Friday, March 1, 2013

จาตุรนต์ ถล่มยับปชป.ไม่มีผลงาน ลั่นคนกทม.ต้องการเปลี่ยนแปลง

จาตุรนต์ ถล่มยับปชป.ไม่มีผลงาน ลั่นคนกทม.ต้องการเปลี่ยนแปลง
จาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำเพื่อไทย ปราศรัยถล่ม ปชป.ชอบว่าร้ายฝ่ายตรงข้ามเผาเมือง แต่ไม่เอ่ยถึงผลงานเพราะกลัวแพ้เลือกตั้ง ลั่นคน กทม.ต้องการการเปลี่ยนแปลง...เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ 3 มีนาคม 2556 พลิกโฉม กทม. เลือกพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ หมายเลข 9 ซึ่งเป็นเวทีปิดท้ายการหาเสียงช่วย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผูู้ว่าฯกทม. พท. หมายเลข 9 โดยมีแกนนำ ส.ส.พรรคทั่วประเทศซึ่งต่างสวมเสื้อสีขาวเข้าร่วมปราศรัยและรับฟังการปราศรัยใหญ่ อาทิ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานโซนกทม.ฝั่งธนบุรี  ทั้งนี้มีประชาชนเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยแน่นลานกว่า 1,000 คน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (บก.น.5) ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยรอบเวทีปราศรัยจำนวน 1 กองร้อยทั้งนี้ มีแกนนำพรรคต่างผลัดเปลี่ยนขึ้นปราศรัย อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ปราศรัยว่า พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ระดมขุนพลปราศรัยพูดเรื่องเดียวอย่าเลือกคนเผาบ้านเผาเมือง พูดได้แค่นี้เป็นผู้ว่าฯกทม.มา 8 ปีแต่ไม่พูดถึงผลงานที่ผ่านมาคำตอบคือไม่มีผลงาน ปชป.ถนัดหาเสียงทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม หาเสียงบนความหวาดกลัว ที่ปชป.วาดขึ้นมาเอง เพราะ ปชป.กลัวจะแพ้การเลือกตั้งกลัวจะมีการกดดันให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากหัวหน้าพรรคปชป.บอกว่าหยุดผูกขาดประเทศ ที่ผูกขาดคือการเป็นนานๆ ไม่ยอมให้คนอื่นมาเปลี่ยนแปลง เราต้องหยุดการผูกขาด กทม.ได้แล้ว เมื่อวานนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แถลงข่าวพูดว่าจะสานงานต่อและร้องไห้ด้วย ผมไม่ตำหนิที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ร้องไห้ แต่ขอตำหนิ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ที่ร้องไห้เร็วไป 4 วัน ทั้งที่ควรร้องไห้ในวันที่ 4 มีนาคมก็ได้ นายจาตุรนต์ กล่าวนายจาตุรนต์ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เหนื่อยมากในการหาเสียงมาประชุมกับพรรคแล้วถามว่านโยบายต่างๆ ทำได้จริงหรือไม่ ถ้าทำได้ไม่จริงอย่าทำจะขัดต่อกฎหมาย ก็หวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อไทยจะได้รับใช้คนกทม.เพื่อให้รัฐบาลบริหารร่วมกับกทม. เพราะกว่าจะได้เป็นผู้ว่าฯกทม.ยากเย็น จึงต้องทำให้เต็มที่ ขณะนี้เหลือเวลาอีกไม่มาก ถ้าต้องการการเปลี่ยนแปลงนี่คือโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว การจะชนะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ซึ่งล้าและอ่อนแรงแล้ว อีกทั้ง ปชป.และนายอภิสิทธิ์ตกเต็มที่แล้ว ถ้าพล.ต.อ.พงศพัศ ชนะเลือกตั้งจะน่าภูมิใจตรงที่คนกทม.ต้องการการเปลี่ยนแปลง. 

