Monday, April 15, 2013

ปริญญา แนะสร้างกระบวนการพูดคุยก่อนเสนอ พรบ.นิรโทษฯ

ปริญญา แนะสร้างกระบวนการพูดคุยก่อนเสนอ พรบ.นิรโทษฯ
นักวิชาการนิติศาสตร์ไม่เห็นด้วย ส.ส.เพื่อไทยเร่งดัน พรบ.นิรโทษกรรมเข้าสภาฯ ชี้ไม่ใช่ทางออกแก้ความขัดแย้งเพราะยังมีความไม่ไว้วางใจกัน เสนอให้เน้นกระบวนการพูดถึงหาทางออกโดยให้ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกัน...นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงการที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะเสนอให้เลื่อนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมมาพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วนในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 18 เม.ษ.นี้ว่า ต้องเริ่มจากคำถามว่า กฎหมายนี้ จะนำไปสู่การปรองดองจริงหรือไม่ เพราะความแตกแยกที่เกิดขึ้นตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมา มาจากความไม่ไว้วางใจกันระหว่างฝ่ายต่างๆ ขณะเดียวกัน ตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนนตรีเอง ก็ทำตัวไม่น่าไว้วางใจว่าจะพยายามให้มีการนิรโทษกรรมตนเองหรือไม่อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ.กล่าวอีกว่า การแก้ไขความแตกแยกของคนในชาติเพื่อนำไปสู่ความปรองดองนั้น ต้องไม่ไปเริ่มที่การหาคำตอบ แต่ต้องเน้นไปที่กระบวนการในการหาตอบตอบร่วมกัน โดยให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการหาคำตอบ ที่ผ่านมาเรามักเริ่มต้นด้วยคำตอบ แล้วคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องยอมรับคำตอบ  แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีความไว้วางใจ ก็ไม่สามารถที่จะยอมรับในคำตอบนั้นได้“ทางที่ดี ควรเริ่มต้นด้วยการพูดคุยกัน เพื่อให้เกิดการยอมรับร่วมกันก่อน ส่วนปัญหาที่มีประชาชนที่ยังถูกคุมขังอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น สามารถใช้กระบวนการตามกฎหมายที่มีอยู่แล้วเพื่อให้มีการประกันตัวออกมาสู้คดี โดยไม่จำเป็นต้องออก พรบ.นิรโทษกรรมเลย” นายปริญญากล่าว

