Tuesday, April 20, 2010

สุขุมพันธ์พบแดง ขอราชประสงค์คืน ผิดหวังตามเคย

สุขุมพันธ์พบแดง ขอราชประสงค์คืน ผิดหวังตามเคย

ผู้ว่ากทม.เข้าหารือแกนนำเสื้อแดง เจรจาขอพื้นที่คืน หลังมีประชาชนจำนวนมากเดือดร้อนอย่างหนัก แต่ไม่เป็นผล  ขณะเดียวกัน นปช.ให้สื่อมวลชนลงทะเบียบเปลี่ยนปลอกแขนใหม่  หลังพบบุคคลภายนอกแอบแฝงเข้าหลังเวที นอกจากนี้ยังปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องป้ายรัฐไทยใหม่  ยันโดนป้ายสียังมีความพยายามเจรจากับ  นปช.เพื่อขอคืนพื้นที่  โดยเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 20 เม.ย. ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้พบกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพื่อหารือถึงแนวทางขอพื้นที่บริเวณถนนสีลมและแยกราชประสงค์ เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน  แต่ไม่ได้ผลส่วนบรรยากาศหลังจากนายณัฐวุฒิ ประกาศไม่เคลื่อนขบวนไปยังถนนสีลม แต่จะรับมือรัฐบาลด้วยการตั้งด่านสกัด 6 จุดสำคัญ  แกนนำและมวลชนเริ่มเข้าประจำจุดที่ได้รับมอบหมายแล้ว พร้อมกับขอให้สื่อมวลชนที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ลงทะเบียนเพื่อรับปลอกแขนสีเขียวอันใหม่  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่กลุ่ม นปช. เตรียมไว้ให้   เพื่อป้องกันบุคคลภายนอกแฝงตัวเข้ามาด้านหลังเวทีทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ ได้กล่าวบนเวทีแยกราชประสงค์ด้วยว่า ได้รับรายงานว่า มีผู้พบเห็นป้ายสีแดงที่มีข้อความว่า ประธานาธิบดี ทักษิณ ชินวัตร ประมุขแห่งรัฐไทยใหม่ โดยลงชื่อว่า นปช. แดงทั้งแผ่นดิน บริเวณสถานที่ต่างๆ นั้น ขอยืนยันและปฎิเสธว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่ฝีมือของกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างแน่นอน


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ผู้ว่ากทม.เจรจาแกนนำแดงขอราชประสงค์คืน

ผู้ว่ากทม.เจรจาแกนนำแดงขอราชประสงค์คืน

ผู้ว่ากทม.เข้าหารือแกนนำนปช. เจรขาขอพื้นที่คืน หลังพบประชาชนเดือดร้อน ขณะที่นปช.วอนสื่อมวลชนลงทะเบียบเปลี่ยนปอกแขนใหม่ หลังพบบุคคลภายนอกแอบแฝงเข้าหลังเวที...เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 20 เม.ย. ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เข้าพบกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพื่อหารือถึงแนวทางขอพื้นที่บริเวณถนนสีลมและแยกราชประสงค์ เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนจากการที่กลุ่มคนเสื้อแดงเข้ามาชุมนุมในพื้นที่ดังกล่าวส่วนบรรยากาศหลังจากนายณัฐวุฒิ ประกาศไม่เคลื่อนขบวนไปยังถนนสีลม แต่จะรับมือรัฐบาลด้วยการตั้งด่านสกัด 6 จุดสำคัญ ล่าสุดได้มีแกนนำและมวลชนบางส่วนเริ่มทยอยเข้าไปประจำยังจุดต่างๆ ตามที่ได้รับมอบหมายแล้ว ขณะเดียวกันได้ขอร้องให้สื่อมวลชนที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในการชุมนุมที่บริเวณราชประสงค์เข้าลงทะเบียนเพื่อรับปอกแขนสีเขียวอันใหม่  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่กลุ่ม นปช. เตรียมไว้ให้เพื่อป้องกันบุคคลภายนอกแฝงตัวเข้ามาที่ด้านหลังเวทีทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ ได้กล่าวบนเวทีแยกราชประสงค์ด้วยว่า ได้รับรายงานว่า มีผู้พบเห็นป้ายสีแดงที่มีข้อความว่า ประธานาธิบดี ทักษิณ ชินวัตร ประมุขแห่งรัฐไทยใหม่ โดยลงชื่อว่า นปช. แดงทั้งแผ่นดิน บริเวณสถานที่ต่างๆ นั้น ขอยืนยันและปฎิเสธว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่ฝีมือของกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มชั่วช้าที่จ้องจะทำลายกลุ่มเสื้อแดง.


