Wednesday, April 3, 2013

เข้ากระทรวง5เม.ย. สมศักย์ลุยท่องเที่ยว เน้นลดอาชญากรรม

เข้ากระทรวง5เม.ย. สมศักย์ลุยท่องเที่ยว เน้นลดอาชญากรรม
สมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาคนใหม่ ฟิตจัด เดินเครื่องท่องเที่ยว เน้น ลดอาชญากรรม ยัน “ป๋าเติ้ง” ไม่ล้วงลูกการทำงาน พร้อมเข้ากระทรวง 5 เม.ย.นี้ วันที่ 3 เม.ย. นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายการทำงานในกระทรวง ว่า ตนจะเน้นความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สินนักท่องเที่ยว หลายประเทศนักท่องเที่ยวประสบปัญหาการก่ออาชญากรรม ถ้าหากเราให้ความมั่นใจกับนักท่องเที่ยว เรื่องนี้ภาพลักษณ์ประเทศไทยจะดีขึ้น ทุกวันนี้เขามองว่า เมืองไทยมีแนวโน้มอาชญากรรมสูง ฉะนั้น ต้องอาศัยเครือข่ายมหาดไทย กระบวนการยุติธรรม โดยต้องหารือในทุกระดับทั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เราเป็นเจ้าหน้าที่ ต้องอนุเคราะห์นักท่องเที่ยวที่ประสบปัญหา อย่าให้เขากลับไปเขียนเฟซบุ๊ก หรือ ยูทูบ เพราะจะก่อให้เกิดปัญหามากยิ่งขึ้นอีก ถ้าเป็นไปได้ เราน่าจะใช้เครือข่ายจากโลกไซเบอร์ ให้ช่วยเป็นตาวิเศษในเรื่องนี้ จะทำให้ภาพของไทยน่าเที่ยวสูงมากขึ้น ทั้งนี้ ตราบใดที่คนไทยเป็นสยามเมืองยิ้ม ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกระดับ เชื่อมั่นว่า การท่องเที่ยวจะไปได้ ส่วนรายได้จากการท่องเที่ยว จะได้ตามเป้าหรือไม่ ต้องประสานทุกภาคส่วนก่อน และรายได้การท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการ ส่วนการเดินหน้าเวิลด์เอ็กโปร หรือไม่นั้น ตนขอรับทราบนโยบายจากผู้ใหญ่ก่อน ทั้งนี้ การเป็นจะเป็นเจ้าภาพก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมทั้งสภาพแวดล้อม และเศรษฐกิจด้วยเมื่อถามว่า เป็นห่วงข่าวที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา จะเข้ามาล้วงลูกหรือไม่ นายสมศักย์ กล่าวว่า ตนอยู่สุพรรณบุรีมา 8 ปี ท่านก็ให้โอกาสทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ว่า จะเป็นเรื่องของการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเมืองโบราณอู่ทอง เมื่อถามว่า เพียงแต่ว่า เป็นการรับคำแนะนำจาก นายบรรหาร นายสมศักย์ กล่าวว่า เราไปทำงานในพื้นที่ ใครก็ต้องรายงานให้ทราบ ทั้งนี้ การทำงานกับนายบรรหาร ต้องเร็ว ตนก็ทำงานเร็วอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม จะเดินทางเข้าทำงานในกระทรวงในวันศุกร์ที่ 5 เม.ย.นี้ เนื่องจากวันที่ 4 เม.ย.ต้องไปพบผู้ใหญ่ที่นัดไว้ก่อน.