สุรพงษ์มั่นใจ ไทยพร้อมหักล้างคำแถลงกัมพูชา

สุรพงษ์มั่นใจ ไทยพร้อมหักล้างคำแถลงกัมพูชา
รมว.ต่างประเทศ  มั่นใจไทยมีข้อมูลหักล้างคำแถลงของกัมพูชา อยากให้ประชาชนรอฟัง 17 เม.ย.นี้ เดินหน้าต่อสู้สิ่งที่ตีความหมายของไทยถูกต้องเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 15 เม.ย. นายสุรพงษ์​ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ พร้อมด้วย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม แถลงข่าวภายหลัง ทางการกัมพูชาแถลงทางวาจา กรณียื่นคดีปราสาทพระวิหาร ให้ศาลโลกตีความ โดยนายสุรพงษ์ กล่าวว่า วันนี้คณะดำเนินดคีฝ่ายไทยเข้าฟังการชี้แจงของทางการกัมพูชา โดยมีนายฮอร์นัมฮง รมว.ต่างประเทศ กัมพูชา เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนของกำพูชาเป็นผู้กล่าวนำก่อน โดยมีผู้แทนอีก 3 ท่าน โดยท่านฮอร์นัมฮง ได้ชี้แจงว่าทำไมกัมพูชาถึงได้ขอให้ศาลตีความคำพิพากษา 2505 หลังเวลาผ่านไปแล้ว 50 ปี โดย อ้างถึงการการกระทบกระทั่งกันในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ โดยเอ่ยถึงชื่อท่านอภิสิทธิ์ 2 ครั้ง โดยเกิดเหตุปะทะกันของกำลังทั้งสองฝ่าย ในช่วงขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยทางการกัมพูชา เห็นว่าเหตุดังกล่าวเกี่ยวกับคำพิพากษาที่ไม่ชัดเจน และเกี่ยวกับไม่ทำตามคำพิพากษาของฝ่ายไทย จึงทำให้ยื่นเรื่องดังกล่าว จากนั้นที่ปรึกษา กฎหมายต่างประเทศ 3 คนของกัมพูชา ได้อธิบายว่าทำไมถึงต้องยื่นตีความ โดยทั้งสามพยายามหักล้างเหตุผลของไทยที่เคยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรของไทย ที่เคยแจ้งเมื่อช่วงพ.ย.2554 และ มิ.ย.2555โดยในภาพรวมที่ได้รับฟังตลอดทั้งวัน ไม่รู้สึกหนักใจใดๆ ทั้งสิ้น เพราะข้อมูลที่กัมพูชาเสนอ เป็นไปตามที่ทีมงานของเราคาดหมาย ทางไทยมีความพร้อมในการเสนอหักล้างเช่นกัน อันนี้ก็ต้องรอฟังวันที่ 17 เม.ย. เวลา ประมาณ 15.00 น. ทีมของประเทศไทยจะขึ้นชี้แจง โดยมีท่านทูต วีรชัย (นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก เนเธอร์แลนด์)จะเป็นคนพูดก่อน จากนั้น ทีมกฎหมายทั้งสามท่าน ซึ่งเราได้เตรียมการไว้แล้วนายสุรพงษ์ กล่าว ด้านนายพงษ์เทพ กล่าวเสริมว่า หลายคนที่ฟังถ่ายทอดสดในวันนี้ อาจจะไม่เข้าใจ ดังนั้น จึงต้องรู้ที่มาที่ไปของคดีนี้ก่อน โดยคดีนี้เป็นการตีความที่ศาลโลกเคยตัดสินไปแล้วเมื่อปี 2505 แต่ทางกัมพูชายื่นขอให้ตีความ ขอให้ไทยถอนทหาร ตำรวจ ออกจากปราสาทพระวิหาร ความหมายของบริเวณโดยรอบคืออะไร ก็เลยมีประเด็นต่อสู้กันหลายประเด็น  เราต่อสู้ว่าเขาไม่สามารถนำเรื่องนี้มาขอตีความได้ เพราะการขอตีความต้องมีเงื่อนไขหลายประการ เราก็ต้องต่อสู้ไป แต่วันนี้กัมพูชาบอกว่า ขอตีความตรงตามเงื่อนไข