Friday, April 5, 2013

นายกฯให้โอวาท นปร.รุ่น5 ย้ำยึดประโยชน์ส่วนรวม

นายกฯให้โอวาท นปร.รุ่น5 ย้ำยึดประโยชน์ส่วนรวม
นายกฯ ขอบคุณที่เข้ามาเป็นข้าราชการ ขอให้ นปร.ทุกคนเป็นตัวกลางของความเปลี่ยนแปลงที่จะไปทำงานในกระทรวง กรมต่างๆ การที่เงินเดือนมาจากภาษีประชาชน ต้องทำงานยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เน้นการทำงานที่ต้องตรวจสอบ ไม่มีการทุจริตคอรัปชัน...เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 5 เม.ย.2556 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) นำคณะนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ (นปร.) รุ่นที่ 5 จำนวน 34 คน เข้าพบ และรับปัจฉิมโอวาทจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก่อนไปปฏิบัติราชการในส่วนราชการต่างๆนพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกฯ ได้ขอบคุณที่ทุกคนตัดสินใจเข้ามาเป็นข้าราชการ พร้อมให้โอวาทว่า การทำงานต้องไม่หงุดหงิด ต้องไม่เบื่อที่จะพูดซ้ำๆ ในการเสนอความเห็น แต่ถ้าเป็นความเห็นที่ผิดก็ต้องเปลี่ยนแปลง พร้อมขอให้ นปร.ทุกคน เป็นตัวกลางของความเปลี่ยนแปลง ที่จะไปทำงานในกระทรวง กรมต่างๆ และเน้นให้มีคติคุณธรรมประจำใจ เพราะทุกคนเป็นข้าราชการ มีเงินเดือนที่มาจากภาษีประชาชน ต้องทำงานให้ดีที่สุด โดยยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง รวมทั้งให้เน้นการทำงานที่จะต้องตรวจสอบไม่ให้มีการทุจริตคอรัปชัน ทั้งนี้ นปร.รุ่นที่ 5 ได้เสนอให้มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในระบบราชการเพื่อเชื่อมต่อข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะการจัดทำเว็บไซต์ เพื่อลดกลไกการทำงานระบบราชการให้น้อยลง และไม่ควรตีกรอบเวลาการทำงานของข้าราชการ โดยงานบางอย่างที่ข้าราชการที่ไม่ต้องพบกับประชาชนโดยตรง ข้าราชการสามารถนั่งทำงานที่บ้านได้ และวัดกันที่ผลงานเป็นหลัก.

ผบ.ฉก.ร.25 แจงเหตุปะทะที่พม่าไม่เกี่ยวกับไทย

ผบ.ฉก.ร.25 แจงเหตุปะทะที่พม่าไม่เกี่ยวกับไทย
ผบ.ฉก.ร.25 แจงเหตุปะทะพม่าไม่เกี่ยวกับไทย เผยทหารพม่าปะทะกลุ่มติดอาวุธ พบทหารพม่าดับ 13 ศพ ยันไร้คนไทยตาย แต่ยังต้องรอผลการตรวจสอบอย่างแน่นอนจากทางการพม่าอีกครั้ง...เมื่อวันที่ 5 เม.ย.2556 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก ประจำเดือนเม.ย.ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในการประชุมถึงเหตุการณ์ปะทะของกองกำลังไม่ทราบฝ่ายและกองกำลัง ทหารพม่าบริเวณจ.เกาะสอง ประเทศพม่า ตรงข้ามกับพื้นที่อ.กระบุรี จ.ระนองว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในประเทศพม่า จากการประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายพม่าได้รับแจ้งว่า มีการปะทะกันระหว่างทหารพม่ากับกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ซึ่งฝ่ายไทยได้มีการเตรียมการโดยใช้มาตรการเฝ้าตรวจบริเวณช่องทางเข้า ออกตามแนวชายแดน ซึ่งทาง หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 (ฉก.ร. 25) ได้ประสานงานกับฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความสงบในพื้นที่ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ด้าน พ.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 25 (ผบ.ฉก.ร.25) เปิดเผยว่า เหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้นเป็นการปะทะระหว่างทหารพม่า กับกลุ่มติดอาวุธในประเทศพม่าจำนวน 40-50 คน บริเวณบ้านอินทนินขวาง อ.เกาะสอง จ.เกาะสอง ตรงข้ามกับพื้นที่ อ.กระบุรี จ.ระนอง โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นของพม่าพบว่า มีทหารพม่าเสียชีวิตจากการปะทะจำนวน 13 นาย และสูญหาย 2 นาย โดยขณะนี้ทางพม่ากำลังเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่เพิ่มเติมอยู่ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ปะทะขึ้นบริเวณชายแดนไทย-พม่า ทางพม่าจึงประสานมายังทางเรา ซึ่งเราเป็นเพียงผู้รับทราบ ตนจึงได้สั่งการให้มีการวางกำลัง เฝ้าตรวจให้เข้มงวดบริเวณตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันสถานการณ์ต่างๆ ผบ.ฉก.ร.25 กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวกับทางทหารไทยแต่อย่างใด และไม่มีผู้เสียชีวิตคนไทยตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามในรายละเอียดต้องรอผลการตรวจสอบอย่างแน่นอนจากทางการพม่าอีก ครั้ง

