชุมสภาอุตฯท่องเที่ยว
“สุขุมพันธุ์” ควง อภิสิทธิ์ บุกที่ประชุมสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ร่ายยาวนโยบายหากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. พร้อมผุดศูนย์เฝ้าระวัง เชื่อมสัญญาณกล้องซีซีทีวีร่วมเอกชน นำร่องใช้ทหารกองหนุนเป็นอาสาป้องกันภัยชุมชน...วันที่ 18 ก.พ. ที่โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานยุทธศาสตร์ผู้ว่าฯ กทม. นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.ปชป. และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เข้าร่วมการแสดงวิสัยทัศน์ ที่จัดขึ้นในการประชุมสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ ถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของ กทม. หากได้รับความไว้วางใจจากประชาชน คน กทม. ได้รับเลือกกลับเข้าไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. สมัยที่ 2 ว่า พร้อมที่จะผลักดันนโยบายแอพพลิเคชั่น ที่บอกเส้นทางการจราจรทั่ว กทม. บอกสถานที่ทำมัสยิดและร้านอาหารฮาลาลสำหรับชาวมุสลิม พร้อมกับมีการปรับปรุงป้ายซอยและป้ายบอกทาง กทม. โดยมีการใส่ภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่ภาษาจีนที่ถูกต้อง เพื่อบริการนักท่องเที่ยว ส่วนภาษาอังกฤษและภาษาจีน หรือภาษาอารบิคให้กับพี่น้องแท็กซี่ ซึ่งได้มีการนำร่องสอนภาษาอังกฤษไปบ้างแล้ว รวมทั้งเตรียมขยายไปที่สามล้อและวินรถจักรยานยนต์ทั่ว กทม. เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งยังมีแนวความคิดติดจีพีเอสให้กับรถแท็กซี่ทุกคันด้วยขณะเดียวกัน ส่วนตัวได้คิดเอาไว้แล้วว่าจะมีการพัฒนาแม่น้ำ ลำคลอง ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกด้วย ส่วนปัญหาการจราจรใน กทม. ก็พร้อมสร้างระบบขนส่งมวลชนขนาดเล็ก เพื่อป้อนผู้โดยสารเข้าสู่ระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ อย่างรถไฟฟ้า บีทีเอส หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน ทั้งนี้ เตรียมที่จะให้มีการเดินเรือในคลองภาษีเจริญเพื่อพี่น้องคน กทม. ฝั่งธนบุรีอีกด้วยขณะที่ก่อนหน้านี้ ที่ห้างอัมรินทร์ พลาซ่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ พร้อมด้วย นายพนิช วิกฤตเศรษฐ ได้เดินทางเข้าร่วมงาน save in the city ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเป็นการแสดงอุปกรณ์และเทคโนโลยี เกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน กทม. ในการป้องกันสาธารณภัยต่างๆม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า หากตนได้กลับมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.อีกสมัย เห็นด้วยที่จะจัดให้มีศูนย์เฝ้าระวัง เพื่อเป็นจุดเชื่อมสัญญาณกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) โดย กทม.จะได้ร่วมกับภาคเอกชน ดำเนินการจัดร่วมกัน เพราะภาคเอกชน ที่ผ่านมามีการติดตั้งกล้องวงจรปิด บริเวณภายนอกอาคาร รวมกันแล้วกว่า 200,000 ตัว ทั้งนี้ เพื่อประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังภัยของ กทม. และการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กทม.ด้วยอย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยที่ตนเป็นผู้ว่าฯ กทม.นั้น ได้ดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิดแล้ว 24,000 ตัว และเราก็ร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจนครบาลตลอด เราจะเพิ่มการติดตั้งกล้องในทุกตรอก ซอก ซอย ซึ่งได้ดำเนินการติดตั้งไปบ้างแล้ว ทั้งยังเตรียมจะมีการนำร่องโครงการอาสาสมัครชุมชน เพื่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน กทม.ได้ทำข้อตกลงกับกองทัพบกแล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่มีการลงนามใน MOU โดยจะมีการใช้กำลังทหารกองหนุน มาเป็นอาสาสมัครเบื้องต้น จำนวน 700 คน เพื่อฝึกอบรม แล้วจะได้มาเป็นหูเป็นตาให้ กทม. ในการช่วยเหลือ และระวังป้องกันภัยในรูปแบบต่างๆนอกจากนี้ กทม.ยังพร้อมที่จะร่วมมือกับผู้ประกอบการเอกชนย่านสีลมและราชประสงค์ ในการหาโปรแกรมร่วมกัน ที่จะเชื่อมสัญญาณกล้องวงจรปิด ที่มีอยู่ทั้งหมดอย่างเป็นระบบ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน เหมือนกับมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาส่วนการป้องกันอัคคีภัยนั้น ก่อนที่ผมจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ได้สั่งการให้มีการเพิ่มอุปกรณ์ การป้องกันอัคคีภัยแล้ว โดยเฉพาะรถดับเพลิงขนาดเล็กที่ติดตั้งเครื่องมือดับเพลิง ที่สามารถขับเข้าไปในตรอก ซอก ซอย ในชุมชนได้ รวมไปถึงถังดับเพลิงแบบสะพายหลัง เพื่อประสิทธิภาพในการดับเพลิงได้ดีขึ้น พร้อมทั้งเตรียมที่จะตั้งโรงเรียน เพื่ออบรมและฝึกสอนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของ กทม. เพื่อความพร้อมและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานอีกด้วย 

ชูวิทย์ฉุน! ปลัด กทม.สั่งเก็บป้ายต้านคอรัปชัน

ชูวิทย์ฉุน! ปลัด กทม.สั่งเก็บป้ายต้านคอรัปชัน
ชูวิทย์ ฉุนถูกปลัด กทม. สั่งเก็บป้ายรณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอรัปชัน เหน็บเลือกที่รักมักที่ชัง เตรียมแถลงข่าวที่รัฐสภา 20 ก.พ.นี้ ...เมื่อวันที่ 18 ก.พ. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่ปลัด กทม. มีคำสั่งให้เก็บป้ายรณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอรัปชัน ยกกรณีการสร้าง 396 โรงพัก ว่า ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า ทำไม ปลัด กทม. ถึงมีคำสั่งกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ที่สั่งเก็บป้ายรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนในการคอรัปชัน โดยยกตัวอย่างกรณีที่เป็นข่าวดัง ที่ตนทำหน้าที่อภิปรายในสภาฯ มาบอกประชาชนเจ้าของเงินภาษี แล้วทำไม่สั่งเก็บป้ายโฆษณาขายคอนโดฯ ขายของต่างๆ เป็นการเลือกปฏิบัติ เลือกที่รักมักที่ชังหรือไม่ทั้งนี้ ป้ายที่เป็นประโยชน์กับสังคมให้คนฉุกคิดและรู้เท่าทัน กลับถูกเก็บ และเป็นเงินส่วนตัวที่ตนทำเอง ไม่ใช่เงินของ กทม. หรือของรัฐ การจะอ้างว่าไม่ใช่ป้ายหาเสียงต้องจัดเก็บ ก็ต้องเก็บป้ายต่างๆ ด้วย และขอเตือนปลัด กทม.ด้วยว่า ในส่วนของ กทม.เอง ก็มีการทุจริตคอรัปชัน เช่น กรณีการสร้างอาคารสำนักงานของ กทม. 2 ที่ดินแดง ที่ใช้เวลาสร้างมา 20 ปี ยังไม่เสร็จจนถึงปัจจุบัน หรือกรณีเครื่องคัดกรองขยะที่สถานีสูบน้ำวิภาวดีรังสิต ที่มีอยู่ 20 เครื่อง แต่ใช้งานได้แค่ 5 เครื่อง ถามว่าที่เหลือใช้ไม่ได้ ซ่อมทั้งปี ทำไมปลัด กทม. ไม่ไปดูแล แต่มาขยันจัดเก็บป้ายให้ความรู้ ต่อต้านการคอรัปชันของตน ซึ่งเรื่องนี้จะแถลงข่าวต่อสื่อที่สภาฯ ในวันที่ 20 ก.พ.นี้  อย่างไรก็ตาม ตนได้โพสต์ข้อความชี้แจงประชาชนในเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ “ชูวิทย์ I’m No.5” ถึงเรื่องนี้แล้ว.