เช่น ไทยและกัมพูชามีความเห็นแตกต่างกันในคำวินิจฉัย โดยกัมพูชา เขาก็อ้างว่าเคยเห็นแตกต่างเคยทำอะไรบ้าง โต้แย้งอะไรบ้าง เพื่อให้ศาลรับวินิจฉัย แต่ที่พูดมากคือเรื่องแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ซึ่งเรียกว่าแผนที่แนบท้ายฉบับที่1 โดยทางการกัมพูชาพยายามอ้างว่าไทยต้องถอยออกไปจากเขตแดน ซึ่งตามแผนที่แนบท้าย 1 มีพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ไม่ใช่พื้นที่ที่ทาง ครม. ไทยไปตีกรอบไว้ เมื่อปี 2505 ไว้ แต่เขาจะให้เราถอยออกไป เขาอ้างว่าแผนที่เป็นส่วนสำคัญของคำพิพากษา โดยยกตัวอย่างแบบนี้ทั้งวันนายพงษ์เทพ กล่าวต่อว่า ทางเรามีข้อต่อสู้เยอะแยะไปหมด สิ่งที่เขายื่นมาคือพยายามหักล้างเหตุผลของเราที่เคยยื่นเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งที่ฝ่ายกัมพูชาพูดทั้งหมดเป็นประมาณนี้  ส่วนในวันพุธ ฝ่ายไทยก็จะนำเสนอสิ่งที่กัมพูชาร้องขอ ศาลควรจะรับตีความหรือไม่ แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน เป็นอย่างไร วันนี้ขอให้สบายใจได้ เพราะทางท่านทูตวีรชัย ได้เตรียมเสนอข้อมูลหักล้างแล้ว จากนั้น นายสุรพงษ์ กล่าวสรุปว่า ฝ่ายกัมพูชา พยายามบอกว่า ฝ่ายไทยกับกัมพูชา ได้ตีความหมายคำพิพากษา ปี2505 แตกต่างกัน จึงขอให้ศาลชี้ให้ชัดเจนว่าคำพิพากษาที่ถูกต้องเป็นไปตามแบบของกัมพูชา ฉะนั้น ในวันพุธเราก็ต้องต่อสู้ว่าสิ่งที่เราตีความเป็นไปในทางที่ถูกต้องแล้ว โดยใช้เหตุผลหลายเรื่อง อย่างกรณี ลวดหนาม ที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขึ้นไปขึงไว้รอบบริเวณปราสาทพระวิหาร ตาม ครม. โดยกัมพูชาบอกว่าเราคิดเองฝ่ายเดียว แม้เราจะบอกว่าท่านสีหนุ เคยเห็นแล้วก็ไม่คัดค้าน โดยเขาก็อ้างว่าไม่จริง ซึ่งเราก็ต้องชี้แจงว่าเขาเห็นแล้วไม่คัดค้านเป็นอย่างไร ในส่วนกระทรวงต่างประเทศ จะนำคำแปลสรุปประเด็นวันนี้ให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เข้าใจครบถ้วนอีกครั้งหนึ่ง ด้านพล.อ.สุกำพล กล่าวว่า เขาพยายามจะหยิบในส่วนที่มีการโต้แย้ง ในส่วนของทางเรา ก็จะหยิบเรื่องที่เขาไม่ได้โต้แย้งมาต่อสู้ อย่างประเด็นเจ้าสีหนุ ขึ้นบนปราสาทพระวิหารแล้วเห็นเราตีเส้นลวดหนาม แต่ท่านสีหนุ ไม่ได้รับสั่งอะไร แค่บอกว่าตีเส้นกินแดนเข้ากัมพูชาไม่กี่เมตรเอง แล้วเขาก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรที่เป็นทางการอย่างจริงจัง ในส่วนของไทยเราก็เชื่อว่าเรามีน้ำหนัก  ทางการทหารเขาก็พูดขึ้นมานิดหน่อย แต่ไม่ได้มีอะไรมาก เขาอ้างว่ามาสร้างวัด เจดีย์ ตลาดแล้ว เขาอ้างว่าเราประท้วงเขาช้า แต่เราก็ประท้วงไป ซึ่งทีมกฎหมายก็จะว่ากันต่อไป ส่วนเรื่องปะทะ เขาไม่ได้พูดเรื่องนี้มาก แต่แค่เกริ่นเพื่อนำเข้าสู่ศาลโลกเท่านั้นเอง

