Friday, January 4, 2013

ส.ว.เลือกตั้ง เลี่ยงข้อครหาแก้ รธน.เพื่อตัวเอง ยังไม่แตะปลดล็อกวาระ

ส.ว.เลือกตั้ง เลี่ยงข้อครหาแก้ รธน.เพื่อตัวเอง ยังไม่แตะปลดล็อกวาระ
ส.ว.เลือกตั้ง เลี่ยงข้อครหา แก้ รธน.เพื่อตัวเอง ยังไม่แตะปลดล็อกวาระ แต่จ่อเพิ่มจำนวน ส.ว.จาก 150 เป็น 200 คน.... วันที่ 4 ม.ค. ที่รัฐสภา นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ส.ว.ชลบุรี เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวว่า การนัดหารือนอกรอบของ กลุ่ม ส.ว.เลือกตั้ง ในวันที่ 7 ม.ค. เวลา 18.00 น. หลังเสร็จจากการประชุมวุฒิสภา ถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรานั้น มีประเด็นที่ต้องพูดคุยกันคือ เรื่องการแก้ไขให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ และทำให้การบริหารราชการแผ่นดิน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะ มาตรา 190 ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญครั้งที่แล้ว ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ก็แก้ แต่ประเด็นการเมือง แต่ไม่ได้ดูเรื่องมาตรา 190 เลย ส่วนประเด็นการปลดล็อกให้ ส.ว.เลือกตั้ง สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ติดต่อกันนั้น ซึ่งอยู่ในส่วนของมาตรา 117 นั้น เรายังไม่พิจารณาถึง เพราะอาจถูกมองว่า ทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเองได้ แต่มีความเห็นร่วมกัน ในเบื้องต้นว่า ควรแก้ไขในมาตรา 111 เพื่อเพิ่มจำนวน ส.ว. จาก 150 คน เป็น 200 คน ตามแนวทางรัฐธรรมนูญ 40 โดยเพิ่มในส่วนของ ส.ว.เลือกตั้ง ให้คิดตามฐานประชากร ซึ่งจะทำให้จังหวัดใหญ่มี ส.ว.มากกว่า 1 คน แต่จะไม่ให้ไปกระทบกับ ส.ว.สรรหา โดยอาจเขียนเป็นบทเฉพาะกาลเอาไว้ ให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะครบวาระ โดยการเสนอแก้ไขเป็นรายมาตรานี้ จะยึดตามข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มี นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี เป็นประธานฯ ที่ยังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องพิจารณา.