Sunday, February 17, 2013

ยิ่งลักษณ์ ควง พงศพัศ กินฟู้ดคอร์ตพารากอน

ยิ่งลักษณ์ ควง พงศพัศ กินฟู้ดคอร์ตพารากอน
สุดชิลติดดิน นายกฯ ปู พาทีมหาเสียงผู้ว่าฯ กทม.กินฟู้ดคอร์ตพารากอน ต่างชาติสนใจขอถ่ายรูปล้นหลาม...เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เป็นต้น ได้ลงพื้นที่หาเสียงที่ห้างสรรพสินค้าพารากอน ย่านเขตปทุมวัน โดยได้รับความสนใจแก่ผู้สัญจรไปมาและจับจ่ายใช้สอยเป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้ยังได้มีประชาชนไทยและชาวต่างชาติมาให้ความสนใจในการร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกและทักทายอย่างเป็นกันเอง ทั้งนี้ได้มีผู้ปกครองรายหนึ่งมากับเด็กที่นั่งอยู่ในเปลรถเข็น น.ส.ยิ่งลักษณ์เองก็ได้ให้ความสนใจเข้าไปทักทายพร้อมกับแสดงความเอ็นดูและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอีกด้วยจากนั้นขบวนหาเสียงของ พล.ต.อ.พงศพัศ และนายกรัฐมนตรีก็ได้แวะพักรับประทานอาหารที่บริเวณฟู้ดคอร์ตเซ็นเตอร์ พร้อมกับคณะด้วยเพื่อแวะพักหลังจากหาเสียงเมื่อช่วงเช้า โดยเมนูที่รับประทานในวันนี้คือเส้นเล็กก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ  

ปชป.จัดเสวนาค่าแรง 300ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

ปชป.จัดเสวนาค่าแรง 300ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
พรรคประชาธิปัตย์ จัดเสวนาค่าแรง 300 ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ย้ำ  ไม่คุ้มค่าแรงขึ้นแต่คนตกงานเพียบ แถมเศรษฐกิจโดยรวมทรุด...วันนี้ (17 ก.พ.56) เวลา 09.45 น. ที่ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดเสวนาสาธารณะหัวข้อ “ค่าแรง 300 บ.ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของแรงงาน” โดยมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเปิดการเสวนาตอนหนึ่งว่า ปัญหาค่าแรงทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งตนสนับสนุนการดำเนินการที่จะผลักดันให้แรงงานมีรายได้ที่สูงขึ้น ในหลายมาตรการเพิ่มค่าแรง อาทิ การปรับค่าแรงโดยอิงมาตรฐานของทักษะ ซึ่งทำให้มีค่าแรงเพิ่มขึ้นแล้ว มีการปรับปรุงทักษะแรงงานให้มีมาตรฐานมากขึ้น ซึ่งขณะนั้นมีการคำนวณว่า จะมีการเพิ่งค่าแรงร้อยละ 25 ในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งตนได้นำเรื่องนี้ หารือกับภาคเอกชนทั้งสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า ต่างบอกว่าเป็นการเพิ่มที่สูงมาก และมีการหารือถึงมาตรการรองรับที่ตรงจุด คือ การหักค่าใช้จ่ายทางภาษีและชดเชยเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มให้กับบริษัทในระยะเปลี่ยนผ่าน แต่พรรคการเมืองคู่แข่ง ก็มีการหาเสียง โดยชูนโยบายขึ้นค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ ทำให้ค่าแรงเพิ่มขึ้น 40-50% และบางพื้นที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว โดยหลังการประกาศใช้นโยบายนี้ ก็ได้ทำเกิดผลกระทบและการเรียกร้องจากภาคเอกชนจำนวนมาก ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่า แรงงานต้องได้รับความเป็นธรรม แต่ต้องมีมาตรการที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงกับระบอบเศรษฐกิจ เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะมีตัวเลขค่าแรงที่สูง แต่กลับมีการหลบเลี่ยงกฎหมายของบริษัทและมีคนตกงานจำนวนมากตามมา คาดว่าในอนาคต จะมีปัญหาในแง่ขีดความสามารถในการแข่งขัน แม้รัฐบาลต้องทำตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ แต่สิ่งที่เรียกร้องคือ รัฐบาลต้องออกมาตรการรองรับในระยะเปลี่ยนผ่าน เพื่อไม่ทำให้ผู้ประกอบการและเศรษฐกิจส่วนกลางเสียหาย เพราะปัจจุบันมีความหวั่นไหวว่า อนาคตในเรื่องค่าแรงจะถูกกำหนดโดยการเมืองหรืออย่างไร.

ให้พาสปอร์ตทักษิณ ขัดระเบียบบัวแก้วชัด

ให้พาสปอร์ตทักษิณ ขัดระเบียบบัวแก้วชัด
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต บี้ นายกฯ อย่าลอยตัว ปมพาสปอร์ต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชี้ ขัดระเบียบกระทรวงการต่างประเทศชัดเจน... วันนี้ (17 ก.พ.56) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้พิจารณากรณีที่กระทรวงการต่างประเทศ ออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยไม่ชอบด้วยระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศว่า เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง เพราะได้ทำหนังสือไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินไปแล้ว แต่ผู้ตรวจการแผ่นดินก็ยืนยันว่า กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือเดินทาง ขัดต่อระเบียบกระทรวงการต่างประเทศ จึงขอเรียกร้องว่านายกฯ ต้องใช้ดุลพินิจตัดสินใจดำเนินการในเรื่องนี้โดยเร็วในฐานะผู้นำประเทศ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนในครอบครัวของนายกฯ เองด้วย  แฉ “ปึ้ง”พูดและทำขัดระเบียบกระทรวงต่างประเทศ นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ระบุว่าการออกหนังสือเดินทางให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องปกตินั้น ถือเป็นการพูดเท็จและปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อระเบียบของกระทรวงที่ตัวเองมีหน้าที่รับผิดชอบ จึงขอตั้งคำถามดังนี้ 1.กรณีอ้างว่าหนังสือเดินทางมีค่าเหมือนกับบัตรประชาชน สำหรับคนที่อยู่ต่างประเทศนั้น หมายความว่าบัตรประชาชนในต่างประเทศไม่มีความหมาย ใช้การไม่ได้ แล้วกระทรวงการต่างประเทศทุ่มงบประมาณในการต่อบัตรประชาชนให้กับคนไทยในต่างแดนทำไม เพราะทราบว่าส่วนนี้ใช้เพื่อแสดงตนต่อสถานทูตไทย จึงมีบริการเพิ่มในการจัดทำจุดบริการทำบัตรประชาชนให้กับคนไทยโดยประสานกับกระทรวงมหาดไทย หากหนังสือเดินทางสามารถทดแทนบัตรประชาชนได้ ก็ต้องยกเลิกโครงการนี้ไป 2. หนังสือเดินทางจะอำนวยความสะดวกในการเดินทางต่างประเทศ แต่ต้องไม่ใช่ให้คนที่หนีหมายจับ และศาลห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศรัฐไทยใช้ ต้องจับตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ใช่สนับสนุนให้เดินทางได้อย่างอิสระโดยไม่มีการควบคุม และแม้บุคคลนั้นจะไม่มีพาสปอร์ต แต่หนีการจับกุมในต่างประเทศ การจะกลับประเทศไท ก็ทำได้โดยไม่จำเป็นต้องมีพาสปอร์ต หลังการแสดงตัวถูกต้องทางสถานทูตไทยจะออกใบแทนพาสปอร์ตเพื่อให้เดินทางกลับมาประเทศไทย มารับโทษตามกฎหมาย ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่จำเป็นต้องมีหนังสือเดินทางไปประเทศอื่น เพราะที่หมายเดียวที่เดินทางไปได้คือกลับมารับโทษในประเทศไทย  ถามจี้ใจดำ รัฐหนุนคนหนีคดีให้เดินทางอย่างเสรี นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า 3.การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีสถานะขัดต่อระเบียบกระทรวงการต่างประเทศแต่นายสุรพงษ์ใช้ดุลพินิจส่วนตัวออกหนังสือเดินทางให้ ต้องถามว่านักโทษหนีคดีของไทยทั่วโลกหรือผู้หลบหนีหมายจับศาลไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศที่กำลังหลบหนี ถ้าหนังสือเดินทางหมดอายุ สามารถขอหนังสือเดินทางเล่มใหม่ได้ที่สถานทูตไทยทั่วโลกใช่หรือไม่ มิเช่นนั้นจะเป็นสองมาตรฐาน เป็นการให้สิทธิพิเศษ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะมีคนมากมายที่หนีคดีไปประเทศเพื่อนบ้าน ติดแบล็กลิสต์กระทรวงการต่างประเทศเป็นร้อยเป็นพัน แต่ด้วยนโยบาย ของ รมว.ต่างประเทศคนนี้ เท่ากับว่าทุกคนที่ติดแบล็กลิสต์ สามารถต่อหนังสือเดินทางได้ และอยากให้นายกรัฐมนตรีพูดให้ชัดเจนว่า รัฐบาลชุดนี้มีนโยบายสนับสนุนให้คนที่หนีคดีมีอิสระในการเดินทางได้อย่างเสรี