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ชวนติงจิ๋วสมชายอย่าทำระคายเคือง

ชวนติงจิ๋วสมชายอย่าทำระคายเคือง



คมชัดลึก :ชวน ไม่แปลกใจ ชวลิต-สมชาย เสนอยุบสภาเพราะเป็นพวกเดียวกับเสื้อแดง เตือนนำความขัดแย้งทางการเมืองไประคายเคืองในหลวง ไม่เหมาะสม






(20เม.ย.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีกรรมการสิทธิมนุษยชนจะเดินสายเป็นตัวกลางเข้าพบอดีตนายกรัฐมนตรีเพื่อหาทางออกให้ประเทศว่า จากที่นัดหมายกันไว้คาดว่าจะเป็นช่วงหลังวันสงกรานต์ก็น่าจะภายใน 3-4 วันนี้ รอให้ตนว่าง
 ส่วนกรณีที่คณะกรรมการสิทธิฯได้เข้าพบอดีตนายกฯมาแล้ว 2 คนคือพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และได้รับข้อเสนอให้ยุบสภานั้น นายชวน กล่าวว่า ถ้าไปถามคนที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยก็คงต้องมีความเห็นเหมือนผู้ชุมนุมเสนอ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเป็นการพูดคนละคนแต่วัตถุประสงค์อย่างเดียวกัน
 ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ชวลิตและนายสมชายจะขอเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า หากจะทำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ควรที่จะปราบบุคคลที่ทำอะไรก็ตามที่หมิ่นเหม่ต่อสถาบัน พระบรมเดชานุภาพหรือจาบจ้วง แต่เรื่องที่จะขอเข้าเฝ้าเกี่ยวกับเรื่องการเมืองทุกคนก็ทราบว่ามันไม่เหมาะสม  
 ส่วนกรณีที่อดีตนายกฯ 2 คนขอเข้าเฝ้าจะทำให้คณะกรรมการสิทธิฯทำงานยากขึ้นหรือไม่นั้น นายชวน กล่าวว่า คณะกรรมการสิทธิฯ หวังดีอยากเห็นบ้านเมืองคลี่คลายไปในทางที่มีสันติสุขเกิดขึ้นโดยไม่มีการปะทะอะไรรุนแรง แต่ความเห็นของแต่ละฝ่ายย่อมแตกต่างกันไป อยู่ที่จุดยืนของตัวเอง โดยส่วนตัวคิดว่าบ้านเมืองต้องยึดหลักกฎหมาย เพราะสิ่งที่ทำคือถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ไม่มีเรื่องอื่น ดังนั้นจุดยืนก็ต่างกันไป ซึ่งตนก็เป็นบุคคลที่ไม่เห็นด้วยกับการไม่ยุบสภา และไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกที่นายกฯ เสนอ 9 เดือนให้ยุบสภา เพราะคิดว่าสิทธิในการยุบสภาเป็นสิทธิที่นายกฯ ทำได้ ไม่ว่าในสถานการณ์อย่างไร ถ้าเห็นว่าเหมาะสมเมื่อไหร่ก็มีสิทธิเสนอ แต่ไม่ใช่ว่าถูกบังคับให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นความปรารถนาดีของคณะกรรมการสิทธิฯ ส่วนการจะเชิญอดีตนายกฯ มาพบปะหารือกันทั้งหมดนั้น คิดว่าควรจะมีการสอบถามทีละคน
 สำหรับสถานการณ์การเมืองขณะนี้ถ้ามีการพึ่งพระบรมโพธิสมภารจะสามารถช่วยได้หรือไม่นั้น นายชวนกล่าวว่า คิดว่าไม่เหมาะสม เพราะท่ามกลางความขัดแย้งจะนำความขัดแย้งไปให้ท่านรับรู้ก็ถือว่าไม่เหมาะสม  
 ถามว่าเป็นห่วง นายกฯ เรื่งอะไรเป็นพิเศษหรือไม่นั้น นายชวนกล่าวว่า หากตนมีโอกาสพูดก็จะให้กำลังใจให้ยึดความถูกต้อง ซึ่งความพยายามที่จะทำให้เรื่องทั้งหลายจบโดยยึดหลักของบ้านเมืองเอาไว้ถือเป็นทางเดียวที่จะอธิบายกับทั่วโลกได้ ซึ่งนายกฯ ก็พยายามไม่ให้เกิดความรุนแรงมาตลอด หลายฝ่ายก็เห็นมาโดยตลอดทั้งเรื่องการเจรจากับแกนนำกลุ่มเสื้อแดงที่หลายคนก็ไม่เห็นด้วย แต่นายกฯ ก็ทำเพื่อไม่ให้บ้านเมืองเดือดร้อน
 ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มองอย่างไรที่หลายฝ่ายออกมาระบุว่าให้นายกฯ แสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายชวนกล่าวว่า นายกฯ ก็ทำมาตลอดในการแก้ปัญหาบ้านเมือง แต่การแก้ปัญหาต่างฝ่ายต่างมีความคิดที่แตกต่างกันไป นักวิชาการก็คิดอย่างหนึ่ง นักปฏิบัติอย่างพวกเราก็คิดไปในทางที่ปฏิบัติได้จริง และมีหลักที่จะอ้างอิงสามารถนำมาอธิบายได้ และไม่เป็นแบบอย่างที่เลวร้าย   สิ่งที่จะทำให้ประชาธิปไตยยั่งยืนในบ้านเมือง
 ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อหลากสีออกมาเคลื่อนไหวนั้นจะกระทบกับการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ความหลากหลายทางด้านความคิดถือเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เช่น เรื่องที่เราให้สิทธิคนชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธก็ทำอยู่แล้ว








