Wednesday, November 28, 2012

สุเมธแนะ แนวทางพิเศษดับไฟใต้ ชี้ ใช้อาวุธไม่มีทางสำเร็จ

สุเมธแนะ แนวทางพิเศษดับไฟใต้ ชี้ ใช้อาวุธไม่มีทางสำเร็จ
“สุเมธ” แนะต้องใช้แนวทางพิเศษดับไฟใต้ ชี้ใช้อาวุธไม่มีทางสำเร็จ ด้าน “เสธ.ทบ.” เผย ต้องวัดผลงาน รปภ.ครูใต้ ทุกเดือน ลั่น เร่งแก้จุดอ่อน วันที่ 28 พ.ย.พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงปัญหาที่ครูในพื้นที่ภาคใต้รวมตัวกันปิดโรงเรียนไม่ยอมสอนว่า เรื่องนี้ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้กำชับลงไปแล้วในการคุ้มครองครู และต้องวัดผลทุกเดือนในการวางแผนการทำงานว่ายังมีจุดอ่อนตรงไหน แต่ก็มีความลำบาก เพราะครูเดินทางไปมาไม่ได้ อยู่แต่ในโรงเรียน โอกาสที่ผู้ไม่หวังดีก็ทำได้ การดูแลก็ลำบาก ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายไม่ใช่ของฝ่ายทหารอย่างเดียว ความร่วมมือของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ ทหารก็พยายามเต็มที่ ซึ่งการแก้ไขปัญหาเราคงหมดกำลังใจในการทำงานไม่ได้ ตอนนี้รัฐบาลลงมาก็จัดโครงสร้าง และทุกส่วนราชการก็ต้องมาร่วมมือกัน ในสมัยก่อนส่วนราชการอาจจะไม่สามารถมาร่วมมือกันได้ เพราะการสื่อสารยังไม่เข้าใจกันเต็มที่ แต่ตอนนี้รัฐบาลสร้างโครงสร้างที่บูรณาการมากขึ้นนายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวว่า สมัยก่อนประเทศรอบๆ บ้านเราเกิดสงคราม และประเทศเรามีสงครามกองโจร แนวทางการแก้ไขปัญหาในประเทศ หากใช้อาวุธไม่มีทางสำเร็จ เพราะไม่มีสงครามไหนที่รบกับประชาชนแล้วชนะ อย่างในภาคใต้ ส่งทหารลงไปกี่กองพลก็ไม่ชนะ การที่บอกว่ารบกับประชาชนหมายความว่า เราแยกไม่ออกว่าใครเป็นคนก่อการร้าย หรือใครเป็นคนปกติ เพราะอยู่ปนๆ กัน จึงเป็นความยากลำบากในการทำสงคราม ดังนั้น ต้องมีแนวทางพิเศษแก้ไขปัญหา เพราะปัญหาสลับซับซ้อนและละเอียดอ่อน จำเป็นต้องตามเกมให้ทัน เพราะแต่ละครั้ง หากยิงคนหนึ่งจะทำให้ญาติของเขาเป็นศัตรูกับเราหมด

กกต.ตั้งคณะอนุฯ สอบมาร์คข้อหาโดนสั่งถอดยศแล้ว

กกต.ตั้งคณะอนุฯ สอบมาร์คข้อหาโดนสั่งถอดยศแล้ว
เลขาธิการ กกต.เผย ที่ประชุม เห็นชอบตั้งคณะอนุกรรมการสอบ มาร์ค ข้อหา กลาโหม สั่งถอดยศแล้ว เบื้องต้น ขอ 30 วัน สรุปข้อมูล พิจารณาส่งประธานสภาฯ เพื่อส่งต่อศาล รธน.หรือไม่?วันที่ 28 พ.ย. นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่า ในการประชุม กกต. มีมติเห็นชอบ ตามที่คณะอนุกรรมการตรวจสอบวินิจฉัยเรื่องร้องคัดค้านและปัญหา หรือข้อโต้แย้ง เสนอให้ ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ขึ้นมาตรวจสอบ กรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบ กรณีที่กระทรวงกลาโหม มีคำสั่งปลด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยทหารร้ายแรง อาจมีผลให้สมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ ต้องสิ้นสุดลงตามมาตรา 102(6) ประกอบมาตรา106 (5) ของ รัฐธรรมนูญหรือไม่ หากเห็นว่า มีมูลก็ให้ส่งเรื่องไปยังประธานสภาฯ เพื่อให้ประธานสภาฯ ส่งเรื่อง ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ให้สิ้นสภาพความเป็น ส.ส.ตามมาตรา 91โดยเบื้องต้น กกต.ให้เวลาในการดำเนินการ 30 วัน นับแต่ที่ กกต.แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ จะต้องไปเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายอภิสิทธิ์  รมว.กลาโหม มาสอบถามข้อเท็จจริง ทั้งนี้ หากเสร็จไม่ทัน สามารถขยายเวลาได้ แต่ก็อยู่ที่ กกต.จะอนุญาตให้ขยายเวลาตามที่ขอหรือไม่?.