Sunday, February 10, 2013

ปปง.ยึดอายัดตัดวงจรเงิน(ดำ)

ปปง.ยึดอายัดตัดวงจรเงิน(ดำ)
                คำสั่งอายัดที่ดินบ่อนเตาปูนมูลค่า 10.8 ล้านบาท ของ "สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน" (ปปง.) ทำเอาคอการเมืองวิจารณ์กันให้แซดว่า เป็นการใช้ ปปง.ให้เป็นเครื่องมือเล่นงานกันในทางการเมือง หวังผลต่อฐานคะแนนเสียงในชุมชนเตาปูน                 หลายคนสงสัยต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ ปปง. หลังจากปฏิบัติการ "ยึดอายัดทรัพย์" โดย ปปง.หายไปหลายปี ส่วนหนึ่งเพราะปปง.ไม่มี "เลขาธิการและคณะกรรมการธุรกรรม"                 หลังจากผ่านมาหลายรัฐบาลก็ยังไม่มีการตั้ง "เลขาธิการ" และบอร์ด ปปง." จนกระทั่งวันที่ 17 พฤษภาคม 2554 จึงมี "กรรมการธุรกรรมครบ 5 คน" การประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2555 จึงมีคำสั่งยึดครั้งแรกแต่เป็นคดียาเสพติด จากนั้นปปง.ก็เริ่มมีผลงานยึดอายัดทรัพย์คดีค้ามนุษย์ และก่อการร้าย ตามมาอย่างต่อเนื่อง                 แต่ที่โด่งดังและกล่าวถึงมากคือ กรณี "บ่อนเตาปูน" เพราะถูกหยิบมาโยงเรื่องการเมืองในช่วงที่มีการเลือกตั้ง "ผู้ว่าฯ กทม." ด้วยนั่นเอง                 หากมองในแง่การใช้ "หน่วยงานของรัฐ" ที่มีทำหน้าที่ตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น "กรมสอบสวนคดีพิเศษ" (ดีเอสไอ) หรือ "ปปง." ไปกระตุกขา "ฝ่ายตรงข้าม" ย่อมส่งผลต่อการทำงาน อย่างน้อยก็ต้องเสียเวลาในการเตรียมตัวเตรียมเอกสารเข้าชี้แจง                 จึงไม่แปลก ที่ผ่านมาหลายคดี ที่ "ดีเอสไอ" ดูเหมือนเร่งดำเนินการจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องเป็นเครื่องมือของฝ่ายรัฐบาล                 จนบางครั้งดูเหมือนทำหน้าที่ "แก้ต่าง" ให้ฝ่ายการเมือง                 และเมื่อมาถึงคราว "ปปง." จึงถูกจับตามองเรื่องการทำคดีช่วงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เสมือนการ "ตัดท่อน้ำเลี้ยง" ของฝ่ายตรงข้าม                 หรืออีกนัยหนึ่งก็เสมือนเป็นการ "เชือดไก่ให้ลิงดู"                 เพราะจากการให้สัมภาษณ์ของ "พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์" เลขาธิการ ปปง.เตรียมจะสั่งอายัดบ่อนพนันใหญ่ๆ อีก 2-3 แห่ง                 ดังนั้นบ่อนใหญ่และดัง เช่น บ่อนกิ่งเพชร, บ่อนบางนา, บ่อนบางบอน ก็ให้ระมัดระวัง เพราะถ้าดูจากวิดีโอที่ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" หัวหน้าพรรครักประเทศไทย นำมาอภิปรายในสภาก็อาจจะอยู่ในข่ายตามกฎหมายฟอกเงิน                 "สีหนาท" ยืนยันว่า คำสั่งอายัดที่ดินบ่อนเตาปูนเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องการเมือง!                 ก่อนหน้านี้มีการเสนอเรื่องให้ "คณะกรรมการธุรกรรม" อนุมัติให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินตั้งแต่ต้นปี 2555 เนื่องจากการบุกทลายบ่อนเตาปูน จับกุมนักพนันในบ่อนได้กว่า 100 คน จึงถือเป็นมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่กำหนดให้ความผิดเกี่ยวกับการพนัน เฉพาะความผิดเกี่ยวกับการเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีจำนวนผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นแต่ละครั้งเกินกว่า 100 คน หรือมีวงเงินในการกระทำความผิดรวมกันมีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป                 เมื่อการตรวจสอบวิเคราะห์เส้นทางการเงินพบธุรกรรมการเงินต้องสงสัย จึงนำเรื่องกลับเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมอีกครั้ง จนกระทั่งมีมติให้อายัดที่ดิน                 "สีหนาท" ชี้แจงว่า กรณีบ่อนเตาปูนเป็นเพียงการอายัดที่ดินไว้ 90 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้ นายสามารถ สิงห์จำนง ซึ่งมีอาชีพขายอาหารตามสั่งในชุมชนเตาปูน ซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง นำหลักฐานเข้าชี้แจงแสดงที่มาของทรัพย์สินภายใน 30 วัน หากชี้แจงได้ว่าเป็นเจ้าของที่ดินตัวจริง ไม่ใช่ถือครองแทนใคร และทรัพย์สินที่มีไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ก็เพิกถอนอายัด แต่ถ้าชี้แจงไม่ได้ ปปง.จะส่งสำนวนให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งให้ยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป                 สำหรับการอายัดที่ดิน "โรงเรียนญีฮาดวิทยา" หรือ "ปอเนาะญีฮาด" ตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน หมู่ 3 ต.ตะโล๊ะกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เนื้อที่ 14 ไร่ ราคาประเมิน 5.9 แสนบาท จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจและดีเอสไอ พบพฤติการณ์สนับสนุนการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และก่อนหน้านี้ ปปง.ได้สั่งอายัดทรัพย์โรงเรียนอิสลามบูรพา หรือปอเนาะสะปอม จ.นราธิวาส มูลค่า 3 ล้านบาท โดยอนุญาตให้เปิดสอนได้ แต่ห้ามใช้โรงเรียนเป็นสถานที่ฝึกอาวุธ                 หากฝ่ายการเมืองไม่อยากถูกเช็กบิลด้วยกฎหมายฟอกเงิน คำแนะนำคือ ต้องบริสุทธิ์ผุดผ่อง หรือทำผิดอย่าให้ถูกจับได้ โดยเฉพาะความผิดตาม 21 มูลฐานของกฎหมายฟอกเงินฉบับใหม่ ซึ่งขยายเพิ่มจาก 9 ฐานความผิด ที่เคยกำหนดไว้ในกฎหมายฉบับเก่า เช่น                 (1) ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (2) ความผิดเกี่ยวกับการค้าประเวณี (3) ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง (4) การยักยอก (5)ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ (6) รีดเอาทรัพย์ที่กระทำโดยอ้างอำนาจอั้งยี่ หรือซ่องโจร (7) การลักลอบหนีศุลกากร (8) การก่อการร้าย (9) ความผิดเกี่ยวกับการพนันตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน เฉพาะความผิดเกี่ยวกับการเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีจำนวนผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นแต่ละครั้งเกินกว่า 100 คน หรือมีวงเงินในการกระทำความผิดรวมกันมีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป (10) การเป็นสมาชิกอั้งยี่                 (11) การรับของโจรอันมีลักษณะเป็นการค้า (12) การแปลงเงินตรา (13) การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาลักษณะเป็นการค้า (14) การปลอมเอกสารสิทธิ บัตรอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการค้า (15) ความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม โดยการใช้ ยึดถือ หรือครอบครองลักษณะเป็นการค้า (16) ความผิดเกี่ยวกับการประทุษร้ายต่อชีวิตหรือร่างกาย เพื่อให้ได้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สิน (17) การหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น เพื่อเรียกหรือรับผลประโยชน์ (18) การลักทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ (19) การกระทำอันเป็นโจรสลัด (20) การกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ (21) ความผิดเกี่ยวกับอาวุธหรือเครื่องมืออุปกรณ์ของอาวุธที่ใช้หรืออาจนำไปใช้ในการรบ                 ตัวอย่างทั้ง 21 ฐานความผิดนี้ หากทำตรงไปตรงมา ถือเป็นการตัดวงจรธุรกิจสีเทาแทบทุกประเภท โดยเฉพาะธุรกิจบางประเภทที่เป็นทุนสนับสนุนการเมืองไทยในทางลับ เพื่อทำสิ่งผิดกฎหมาย หากสามารถตัดเส้นทางไม่ให้เงินดำถูกส่งไปหว่านซื้อเสียงผ่านการเลือกตั้ง น่าเชื่อว่าจะเป็นใบเบิกทางสู่ถนนประชาธิปไตยได้อีกทางหนึ่ง    .................. (หมายเหตุ : ภารกิจ ปปง. 'ยึด-อายัด' ตัดวงจรเงิน(ดำ)หนุนการเมือง : ขยายปมร้อน โดยปิยะนุช ทำนุเกษตรไชย)