ข่าวที่เกี่ยวข้องแต้มถกเสื้อแดงร่นพื้นที่เลี่ยงวังสระปทุม แดงงดเคลื่อนพลอ้างทหารยึดสีลมแล้ว "แม้ว"ประณามมือทำป้าย"ปธน.ทักษิณ" ชาวลีลมแห่มอบ"อาหาร-น้ำดื่ม"แก่ทหาร อัยการยื่นแก้อุทธรณ์ยึดทรัพย์แม้ว"พรุ่งนี้

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ปชป.ตั้งบัณฑิตรับผิดชอบคดียุบพรรค

ปชป.ตั้งบัณฑิตรับผิดชอบคดียุบพรรค



คมชัดลึก :ทีมกม.ปชป.ตั้ง บัณฑิตเป็นทนายรับผิดชอบคดียุบปชป. แจงปชป.ไม่ได้ทุจริต แต่แค่ใช้เงินสนับสนุนจากกกต.ผิดประเภท เล็งเชิญ ประดิษฐ์ แจง






(20เม.ย.) เวลา 12.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง และประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลประชุมคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายชวน หลีกภัย เป็นประธานในการประชุม ว่า จากการพิจารณาเรื่องคำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกตั้งกรณีให้มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ 2 กรณีคือ กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท และเงินสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาทนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเป็น 2 ประเด็น คือ 1. เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรค ยังไม่ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ ดังนั้นเพื่อให้งานสามารถเดินต่อไปได้ ทางพรรคจึงมีมติให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้น โดยมีนายบัณฑิต ศิริพันธ์ เป็นคณะทำงาน และเป็นทนายความที่รับผิดชอบในการต่อสู้คดี ซึ่งทั้งสองกรณีนั้นที่ประชุมมีความกังวลเรื่องระยะเวลาในการต่อสู้ดคีในกรณีเงินสนุบสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ซึ่งตามกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 93 ได้บัญญัติว่า ในกรณีที่กกต.มีคำวินิจฉัยแล้วต้องส่งคำวินิจฉัยต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน ตนคิดว่าความชัดเจนในทางกฎหมายของที่ประชุมคือ วันสุดท้ายที่กกต.ต้องส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญคือวันที่ 26 เม.ย. จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องมีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา
 นายนิพิฐฎ์ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่ 2. คือ หลังจากที่มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาแล้วจะมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริงให้ที่ประชุมได้รับทราบ อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้สังคมยังไม่เข้าใจว่า คำวินิจฉัยในการยุบพรรคประชาธิปัตย์นั้นเหมือน หรือต่างจากการยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย หรือพรรคอื่นๆในอดีต ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การยุบพรรคส่วนใหญ่ในอดีตเป็นการยุบเพราะคณะกรรมการบริหารพรรคทุจริตการเลือกตั้ง หรือท่านเหล่านั้นรู้แต่ไม่มีการยับยั้งแก้ไขในการทุจริตการเลือกตั้งซึ่งนำไปสู่การยุบพรรค แต่กรณีของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่กรณีการทุจริตการเลือกตั้ง แต่เป็นการใช้จ่ายเงินบริจาค และการใช้เงินสนุบสนุนพรรคการเมืองที่ทางกกต.