กรีนพีซร้องผู้สมัครผู้ว่าฯ สร้างกรุงเทพฯ เป็นเมืองปลอดขยะ

กรีนพีซร้องผู้สมัครผู้ว่าฯ สร้างกรุงเทพฯ เป็นเมืองปลอดขยะ
กรีนพีซเรียกร้องผู้สมัครผู้ว่าฯ สร้างกรุงเทพฯ เป็นเมืองปลอดขยะ หลังสำรวจพบ ไม่มีผู้สมัครผู้ว่าฯคนใดเสนอนโยบายการจัดการขยะอย่างยั่งยืนให้แก่คนกรุงเทพฯ  วันที่ 1 มี.ค. น.ส.เบญจจรัส วัฒนาพิเชษฐพงศ์ ผู้ประสานงานด้านสารพิษ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า กรีนพีซได้ทำการสำรวจนโยบายของผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ในเรื่องการจัดการขยะในกรุงเทพฯ เริ่มตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมี ผู้สมัคร 11 คนจาก 25 คน ตอบคำถาม พบว่า ไม่มีผู้สมัครผู้ว่าฯคนใดเสนอ นโยบายการจัดการขยะอย่างยั่งยืนให้แก่ คนกรุงเทพฯ และที่เลวร้ายไปกว่านั้นพบว่า ผู้สมัครเกือบทุกคนให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี เตาเผาขยะ ซึ่งสามารถก่ออันตรายและใช้เงินลงทุนสูง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ไร้ความรับผิดชอบต่อสังคม มีความเสี่ยงสูงต่อการก่อให้เกิดการปนเปื้อนสารพิษในอากาศ แหล่งน้ำ และอาหารโดยเฉพาะสารไดออกซิน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในสิ่งมีชีวิต และยังเป็นการบั่นทอนความพยายามของสังคมในการลดและรีไซเคิลขยะ อีกทั้งการเผายังส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศด้วย แม้ว่า จะมีการเสนอโครงการโรงงานเผาขยะที่สามารถนำความร้อนจากการเผาไหม้ไป ผลิตกระแสไฟฟ้าแต่ในความจริงแล้วปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ได้นั้นน้อยมาก เมื่อเทียบกับพลังงานความร้อนที่เตาเผาขยะใช้น.ส.เบญจจรัส กล่าวอีกว่า ปัญหาการจัดการขยะของเขตกรุงเทพฯ ได้เรื้อรังมานานนับสิบปี โดยข้อมูลจากสำนักงานกรุงเทพมหานคร ระบุว่า กรุงเทพฯมีปริมาณขยะ 9,000 ตันต่อวัน คิดเป็น 3.3 ล้านตัน ต่อปี โดยมีปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ต่อปี โดยรัฐบาล ต้องเสียงบประมาณในการจัดการขยะมากกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี แต่ก็ยังคงล้มเหลวในการแก้ปัญหาดังกล่าว“ปริมาณการเพิ่มขึ้นของขยะในกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง สามารถสะท้อนถึงปัญหาและประสิทธิภาพการจัดการด้านขยะเป็นอย่างดี น่าเสียดายที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ ส่วนใหญ่ต่างไม่คิดนำแนวคิดเกี่ยวกับการบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืนมาใช้ ดังนั้น กรีนพีซ ขอเรียกร้องให้ผู้สมัครผู้ว่าฯวางรากฐานนโยบายสร้างกรุงเทพฯ เป็นเมืองปลอดขยะหรือ “ขยะเหลือศูนย์(2) ” โดย ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อการลดปริมาณของเสียที่เกิดขึ้น แทนการเน้นการใช้วิธีแก้ปัญหาที่ปลายทาง เช่น การใช้เทคโนโลยีอันตราย เช่น เตาเผาขยะ”  ผู้ประสานงานด้านสารพิษ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้  กล่าว