สุกำพลรับ3เหตุใต้พลาดทางยุทธวิธี

สุกำพลรับ3เหตุใต้พลาดทางยุทธวิธี
               11 ก.พ.56 พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยเเลนด์ทางสปริงนิวส์กรณีเหตุรุนเเรงสามจุดครั้งล่าสุดในจังหวัดชายเเดนภาคใต้ว่า รายงานล่าสุดทราบว่าเจ้าหน้าที่พลาด เเละคงไม่ระบุในตรงนี้ เเต่ตนคุยกับเเม่ทัพภาคที่สี่เเล้ว ขอเรียนว่าในพื้นที่คนปฏิบัติงานมีเยอะ หากชี้เเนะไปบางครั้งอาจมีพลาดกันบ้าง เพราะข้อเเนะนำมีเยอะเหมือนครูสอนนักเรียนหลายเรื่อง นักเรียนยังทำพลาดเลย ย้ำว่า เหตุที่เกิดขึ้นเพราะผิดพลาดทางยุทธวิธี ไม่ใช่ผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ เเนวทางในการปฏิบัตินั้นมีการทบทวนเเละถูกต้อง เเละมันก็ต้องทบทวนตัวเอง ทหารรู้ดีว่าหากพลาดจะตายเเละต้องทำงานเต็มที่ บางอย่างต้องมีจุดเปลี่ยนเเละเดินผ่านไปให้ได้ ไม่ใช่ระเบิดเกิดขึ้นครั้งหนึ่งก็เปลี่ยนเเผนครั้งหนึ่ง บางครั้งตนท้อเช่นกันเพราะตนไม่ใช่คนทำ หากเปลี่ยนนโยบายทุกวัน ฝ่ายปฏิบัติจะทำอย่างไร                 ส่วนเเนวคิดการประกาศเคอร์ฟิวนั้นจะควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ รมว.กลาโหม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องคุยกับหลายฝ่าย น้ำหนักที่ตนมองนั้นต้องคุยผู้คนในพื้นที่เเละฝ่ายปฏิบัติงานเพราะอยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์ เเล้วค่อยตัดสินใจร่วมกันเพราะมีทั้งข้อดี-ข้อไม่ดี ทุกอย่างมีข้อจำกัด ส่วนการประกาศเคอร์ฟิวที่จะประกาศห้ามประชาชนออกจากเคหะสถานในยามกลางคืนจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นอย่างไร รมว.กลาโหม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องคุยกับหลายฝ่ายเพราะตนไม่มีอำนาจฟันธง ส่วนเหตุรุนเเรงในช่วงหลายเดือนนั้นมักเกิดช่วงกลางวันเเละอุกอาจ หากประกาศเคอร์ฟิวจะช่วยอะไรได้บ้าง รมว.กลาโหมกล่าวว่า คำถามนี้่จบเเล้วเพราะตนตอบไปข้างต้นเเล้ว ส่วนเหตุยิงครูช่วยสอนทำนานั้น ถามว่า กรณีนี้ในวันนั้นอยู่ในการดูเเลของเจ้าหน้าที่หรือไม่ เรื่องเเบบนี้ตนตอบเเบบจริงใจเเละไม่เสเเสร้งเเละควรเห็นใจ                  "นายกฯ"เรียกประชุมสมช. ติดตามสถานการณ์ไฟใต้                 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเรียกหน่วยงานและเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคงเข้าหารือ เพื่อติดตามการทำงานและสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายเเดนภาคใต้ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเวลาประมาณ 10.30 น. ว่า เป็นการติดตามงาน รวมทั้งอยากจะขอฟังปัญหาในพื้นที่ด้วย ซึ่งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ก็ยังทำงานอยู่เหมือนเดิมภายใต้การกำกับดูแลของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็จะมีการเรียกประชุมในช่วงบ่ายอยู่แล้ว โดยตนอยากจะสอบถามรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ด้วย                ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการตัดสินใจใดๆ หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ไม่มี โดยเรื่องทั้งหมดนั้นยังอยู่ภายใต้คณะกรรมการเหมือนเดิม เพียงแต่ตนอยากพูดคุยว่าจากที่เรามีการบูรณาการกันในเนื้องาน ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณหรือการประสานงานก็อยากจะถามว่าปัญหาอุปสรรคเป็นอย่างไร มีอะไรจะได้ช่วยกันสนับสนุน แต่ทั้งหมดนี้ก็จะมีการติตามผ่านกลไกของคณะกรรมการเหมือนเดิม                เมื่อถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าเหมือนเป็นการถอยหลัง นายรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่างที่เรียนว่า เรายังไม่ได้สรุป ซึ่งทั้งหมดอยู่ในคณะกรรมการ ทั้งนี้พื้นที่ไหนที่มีความสงบเราก็ไม่อยากจะใช้อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง เมื่อถามว่า ส่วนพื้นที่ที่มีความจำเป็นอย่างพื้นที่สีแดงนั้นต้องประกาศใช้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเราประกาศแล้วคิดว่าจุดนี้สามารถที่จะดูแลควบคุมความไม่สงบได้ เราก็ค่อยประกาศเพราะเราไม่อยากให้พี่น้องประชาชนใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นปกติ ฉะนั้นหลักคือเจ้าหน้าที่ต้องทำทุกอย่างอย่างเต็มที่แล้วถึงจะมีมาตราการในแต่ละขั้นต่อไป ซึ่งต้องขอให้คณะกรรมการทำงานในเนื้อหาก่อน อย่างเช่นจำนวนคน อุปกรณ์ต่างๆ                  “แต่หากเราคิดว่าสุดความสามารถก็ต้องขอความร่วมมือประชาชนเพื่อให้พื้นที่มีความสงบ ไม่ได้อยู่ๆ ว่าจะมาประกาศ ทั้งนี้ก็ต้องรับฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ด้วย เพราะว่าเราต้องทำงานร่วมกับพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด รวมทั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต) ซึ่งขอยืนยันว่าจะไม่มีการประกาศอะไรที่บุ่มบ่าม”นายกรัฐมนตรี กล่าว                เมื่อถามว่า จะเป็นการกลับสู่ระบบโซนนิ่งในพื้นที่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่อของรายละเอียดขออนุญาตไม่ชี้แจง แต่เรามองว่าในเรื่องของลักษณะพื้นที่ (area base)เป็นสิ่งสำคัญ การเก็บข้อมูลการติดตามประสานงานตรงนี้จะใช้หลักของพื้นที่ ส่วนการจะกำหนดความสำคัญของพื้นที่แต่ละพื้นที่ก็เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง เราก็จะไม่ขอประกาศว่าพื้นที่ไหนเรียกว่าอะไร เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน     "ผบ.ทบ."ห่วงไฟใต้รุนแรง-ยันพร้อมหากประกาศเคอร์ฟิว                พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งขณะนี้ เดินทางไปเยือนออสเตรเลียอย่างเป็นการ ได้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ และเกาะติดสถานการณ์ ที่เกิดเหตุร้ายอยู่ตลอดเวลา                พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่ลูกน้องเสียชีวิตไปหลายคน แต่ก็ต้องทำงานอยู่ที่นี่ จะกลับถึงประเทศไทย วันที่ 15 ก.พ.นี้ แม้จะไม่ทันการประชุม ศปก.กปต. แต่ส่งตัวแทนไปร่วมแล้ว ส่วนเรื่องการประกาศ เคอร์ฟิวใต้ ก็พร้อมหากรัฐบาลไฟเขียว ซึ่งคงจะประกาศในบางพื้นที่และบางเวลาเท่านั้น  