ตัดสินว่ามีการใช้เงินผิดประเภท ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการทำบัญชีและเรื่องการยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายซึ่งอาจมีการยื่นเกินเวลาจากระเบียบที่กกต.กำหนด เนื่องจากในขณะนั้นมีความคาบเกี่ยวกับปี 2548 ที่มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะฉะนั้นการส่งบัญชีอาจมีความคลาดเคลื่อน
 นายนิพิฐฎ์ กล่าวด้วยว่า พรรคเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของพรรค และเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะให้ความยุติธรรมกับพรรค เราเชื่อมั่นในกระบวนการของตุลาการ ส่วนการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงนอกจากนายประดิษฐ์นั้นยังมีใครอีกบ้าง นายนิพิฐฎ์กล่าวว่า ต้องแล้วแต่มติที่ประชุมว่าจะมีการเชิญใคร ซึ่งนายประดิษฐ์เป็นบุคคลที่จะต้องเชิญมาด้วย เพราะในขณะนั้นท่านเป็นเลขาธิการพรรค
 เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์จะต้องมาชี้แจงกรณีดังกล่าวด้วยหรือไม่นั้น นายนิพิฐฎ์ กล่าวว่า ส่วนตัวเข้าใจว่านายกฯในขณะนี้ไม่ค่อยทราบในรายละเอียด แต่คงจะมีการเข้ามาให้ข้อมูลเพื่อให้สมาชิกเข้าใจ แต่ท่านยังไม่มีข้อมูลรายละเอียดว่าความเป็นมานั้นเป็นอย่างไร ส่วนคิดว่า ข้อมูลที่มีอยู่นั้นสามารถที่จะสู้ได้หรือไม่นั้น ส่วนตัวมีความมั่นใจในความบริสุทธิ์ แต่ในการนำข้อมูลไปเสนอต่อศาลนั้นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาลซึ่งอาจไม่ตรงกัน ส่วนกรณีที่มีความห่วงใยในเรื่องของเวลานั้น นายนิพิฐฎ์ กล่าวว่า เพราะระยะเวลากระชั้นชิด ระยะเวลาเพียง 15 วันรัฐธรรมนูญจะต้องเดิน การรวบรวมพยานหลักฐานต้องมีความเร่งรีบเพราะอย่างกรณีเงิน 258 ล้านบาทนั้นมีระยะเวลาให้ถึง 60 วัน แต่กรณีเงิน 29 ล้านมีระยะเวลาแค่ 15 วัน








ข่าวที่เกี่ยวข้องอสส.จ่อตั้งอนุชาติคุมสำนวนนยุบปชป. ปชป.ประชุมฝ่ายกม.ถกคดียุบพรรคฯพรุ่งนี้(20เม.ย.) ปชป.ชี้นปช.ทำลายโครงสร้างชาติล่มศก.ประเทศ นปช.ส่งการ์ดประกบจนท.ศอฉ.จำตึกสูง ลับๆ บ้านพระอาทิตย์

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

แต้มหารือเสื้อแดงร่นพื้นที่เลี่ยงวังสระปทุม

แต้มหารือเสื้อแดงร่นพื้นที่เลี่ยงวังสระปทุม



คมชัดลึก :"ผู้การฯแต้ม"เข้าหารือแกนนำกลุ่มเสื้อแดง เพื่อให้ร่นพื้นที่ชุมนุม หลีกเลี่ยงวังสระปทุม หลังผู้ว่าฯกทม.เข้าพบนปช. ล่ามแปลภาษาโดนการ์ดแดงรุมทำร้าย






