Tuesday, February 5, 2013

ทบ.เล็งแก้กฎกระทรวง เรียนรด.ต้องเกณฑ์ทหาร ยกเว้นเฉพาะจบปี5

ทบ.เล็งแก้กฎกระทรวง เรียนรด.ต้องเกณฑ์ทหาร ยกเว้นเฉพาะจบปี5
ทบ.เล็งแก้กฎกระทรวง ยันเรียน รด.ต้องเกณฑ์ทหาร จ่อให้อภิสิทธิ์เฉพาะคนเรียนจบปี 5 ชี้ รด.3 ปียังฝึกไม่เข้มข้น รับยังแก้ ก.ม.ไม่ได้ แฉชายไทยแย่งเรียน รด.เลี่ยงเป็นทหาร...เมื่อวันที่ 5 ก.พ.56 พล.ท.วิชิต ศรีประเสริฐ ผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. มีแนวคิดที่จะให้ผู้ที่จบหลักสูตรนักศึกษาวิชาการทหารต้องเข้าเกณฑ์ ทหารว่า ยังเป็นแนวคิดขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ในทันที แต่ที่ผ่านมาทาง นรด.มีความคิดเหมือนกัน เพราะอนุสัญญาเจนีวา ห้ามไม่ให้เด็กฝึกอาวุธ จึงทำให้ นศ.วิชาทหารไม่สามารถฝึกอาวุธได้อย่างเข้มข้นเทียบเท่าการฝึกทหารเกณฑ์ ซึ่งคนที่เรียนจบ รด.ชั้นปีที่ 3 จะได้รับการแต่งตั้งเป็นทหารยศนายสิบ หากต้องออกมาปฏิบัติงานก็มีสิทธิ์ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งทำให้เกิดปัญหาได้ เพราะถ้าการฝึกผู้บังคับบัญชาอ่อนกว่าจะไปออกคำสั่งได้อย่างไร ดังนั้น จึงต้องมีการฝึกเพื่อให้สมกับที่มีการประดับยศเป็นผู้นำ พล.ท.วิชิต กล่าวว่า การผลักดันให้แนวคิดนี้เกิดขึ้นได้จะต้องแก้ไขกฎกระทรวงกลาโหม แต่ในส่วน พ.ร.บ.ส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ.2503 คงไม่มีปัญหา เพราะไม่ได้กำหนดระดับชั้นเป็นเพียงการส่งเสริมด้านวิชาการโดยปีหนึ่งๆ มี นศ.วิชาทหารกว่าแสนคน แต่เรียนจบจริง 8 หมื่นคน ส่วนที่มีปัญหาว่า มีผู้ปกครองวิ่งเต้นให้บุตรหลานได้เรียน รด.เพื่อไม่ต้องการเป็นทหารเกณฑ์ ซึ่งปีนี้จะประชาสัมพันธ์ให้อย่าไปเชื่อใครที่บอกว่าจะช่วยเหลือได้ “กองทัพไม่ต้องการบุคคลที่ไม่แข็งแรงเข้ามาเป็นทหาร ถ้าโกงหรือวิ่งเต้นเข้ามาก็ต้องเจอกัน อย่าคิดว่า เสียเงินแล้วสามารถวิ่งเต้นได้ ขอย้ำว่า การเป็นทหารไม่ได้โหดร้ายอย่างที่คิด และเป็นหน้าที่ของลูกผู้ชายไทย ผมให้เกียรติทหารทุกคนที่ทำงานเพื่อประเทศชาติและกองทัพ ทั้งนี้ ยอมรับว่าหากเปิดให้มีการเรียนรด.มากขึ้นจะเกิดความเหลื่อมล้ำแน่นอน เพราะคนที่เรียน รด.ได้คือ คนที่จบ ม.3 และกำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนเท่านั้น ส่วนคนที่ไม่ได้เรียนต่อจบ ม.3แล้วเข้าสู่ตลาดแรงงานจะไม่มีโอกาสได้เรียน รด.จึงต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ผมมองว่าไม่ยุติธรรม แต่หากเปิดให้เรียน รด. 100 เปอร์เซ็นต์ ถามว่าแล้วจะเอาใครมาเป็นทหารเกณฑ์” พล.ท.วิชิต กล่าว ด้าน พล.ต.ทวีชัย กฤษิชีวิน ผบ.ศูนย์การกำลังสำรอง กล่าวว่า นศ.วิชาทหารชั้นปีที่ 3 ปัจจุบันไม่ต้องเป็นทหาร ทำให้มีการแย่งชิงกันเข้าเรียนมาก จนเกิดความไม่ยุติธรรมขึ้น ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีเงินที่ไม่ต้องการให้ลูกเป็นทหารด้วยการมาเรียน รด. ทั้งนี้ในอนาคตจะต้องพูดคุยว่า นศ.วิชาทหารที่เรียนจบชั้นปีที่ 3 แล้วอาจจะต้องเป็นทหารต่อประมาณ 6 เดือนเหมือนกับผู้ที่เรียนจบปริญญาตรี โดยใช้สิทธิ์สมัคร ส่วน นศ.วิชาทหารที่เรียนจบชั้นปีที่ 5 ไม่ต้องเป็นทหาร แต่ถ้า นศ.วิชาทหารที่เรียนจบชั้นปีที่ 3 แล้วไม่ต้องการเป็นทหารจะต้องเรียนให้จบชั้นปีที่ 5 ที่สำคัญกฎหมายสากลระบุว่า เด็กไม่สามารถฝึกอาวุธได้ จึงจำเป็นต้องขยายหลักสูตร โดยปรับไปอยู่ชั้นปีที่ 4-5 เพื่อจะได้มีความเชี่ยวชาญด้านการทหารมากขึ้น ไม่เช่นนั้น นศ.วิชาทหารชั้นปีที่ 3 ยังไม่ทันยิงปืนเป็นก็เรียนจบแล้ว ซึ่งแนวคิดนี้น่าจะยุติธรรมที่สุด ถ้าไม่ทำแบบนี้อาจจะเป็นการเอาเปรียบคนยากจนได้ ทางกองทัพต้องหาวิธีการเพื่อให้เกิดความยุติธรรมในสังคม ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดี ซึ่งจะต้องไปศึกษารายละเอียด พล.ต.ทวีชัย กล่าวต่อว่า ขณะนี้มี นศ.วิชาทหารชั้นปีที่ 1-3 ทั่วประเทศประมาณ 3 แสนกว่าคนถือว่ามีจำนวนมาก ส่วนชั้นปีที่ 4-5 มีอยู่หมื่นกว่าคน จึงทำให้แย่งกันเข้าเรียน รด.แต่คนที่เรียนชั้นปีที่ 4-5 ต้องใจรักจริงๆ โดยจะได้ยศเทียบเท่า ร.