Friday, April 12, 2013

ปธ.สภาฯเมินเสียงฝ่ายค้านให้รับผิดชอบ ปมขอแปรญัตติ60วัน

ปธ.สภาฯเมินเสียงฝ่ายค้านให้รับผิดชอบ ปมขอแปรญัตติ60วัน
“สมศักดิ์-นิคม”ประสานเสียงโต้ฝ่ายค้าน หลังกล่าวหาวินิจฉัยญัตติของฝ่ายค้าน ที่เสนอกรอบเวลาการแปรญัตติ 60 วัน ผิดพลาด ยืนกรานวินิจฉัยถูกต้อง  อัดฝ่ายค้านได้คืบจะเอาศอก สั่งทีม ก.ม.ยกร่างคำชี้แจงศาล รธน.  .....เมื่อวันที่ 12 เม.ย. นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าได้ส่งร่างคำร้องของนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา และคณะ มาให้ ส.ส. ส.ว.ที่ถูกร้องฐานกระทำขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 จากการร่วมเข้าชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าส่งมาแล้ว แต่ตนยังไม่เห็นตัวหนังสือ เบื้องต้นได้สั่งการให้คณะกรรมการกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎรไปดูรายละเอียดคำร้อง เพื่อดำเนินการยกร่างคำแถลงชี้แจงข้อกล่าวหาเมื่อถามว่าจะแถลงชี้แจงเป็นรายบุคคลหรือทำทีเดียวพร้อมกันหมด นายสมศักดิ์ตอบว่า ยังไม่มีข้อสรุป ให้เขาไปดูก่อน รวมถึงต้องหารือร่วมกับทาง ส.ว.ด้วย เมื่อถามว่าฝ่ายค้านยืนยันว่าประธานรัฐสภาและรองประธานฯ ต้องรับผิดชอบกับการวินิจฉัยญัตติของฝ่ายค้าน ที่เสนอกรอบเวลาการแปรญัตติ 60 วัน ผิดพลาด นายสมศักดิ์ตอบว่า ยังไม่รู้ว่าทำผิดอะไรตรงไหน อย่ากล่าวหาลอยๆ ชี้ให้ชัดมาเลยว่าตนทำผิดตรงไหน เพราะยืนยันว่าวินิจฉัยโดยยึดหลักข้อบังคับทุกอย่าง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยบอกว่าจะไม่ให้เปิดประชุม พูดแต่ในแนวให้เปิดประชุมเพื่อลงมติอีกครั้ง ไม่อยากให้ผ่าหมาก จนทุกฝ่ายเห็นพ้อง จึงคิดว่าที่ทำไปถูกต้องทุกอย่าง ไม่มีแนวทางไหนดีกว่านี้อีกแล้ว เมื่อถามว่ามองเจตนาของฝ่ายค้านอย่างไร นายสมศักดิ์ตอบว่า ได้คืบจะเอาศอก ไม่เปิดก็ต่อว่าตน พอเปิดก็ว่าอีก ตกลงจะเอาอย่างไร คำก็ถอดถอน สองคำก็จะถอดถอน ถามว่าทำผิดตรงไหน ในเมื่อเสนอญัตติมาแล้วพอนับองค์ประชุมไม่ครบ ญัตติดังกล่าวต้องตกไป แล้วยึดเอาตามข้อบังคับที่กำหนดแปรญัตติภายใน 15 วันด้านนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา กล่าวว่ารับทราบหนังสือจากทางศาลรัฐธรรมนูญแล้ว และสั่งการให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ส่งร่างคำร้องไปยัง ส.ว.ที่ร่วมเข้าชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกคนแล้ว เบื้องต้นจะขอขยายเวลาส่งคำชี้แจงออกไปก่อน เพราะเพิ่งจะได้รับหนังสือและติดวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ เบื้องต้นไปมอบให้สำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ไปดูรายละเอียดคำร้อง เพื่อยกร่างคำชี้แจง โดยจะทำคำชี้แจงเป็นกลุ่ม จะไม่แยกชี้แจงเป็นรายบุคคล ส่วนกรณีที่นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เลขานุการวิปฝ่ายค้าน เรียกร้องให้ตนและนายสมศักดิ์รับผิดชอบกับการวินิจฉัยที่ผิดพลาดนั้น ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ถอดเทปการประชุมในช่วงนั้นอย่างละเอียดแล้ว เพราะเบื้องต้นชัดเจนแล้วว่าเมื่อผู้เสนอญัตติไม่อยู่แสดงตนในห้องประชุม และองค์ประชุมไม่ครบญัตติต้องตกไป.