โอ๊คอัดคุณชายพูดไม่เหมาะสม

โอ๊คอัดคุณชายพูดไม่เหมาะสม
               11 ก.พ.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.15 น.นายพานทองเเท้ ชินวัตร โพสต์ข้อความล่าสุดในเฟสบุ๊กส่วนตัวใจความว่า "แข่งขันกันดุเดือดในแนวหยาบคายแบบนี้ คนที่จะชนะได้เป็นผู้ว่าฯกทม. "ไม่ใช่หมู" ครับ               ผมเห็นในเฟสบุ๊กของ มรว.สุขุมพันธุ์ โพสต์ไว้เมื่อวานนี้ว่า "มีคนนำคำพูดตอนปราศรัยไปตัดทอน ทำให้คนเข้าใจผิด" โดยในตอนท้ายได้ออกตัวไว้ว่า"ต้องขออภัย หากทำให้บางท่านคิดว่า ใช้คำพูดไม่เหมาะสม"               อ่านแล้วผมสงสัยว่า มีใครนำคำพูดของคุณชายไป "ตัดทอนหรือตัดต่ออย่างไร" จึงทำให้ "บางท่านคิดว่า ใช้คำพูดไม่เหมาะสม" ผมจึงได้ให้ทีมงานไปหาในยูทูปดูว่า จริงๆแล้วคุณชายใช้คำพูด ไม่เหมาะสมจริงตามที่เป็นข่าว หรือพูดแบบสุภาพตามที่ได้โพสต์ไว้ในเฟสบุ๊กกันแน่ครับ               ผมได้ลองฟังดูอยู่เป็น 10 รอบ ยังไม่เห็นมีคำพูดสุภาพๆ อย่างที่ได้โพสต์ไว้เลยครับ ยกตัวอย่างให้ดูก็ได้                1. เฟสบุ๊กคุณชายเขียนว่า "อย่าดูถูกความเชื่อมั่นที่พรรคมีให้ผม"แต่เสียงในคลิปคุณชายกลับพูดว่า "ทำไมถามอย่างนี้ ดูถูก....เลย"               2. เฟสบุ๊กคุณชายเขียนว่า "อย่าดูถูกความตั้งใจที่เราทำงานร่วมกันมา"แต่เสียงในคลิปคุณชายกลับพูดว่า "คิดอย่างนี้ พูดอย่างนี้ ดูถูก....เลย"               3. เฟสบุ๊กคุณชายเขียนว่า "อย่าดูถูกความรักที่ผมมีต่อพรรค"แต่เสียงในคลิปคุณชายกลับพูดว่า "อย่าดูถูก... เพราะ...คือ คนของพรรคประชาธิปัตย์"               สิ่งที่ผมเขียนนี้คือ ข้อเท็จจริงครับ ข้อความในเฟสบุ๊กที่ลงไว้ก็ตามรูปที่ผมโพสต์นี้ คลิปที่คุณชายพูดก็หาดูได้ใน youtube และผมก็ได้ตรวจสอบแล้วว่ามิได้มีการตัดทอน แต่งเติมประการใด เสียงพูดก็เสียงคุณชาย ปากก็ขยับตรงกับเสียงพูดทุกประการ ใครไม่เชื่อหรือยังไม่เคยฟัง ลองเข้าไปดูตาม Link นี้ครับ               ผมว่าการที่จะเป็นผู้ว่ากทม. ซึ่งถือว่าเป็นพ่อเมืองของคนกรุง โดยที่คนกรุงพร้อมใจกันเลือกถึง 2 สมัย ผมว่า "ไม่ใช่หมูๆ" นะครับ น่าจะต้องสร้างความประทับใจ ให้กับคนกรุงเทพฯมากพอสมควร โดยเฉพาะพ่อเมืองย่อมควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกๆ หลานๆ เอาแค่เด็กๆ ในโรงเรียนของกทม. ก็ปาเข้าไปเท่าไหร่แล้ว วุฒิภาวะในการควบคุมอารมณ์ ควรจะต้องนิ่งและเป็นที่น่าเชื่อถือมากกว่านี้ การแทนตัวเองว่า "กู" หลายครั้ง การหลุดคำว่า "ฉิบหาย" หลายครั้ง บนเวทีปราศรัย ไม่ควรเกิดขึ้นกับผู้สมัครผู้ว่าฯ โดยเฉพาะคนเป็นแชมป์เก่า อดีตผู้ว่าฯกทม. ครับ               ยิ่งอ้างว่าเป็นการ "พูดอย่างจริงใจ ไม่จำเป็นต้องสร้างภาพ" ผมว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีครับ ผู้ว่าฯแสดงความจริงใจด้วยการพูดคำหยาบคายแบบนี้ ผู้ปกครองของเด็กๆ ในกทม. เขาจะอบรมลูกหลานได้อย่างไร ว่า คำพูดแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่ดี แถมด้วยในเฟสบุ๊กยังเขียนกลบเกลื่อน ด้วยคำสุภาพๆ ที่ไม่มีจริงในคำพูดอีก ยิ่งไปกันใหญ่ สอนเด็ก "โตไป ไม่โกง"แล้ว ต้องสอนด้วยว่า "โตไป ไม่โกหก"ครับ               สิ่งที่ผมพูดนี้อยู่บนสมมุติฐานที่ว่า คุณชายไม่ได้เมาไวน์ แล้วขึ้นไปปราศรัยนะครับ เพราะเมื่อนักข่าวถาม คุณชายก็ยืนยันกับนักข่าวแล้วว่า "ไม่ได้ดื่ม" ผมเชื่อคำพูดคุณชายครับ และถือว่าเป็นความตั้งใจของคุณชาย ที่จะพูดคำหยาบบนเวที โดยที่ไม่มีฤทธิ์แอลกอฮอลล์เข้ามาเกี่ยวข้อง               เขียนมาจนจบแล้ว เชื่อผมไหมครับ ว่าเลือกตั้งครั้งนี้ อย่างที่ผมจั่วหัว ไว้ในตอนต้น.....                แข่งขันกันดุเดือดในแนวหยาบคายแบบนี้ คนที่จะชนะได้เป็นผู้ว่าฯกทม. "ไม่ใช่หมู" ครับ                }^%#%{*เอื๊อกกก....ผม....ม่ายย...มาววว..%%#+{$*?"                ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองเเท้เเนบการชี้เเจงของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ทางเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่าน มาประกอบการโพสต์ครั้งนี้ของนายพานทองเเท้ด้วย โดยการโพสต์ครั้งนี้ของนายพานทองเเท้สืบเนื่องจากการหาเสียงของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีการเผยเเพร่คลิปดังกล่าวทางโซเชียลมีเดียกันกว้างขวาง