ต. เพื่อเป็นเกียรติยศและศักดิ์ศรี ส่วน นศ.วิชาทหารที่เรียนชั้นปีที่ 3 จะได้ยศเทียบเท่ายศนายสิบ ในฐานะที่ตนเป็นครูฝึกและเป็นหน่วยที่รับผิดชอบต้องการให้ นศ.วิชาทหารเหล่านี้เรียนจบชั้นปีที่ 5 เพื่อศักดิ์ศรีตนเองและปลูกฝังเรียนรู้เรื่องวิชาทหาร โดยเฉพาะการช่วยเหลือสังคม ทั้งนี้ ที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่เคยใช้ทหารกำลังสำรอง และเมื่อ 10 ปีที่ผ่านก็เพิ่งฟื้นฟูระบบกำลังสำรอง เพื่อจัดให้เป็นรูปแบบระบบใหม่ โดยจะต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับประเทศสิงคโปร์ อังกฤษ สหรัฐฯ ที่มีการพัฒนาเรื่องนี้พอสมควร โดยเฉพาะสิงคโปร์เป่านกหวีดปรี๊ดเดียวก็มีกำลังพล 2 กองพลพร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที “นศ.วิชาทหารของไทยมีระดับการเรียนเกรด 3-4 ถือว่ามีสติปัญญาดี แต่เมื่อมาฝึกระยะสั้นจะไม่ได้ผล แม้ว่าครูฝึกจะมีการสอนภาคปฏิบัติต่างๆ ก็ยังไม่เกิดเป็นรูปร่าง แต่ถ้าเรียนต่อไปถึงปี 5 จึงจะสมบูรณ์ ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ถ้านำคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือมาเกณฑ์ทหารนั้น ความรู้ความสามารถอาจจะน้อยกว่าผู้ที่เรียนหนังสือ กองทหารที่พัฒนาแล้วจะต้องมีทหารที่มีสติปัญญา เพราะนอกจากกำลังกายแล้วสติปัญญาก็สำคัญ กองทัพต้องมีการพัฒนา แต่ที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้เลือก อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวจะต้องไปแก้ไขที่กฎกระทรวงกลาโหม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร กองทัพไม่สามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจ เพราะทุกอย่างเป็นกฎหมายหมด และคิดว่าคงยังไม่เกิดในเร็วนี้” พล.ต.ทวีชัย กล่าว ขณะที่ พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ทางกระทรวงกลาโหมขอชี้แจงว่า ตามเจตนารมณ์ 6 ข้อของ รมว.กลาโหม ในเรื่องการพัฒนาระบบกำลังสำรองให้พิจารณาทบทวนวัตถุประสงค์ของการเรียนวิชา ทหารของนักศึกษาวิชาทหาร รวมทั้งสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเข้ามาเป็นทหาร ตลอดจนพิจารณาเรื่องการใช้ประโยชน์ทหารกองประจำการเพื่อปฏิบัติหน้าที่ได้ อย่างเหมาะสมกับคุณวุฒิทางการศึกษา ระบบการฝึกนักศึกษาวิชาทหารต้องมีการปรับปรุงหลักสูตรให้เกิดความเหมาะสมโดย ให้เห็นถึงความภาคภูมิใจในการเข้ามารับใช้ชาติด้วยการเป็นทหาร “ หากรับสมัครนักศึกษาวิชาทหารเพิ่มขึ้นจะทำให้อัตราส่วนการตรวจเลือกทหารเกณฑ์ลดลง ซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบในการปฏิบัติงานของหน่วยได้ หากมีการปรับระบบที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหารเพื่อให้ได้แนวทางปฏิบัติอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ความมั่นคงในปัจจุบัน โดยจะพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบต่อผู้ที่เข้ารับการศึกษาและการปฏิบัติงานในภาพรวมของกระทรวงกลาโหม” โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเพียงแนวคิดของหน่วยที่เสนอผ่านทางผู้บังคับบัญชา ซึ่งเรื่องดังกล่าวยังไม่มีการดำเนินการใดๆ และไม่คิดว่าจะมีการแก้ไขกฎกระทรวงกลาโหมเป็นเพียงข้อห่วงใยว่าแนวโน้มคนที่เข้ามาตรวจเลือกเป็นทหารเกณฑ์จะลดลงไปเรื่อยๆ จากอดีตมีอัตราส่วน 10 คนเป็นทหารเพียง 1 คน แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 2 คนต่อ 1 คน ขณะที่ความต้องการของผู้ปกครองจะให้บุตรเข้ามาเรียน รด.มีปริมาณมากกว่าทางราชการกำหนดไว้มาก ทางหน่วยจึงหารือว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร หลายคนยังเสนอว่า น่าจะเปิดโอกาสให้นักเรียนที่ผ่านการเรียน รด.เข้ามาเป็นทหารกองประจำการด้วย ทั้งนี้ในอนาคตกองทัพจะพัฒนาระบบกำลังสำรอง โดยอาจเปลี่ยนแปลงไปสู่ระดับความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ยังไม่เกิดขึ้น จึงขอให้ นศ.วิชาทหารสบายใจได้ว่าขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด.