ถาวรชมเฉลิมกล้าลงใต้ แนะรมต.อื่นดูตัวอย่าง

ถาวรชมเฉลิมกล้าลงใต้ แนะรมต.อื่นดูตัวอย่าง
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชม เฉลิมกล้าลงใต้ แนะรมต.อื่นดูเป็นตัวอย่าง เหตุมีหน่วยงานที่เกี่ยวโยงกว่า 60 หน่วย หวังรองนายกฯ ลงพื้นที่อีกเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ ...นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่ภาคใต้ กล่าวถึง กรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่ในจังหวัดชายแดนใต้เป็นครั้งแรกหลังถูกมอบหมายงานให้รับผิด ชอบว่า ต้องขอชมที่ ร.ต.อ.เฉลิม ลงพื้นที่ไปปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย แต่ตนอยากให้ รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงอื่นๆ ที่ร่วมรับผิดชอบดูแลการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ดูเป็นตัวอย่าง และต้องลงพื้นที่ไปร่วมแก้ไขปัญหาอย่างเป็นเอกภาพด้วย เพราะงานในการแก้ปัญหาภาคใต้ เกี่ยวโยงกับ 60 กว่าหน่วยงานในหลายกระทรวง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆลงไปดูแล และปัญหาพื้นที่ชายแดนภาคใต้ก็ยังมีอยู่จริง พรรคประชาธิปัตย์จึงมองเห็นว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนใต้เลย เพราะหากตั้งใจปัญหาความรุนแรงต้องลดลง ไม่ใช่เพิ่มมากขึ้น ส่วนใครจะพูดว่าในภาคใต้ไม่มีปัญหาหรือเริ่มคลี่คลายเพราะมีการพูดคุยกับ ตัวแทนกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบแล้ว ก็ต้องตั้งคำถามว่าเดินมาถูกทางหรือไม่อย่างไร และได้พูดความจริงหรือไม่อย่างไร เพราะหากยอมรับความจริงว่ามีปัญหาก็จะแก้ไขได้ตรงจุด ซึ่งครั้งนี้ก็ต้องขอชม ร.ต.อ.เฉลิม ที่ลงมาทำหน้าที่ และหวังว่าจะลงไปอีก เพราะอย่างน้อยก็จะเป็นขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่