(20เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. ที่บริเวณหลังเวทีราชประสงค์ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เดินทางเข้าหารือกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขานปช. และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำนปช. โดยพล.ต.ต.วิชัย ได้ขอให้กลุ่มนปช. ร่นพื้นที่ชุมนุมจากแยกปทุมวันมาทางแยกเฉลิมเผ่าให้มากที่สุด เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ใกล้กับวังสระปทุม ซึ่งเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระเทพฯ ทั้งนี้นายณัฐวุฒิ และนายสุภรณ์รับปากที่จะดำเนินการให้ตามที่ร้องขอ
 ก่อนหน้านั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. เข้าหารือกลุ่มแกนนำ อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ น.พ.เหวง โตจิราการ นายสุภรณ์ อัตถาวร นพ.เหวง โตจิราการ เป็นต้น ที่ด้านหลังเวที หลังจากใช้เวลานานกว่า 30 นาที ทั้งหมดร่วมแถลงข่าว โดย ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ครั้งนี้เข้าเยี่ยมผู้ชุมุนมด้วยความห่วงใย เนื่องจากเป็นผู้ดูแลพื้นที่ กทม. มีการหารือหลายเรื่อง เรื่องแรกเกี่ยวกับพื้นที่ ถ.ราชดำเนิน ตั้งแต่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยแกนนำ นปช. ยืนยันว่าจะไม่กลับไปในพื้นที่ดังกล่าวอีก แต่จะชุมนุมที่แยกราชประสงค์เป็นหลัก สำหรับสิ่งของที่หลงเหลือ เช่น เต็นท์และห้องน้ำ กทม. จะประสานเจ้าของให้เก็บออกให้หมด ถ.ราชดำเนิน จะคืนสู่สภาพเดิม โดย กทม. เข้าซ่อมแซมพื้นที่แล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1-2 วัน
 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ในการหารือฝากแกนนำหลายเรื่อง คือ 1.เรื่องพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 เนื่องจากเป็นสถานที่สำ คัญของชาติ เป็นที่เคารพเทิดทูนของประชาชน 2. เรื่องการกระจายเสียงของการชุมนุม เนื่องจากเสียงบนเวทีเข้าไปถึงวังสระปทุม สถานที่ประทับของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 3. เรื่องการจัดระเบียบในสวนลุมพินี เนื่องจากเป็นสถานที่ประชาชนเข้าใช้เป็นจำนวนมากในวันเสาร์ อาทิตย์ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่มีความผูกพันมาเป็นเวลานาน โดยแกนนำรับปากประสานจะดูแลและรีบแก้ไขข้อกังวลทั้งหมดให้เร็วที่สุด จึงขอขอบคุณแกนนำและผู้ชุมนุมในนามของ กทม.
 ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า นอกจากนั้นยังรับฟังความเห็นและความรู้สึกเรื่องต่างๆของแกนนำและมีความเห็นตรงกันว่า หลังจากเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา สิ่งที่สำคัญเวลานี้ คือ การหลีกเลี่ยงการสูญเสีย เนื่องจากไม่ว่าใครเสียชีวิต จะเป็นฝ่าย นปช. หรือทหาร ล้วนเป็นคนไทยทั้งสิ้น จึงต้องหลีกเลี่ยงการสูญเสียจากทุกฝ่าย และสัญญาว่าจะนำความไปกราบเรียนนายกฯ คาดว่าเป็นช่วงบ่ายในวันนี้ แต่การมาในวันนี้ไม่ได้เป็นตัวแทนใครมาเป็นผู้เจรจา จึงขออนุญาตเรียนต่อนายกฯ เพียงคนเดียว
