Thursday, February 21, 2013

ปชป. แฉ เวนคืนสายสีสัม พ่วงสร้างห้าง

ปชป. แฉ เวนคืนสายสีสัม พ่วงสร้างห้าง
ประชาธิปัตย์ซัดมือมืดบงการเวนคืนที่รถไฟฟ้าสีส้ม หวังฟันกำไรที่ดินเชิงพาณิชย์ รมช.คมนาคม โต้ไม่เอื้อใคร อ้างเผื่อที่ไว้จัดระบบจราจร ...วันที่ 21 ก.พ. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน เพื่อพิจารณากระทู้ถามสด การเวนคืนพื้นที่ก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบมีการเวนคืนพื้นที่ของประชาชนเพื่อใช้ในการก่อสร้าง โดยเปรียบเทียบกับโครงการที่ผ่านมา สูงถึง 8 เท่า สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน มีข้อครหาว่ารัฐบาลจ้องหารายได้เตรียมนำพื้นที่ไปสร้างศูนย์การค้า เช่น สถานีประตูน้ำ พันธุ์ทิพย์พลาซ่า-แพลทินัม เวนคืน 2-3 ไร่ ทั้งที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ออกแบบไว้เดิมใช้พื้นที่น้อย ซึ่งผู้ว่าการ รฟม. ก็รับว่าส่วนหนึ่งจะทำเป็นศูนย์การค้า แต่ไม่รู้กี่ชั้น ซึ่งอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ หากมีคนร้องศาลปกครอง และหากมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โครงการต้องล่าช้าไป จะกระทบต่อเศรษฐกิจและการจราจร และยังมีเสียงครหาว่าเอื้อประโยชน์เจ้าของที่ดินใกล้เคียง หากมีการพัฒนาเชิงพาณิชย์ และการส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจบอกว่าบางอาคาร อาทิ อาคารบุญดิศ บอกว่าเป็นอาคารร้าง แต่ข้อเท็จจริงมีคนอยู่นับ 100 ครัวเรือน อยากทราบว่ามีคนใกล้ชิดของฝ่ายรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นายประเสริฐ จันทรวงทอง รมช.คมนาคม ชี้แจงว่า ยอมรับว่ามีการเวนคืนที่ดินมากกว่าโครงการที่ผ่านๆมา เนื่องจากแนวก่อสร้างสถานีถนนราชปรารภมีแนวท่อระบายน้ำของ กทม. เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 เมตรวางอยู่ ทำให้เทคนิคออกแบบต้องคำนึงถึงจุดนี้ด้วย รวมถึงสภาพการจราจรที่หนาแน่น เช่น สถานีบีทีเอสหมอชิต พื้นที่ที่เวนคืนจะได้จัดระบบให้รถรับส่งอำนวยความสะดวกผู้โดยสารไม่ให้กระทบต่อการจราจรโดยรวม คาดว่าในอนาคตแต่ละสถานีต้องรองรับผู้โดยสารไม่ต่ำกว่าวันละ 5 แสนคน การเปรียบเทียบว่าโครงการอื่นใช้พื้นที่น้อยกว่า เป็นเพราะไม่ได้คำนึงจุดนี้ส่วนที่บอกว่ามีคนได้ประโยชน์นั้น หลักการที่รฟม.คำนึงถึงคือ เทคนิค วิศวกรรม ผลประโยชน์ส่วนรวม และผลกระทบที่เกิดจากโครงการน้อยที่สุด แนวที่เวนคืนได้ดูว่ากระทบน้อยที่สุดแล้ว ขณะนี้โครงการอยู่ระหว่างสำรวจและออกแบบศึกษารายละเอียด ยังไม่มีการเวนคืนจะจัดสำรวจและจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ในเดือน ก.พ.2557 แต่จะจัดสำรวจความเห็นประชาชนต้นเดือน มี.ค.2556 ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เอื้อประโยชน์ผู้ใด.

โอละพ่อ! ลูกเหลิมที่แท้ ดาราไอซ์-อะมีนา เจ้าตัวงง!?