กิตติรัตน์ดับฝันเอกชน ลั่นไม่ช่วยจ่ายชดเชยค่าแรง 300

กิตติรัตน์ดับฝันเอกชน ลั่นไม่ช่วยจ่ายชดเชยค่าแรง 300
โต้ง ชี้ปรับค่าแรง 300 กลไกสำคัญปรับสมดุลเศรษฐกิจประเทศ ลดพึ่งส่งออก ปรับลงทุนภาครัฐ คู่ปลุกใช้จ่ายภายใน ชี้กลุ่มเสี่ยง คือ อุตสาหกรรมใช้แรงงานจำนวนมาก แต่ผลิตสินค้ามูลค่าต่ำ...เมื่อวันที่ 5 ม.ค. มีรายงานว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จัดรายการ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยนายกิตติรัตน์ กล่าวว่า เป้าหมายของรัฐบาลพยายามปรับสมดุลทางเศรษฐกิจ จากในอดีตประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกมากเกินไป ในขณะที่วงล้อทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ยังทำงานไม่มีประสิทธิภาพทั้งในด้านกำลังซื้อภายในประเทศ การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชน ดังนั้น รัฐบาลพยายามปรับกำลังซื้อภายในประเทศให้สูงขึ้น ด้วยการให้ผู้ใช้แรงงานทั้งกลุ่มที่มีรายได้น้อย และรายได้ปานกลาง มีกำลังซื้อที่สูงขึ้น ควบคู่วางแผนการใช้จ่ายภาครัฐให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการเตรียมตัวให้พร้อมจัดซื้อจัดจ้างได้ทันที ไม่ต้องไปกระจุยตัวเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายเหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา ในส่วนการลงทุนภาคเอกชน หากอัตราดอกเบี้ยมีเสถียรภาพ อััตราแลกเปลี่ยนมีความเหมาะสม รวมถึง กำลังซื้อในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ใช้แรงงานจะเป็นตลาดสำคัญของภาคธุรกิจ ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุน  ทั้งการลงทุนใหม่และการขยายกิจการ  ทั้งนี้ การเพิ่มค่าแรงขั้นต้น 300 บาท ถือเป็นส่วนสำคัญด้านหนึ่ง แม้การปรับเพิ่มดังกล่าว ภาคเอกชนจะกังวลเรื่องต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น  ทว่า ต้นทุนที่ควรจะเพิ่มมากที่สุด คือ  ค่าแรงของคนงาน เพราะหากคนงานมีกำลังซื้อมากยิ่งขึ้น จะมีกำลังกลับมาซื้อสินค้าหรือบริการต่างๆ อีกครั้ง ในที่สุดผลประโยชน์จะกลับมาสู่ภาคธุรกิจ ปี 2556 จะเป็นปีแห่งการปรับสมดุลกำลังซื้อภายในประเทศจะเกิดขึ้นอีกรอบหนึ่ง เพราะการปรับค่าแรงขั้นต่ำเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา รวมถึง การปรับประสิทธิภาพในการลงทุนภาครัฐ งบปี 2557 ที่จะเริ่มขึ้นในเดือนตุลาคม 2556 ขณะนี้ ท่านนายกฯ ให้ทำงานอย่างเข้มข้น ให้เตรียมความพร้อม เมื่อเข้าสภาฯแล้ว สามารถเบิกจ่ายได้ทันที ดังนั้น ผมจึงมั่นใจว่าเศรษฐกิจปี 56 จะดีเท่าๆ กับปี 55 หรือดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะการปรับสมดุลจะเห็นชัดเจนมากขึ้น  รองนายกฯ กล่าวนายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า สำหรับภาคอุตสาหกรรมที่อาจมีความเสี่ยง คือ ในกลุ่มที่ใช้แรงงานจำนวนมาก แต่ผลิตสินค้าที่มูลค่าต่ำ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่อดีตประเทศไทยเคยรับช่วงผลิตต่อจากต่างประเทศ  ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่อุตสาหกรรมไทยจะต้องส่งต่อไปยังประเทศที่มีค่าแรงต่ำกว่า และหันมาผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดีขึ้น  ทั้งนี้ รัฐบาลมั่นใจว่า ภาคเอกชนสามารถปรับตัวรองการปรับค่าแรงได้แล้ว เพราะรัฐบาลได้ประกาศนโยบายล่วงหน้านับปี ในขณะที่ บางโรงงานที่ยังไม่สามารถปรับตัว ทางรัฐบาลได้ขยายเวลามาตรการช่วยเหลือ 11 ข้อออกไป รวมถึง กำลังหารือร่วมกับภาคเอกชน เพื่อเตรียมมาตรการเสริมใหม่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในเร็วๆ นี้  อย่างไรก็ตาม  มาตรการที่ภาคเอกชนเสนอยากให้ภาครัฐจ่ายชดเชยส่วนต่างค่าแรงค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น คงไม่สามารถทำให้ได้ รัฐบาลจะช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะระดับเอสเอ็มอี ในด้านลดผลกระทบค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ เพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการ และเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ ส่วนการปิดกิจการของโรงงานที่เป็นข่าวขณะนี้ ในความเป็นจริงแล้ว การทำธุรกิจทั่วไป ต้องมีทั้งกำไรขาดทุน ปิดกิจการและขยายกิจการเป็นปกติอยู่แล้ว การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ คงไม่ใช่เหตุหลักจนทำให้ภาคธุรกิจต้องหยุดกิจการ ด้านนายเผดิมชัย กล่าวว่า เวลานี้ ยังเร็วเกินไปที่จะรู้ถึงผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญอยากให้คิดว่า เมื่อค่าแรงปรับขึ้นทั่วประเทศ จะทำให้แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องเข้ามาทำงานในเมือง และกำลังซื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้นด้วยอย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงแรงงานได้จับตาดูตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบว่า ภาคเอกชนได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวมากน้อยเพียงใด ซึ่งภาครัฐเตรียมจะมาแนวทางเยียวยาช่วยเหลืออยู่แล้ว  ควบคู่กับทางตัวผู้ประกอบการเองต้องเร่งปรับตัว เพิ่มผลิตภาพ และมูลค่าสินค้าหรือบริการ ส่วนนายอาคม ระบุว่า ภาครวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ (2556) จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่ปีผ่านมา (2555) ชะลอจากผลกระทบอุทกภัยใหญ่ รวมถึงวิกฤติเศรษฐกิจโลก แต่จากแนวโน้มการส่งออกเมื่อปลายปีที่แล้ว รวมถึง การเร่งลงทุนภายในประเทศ เชื่อว่า อัตราการเติบโตของไทยปีนี้อยู่ที่ 5.5% และการส่งออกขยายตัว 9% .

โฆษก ปชป.อัดรัฐจงใจละเลยทำเขมรได้เปรียบเขาพระวิหาร

โฆษก ปชป.อัดรัฐจงใจละเลยทำเขมรได้เปรียบเขาพระวิหาร
ชวนนท์ อัด รัฐฯจงใจละเลย ให้กัมพูชาได้เปรียบกรณีปราสาทพระวิหาร ตอกย้ำ แถลงการณ์ร่วมฯ ที่นพดล ปัทมะเคยลงนาม สมัยเป็นรมว.กต. เป็นต้นเหตุให้เขมรเดินหน้าเป็นมรดกโลกได้วันที่ 5 ม.ค. นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคปชป. ในฐานะอดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กรณีเขาพระวิหาร ไม่ใช่เรื่องการสร้างกระแส เพราะเรื่องดังกล่าว เริ่มต้นจากการที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ ออกมาระบุทำนองว่า ให้คนไทยยอมรับความพ่ายแพ้ อีกทั้งท่าที ของรัฐบาลเพื่อไทย ยังยอมให้กัมพูชาจัดประชุมมรดกโลก แต่เพียงฝ่ายเดียว จากที่ไทย มีการแข่งขันทุกปี ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ส่วนกรณี นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้อ้างว่า ไม่เกี่ยวกับแถลงการณ์ร่วมฯไทย-กัมพูชานั้น แท้ที่จริงก็เป็นสิ่งที่มัดตัวนายนพดล เอง เพราะการเซ็นคำสั่ง แล้วศาลสั่งยกเลิกไปแล้วนั้น  ชัดเจนว่าทาง กัมพูชา ไม่ได้ยกเลิกไปด้วย แต่กลับนำเรื่องไปยื่นเป็นมรดกโลกจนสำเร็จเรียบร้อย  ทั้งนี้ ส่วนตัวมีหลักฐานชัดเจน แต่ขอดูก่อนว่า จะนำมาแสดงในวันนี้หรือไม่? ยืนยัน ไม่มีการบิดเบือนเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้ นายชวนนท์ ยังตอกย้ำอีกว่า  รัฐบาลมีการปล่อยปละละเลยให้กัมพูชาได้เปรียบ และเพิกเฉยต่อกรณีนี้

Blog Archive