Wednesday, April 3, 2013

มั่นใจ ศาลรธน.แค่รับคำร้อง ฟันธงไม่ผิด

มั่นใจ ศาลรธน.แค่รับคำร้อง ฟันธงไม่ผิด
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ชี้อภิปรายในสภาโยงไปมาไม่พ้น ทักษิณ ขณะเชื่อ ศาลรัฐธรรมนูญแค่รับคำร้อง สุดท้ายมั่นใจ มาตรา 68 เอาผิดไม่ได้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการอภิปรายแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า เป็นเรื่องซ้ำซากที่อ้างว่าการแก้มาตรา 68 เพื่อนิรโทษกรรม ไม่มีสาระอะไรเลยเสียเวลาสภา โยงไปโยงมาไม่พ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร วันนี้พวกตนไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะเป็นกากเดนเผด็จการ มาตรา 190 เวลาเอาเข้าสู่สภาก็มีแต่พูดไร้สาระ ตอนตัวเองเป็นรัฐบาลกลับไม่กล้าตัดสินใจอะไรเลย และขอให้ประชาชนจำชื่อไอ้คนที่คัดค้านการแก้ประเด็นที่มาของ ส.ว.เอาไว้ และยืนยันว่าเอาใจ ส.ว.เลือกตั้ง เพราะเขามาจากการเลือกตั้ง ส่วน ส.ว.สรรหา ก็ยังมีบทเฉพาะกาลให้อยู่ต่อไปกรณีที่ ส.ว.ร่วมลงชื่อแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ ไม่มีเรื่องผลประโยชน์และที่ประธานวุฒิสภาร่วมเข้าชื่อ 2 ประเด็นก็ในฐานะ ส.ว. แต่ท่านไม่ได้ร่วมลงชื่อแก้ไขที่มาของ ส.ว.นี่คือสปิริตท่านรู้ว่าควรทำ อย่างไร จึงควรชื่นชมกัน ไม่ใช่มาตำหนิกัน และจนถึงวันนี้ยังไม่มีตรงไหนที่ทำให้เห็นว่านายนิคมไม่เป็นกลาง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ส่วนประเด็นมาตรา 68 และ 237โทษยุบพรรคต้องยกเลิก เพราะเป็นกฎหมายเผด็จการ และเราต้องการให้เกิดความชัดเจนว่าต้องส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดวินิจฉัย ก่อนส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ไม่ใช่มารับคำร้องได้โดยตรงและจากคำสั่งเมื่อครั้งแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เราก็เลยมาเสนอแก้ไขเป็นรายมาตรา แต่ครั้งนี้ยังมีผู้ส่งเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยอีกจนสุดท้ายมีมติรับเรื่องไว้วินิจฉัย 3 คน ไม่รับ 2 คน ไปต่างประเทศอีกส่วนหนึ่ง มันมีปัญหาตรงที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีอำนาจ รับคำร้องโดยไม่ต้องผ่านอัยการสูงสุด แต่พวกตนไม่เห็นด้วย ก็ต้องมาแก้ให้ บ้านเมืองจะได้เรียบร้อย ที่คิดแก้นี่คือล้มล้างการปกครองหรือ ไม่ได้ฉกชิงวิ่งราวใครมา เป็นรัฐบาลที่สง่างาม นายกฯไทยได้รับการยอมรับจากทั่วโลก หากปล่อยไปอย่างนี้ศาลรัฐธรรมนูญไม่ต้องทำงานแล้ว เพราะจะมีแต่คนไปร้องต่อศาลฯโดยตรงจะเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย ซึ่งตนเชื่อว่าสุดท้ายเมื่อรับคำร้องแล้ว คงจะมีการไต่สวนแต่ฟันธงได้เลยว่าไม่มีความผิด เพราะในมาตรา 68 ใช้คำว่า “และ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ที่บอกว่ามีการแทรกแซงอัยการสูงสุดนั้น การสั่งยุบพรรคที่ผ่านมาล้วนผ่านอัยการสูงสุดทั้งสิ้น และถูกยุบไปแล้วหลายพรรคมีแต่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่ไม่ถูกยุบ ก็เป็นสิทธิของประชาธิปัตย์ ขนาดคดีไซฟ่อนเงิน 295 ล้านบาท โยนติ้วไปก็นึกว่าจะถูกยุบแต่สุดท้ายก็ไม่ยุบ ส่วนพรรคเพื่อไทยจะถูกยุบอีกก็ไม่มีปัญหาแต่เราต้องพูดความจริง เพื่อให้ชาวบ้านรับทราบกันตนไม่ติดใจที่ศาลฯ รับคำร้องไว้อีก ให้ประชาชนเป็นคนตัดสินจะยุบอย่างไร พวกตนก็ยังมี 265 เสียง อาจได้มากกว่าอีก บางพรรคนึกจะได้ส้มหล่นมาอีก ส้มมันหมดแล้ว ไม่มีงูเห่าภาค 3 ฟันธงงานนี้สุดท้าย ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยว่าต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น ตนกับนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ นายบุญส่ง กุลบุปผา หรือนายจรัญ ภักดีธนากุล รู้จักกันดีสมัยเป็นรมว.ยุติธรรม แต่ตนไม่เคยไปขอร้องอะไร ประกาศตรงนี้ ยุบอีกจะไม่มีการเปลี่ยนขั้วการเมือง แน่นดีแต่มีบ้างที่ไม่รู้จะทะเลาะกับใคร ก็เอากันหน่อยในพรรค ซึ่งนายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ประท้วง ร.ต.อ.เฉลิม พูดนอกประเด็น พร้อมกับกล่าวหาว่าพูดเหมือนคนเมา เพราะมีประวัติในสภา ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิมตอบกลับว่า ไม่เสียหาย ไม่ถือสา ไม่ใส่ใจ นอกจากว่าที่ตนพูดมันโดนกลางใจใช่ไหม จะมาเลื่อนชั้นจากการประท้วงไม่ได้ ประชาชนเขารู้ว่าใครเป็นใคร จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่าเราต้องการทำให้ทุกอย่างมันอยู่ในรูปในรอย.

No comments:

Post a Comment

Blog Archive