บทบาททักษิณคิด? ยิ่งลักษณ์ทำ? กับรถไฟความเร็วสูง 2 ล้านล้านบาท

บทบาททักษิณคิด? ยิ่งลักษณ์ทำ? กับรถไฟความเร็วสูง 2 ล้านล้านบาท
เป็นไปตามคาดแล้วก็อดไม่ได้จริงๆ สำหรับคนชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยและในฐานะผู้มีเสียงเด็ดขาดเบ็ดเสร็จในพรรคเพื่อไทย ที่ต้องออกมาช่วยรัฐบาลของผู้เป็นน้องสาว คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันในการทำหน้าที่ เพราะในขณะนี้โดนกระแสโจมตีเป็นอย่างหนักในการจะกู้เงินเพื่อใช้มาพัฒนาระบบขนส่งทางการเมืองในประเทศ เพราะต้องรองรับการเติบโตและกระจายความเจริญสู่ท้องถิ่นที่รัฐบาลกำลังโดนตั้งคำถามอย่างหนักในจำนวนเงิน 2 ล้านล้านบาท ว่าจะมีความคุ้มด้านการลงทุนหรือไม่ และยังมีบางฝ่ายตั้งข้อสังเกตกันเอาไว้เลยว่าอาจจะต้องเป็นหนี้กันไปอีก 50 ปีกว่าจะใช้หมด โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แจงเอาไว้ว่า เศรษฐกิจประเทศนั้นจะต้องรักษาสัดส่วนของหนี้ต่อ GDP ของประเทศไม่ให้เกิน 50% ไม่เกิน 60% แต่ตัวเลขของสัดส่วนย่อมเปลี่ยน ไปถ้า GDP หรือเศรษฐกิจประเทศโตขึ้น เหมือนบริษัท ถ้าบริษัทมีรายได้มากขึ้น มีกำไรสะสมมากขึ้น สัดส่วนของหนี้ต่อทุนส่วนของผู้ถือหุ้น ก็จะลดลง เพราะมีกำไรสะสมมาเพิ่มเช่นกัน  การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล คือการลงทุนให้เศรษฐกิจของประเทศโตขึ้นทั้งทางตรงทางอ้อม ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าหนี้จะพุ่งข้างเดียวเพราะรายได้ก็พุ่งด้วย สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP จึงจะไม่สูงอย่างที่วิตก และก็ไม่ต้องรอว่าจะต้องใช้หนี้อีก 50 ปีจะหมด ดูตัวอย่างหนี้ IMF ที่เราใช้ได้เร็วกว่ากำหนด ทั้งนี้อยู่ที่ใครสร้างเศรษฐกิจเป็น กับใครเป็นแต่ใช้จ่ายอย่างเดียว วิธีมองจึงต่างกันไปแปลความง่ายๆ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ หนุนสำหรับเรื่องโครงการนี้กับรัฐบาลอย่างแน่นอน เห็นได้จากการสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับไทยรัฐออนไลน์ เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 55  http://www.thairath.co.th/content/pol/254664 หรือประมาน 1 ปีที่ผ่านมา ที่บอกถึงแนวทางของการบริหารของพรรคเพื่อไทย ว่า “เท่าที่เราวางไว้ในการบริหารพรรคเพื่อไทย คือ รถไฟฟ้าความเร็วสูง จะมีไปในเส้นทางไกลจะมีหมดและครอบคลุม รวมไปถึงรถไฟฟ้าใน กทม. และมอเตอร์เวย์ อุดรฯ พัทยา เชียงราย เชียงใหม่ กทม.  แล้วอีกเส้น ออกไปทางเมืองกาญจนบุรี ไปทางทวาย” เป็นข้อยืนยันว่าโครงการนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความคิดจะทำไว้แล้วตั้งแต่แรก แต่ไม่สามารถบอกได้ว่ามีการดำเนินการมายาวนานเท่าใด เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความคิดเห็นอย่างไรรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็มีหน้าที่สนองเท่านั้น เป็นเรื่องจริงที่ใครก็ไม่สามารถปฏิเสธได้การเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นน่าจับตาทุกครั้ง เพราะมักจะร้อนแรงทุกครั้งในช่วงเดือน เม.ย.ของ 2-3 ปีที่ผ่านมา อย่างที่เคยสร้างความฮือฮาเมื่อครั้งปี 2555 ที่เข้ามาเล่นน้ำสงกรานต์ที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวและกัมพูชา ทำให้คนเสื้อแดงและนักการเมืองใหญ่ทั้งหลายตั้งเข้าไปรดน้ำดำหัวกันมากมายมาแล้ว และช่วงก่อนเดือน เม.ย. 56 พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังได้สร้างความเซอร์ไพรส์ด้วยการเป็นแม่ทัพเลียบค่ายมาดูธุรกิจที่ประเทศพม่ามาแล้วให้คนที่ไม่เอาทักษิณตกใจเล่น เชื่อว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญและไม่ใช่เรื่องแหย่หนวดเสือที่มาใกล้ประเทศไทย แต่ว่าทักษิณก็เคยให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐออนไลน์ไว้อีกในบทความดังกล่าวถึงเมกะโปรเจกต์เมืองทวาย ในประเทศพม่าว่าจะสร้างรถไฟความเร็วสูงไปติดต่อกับเมืองทวายด้วยการเดินเกมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้ภายใต้การนำของน้องสาวที่เป็นรัฐบาลกำลังมุ่งหน้าสร้างเครือข่ายธุรกิจเพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น แม้ว่าตนเองจะไม่ได้อยู่ฐานะที่จะมีอำนาจการสั่งการโดยตรง แต่ยังไงก็ไม่มีใครปฏิเสธอำนาจในการตัดสินใจเด็ดขาดรอบสุดท้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้อยู่ดี การเคลื่อนไหวทุกครั้งที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศแม้ว่าคนในรัฐบาลจะบอกว่าเป็นเพราะทักษิณทำไปเพราะช่วยรัฐบาล บางครั้งก็ต้องมีการคำนึงถึงบทบาทของตัวเองให้ชัดว่ากำลังทำเพื่อรัฐบาล หรือชี้นิ้วสั่งรัฐบาลกันแน่ เพราะตอนนี้หลายคนคลางแคลงใจว่าคนไหนคือนายกรัฐมนตรีตัวจริง? 

Blog Archive