 “สำหรับเรื่องการขอพื้นที่คืน คงไม่ต้องผูกกันแล้ว เพราะไม่มีผู้ว่าฯ คนไหนที่ไม่ต้องการพื้นที่คืน หากผ้ชุมนุมกลับบ้านในวันพรุ่งนี้ ผมจะดีใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ต้องพูดถึงเรื่องที่เป็นไปได้ก่อน เวลานี้สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ หลีกเลี่ยงการสูญเสีย เพราะอาคารสถานที่เสียแล้วยังซ่อมได้ แต่ชีวิตเสียแล้วเอาคืนไม่ได้ ความรู้สึกของ พี่ น้อง พ่อ แม่ ญาติมิตร ของผู้สูญเสียยังคงอยู่ ส่วนจะมีเรื่องขอร้องผู้ชุมนุมอีกหรือไม่นั้น คงต้องมีเรื่อยๆ เพราะไม่มีใครอยากที่จะยืดเยื้อ เนื่องจากยิ่งยืดเยื้อ ยิ่งอันตราย อาจมีการสูญเสีย จึงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่จะทำเรื่องให้ยุติโดยเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงเงื่อนไขที่จะก่อให้เกิดความสูญเสีย” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว
 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวถึงเรื่องระบบสาธารณประโภคภายในพื้นที่ชุมนุม ว่า การให้บริการดูแลทุกข์สุข และเรื่องความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องของการเมือง ดังนั้นตั้งแต่วันแรกที่เริ่มชุมนุม ได้มอบนโยบายให้ ปลัด กทม. เป็นผู้ดูแล เพราะ กทม. ใหน้าที่ดูแลประชาชน ทั้งชาว กทม. และต่างจังหวัดที่เข้าชุมนุม ไม่มีสิทธิ์เลือกสี เลือกพรรค หรือเลือกข้าง ต้องบริการทั้งหมด แต่ห้องน้ำมีมากน้อยเพียงไรไม่อาจรับทราบได้ เนืองจากเป็นหน้าที่ของฝ่ายประจำต้องดูแล อาจเกิดความขลุกขลักบ้าง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นเรื่องการเมืองอย่างเด็ดขาด
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเจรจาเป็นไปด้วยความเคร่งเครียดโดยนายณัฐวุฒิ ออกตัวว่าถึงแม้ว่าม.ร.ว.สุขุมพันธ์ จะเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ที่ผ่านมาเราไม่เคยมีปัญหากับทางกทม. เพียงแต่เราไม่ไว้ใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เท่านั้น พร้อมทั้งชี้แจงกับม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ว่านปช.จำเป็นต้องเดินหน้าปิดถนนรอบแยกราชประสงค์เพื่อป้องกันทหารเข้ามาสลายการชุมนุม เพราะที่ผ่านมามีการปราบปรามประชาชนด้วยอาวุธสงครามจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ส่วนจะขยายพื้นที่หรือไม่จะต้องพิจารณาตามสถานการณ์ โดยยืนยันว่าจะไม่คืนพื้นที่อย่างเด็ดขาดจนกว่านายกรัฐมนตรีจะแสดงความรับผิดชอบจากการสั่งสลายการชุมนุมในวันที่ 10 เม.ย.หากนายกฯยอมยุบสภาปัญหาทุกอย่างจะยุติ ด้านม.ร.ว.สุขุมพันธ์ แย้งว่าสถานการณ์จะบานปลายเพราะมีกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลออกมาเป็นจำนวนมาก นายณัฐวุฒิ โต้ว่าทางออกที่ดีที่สุดคือนำพลังของประชาชนทุกสีกลับคืนสู่ระบบการเมือง คืนอำนาจให้ประชาชนไปเลือกตั้งถ้าฝ่ายใดขึ้นมาก็ต้องยอมรับ
ล่ามแปลภาษาโดนการ์ดแดงรุมทำร้าย
 เมื่อเวลา 11.50 น.วันที่ 20 เม.ย.53 ที่สน.ลุมพินี นายปิยวิช พุทธเกษร อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44/19 ถนนสุขาภิบาล 5 ซอย 80 แขวงออเงิน เขตสายไหม เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.เทอดศักดิ์ มนัสชน พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ลุมพินี เพื่อแจ้งความว่าถูกกลุ่มการ์ดเสื้อแดงรุมทำร้ายร่ายกายขณะเดินผ่านที่ชุมนุมบริเวณถนนราชดำริ ด้านหน้าโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อเวลา 23.30 น.วานนี้ (19 เม.ย.)