ส.ว.จี้รบ.แจงข้อมูลเจรจาบีอาร์เอ็น

ส.ว.จี้รบ.แจงข้อมูลเจรจาบีอาร์เอ็น
ส.ว.จี้รัฐบาลแจงข้อมูลเจรจาบีอาร์เอ็น ต่อคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เตือนเดินให้รอบคอบ หวั่นยกชื่อ “ทักษิณ” ทำสถานการณ์ป่วนอีก ...วันที่ 1 มี.ค. นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การลงนามเพื่อเริ่มเข้าสู่กระบวนการเจรจาระหว่างสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กับแกนนำบีอาร์เอ็นว่า ได้คุยกับหลายคนที่มีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เห็นว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องใหญ่ ที่ผ่านมาเราถือเป็นเรื่องภายในประเทศ แต่เมื่อ สมช.ไปลงนามเท่ากับเป็นการสร้างความชอบธรรมให้คู่กรณี หรือกลุ่มบีอาร์เอ็น เป็นการยกระดับให้ฝ่ายตรงข้ามมีอำนาจต่อรองมากขึ้น ประเด็นคือ นายฮาซัน ตอยิบ หัวหน้าฝ่ายประสานงานต่างประเทศขบวนการบีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนต เป็นใคร รัฐบาลต้องชี้แจงรายระเอียดต่อคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ทราบ เพราะคนในพื้นที่ไม่เคยได้ยินชื่อ และไม่ทราบที่มาที่ไปของนายฮาซัน แต่รัฐบาลไทยกลับไปลงนามแต่งตั้งให้เป็นคู่เจรจา ซึ่งอาจเป็นการเปิดเวทีไปสู่ระดับสากล ดังนั้น ต้องคำนึงถึงผลที่จะตามมา ต้องใช้ความระมัดระวัง ที่ผ่านมาเราระวังมาตลอดเพราะไม่รู้ใครอยู่เบื้องหลัง แต่การลงนามดังกล่าวเท่ากับพลิกประวัติศาสตร์ 3 จังหวัดภาคใต้ นายอนุศาสน์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่รัฐบาลมาเลเซียเข้ามามีส่วนร่วมครั้งนี้ รัฐบาลไทยควรพิจารณาความเห็นของพรรคฝ่ายค้านมาเลเซียด้วย เพราะอีกไม่กี่เดือนมาเลเซียจะมีเลือกตั้งใหม่ ตนมีประเด็นที่ติดใจคือความเร่งรีบลงนาม โดยไม่มีรายละเอียดและผลที่คาดว่าจะได้ภายหลังการเจรจา เห็นด้วยกับแนวทางการพูดคุยเพื่อสันติภาพ แต่ต้องไม่รวบรัด ตัดตอน หรือลัดวงจร รัฐบาลต้องชี้แจงให้ชัดว่าอีก 2 สัปดาห์ที่จะมีการคุยกันอีกรอบที่มาเลเซียจะไปคุยเรื่องอะไรบ้าง ต้องเปิดเผยกับประชาชน หรือรัฐสภา ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 190 กำหนดไว้ ที่เรียกว่าเป็นกุญแจที่สู่สันติภาพ ประเด็นคือคนไทยต้องรู้ว่ากำลังมอบกุญแจเมืองให้ใคร ในพื้นที่ต้องยอมรับว่ามีกลุ่มก่อความไม่สงบหลายกลุ่ม เมื่อรัฐบาลลงนามกับกลุ่มบีอาร์เอ็นแล้ว จะทำให้ความรุนแรงลดลงหรือไม่ หรือยุติได้หรือไม่ ถ้ายังมีความรุนแรงมีอยู่จะคุยกันต่อหรือ ซึ่งตนจะเสนอให้มีการหารือเรื่องนี้อย่างไม่เป็นทางการใน คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามการแก้ไขปัญหาและการฟื้นฟูการพัฒนาตามวิถีวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ วุฒิสภา ในวันที่ 4 มี.ค.นี้ นายวรวิทย์ บารู ส.ว.