โอละพ่อ! ลูกเหลิมที่แท้ ดาราไอซ์-อะมีนา เจ้าตัวงง!?
ไอซ์ อะมีนา งง หลัง วัชระ เพชรทอง ส.ส.ปชป.ชูรูปหน้าคล้าย อ้างหอบลูก 3 เดือนมาสภาฯ อ้างมาหาพ่อนามสกุล อยู่บำรุง ยันไม่ใช่ลูกเฉลิม เผยมีพ่อเป็นชาวปากีสถานทำงานอยู่ต่างประเทศจากกรณี นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงวันนี้ว่า มีสุภาพสตรีรายหนึ่งอ้างว่านามสกุล อยู่บำรุง อุ้มลูกชายวัย 3 เดือน เดินทางมารัฐสภาเพื่อตามหาบิดา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาไม่ยอมให้เข้า ผู้หญิงคนดังกล่าวจึงอุ้มลูกไปนั่งที่ป้ายรถเมล์ หน้ารัฐสภา โดยระหว่างแถลงข่าว นายวัชระ ได้ชูรูปถ่ายหน้าตาคล้าย นักแสดงวัยรุ่น ไอซ์-อะมีนา กูล ล่าสุด ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ได้โทรศัพท์สอบถามเรื่องดังกล่าวกับผู้จัดการส่วนตัวของ ไอซ์-อะมีนา เปิดเผยกับไทยรัฐออนไลน์ว่า เมื่อ 5 นาทีที่ผ่านมา น้องไอซ์ ได้โทรมาหา พร้อมบอกว่าน้องไอซ์งงมาก เพราะมีเพื่อนโทรมาถามว่าเป็นลูก คุณเฉลิม อยู่บำรุง..จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง ไอซ์ไม่ใช่แน่นอน โดยน้องไอซ์ กล่าวไปพลางหัวเราะไป และยังได้ขอคำปรึกษาตนว่าควรทำอย่างไรจากนั้นก็ได้วางสายไป โดยบอกก่อนวางว่าจะโทรไปขอคำปรึกษากับพี่ในวงการ ผจก. ส่วนตัวไอซ์ อะมีนา เผยอีกว่า พ่อน้องไอซ์ เป็นคนปากีสถาน อยู่ต่างประเทศ น้องไอซ์ อยู่ กับน้องและย่า แม่มาหาเป็นบางครั้ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยว่าจะเป็นลูกของนักการเมือง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไอซ์ อะมีนา เคยแสดงภาพยนตร์ เรื่อง รักสุดทีน กับพระเอกชื่อดัง มาริโอ้ เมาเร่อ ล่าสุด ยังมีละครเรื่อง ตะวันฉายในม่านเมฆ ทางไทยทีวีสีช่อง 3 อีกด้วย.