ประกาศกกต.ห้ามเผยผลโพลก่อนเลือกตั้ง7วัน

ประกาศกกต.ห้ามเผยผลโพลก่อนเลือกตั้ง7วัน
วีระ ยี่แพร ผอ.กต.กทม. ยันประกาศ กกต.ห้ามเผยผลโพลก่อนเลือกตั้ง 7 วัน หากพบหลักฐานมีโทษโดนใบเหลือง-แดง...วันที่ 5 ก.พ. นายวีระ ยี่แพร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กต.กทม.) กล่าวถึงกรณีเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ว่า กกต.มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องแนะนำวิธีการและลักษณะต้องห้ามเกี่ยวกับการเปิดเผย หรือเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2551 ซึ่งในข้อ 5 ของประกาศดังกล่าว ใช้ถ้อยคำว่า ผู้สมัครหรือผู้ใดไม่ควรเปิดเผยหรือสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการลงคะแนนการเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ในระยะเวลา 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง จนถึงเวลาปิดการลงคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งตามประกาศแม้จะไม่ใช้ถ้อยคำที่มีลักษณะห้ามเด็ดขาดแต่หากมีหลักฐานว่าผลสำรวจความคิดเห็นที่มีการเปิดเผยในช่วงเวลาที่ห้าม ไม่ได้กระทำโดยยึดหลักวิชาการ ก็จะเข้าข่ายเป็นการหลอกลวง จูงใจให้เข้าใจผิด ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิไปลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือให้ผู้มีสิทธิงดเว้นการลงคะแนนให้กับผู้สมัครรายใด ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 57(5) แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น มีโทษตามกฎหมาย และถ้าพบว่าการทำผลสำรวจดังกล่าว มีผู้สมัครอยู่เบื้องหลัง ผู้สมัครรายนั้นก็มีสิทธิถูกใบเหลืองใบแดงได้ แต่หากพบว่าเป็นการกระทำของบุคคลที่ไม่ใช่เป็นผู้สมัคร ก็จะอยู่ในความหมายของผู้ใด ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีอาญา.