ฉลุย ที่ประชุมร่วมรัฐสภา รับหลักการ ร่างแก้รธน. 3 ฉบับ

ฉลุย ที่ประชุมร่วมรัฐสภา รับหลักการ ร่างแก้รธน. 3 ฉบับ
ผลคะแนนฉลุย ที่ประชุมร่วมรัฐสภารับหลักการร่างแก้รัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ วาระแรก โดยมีคณะกรรมาธิการฯ พิจารณา 3 คณะ คณะละ 45 คน เมื่อเวลา 22.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมร่วมรัฐสภาว่า นายไพบูลย์ ซำศิริพงษ์ ส.ว.ปทุมธานี เสนอใช้ข้อบังคับการประชุมข้อ 32(5) เสนอญัตติขอปิดการอภิปรายทำให้ส.ส.ฝ่ายค้านไม่พอใจ ตะโกนโห่ฮาขอให้ถอนญัตติ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่าสะท้อนว่าส.ว.บางส่วนกับรัฐบาลกำลังสมคบกันปิดหูปิดปากฝ่ายค้านจน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานในที่ประชุม ได้หารือขอพักการประชุมให้วิป 3ฝ่ายไปหารือกันว่าจะเอาอย่างไร จากนั้นเวลา 23.15 น. เมื่อเปิดประชุมอีกครั้งนายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขอให้นายไพบูลย์ถอนญัตติเพื่อให้เวลาสมาชิกได้อภิปรายต่อ เพราะเหลือผู้อภิปรายอีกไม่มาก แต่นายไพบูลย์ยังยืนยันขอให้มีการลงมติโดยฝ่ายค้านไม่เสนอญัตติให้เปิด อภิปราย นายสมศักดิ์จึงตัดบทว่าเมื่อไม่มีใครเสนอญัตติคัดค้านก็ไม่ต้องลงมติ พร้อมกับชี้แจงขั้นตอนการลงมติโดยวิธีการขานชื่อสมาชิกทีละคนและให้โหวตทีละ ฉบับ ปรากฏว่าที่ประชุมมีมติรับหลักการวาระแรก ร่างแรก แก้ไขฯที่มาของส.ว.ด้วยคะแนน 367 ต่อ 204 เสียง งดออกเสียง 34 ร่างที่สอง แก้ไขฯมาตรา 190 ด้วยคะแนน 374ต่อ 209 เสียง งดออกเสียง 22 และร่างที่สาม แก้ไขฯมาตรา 68 และมาตรา 237 ด้วยคะแนน374 ต่อ 206 เสียง งดออกเสียง 25 ถือว่าที่ประชุมมีมติรับหลักการทั้ง 3 ร่าง โดยตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯพิจารณา3 คณะ คณะละ 45 คน