ดีเอสไอฟัน แทนกับพวก รุกที่เขาแพง

ดีเอสไอฟัน แทนกับพวก รุกที่เขาแพง
ดีเอสไอสรุปสำนวนสั่งฟ้อง “แทน เทือกสุบรรณ” ลูกชาย สุเทพ เทือกสุบรรณ คดีบุกรุกที่เขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ฯ 14 ไร่ นัดนำตัวส่งฟ้องอัยการจันทร์ 3 ธ.ค.นี้ ...ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 28 พ.ย. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอแถลงสรุปสำนวนสั่งฟ้องนายแทน เทือกสุบรรณ ลูกชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายพงษ์ชัย ฟ้าทวีพร ผจก.ห้างหุ้นส่วนเรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น นายสามารถ เรืองศรี นายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล รวม 4 คน ในคดีบุกรุกที่ดินสาธารณะในพื้นที่เทือกเขาแพงหมู่ 6 ตำบลแม่น้ำ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมจำนวน 45 ไร่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า จากกรณีมีการร้องเรียนต่อดีเอสไอกรณีการบุกรุกที่ดินของรัฐและป่า ในพื้นที่เทือกเขาแพง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ฯ ของนายแทนเทือกสุบรรณ กับพวก ที่ผ่านมาได้มีการตรวจสอบโดยมีการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2555 ให้กรณีการบุกรุกที่ดินของรับและป่าในพื้นที่อำเภอเกาะสมุยจังหวัดสุราษฎร์ฯ เป็นคดีพิเศษโดยมีอัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุดร่วมสอบสวน จากการลงพื้นที่ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษสรุปได้ว่า การออกเอกสารสิทธิในพื้นที่เขาแพงของนายแทน เทือกสุบรรณ กับพวกเป็นการออกโดยมิชอบดังนี้ 1. กรณี นส.3 ก.เลขที่ 3301, 3302 และ 3285 เป็นการออกเกินจากหลักฐาน ส.ค.1 จำนวน 2 แปลง และ นำเอา ส.ค.1 ของที่ดินแปลงอื่นมาอ้างออกในที่เกิดเหตุ โดยมิชอบอีก 1 แปลง รวมเนื้อที่ออกมิชอบจำนวน 31 ไร่ 2 งาน 97 ตารางวาผู้เกี่ยวข้องคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัดเรืองปัญญาฯ นายพงษ์ชัย ฟ้าทวีพร หุ้นส่วนผู้จัดการฯ หจก.เรืองปัญญาฯ และนายสามารถ เรืองศรี หุ้นส่วนอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า 2. กรณีนำเอา นส.3 ก.ตามข้อ 1. มาออกเป็นโฉนดเลขที่ 28109 โดยออกเกินจากหลักฐานเดิม 14 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้ผู้ที่เกี่ยวข้องคือ นายแทน เทือกสุบรรณ และนายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล โดยนายแทน เป็นผู้ซื้อที่ดิน นส.3 ก.ทั้งสามแปลง และนำไปออกโฉนด ซึ่งหลังออกโฉนดได้มีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มาปิดกั้นลำรางสาธารณประโยชน์ที่ไหลจากภูเขาเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นโรงแรมและบ้านพักตากอากาศหรูบนเขาแพงของนายแทน และพวก เป็นการส่วนตัว ทำให้ประชาชนที่มีที่ดินอยู่ใต้อ่างเก็บน้ำไม่มีน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติใช้ รวมถึงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กบนพื้นที่เกิดเหตุจากเชิงเขาไปถึงยอดเขา นายธาริต กล่าวอีกว่า ต่อมากรมที่ดินได้มีคำสั่งเพิกถอนพื้นที่ส่วนเกินดังกล่าวออกจากโฉนดที่ดิน โดยให้เหตุผลว่าเป็นการนำเอาที่ดินนอกหลักฐานมาออกและที่ดินบริเวณดังกล่าว จากผลการอ่านแปลวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศของสำนักงาน ป.ป.ช. พบว่าไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์แต่อย่างใด คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้พิจารณาและมีความเห็นว่า การกระทำของนายพงษ์ชัย ฟ้าทวีพร นายสามารถ เรืองศรี นายแทน เทือกสุบรรณ นายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล เป็นความผิดฐาน ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น (ที่ดินที่มีความลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นพื้นที่ป่า ตามมติ ครม.เมื่อปี 2528) และเข้าไปยึดถือครอบครอง ก่อสร้าง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐ โดยมิได้มีสิทธิ์ครอบครอง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 และ ประมวลกฎหมายที่ดิน อธิบดีดีเอสไอกล่าวอีกว่า คดีดังกล่าวเหตุเกิดระหว่างวันที่ 17 พ.ค.2544 ถึงปัจจุบัน ดีเอสไอจึงมีความเห็นสั่งฟ้องและจะส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนต่ออธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษในวันจันทร์ที่ 3 ธ.ค.นี้ สำหรับความผิดในเรื่องการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบซึ่งเป็นความผิดต่อเจ้าพนักงานนั้น อยู่ในอำนาจของ สำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้สรุปเรื่องส่งให้สำนักงาน ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนต่อไป.

Blog Archive