มาร์ค-ชายหมู หาเสียง ฟุ้ง สร้างทางยกระดับคืนคุณภาพชีวิต ชาวฝั่งธนฯ

มาร์ค-ชายหมู หาเสียง ฟุ้ง สร้างทางยกระดับคืนคุณภาพชีวิต ชาวฝั่งธนฯ
มาร์ค-ชาย หมู หาเสียงผู้ว่าฯ ย้ำ ขอคืนพื้นที่ ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม-สร้างทางยกระดับอรุณอมรินทร์แก้จราจร ชู แนวเขื่อนป้องกันน้ำท่วม พัฒนาคุณภาพชีวิตชาวฝั่งธนบุรีวันที่ 6 ก.พ. ที่สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา บางขุนนนท์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 16 พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค นายเอกนัฐ พร้อมพันธุ์ ดร.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส. ฝั่งธนบุรี พรรคปชป. นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ลงพื้นที่รณรงค์หาเสียง และแถลงนโยบาย ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. บริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถนนบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม.ทั้งนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้กล่าวว่า วันนี้ได้มาเปิดนโยบายในส่วนที่ทำไปแล้ว และที่ตั้งใจจะทำในฝั่งธนบุรี ซึ่งยอมรับว่ายังมีความกังวลในหลายเรื่อง อย่างเรื่องน้ำท่วม เรื่องปัญหาการจราจร ซึ่งผมมีนโยบายจะทำในหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะการคืนพื้นที่สีเขียว และคืนพื้นที่ประวัติศาสตร์ให้กับฝั่งธนบุรี โดยเฉพาะพื้นที่นี้เป็นพื้นที่มีวัดวาอารามมากทั้งนี้ในขณะที่ตนเป็นผู้ว่าฯกทม. มา 4 ปี ได้สร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมทั้งทางฝั่งธนฯ และฝั่งพระนคร เกือบจะแล้วเสร็จ เหลือพื้นที่ฟันหลออีกเพียงนิดเดียว ฝั่งพระนคร ที่เขตสัมพันธวงศ์ ฝั่งธนบุรี ที่เขตบางพลัดบ้าง เขตทวีวัฒนาบ้าง ซึ่งคิดว่าพื้นที่ฟันหลอทุกแห่งจะแล้วเสร็จได้ภายในปี 2556 นี้ หนักที่สุดคือเขตบางกอกน้อยซึ่งขณะนี้ได้เริ่มสร้างแนวเขื่อนแล้ว ส่วนเสริมแนวเขื่อนป้องกันแม่น้ำเจ้าพระยา กำลังดำเนินการอยู่เชื่อว่าน่าจะเสร็จทั้งหมด 74 กิโลเมตร ภายในปีนี้ไล่ตั้งแต่สะพานซังฮี้ไปจนถึงบริเวณใต้แนวสะพานพุทธขณะเดียวกันการแก้ปัญหาการจราจร หากได้รับเลือกกลับมาเป็นผู้ว่าฯกทม.อีกครั้ง คือการเริ่มก่อสร้างทางยกระดับอรุณอมรินทร์ เพื่อแก้ปัญหาการจราจรในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ ยืนยันว่า ได้ตกลงกับรัฐบาลในการสนับสนุนงบประมาณ และออกแบบการก่อสร้างเสร็จแล้ว เหลือเพียงรองบประมาณจำนวน 1,300 ล้านบาท จากรัฐบาลซึ่งมีการตกลงกันไว้ หากงบประมาณลงมาแล้วก็สามารถหาผู้รับเหมาและลงมือก่อสร้างได้ทันทีส่วนกรณีที่จะคืนประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมในกับฝั่งธนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ด้วยนั้น ก็ได้มีการสร้างและฟื้นตลาดน้ำที่ใหญ่จริงๆ คือตลาดน้ำตลิ่งชัน และตลาดน้ำลัดมะยม ขณะที่ในวันที่ 8 ก.พ.นี้ จะมีการเปิดโครงการซุปเปอร์กุฎีจีน ซึ่งเป็นโครงการค่อนข้างใหญ่ซึ่งเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์จริง เป้าหมายคือฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณี และศิลปวัฒนธรรมไทย 

Blog Archive