ปัตตานี กล่าวว่า การพูดคุยไม่ว่าจะเป็นระดับไหนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เป็นการเริ่มต้น เพียงแต่เราต้องมีความอดทน มีเอกภาพในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกองทัพ สมช. ที่สำคัญอย่าหยิบยกมาเป็นประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะกรณีที่มีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นผู้ประสาน ถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวว่าจะไปไม่ถึงจุดที่ต้องการได้ แต่ผู้ปฏิบัติจะต้องยอมรับในแนวนโยบาย ต้องพูดคุยทำความเข้าใจให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เราต้องมีความอดทนให้มากเพราะหากมีใครอุตริ หรือเกิดสถานการณ์ร้ายขึ้นมาในช่วงทำข้อตกลงจะปฏิบัติอย่างไร การประสานงานครั้งนี้ในส่วนของมาเลเซียทราบว่าได้เปลี่ยนหน่วยงาน โดยให้สำนักนายกรัฐมนตรีเป็นตัวกลางประสาน ก็น่าจะเป็นแนวโน้มที่ดี เพราะทางมาเลเซียเองก็จะได้ประโยชน์หากเหตุการณ์สงบ โดยเฉพาะภาคธุรกิจ ทั้งนี้การพูดคุยต้องทำให้ได้ทุกกลุ่มเป็นระบบ ถึงจุดๆหนึ่งคนที่มาพูดคุยจะต้องเป็นตัวแทนของทุกกลุ่มอย่างแท้จริง จึงจะสำเร็จ เท่าที่ดูในกองทัพ โดยเฉพาะ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ก็มีท่าทีในทางที่ดี นายประเสิรฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยที่จะเริ่มต้นแก้ปัญหาด้วยการพูดคุยสันติภาพ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี แต่ควรเป็นการลงนามแบบลับๆ ไม่ควรประกาศให้ทราบโดยทั่ว เพราะอาจทำให้เกิดแรงกระเพื่อมในพื้นที่ได้ มีข้อห่วงใย 3 ประเด็นคือ 1.การเปิดเผยว่ามีการลงนามออกมาทันที อาจสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้บีอาร์เอ็นนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่องค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ โอไอซี ตามที่เลขาธิการโอไอซีพยายามทำอยู่เพื่อขยายผลต่อ แต่ประเทศสมาชิกยังไม่เอาด้วยเท่านั้น 2.ต้องระมัดระวังเหตุการณ์ความรุนแรงที่อาจแทรกซ้อนขึ้นได้ เพราะกลุ่มอุดมการณ์ที่เคลื่อนไหวร่วมกับบีอาร์เอ็นบางส่วน อาจไม่เห็นด้วย หรือแม้แต่กลุ่มผลประโยชน์อื่นในพื้นที่ เพราะคนที่มีผลประโยชน์จากความไม่สงบมีอยู่มาก 3. เมื่อ นายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ชื่นชม และยก พ.ต.ท.ทักษิณ ว่ามีส่วนช่วยประสานให้เกิดการเจรจานั้น อาจเป็นผลลบทำให้เกิดเหตุไม่สงบขึ้นอีก ต้องยอมรับว่าในพื้นที่ยังมีประชาชนอีกมากที่ไม่พอใจและเจ็บแค้น พ.ต.ท.ทักษิณ กรณีกรือเซะ ตากใบ ส่วนกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่หลังการเลือกตั้งฯผู้ว่า กทม. นั้น ร.ต.อ.เฉลิม มีภาพติดลบมาก ทั้งการพูดและการกระทำ ทำคนในพื้นที่ไม่ให้การยอมรับ จึงควรจะหยุดพูดและตั้งใจทำงานมากกว่านี้ ด้าน พล.อ.เกษมศักดิ์ ปลูกสวัสดิ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กรณีนี้เป็นการเริ่มต้นของรัฐบาลในการนำไปสู่ความสงบของปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ แต่ไม่ได้มีแค่กลุ่มเดียว มีหลายกลุ่ม ไม่รู้ว่ากลุ่มอื่นจะเอาด้วยกับความคิดนี้หรือไม่ แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี โดยการให้กลุ่มคนในระดับล่างๆ คุยกันก่อน.

Blog Archive