ปูทำบุญ 3 วัด ช่วยพงศพัศหาเสียง

ปูทำบุญ 3 วัด ช่วยพงศพัศหาเสียง
นายกรัฐมนตรี ทำบุญ 3 วัด เสริมสิริมงคลเทศกาลตรุษจีน พร้อมลงพื้นที่ช่วย พงศพัศ หาเสียง เชื่อเจ้าตัวแจงคดีโรงพักได้...เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 10 ก.พ. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 9 พรรคเพื่อไทย เดินทางไปหาเสียงที่ย่านฝั่งธนบุรี โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำทีมรัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รมช.คมนาคม นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย และนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.โดยนายกฯ พร้อมคณะได้เข้ากราบสักการะพระธรรมเจดีย์ เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ซึ่งเจ้าอาวาสได้ให้พรนายกฯ และคณะให้บริหารประเทศได้สำเร็จตามต้องการ ขอพรสิ่งใดก็สมปรารถนา จากนั้นได้ไปไหว้ศาลเจ้าซำปอกง หรือเจิ้งเหอ และเดินลอดซุ้มประตูสวรรค์ นำของมงคลไปเซ่นไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือไฉ่ซิ้งเอี้ย เพื่อความเป็นสิริมงคลในเทศกาลตรุษจีนจากนั้นได้ลงเรือที่ท่าวัดกัลยาฯ ไปทำบุญไหว้พระที่วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เข้าไปกราบไหว้พระประธานหลวงพ่อโต และร่วมกันเคาะระฆังจำนวน 15 ใบ และไปไหว้พระทำบุญที่วัดอรุณราชวราราม ทำพิธีไหว้ฟ้าดิน สักการะองค์พระปรางค์ และศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน เข้ากราบนมัสการพระศากยปุตะติยะวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณฯ ซึ่งได้มอบหมอนชินบัญชร ยันตร์วัดอรุณฯ รูปหล่อสมเด็จพระเจ้าตาก และของดีคู่วัดอรุณฯ ให้กับนายกฯและผู้สมัคร พร้อมกล่าวให้พรว่า ให้หมอนชินบัญชรจะได้นอนมา ทั้งนี้ทุกวัดที่นายกฯ และผู้สมัครลงพื้นที่ประชาชนที่มาร่วมทำบุญเนื่องในเทศกาลตรุษจีนได้ขอถ่ายรูป และมอบดอกกุหลาบให้กับนายกฯ และพล.ต.อ.พงศพัศเป็น จำนวนมากจากนั้นนายกฯ พร้อมผู้สมัครมารับประทานก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใสหน้าวัดอรุณฯ และเดินทักทายประชาชนย่านอรุณอัมรินทร์ ก่อนเดินทางกลับบ้านพักซอยโยธินพัฒนา 3 ต่อมาเมื่อเวลา 11. 50 น. ที่วัดอรุณราชวราราม น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงให้กับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 9 พรรคเพื่อไทยว่า ต้องขอขอบคุณที่เสียงตอบรับจากประชาชน รวมถึงการตอบรับในตัวของ พล.ต.อ.พงศพัศ ถือเป็นกำลังใจในการลงพื้นที่ ส่วนการตัดสินใจทั้งหมดจะไปปรากฏในวันที่ 3 มี.ค.นี้ ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.พงศพัศตกเป็นเป้าทางการเมืองหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะกรณีการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนทั่วประเทศ 396 แห่ง และโครงการก่อสร้างแฟลตตำรวจ 163 หลังนั้น ตนเชื่อว่า พล.ต.อ.พงศพัศ จะชี้แจงหลายๆ เรื่องได้ เพราะตลอดเวลาที่ พล.ต.อ.พงศพัศปฏิบัติหน้าที่เป็นไปได้ด้วยดี การทำงานมีประสิทธิภาพเมื่อถามว่าจะส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมที่กำลังดีขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าเป็นเรื่องของข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้ เรื่องทั้งหมดเราต้องการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ เวลา 16.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเฝ้าฯ รับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงเป็นประธานในพิธีเปิดงานตรุษจีนเยาวราช 2556 ณ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร และซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ถนนเยาวราช กรุงเทพฯ.

จูดี้แจงดีเอสไอ ไม่เกี่ยวTORเหมาเจ้าสร้างโรงพัก

จูดี้แจงดีเอสไอ ไม่เกี่ยวTORเหมาเจ้าสร้างโรงพัก
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ แสดงความบริสุทธิ์ใจ รุดยื่นเอกสารให้ข้อมูลดีเอสไอ ปัดไม่เกี่ยวข้องโครงการโรงพักทดแทน ด้านธาริต รับลูกจ่อสอบสวนต่อ กัน เพรียวพันธ์-อดุลย์ เป็นผู้เสียหาย...วันนี้ (10 ก.พ.56) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย และในฐานะอดีตรอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมายื่นเอกสารหลักฐานให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ผู้แสดงความบริสุทธิ์ใจ ภายหลังถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดหาโครงการก่อสร้างอาคาร ที่ทำการสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 หลัง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเป็นประธานคณะกรรมการกำหนดขอบเขตของงาน (ทีโออาร์) โดย พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวภายหลัง การเข้ายื่นเอกสารหลักฐานว่า การกล่าวหาในลักษณะดังกล่าว เข้าข่ายเป็นการให้ร้ายต่อผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จึงมามอบเอกสาร ที่เกี่ยวข้องต่อดีเอสไอ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ และขอยืนยันว่า จะไม่ฟ้องร้องใคร ด้านหากมีการตอบโต้ จากทีมของพรรคนั้น ตนก็ได้กำชับไปแล้วว่า อย่าไปพาดพิงใครขณะที่ นายธาริต กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานแล้ว ไม่พบว่า พล.ต.อ.พงศพัศ มีส่วนเกี่ยวข้องในการกำหนดขอบเขต ของงานทีโออาร์ ที่มีการจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคาร ที่ทำการสถานีตำรวจทดแทน แบบเหมารวมเจ้าเดียว ที่กำลังมีปัญหาแต่อย่างใด เพราะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้นได้เห็นชอบยกเลิก การดำเนินการแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค และอนุมัติให้จัดจ้างก่อสร้างทุกอาคารรวมกันในครั้งเดียว ไปเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2552อย่างไรก็ตาม กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะได้ทำการสอบสวนต่อไป รวมถึงจะมีการเชิญ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.คนปัจจุบัน มาสอบถามเพราะอาจจะเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายในเรื่องดังกล่าวด้วย. 