มทภ.4 คาดบึมรองผู้ว่ามีสะกดรอย BRNไม่ตอบสนองทางบวก

มทภ.4 คาดบึมรองผู้ว่ามีสะกดรอย BRNไม่ตอบสนองทางบวก
พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดใจไทยรัฐออนไลน์ รับเป็นไปได้มีการสะกดรอยรองผู้ว่าฯยะลา ก่อนเกิดเหตุสลด ชี้ ตั้งแต่มีการพูดคุย บีอาร์เอ็น ยังไม่ตอบสนองในทางบวก...พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยกับไทยรัฐออนไลน์ ถึงสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรถของ นายอิศรา ทองธวัช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และผู้ติดตามอีก 2 คน จนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ว่า เบื้องต้น เป็นไปได้ว่าน่าจะมีการติดตามสะกดรอยจากฝ่ายตรงข้ามมาเป็นเวลาพอสมควรแล้ว อย่างไรก็ดีเชื่อว่าน่าจะเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะปกติเส้นทางที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ใช้นั้น เป็นเส้นทางที่ประชาชน และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ใช้เป็นปกติ และถึงแม้จะเกิดเหตุบ้าง เป้าหมายก็มักจะเป็นเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหาร ที่มีตารางการปฏิบัติเป็นประจำส่วนจะมีการปรับแผนการรักษาความปลอดภัย หรือไม่ นั้น เบื้องต้นก็คงจะมีการเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น และคงจะต้องมีการกวดขัน กับบรรดาเจ้าหน้าที่และผู้ใต้บังคับบัญชาว่า อย่าได้เพิ่งวางใจว่า แม้จะมีการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นแล้ว สถานการณ์มันจะจบลง เพราะทุกคนยังจะต้องระมัดระวังตัวเหมือนเดิมขณะที่ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 รู้สึกหนักใจในเรื่องอะไรบ้างหรือไม่นั้น พล.ท.สกล ยอมรับว่า ก็คงจะเป็นความคาดหวังของประชาชน ที่ต้องการให้สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จบลงโดยเร็ว เพราะการที่จะทำให้สถานการณ์ความไม่สงบจบลงโดยเร็วนั้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแต่ทางฝ่ายทหารแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่มันจะต้องขึ้นอยู่กับทุกฝ่ายร่วมกัน โดยเฉพาะกับกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่กำลังพูดคุยกับรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ ไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะยุติความรุนแรง ก็คงจะทำให้ตนเองเบาใจได้มากขึ้นอย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่า นับตั้งแต่เริ่มต้นการพูดคุยเป็นต้นมา ซึ่งวัตถุประสงค์หลักก็คือต้องการสันติภาพ และขอให้มีการลดระดับความรุนแรงในพื้นที่ และรัฐบาลเองก็พยายามส่งสัญญาณมาถึงหน่วยต่าง ๆ ในพื้นที่ว่า ต้องให้การสนับสนุนในทุกมิติ แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังคงไม่มีสัญญาณทางบวกจากทางฝ่ายบีอาร์เอ็นเลย 

Blog Archive