อึ้ง! เทงบ32ล้าน ขน ขรก.450คน ทัวร์อาเซียน

อึ้ง! เทงบ32ล้าน ขน ขรก.450คน ทัวร์อาเซียน
น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.ปชป. อ้าง นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ ชงงบ 32 ล้านบาท ขนข้าราชการสภาฯ 450 ชีวิต ทัวร์อาเซียน โวย มีลัดคิว วิ่งรอก ข้ามหัวเพียบ...วันนี้ (21 ก.พ.56) ที่รัฐสภา น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหารือต่อที่ประชุมสภาฯ ถึงกรณีได้รับเรื่องร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่รัฐสภาว่า นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ ได้จัดงบประมาณถึง 32 ล้านบาท เพื่อให้เจ้าหน้าที่สภาฯ ไปดูงานต่างประเทศ  โดยเจ้าหน้าที่ระดับล่างหลายคนต่างร้องเรียนว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ใกล้เกษียณ และบางฝ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องซึ่งเคยไปต่างประเทศมาแล้วหลายครั้งก็ยังจะไปอีก แต่ปิดกั้นโอกาสของเจ้าหน้าที่ระดับล่าง ซึ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติทำงานมาทั้งปี ไม่มีโอกาสมาเปิดหูเปิดตา   ทั้งนี้น่าสังเกตว่า มีการจัดงบประมาณมากเช่นนี้โดยแอบตกลงโดยไม่มีการแจ้งให้สมาชิกรับทราบหรือไม่ และหากไม่มีการร้องเรียนก็คงไม่มีการทราบ โดยการทัวร์ดังกล่าวแจ้งไปที่ประเทศ                ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามเอกสารด่วนที่สุดของรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เลขรับ 123/56 ลงวันที่ 13 ก.พ.56 เรื่องแจ้งรายละเอียดเข้าร่วมโครงการเยือนและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาในกลุ่มอาเซียน โดยมีรายละเอียดระบุว่า ตามที่เลขาสภาฯ ได้อนุมัติให้สำนักพัฒนาบุคลากร สำนักเลขาธิการสภาฯ ได้จัดโครงการเยือนและสร้างความสัมพันธ์รัฐสภาในกลุ่มอาเซียนร่วม 18 คณะ จำนวนข้าราชการทั้งสิ้น 450 คน งบประมาณรายการค่าใช่จ่ายในการสนับสนุนภารกิจของ ส.ส.ในการส่งเสริมข้าราชการสภาฯ ดูงานครั้งนี้จำนวน 32 ล้านบาท ในกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 9 ประเทศ ในระหว่างช่วงเดือน ก.พ. - พ.ค.56                ทั้งนี้ กลุ่มที่ 1 มีจำนวน 25 คน เดินทางวันที่ 5-8 มี.ค. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว คณะที่ 2 จำนวน 25 คน ระหว่างวันที่ 10-13 มี.ค. ราชอาณาจักรกัมพูชา คณะที่ 3 จำนวน 25 คน ระหว่างวันที่ 16-19 มี.ค. ไปสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม คณะที่ 4 จำนวน 25 คน วันที่ 6-9 มี.ค. ไปประเทศมาเลเซีย คณะที่ 5 จำนวน 25 คน เดินทางไป 28 ก.พ. -3 มี.ค. ประเทศสิงคโปร์ คณะที่ 6 จำนวน 25 คน วันที่ 23-26 ก.พ. สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ คณะที่ 7 จำนวน 25 คน ระหว่างที่ 4-7 มี.ค. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย  คณะที่ 8 จำนวน 25 คน ระหว่างวันที่ 24-27 มี.ค. สหภาพเมียนมาร์ คณะที่ 9 จำนวน 25 คน ระหว่างวันที่ 9-12 มี.ค. ประเทศบรูไน คณะที่ 10 จำนวน 26 คน ระหว่างวันที่ 21-/24 เม.ย. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว คณะที่ 11 จำนวน 26 คน ระหว่างวันที่ 7-10 เม.ย.ราชอาณาจักรกัมพูชา  คณะที่ 12 จำนวน 26 คน ระหว่างวันที่ 28 เม.ย. - พ.ค.56 สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม   คณะที่ 13 จำนวน 26 คน ระหว่างวันที่ 28 เม.ย. - พ.ค.56 ประเทศมาเลเซีย คณะที่ 14 จำนวน 26 คนระหว่างวันที่ 7-10 เม.ย.ประเทศสิงคโปร์ คณะที่ 15 จำนวน 26 คน ระหว่างวันที่ 10-13 มี.ค. สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ คณะที่ 16 จำนวน 26 คน ระหว่างวันที่ 24-27 มี.ค. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย คณะที่ 17 จำนวน 26 คน ระหว่างวันที่ 21-24 พ.ค. สหภาพเมียนมาร์ และคณะที่ 18 จำนวน 26 คน ระหว่างวันที่ 8-11 พ.ค.ประเทศบรูไน                ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติของข้าราชการของสำนักเลขาธิการสภาฯ ที่จะไปดูงาน โดยให้รองเลขาธิการสภาฯ เป็นหัวหน้าคณะเดินทาง และเป็นผู้เสนอรายชื่อข้าราชการ ซึ่งต้องสังกัดสำนักเลขาธิการสภาฯ เท่านั้น โดยเรียงลำดับความอาวุโส แต่ข้อเท็จจริงกลับพบว่า มีรองเลขาธิการบุคคลเดียวได้วิ่งรอกไปหลายประเทศ และยังมีข้าราชการจากสำนักเลขาธิการวุฒิสภาฯ ไปด้วย ซึ่งผิดหลักเกณฑ์ของโครงการนี้  นอกจากนี้ยังพบว่ามีข้าราชการบรรจุใหม่ สามารถลัดคิวไปร่วมคณะได้ด้วย เรื่องดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจแก่ข้าราชการที่ถูกข้ามหัว สำหรับโครงการดังกล่าวนี้ถือเป็นนโยบายของ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ คนที่ 1 โดยมอบเรื่องผ่านสำนักพัฒนาบุคลากรเป็นผู้ดำเนินการ

Blog Archive