มาร์ค ไม่ห่วง ปชป. ถูกทิ้งปมนิรโทษฯ

มาร์ค ไม่ห่วง ปชป. ถูกทิ้งปมนิรโทษฯ
“มาร์ค” ไม่ห่วง ปชป. ถูกทิ้งปมนิรโทษฯ ยันมีจุดยืนเหมือนเดิม ทั้งเสนอแนวทางชัดเจนแล้วให้นิรโทษกรรมจำกัดขอบเขต เฉพาะคนที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ...วันที่ 10 ก.พ. ที่อาคารชายชล สวนหลวง ร.9 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ เชิญตัวแทนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หารือร่วมกับตัวแทนกลุ่ม นปช. เกี่ยวกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมว่า เรื่องนี้ไม่คิดว่าจะเป็นการโดดเดี่ยวพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อกล่าวหาพรรคว่าขัดขวางเรื่องนี้เพียงฝ่ายเดียว และไม่คิดว่าจะเป็นตัวบีบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคมีจุดยืนเหมือนเดิมอีกทั้งตนได้เสนอแนวทางอย่างชัดเจนแล้วว่าให้มีการนิรโทษกรรมจำกัดขอบเขต เฉพาะคนที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งตัวแทนพันธมิตรฯ ก็ไม่มีความคิดแตกต่างจากตน แต่ปัญหาอยู่ที่มีการเอาคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมโดยสงบ แต่ทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นตัวประกัน เพราะรัฐบาลไม่ยอมนิรโทษให้ เนื่องจากต้องการพ่วงบรรดาผู้เผา ผู้ฆ่า คนโกงเข้าไปด้วย จึงทำให้เรื่องหยุดชะงัก ซึ่งปัญหาไม่ได้อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ แต่ทุกคนต้องตั้งคำถามกับรัฐบาลว่า มีความเชื่อในเรื่องการปรองดองว่าจะช่วยประชาชนคนธรรมดาอย่างไร ไม่ใช่เอาเงื่อนไขนี้มาบังหน้าล้างผิดให้คนโกง และตนไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องพูดถึงการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อีกฉบับหนึ่งเพื่อนิรโทษให้กับแกนนำ โดยให้มีคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาว่า ใครสมควรได้รับการนิรโทษ เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้ง แต่ควรเริ่มต้นจากจุดร่วมที่ถ้าเห็นว่าประชาชนที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สมควรได้รับการนิรโทษกรรมก็ทำเรื่องนี้ด้วยกัน แต่ถ้าจะเอาเรื่องของคนอื่นพ่วงด้วยก็ขัดแย้งต่อ.

Friday, February 8, 2013

คุณชายลุยตลาดประชานิเวศ1

คุณชายลุยตลาดประชานิเวศ1
               9 ก.พ.56 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 16 พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่หาเสียงที่สวนรถไฟ เขตจตุจักร เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะนี้ได้ขึ้นรถขบวนแห่หาเสียงต่อเนื่องมายังบริเวณตลาดประชานิเวศ 1 โดยเดินเท้าไปตามเส้นทางภายในตลาด เพื่อแจกแผ่นพับใบปลิว-หาเสียงชูนโยบายต่าง ๆ  และทักทายประชาชน ตลอดจน พ่อค้า แม่ค้า ที่ค้าขายในย่านนี้ พร้อมทั้งสอบถามความเป็นอยู่  ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีพ่อค้า แม่ค้า ประชาชนจำนวนมากเข้ามามอบดอกไม้กำลังใจ ขอร่วมถ่ายรูป ทั้งนี้ ระห่างการหาเสียง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้สักการะ-ศาลเจ้าปุนเถ่ากง ศาลเจ้าประจำตลาดประชานิเวศ  1 นอกจากนี้ ยังมีพ่อค้า แม่ค้า นำขนมป้อนให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ รับประทาน อีกด้วย                 "ปู"ลงย่านประตูน้ำช่วย"พงศพัศ"หาเสียง                 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่ย่านประตูน้ำ เพื่อเข้าพบเจ้าของตึกใบหยก ที่ตึกใบหยก 2 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จากนั้นพบประชาชน และช่วย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 9 พรรคเพื่อไทย หาเสียงในย่านประตูน้ำ ก่อนเดินทางเข้าพบและอวยพรวันเกิด นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่บ้านพัก บริเวณถนนราชวิถี ซอย 20 โดยจะมีนักการเมืองมาร่วมอวยพรจำนวนมากเช่นทุกปี ซึ่งเป็นที่จับตามองว่า ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะหารือเกี่ยวกับการปรับ ครม. ในครั้งนี้ด้วยหรือไม่                  

จารุพงศ์หนุนเคอร์ฟิวแก้ไฟใต้

จารุพงศ์หนุนเคอร์ฟิวแก้ไฟใต้
                     9 ก.พ.56 นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธานในพิธีการมอบเครื่องหมายรักษาดินแดนยิ่งชีพหรือมอบเข็มอาสารักษาแดนสดุดีให้กับกองร้อยอาสารักษาดินแดนดีเด่น และรางวัลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนผู้ปฏิบัติงานดีเด่นประจำปี 2555 เนื่องในโอกาสคล้ายวันครบรอบการสถาปนากองอาสารักษาดินแดน(อส.) 59 ปี ในวันที่ 10 ก.พ.นี้                      โดยนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงบทบาทของ อส. ในการปฏิบัติงานพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ขณะนี้มี อส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ในภาคใต้กว่า 7,000 นาย ดูแลรักษาความปลอดภัย สถานที่ และบุคคลที่มีความเสี่ยง อาทิ มัสยิด โรงเรียน ครู พร้อมทั้งสนับสนุนการทำงานกับฝ่ายทหารและตำรวจในการลาดตระเวน ตั้งจุดตรวจค้น รักษาความปลอดภัยขบวนรถไฟ นอกจากนี้ยังสนับสนุนชุดคุ้มครองตำบลในการสร้างความเข้มแข็งในพื้นที่ อย่างไรก็ตามจะมีการเพิ่มเจ้าหน้าที่อีก 2,700 นาย ลงไปช่วยทดแทนกำลังของทหารและตำรวจ โดยจะปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีความเคลื่อนไหวก่อเหตุ แต่ไม่ใช่พื้นที่สีแดง                      ส่วนแนวคิดการประกาศใช้เคอร์ฟิวในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายจารุพงศ์ กล่าวว่า เห็นว่าจะประกาศใช้ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์และใช้เฉพาะพื้นที่ที่มีการก่อเหตุรุนแรง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากสามารถใช้กฎหมายได้อย่างเคร่งครัด                      "การประกาศใช้เคอร์ฟิวไม่ใช่เรื่องใหม่ สมัยผมเป็นนายอำเภออยู่ภาคอีสาน ก็อยู่ในพื้นที่ที่ประกาศเคอร์ฟิวมาแล้ว ซึ่งการประกาศก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และแม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและการไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของคนในพื้นที่ ก็ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะการแก้ไขปัญหาก็เหมือนกับการรักษาโรคที่จะกินยาอย่างเดียวไม่ได้ ต้องฉีดยาด้วย และอยากให้ประชาชนเข้าใจว่า รัฐบาลไม่อยากประกาศใช้เคอร์ฟิว หากสถานการณ์ในพื้นที่เป็นปกติ แต่ที่ต้องประกาศใช้เนื่องจากว่าต้องการรักษาชีวิตของประชาชน ดังนั้นขออย่าไปคิดว่าการประกาศเป็นเรื่องร้ายแรง แต่เป็นเพียงมาตรการเยียวยาให้กับพื้นที่" รมว.มหาดไทย กล่าว   'จารุพงศ์' เผย 'พท.' ยังไม่มีข้อสรุป กม.นิรโทษฯ                        นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ได้มีการหารือระหว่างแกนนำพรรคเพื่อไทยถึงเรื่องความเหมาะสมและเนื้อหาเกี่ยวกับกฎหมายนิรโทษกรรมว่า ยังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากจะต้องมีการศึกษาอย่างละเอียด โดยตนได้มอบหมายให้หลายหน่วยงานไปศึกษารูปแบบและความเหมาะสมว่าจะออกเป็นพระราชกำหนด หรือพระราชบัญญัติ ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการชั่งน้ำหนักเหตุผลของแต่ละฝ่ายที่เสนอมาก่อน                      ทั้งนี้นายจารุพงศ์ กล่าวต่ออีกว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี สัปดาห์หน้า ยังจะไม่มีการกำหนดวาระหารือเกี่ยวกับกฎหมายนิรโทษกรรม เนื่องจากยังมีร่างกฎหมายสำคัญเร่งด่วน ที่คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาให้ทันสมัยประชุมนิติบัญญัตินี้        