เปิดแผนปฏิบัติการ! ตั้งวอร์รูมมอนิเตอร์ใกล้ชิด รับมือคดีพระวิหาร

เปิดแผนปฏิบัติการ! ตั้งวอร์รูมมอนิเตอร์ใกล้ชิด รับมือคดีพระวิหาร
ก่อนที่จะมีการเริ่มต้นขึ้นของการอ่านถ้อยคำแถลงด้วยวาจา ในคดีที่กัมพูชายื่นขอตีความคำตัดสินปี 2505  ที่เกี่ยวข้องกับคดีปราสาทพระวิหารต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 15 - 19 เม.ย.นี้ ซึ่งเป็นที่จับตามองในประเด็นต่างๆ ว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างแน่นอนไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง หลายฝ่ายต่างจับตามองอย่างไม่กะพริบ ทั้งในระดับชาติอย่างรัฐบาลและฝ่ายที่รักชาติไม่ยอมให้เสียดินแดนที่จะเกิดขึ้น และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดความโปร่งใสให้ประชาชนได้ทราบโดยทั่วกันทางเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์ข่าวที่กระทรวงฯ และการรับทราบข้อมูลข่าวสารของประชาชน เรื่องการให้การทางวาจาที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ กรุงเฮก ระหว่างวันที่ 15 – 19 เม.ย. นี้ โดยการถ่ายทอดสดการให้การทางวาจาทางเว็บไซต์ของศาลโลก www.icj-cij.org/homepage ซึ่งจะสามารถรับชมภาพและรับฟังเสียงเป็นภาษาที่ใช้จริงในศาลฯ คือ ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส นอกจากนี้ จะเผยแพร่การให้การฯ ในเว็บไซต์ของสหประชาชาติ webtv.un.org ด้วยทั้งนี้ รัฐบาลมีนโยบายให้ถ่ายทอดสดการให้การทางวาจา พร้อมแปลเป็นภาษาไทยทันทีคำต่อคำ โดยกระทรวงฯ จะถ่ายทอดผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ 1. เว็บไซต์ที่กระทรวงฯ จัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะ ทาง www.phraviharn.org ซึ่งสามารถเลือกฟังเสียงภาษาที่ใช้จริง เสียงภาษาอังกฤษ และเสียงภาษาไทยได้ 2. สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยหรือสถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นบีที 3. สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเอฟเอ็ม 92.5 และ เอเอ็ม 891 4. สถานีวิทยุสราญรมย์ เอเอ็ม 1575 สำหรับกระทรวงการต่างประเทศเองนั้นจะจัดตั้งศูนย์ข่าวที่กระทรวงการต่างประเทศ ถนนศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 14 – 19 เม.ย. โดยเปิดทำการเวลา 13.00 – 01.00 น. ในวันที่ 15, 17 - 19 เม.ย. และ 17.00 – 01.00 น. ในวันที่ 14 และ 16 เม.ย. โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ รับส่งสัญญาณภาพและเสียงผ่านระบบดาวเทียม รวมทั้งแปล เป็นภาษาไทยทันที เพื่อเผยแพร่ทางช่องทางที่กล่าวไว้ พร้อมจัดการเชื่อมสัญญาณภาพและเสียง นอกจากนี้ ศูนย์ข่าวฯ จะส่งสัญญาณภาพและเสียงขึ้นไปยังดาวเทียมไทยคม เพื่อถ่ายทอดให้สถานีโทรทัศน์ต่างๆ สามารถรับสัญญาณได้โดยตรงอีกทางหนึ่งด้วยนอกจากนี้ยังได้ถ่ายทอดการสัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ กำหนดให้มีขึ้น 2 ช่วง ได้แก่ เวลา 22.30 – 23.30 น. สำหรับการแถลงข่าวประจำวัน และการสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงที่เดินทางไปศาลโลก และเวลา 22.30  – 24.00 น. สำหรับการให้ข้อมูลเพิ่มเติม และตอบคำถามสื่อมวลชนโดยเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทยในการต่อสู้คดีฯ ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถรับฟังได้ทางเว็บไซต์ และเผยแพร่เอกสารสาระสำคัญของการให้การทางวาจาในแต่ละวันผ่านเว็บไซต์  www.phraviharn.org และสถานีวิทยุสราญรมย์อีกด้วยส่วนที่ทำเนียบรัฐทำเนียบนั้น ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมกรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่ทำเนียบรัฐบาล โดยจะตั้งวอร์รูมระหว่างวันที่ 15-19 เมษายนที่ห้องปฏิบัติการตึกไทยคู่ฟ้า ชั้น 2 ซึ่งมีนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าติดตามสถานการณ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล ไว้ใช้สำหรับเชื่อมต่อสัญญาณการถ่ายทอดสดจากวอร์รูมของกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ก็จะมีการแปลเอกสารและทำความเข้าใจกับประชาชนพร้อมทั้งประเมินสถานการณ์เป็นระยะอีกด้วยจะเห็นจากกำหนดการที่ได้มีการชี้แจงและการเตรียมความพร้อมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งฝ่ายกระทรวงต่างประเทศและที่ทำเนียบรัฐบาล ว่าฝ่ายภาครัฐเองนั้นได้ตระเตรียมกระบวนการทุกอย่างที่ประชาชนผู้สนใจได้ติดตามความคืบหน้าของการรายงานสถานการณ์อย่างติดขอบเวที นับว่าเป็นเรื่องดีทีเดียวที่ทุกคนจะได้เห็นการรายงานสดอย่างไม่ถูกบิดเบือนจากคนนำเสนอต่อๆไป อย่างไรก็ตาม ที่น่าจับตามองอีกอย่างหนึ่งคือท่าทีของกลุ่มพันธมิตรฯ เองที่เคยออกมากร้าวว่าไม่ยอมจะเสียดินแดนให้ใคร หากคำพิจารณาออกมาไม่เป็นคุณกับฝ่ายไทย อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้จึงจำเป็นต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะทำให้วันหยุดสงกรานต์เป็นการเมืองร้อนๆ อีกหรือเปล่า. 

Blog Archive