มั่นใจ ศาลรธน.แค่รับคำร้อง ฟันธงไม่ผิด

มั่นใจ ศาลรธน.แค่รับคำร้อง ฟันธงไม่ผิด
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ชี้อภิปรายในสภาโยงไปมาไม่พ้น ทักษิณ ขณะเชื่อ ศาลรัฐธรรมนูญแค่รับคำร้อง สุดท้ายมั่นใจ มาตรา 68 เอาผิดไม่ได้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการอภิปรายแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า เป็นเรื่องซ้ำซากที่อ้างว่าการแก้มาตรา 68 เพื่อนิรโทษกรรม ไม่มีสาระอะไรเลยเสียเวลาสภา โยงไปโยงมาไม่พ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร วันนี้พวกตนไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะเป็นกากเดนเผด็จการ มาตรา 190 เวลาเอาเข้าสู่สภาก็มีแต่พูดไร้สาระ ตอนตัวเองเป็นรัฐบาลกลับไม่กล้าตัดสินใจอะไรเลย และขอให้ประชาชนจำชื่อไอ้คนที่คัดค้านการแก้ประเด็นที่มาของ ส.ว.เอาไว้ และยืนยันว่าเอาใจ ส.ว.เลือกตั้ง เพราะเขามาจากการเลือกตั้ง ส่วน ส.ว.สรรหา ก็ยังมีบทเฉพาะกาลให้อยู่ต่อไปกรณีที่ ส.ว.ร่วมลงชื่อแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ ไม่มีเรื่องผลประโยชน์และที่ประธานวุฒิสภาร่วมเข้าชื่อ 2 ประเด็นก็ในฐานะ ส.ว. แต่ท่านไม่ได้ร่วมลงชื่อแก้ไขที่มาของ ส.ว.นี่คือสปิริตท่านรู้ว่าควรทำ อย่างไร จึงควรชื่นชมกัน ไม่ใช่มาตำหนิกัน และจนถึงวันนี้ยังไม่มีตรงไหนที่ทำให้เห็นว่านายนิคมไม่เป็นกลาง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ส่วนประเด็นมาตรา 68 และ 237โทษยุบพรรคต้องยกเลิก เพราะเป็นกฎหมายเผด็จการ และเราต้องการให้เกิดความชัดเจนว่าต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดวินิจฉัย ก่อนส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ไม่ใช่มารับคำร้องได้โดยตรงและจากคำสั่งเมื่อครั้งแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เราก็เลยมาเสนอแก้ไขเป็นรายมาตรา แต่ครั้งนี้ยังมีผู้ส่งเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยอีกจนสุดท้ายมีมติรับเรื่องไว้วินิจฉัย 3 คน ไม่รับ 2 คน ไปต่างประเทศอีกส่วนหนึ่ง มันมีปัญหาตรงที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีอำนาจ รับคำร้องโดยไม่ต้องผ่านอัยการสูงสุด แต่พวกตนไม่เห็นด้วย ก็ต้องมาแก้ให้ บ้านเมืองจะได้เรียบร้อย ที่คิดแก้นี่คือล้มล้างการปกครองหรือ ไม่ได้ฉกชิงวิ่งราวใครมา เป็นรัฐบาลที่สง่างาม นายกฯไทยได้รับการยอมรับจากทั่วโลก หากปล่อยไปอย่างนี้ศาลรัฐธรรมนูญไม่ต้องทำงานแล้ว เพราะจะมีแต่คนไปร้องต่อศาลฯโดยตรงจะเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย ซึ่งตนเชื่อว่าสุดท้ายเมื่อรับคำร้องแล้ว คงจะมีการไต่สวนแต่ฟันธงได้เลยว่าไม่มีความผิด เพราะในมาตรา 68 ใช้คำว่า “และ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ที่บอกว่ามีการแทรกแซงอัยการสูงสุดนั้น การสั่งยุบพรรคที่ผ่านมาล้วนผ่านอัยการสูงสุดทั้งสิ้น และถูกยุบไปแล้วหลายพรรคมีแต่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่ไม่ถูกยุบ ก็เป็นสิทธิของประชาธิปัตย์ ขนาดคดีไซฟ่อนเงิน 295 ล้านบาท โยนติ้วไปก็นึกว่าจะถูกยุบแต่สุดท้ายก็ไม่ยุบ ส่วนพรรคเพื่อไทยจะถูกยุบอีกก็ไม่มีปัญหาแต่เราต้องพูดความจริง เพื่อให้ชาวบ้านรับทราบกันตนไม่ติดใจที่ศาลฯ รับคำร้องไว้อีก ให้ประชาชนเป็นคนตัดสินจะยุบอย่างไร พวกตนก็ยังมี 265 เสียง อาจได้มากกว่าอีก บางพรรคนึกจะได้ส้มหล่นมาอีก ส้มมันหมดแล้ว ไม่มีงูเห่าภาค 3 ฟันธงงานนี้สุดท้าย ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยว่าต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น ตนกับนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ นายบุญส่ง กุลบุปผา หรือนายจรัญ ภักดีธนากุล รู้จักกันดีสมัยเป็นรมว.ยุติธรรม แต่ตนไม่เคยไปขอร้องอะไร ประกาศตรงนี้ ยุบอีกจะไม่มีการเปลี่ยนขั้วการเมือง แน่นดีแต่มีบ้างที่ไม่รู้จะทะเลาะกับใคร ก็เอากันหน่อยในพรรค ซึ่งนายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ประท้วง ร.ต.อ.เฉลิม พูดนอกประเด็น พร้อมกับกล่าวหาว่าพูดเหมือนคนเมา เพราะมีประวัติในสภา ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิมตอบกลับว่า ไม่เสียหาย ไม่ถือสา ไม่ใส่ใจ นอกจากว่าที่ตนพูดมันโดนกลางใจใช่ไหม จะมาเลื่อนชั้นจากการประท้วงไม่ได้ ประชาชนเขารู้ว่าใครเป็นใคร จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่าเราต้องการทำให้ทุกอย่างมันอยู่ในรูปในรอย.

Blog Archive