เงื่อนไขนิรโทษกรรม

เงื่อนไขนิรโทษกรรม
              อ่านเจอบทความของคุณ นิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยาของ พล.อ.ร่มเกล้า ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์กระชับพื้นที่บริเวณสี่แยกคอกวัวเรื่อง "ประชาชนได้อะไรจากการนิรโทษกรรม...ในวันนี้ ?" ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ผู้จัดการแล้ว ทำให้รู้สึกว่า เรื่องราวของการนิรโทษกรรมนั้นหากใครไม่อยู่ในจุดนั้นจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าใจถึงความรู้สึกที่แท้จริง               คุณนิชา บอกว่า เข้าใจถึงความทุกข์ยากของพี่น้องเสื้อแดงว่ามีชีวิตที่ยากลำบากอยู่ในคุก แต่คนเสื้อแดงก็ยังโชคดีกว่าสามีของเธอที่วันนี้ไม่มีโอกาสแล้ว แต่เมื่อคนเสื้อแดงอยากได้อิสรภาพ เธอ...ในฐานะผู้ที่สูญเสียเช่นกัน จึงอยากขอตั้งเงื่อนไขและขอคำมั่นสัญญา               เธอย้ำว่า "หากผู้ชุมนุมเคารพกฎหมาย ไม่ฝ่าฝืน พ.ร.ก./ ชุมนุมด้วยความสงบสันติ ทหารก็คงไม่ต้องถูกเรียกมา และพลเอกร่มเกล้า ก็คงไม่ตาย"               เงื่อนไขการนิรโทษกรรมที่คุณนิชายื่นมานั้นมีหลายข้อ แต่สรุปโดยรวมก็คือ ต้องไม่ครอบคลุมผู้ที่ทำผิดคดีอาญา คดีหมิ่นพระบรมฯ ผู้ที่จะได้รับนิรโทษฯ ต้องยอมรับว่าได้ละเมิดกฎหมาย และมีการทำทัณฑ์บนว่าจะไม่เข้าร่วมการชุมนุมที่ละเมิดฝ่าฝืนกฎหมายอีก               ต้องเปิดเผยข้อมูล-ความจริงของเหตุการณ์ใช้ความรุนแรง แก่คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง (คอป.)               ส่วนเงื่อนไขต่อหน่วยงานรัฐนั้น ต้องไม่ใช้หลักความยุติธรรมของผู้ชนะ นายกรัฐมนตรีเองก็ต้องมีแผนปรองดองที่ชัดเจน แสดงเจตจำนงของรัฐ ไม่ใช่แค่สั่งให้ข้าราชการประจำไปทำ               แม้กระทั่งการเยียวยา คุณนิชา ตั้งเงื่อนไขว่า หากภายหลังการสอบสวนพบว่าผู้ได้รับเงินเยียวยาเป็นผู้กระทำความผิด จะมีมาตรการอย่างใด เพราะโดยหลักการผู้ได้รับเงินเยียวยาต้องไม่ใช่ผู้กระทำความผิด               หลักๆ ของเงื่อนไขนิรโทษกรรมของคุณนิชา มีประมาณนี้ แต่น่าเชื่อว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และภายใต้การสนับสนุนของคนเสื้อแดงคงเลือก "ไม่รับรู้" ต่อเงื่อนไขที่ว่าเสียมากกว่า ส่วนดีเอสไอ นั้นคงไม่ต้องพูดถึง คุณนิชา ก็บอกอยู่ว่า จนป่านนี้คดีสามีเธอก็ยังไม่คืบ               นั่นเพราะความจริงแล้ว กฎหมายนิรโทษกรรม ที่พูด/ยกร่างกันในวันนี้ มันเป็นแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากับมวลชนของเขา ไม่เกี่ยวกับผู้ที่สูญเสียอย่างคุณนิชา               อย่างที่เพื่อนผู้พิพากษาของคุณนิชา พูดไว้นั่นแหละ คนที่ไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากการนิรโทษกรรมก็คือ "คนตาย" และ "ผู้บริสุทธิ์" ........... (หมายเหตุ : เงื่อนไขนิรโทษกรรม : ทางข่าว โดยศรายุทธ สายคำมี sarayut@nationgroup.com)    

Thursday, February 7, 2013

คนกรุงเน้นเลือกผู้ว่าฯ ที่ตัวผู้สมัคร มากกว่าพรรคการเมือง

คนกรุงเน้นเลือกผู้ว่าฯ ที่ตัวผู้สมัคร มากกว่าพรรคการเมือง
บ้านสมเด็จโพลล์เผยผลสำรวจ พบคน กทม.เกินครึ่ง จดจำชื่อและเบอร์ของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จากป้ายหาเสียง เน้นเลือกจากตัวผู้สมัครฯ เองมากกว่าพรรคการเมือง หรือนโยบาย...ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ ได้ดำเนินโครงการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานครของประชาชนในกรุงเทพมหานคร (หลังการสมัคร 2 สัปดาห์) โดยเก็บจากกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,160 กลุ่มตัวอย่าง เก็บข้อมูลในวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2556มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จดจำชื่อและเบอร์ของผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร จากสื่อประเภทป้ายหาเสียงมากที่สุด ร้อยละ 54.40 อันดับสองคือ สื่อโทรทัศน์ ร้อยละ 17.58 อันดับสามคือ สื่อแผ่นพับ/ใบปลิว ร้อยละ 9.57 
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดว่าปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจในการเลือกผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ ตัวผู้สมัครมากที่สุด ร้อยละ 42.07 รองลงมาคือนโยบายของผู้สมัคร ร้อยละ 35.52 และอันดับสุดท้ายคือพรรคการเมืองที่สังกัด ร้อยละ 22.41 
และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ทราบถึงหน้าที่ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร้อยละ 55.60 ไม่ทราบ ร้อยละ 25.76 และไม่แน่ใจ ร้อยละ 16.64เมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่าผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีหน้าที่ทำอะไร ร้อยละ 55.60 ทราบ ร้อยละ 25.76 ไม่ทราบ และร้อยละ 16.64
2 ไม่แน่ใจ เมื่อถามว่ารับรู้ ชื่อและเบอร์ของผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผ่านทางสื่อประเภทใดมากที่สุด 
หนังสือพิมพ์ ร้อยละ 8.97 
ป้ายหาเสียง ร้อยละ 54.40
 แผ่นพับ/ใบปลิว ร้อยละ 9.57
 วิทยุกระจายเสียง ร้อยละ 5.95 
โทรทัศน์ ร้อยละ 17.58
 สื่อสังคมออนไลน์ (Social Network) ร้อยละ 3.53
4 เมื่อถามว่า เบอร์ของผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีผลต่อการจดจำในการเลือกตั้งหรือไม่
มีผล ร้อยละ 51.03
 ไม่มีผล ร้อยละ 33.45 
ไม่แน่ใจ ร้อยละ 15.52
5 ส่วนปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจในการเลือกผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในการเลือกตั้งครั้งนี้มากที่สุด 
ตัวผู้สมัคร ร้อยละ 42.07
 นโยบายของผู้สมัคร ร้อยละ 35.52
 พรรคการเมืองที่สังกัด ร้อยละ 22.41
6 และคิดว่าจะไปเลือกตั้งในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในวันที่ 3 มีนาคม 2556 หรือไม่
ไป ร้อยละ 76.21 
ไม่ไป ร้อยละ 5.77
 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 18.02เมื่อสอบถามว่าจะเลือกใครเข้ามาเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 3 อันดับที่ถูกเลือกมากที่สุดคือ 
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส (ไม่เรียงตามลำดับ) โดยร้อยละ 22.50 ยังไม่ได้ตัดสินใจ.

Blog Archive