 นายปิยวิช ให้การว่า ตนทำงานเป็นล่ามแปลภาษาอิสระ ตอนนี้รับแปลภาษาให้กับผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์เช็กเทเลวิชั่นของประเทศสาธารณรัฐเช็ก และผู้สื่อข่าวจากนิตยสารสตาร์ ของประเทศมาเลเซีย ที่เข้ามาทำข่าวสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในประเทศไทย โดยก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลา 23.30 น.วานนี้ (19 เม.ย.) ตนเดินออกจากที่ชุมนุมเพื่อไปส่งผู้สื่อข่าวเข้าพักที่โรงแรมดุสิตธานี จากนั้นจึงเดินย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อจะเดินตัดผ่านที่ชุมนุมไปยังแยกประตูน้ำแล้วเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านพักในซอยรามคำแหง 53 แต่เมื่อเดินมาถึงบริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลจุฬาฯ ได้มีการ์ดกลุ่มเสื้อแดงคนหนึ่งขอตรวจค้นกระเป๋าของตนก่อนจะเดินเข้าไป
 นายปิยวิช ให้การต่อว่า ตนพยายามต่อรองขอให้การ์ดคนดังกล่าวแค่จับกระเป๋าเป้ด้านนอกดูเท่านั้น เนื่องจากตนใส่กระเป๋าสตางค์ซึ่งภายในมีเงินอยู่จำนวนหลายพันบาทอยู่ในเป้ จึงเกรงว่าจะทำให้ทรัพย์สินจะสูญหาย อีกทั้งตลอดเวลาที่ทำงานกับผู้สื่อข่าวจากต่างประเทศ ก็ไม่เคยถูกตรวจค้นแต่อย่างใด แต่การ์ดคนดังกล่าวไม่ยอมฟัง พยายามยื้อแย่งกระเป๋ากับตนอยู่นาน จนมีการ์ดคนอื่นเข้ามารุมแย่งกระป๋าของตนด้วย
 "จังหวะนั้นพวกเข้าก็แย่งกระเป๋าผมไปจนได้ แล้วก็ตะคอกใส่หน้าผมว่า มึงเรื่องมากนักใช่ไหม แล้วก็ต่อยผมเข้าที่โหนกแก้มไปเต็มๆ ครั้งหนึ่ง แต่ผมก็ไม่ยอมและพยายามเข้าไปแย่งกระเป๋าคืนมา ก็เลยถูกพวกเขาต่อยหน้าไปอีก 4-5 ครั้ง อีกทั้งยังมีการ์ดคนอื่นเข้ามารุมทั้งต่อยและใช้ของแข็งฟาดตามตัวอีกหลายครั้ง ซึ่งผมก็หันไปมองไม่ทันว่าเป็นไม้หรือเหล็ก เพราะโดนรุมทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พอเขาฟาดผมจนหนำใจแล้ว ก็ไล่ผมให้ออกจากบริเวณนั้นทันที แต่ก่อนที่ผมจะเดินออกจากแถวนั้น ยังมีพระรูปหนึ่งเข้ามาต่อว่าผมอีกว่า เรื่องมากตั้งแต่ต้น สมควรแล้ว" นายปิยวิช กล่าว
 นายปิยวิช กล่าวด้วยว่า หลังจากนั้นตนก็เดินไปเรียกรถแท็กซี่แถวหลังสวนกลับบ้านไปทำงานต่อโดยที่ยังไม่ได้แจ้งความทันที แต่พอไปถึงคนที่บ้านก็เห็นร่องรอยตามตัวหลายแห่ง เลยบอกให้ตนมาแจ้งความ ในช่วงเช้าวันนี้ตนจึงออกจากบ้านมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ก่อนจะเดินทางมาแจ้งความทันที อย่างไรก็ตาม ตนจำรูปร่างหน้าตาการ์ดเสื้อแดงที่รุมทำร้ายตนได้แม่นยำเพียง 2 คน เพราะเห็นหน้าชัดเจน โดยคนแรกเป็นชายวัยรุ่น อายุประมาณ 20 ปี สูงประมาณ 160 ซม. ตัดผมสั้นหยักโศก ผิวขาว ซึ่งเป็นคนที่เข้ามาแย่งกระเป๋าตนเป็นคนแรก ส่วนอีกคนอายุประมาณ 30 ปี รูปร่างสูงใหญ่ประมาณ 180 ซม.ไว้ผมยาวและไว้หนวดเครารุงรัง 








ข่าวที่เกี่ยวข้องDSIพบ"สัณฐาน"รับสำนวนคดี10เม.ย. "ชวน"ติง"จิ๋ว-สมชาย"อย่าทำระคายเคือง แดงงดเคลื่อนพลอ้างทหารยึดสีลมแล้ว "แม้ว"ประณามมือทำป้าย"ปธน.ทักษิณ" ชาวลีลมแห่มอบ"อาหาร-น้ำดื่ม"แก่ทหาร

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

Blog Archive