Wednesday, April 10, 2013

อภิสิทธิ์ซัดรัฐ เลื่อนถกบีอาร์เอ็นไม่เป็นผลดีต่อไทย

อภิสิทธิ์ซัดรัฐ เลื่อนถกบีอาร์เอ็นไม่เป็นผลดีต่อไทย
“มาร์ค” ไม่เชื่อเหตุเลื่อนถกบีอาร์เอ็น แนะนายกฯ หนีความรับผิดชอบไม่ได้ ซัดรัฐทำนโยบายสับสน ไล่ “เฉลิม” กลับไปถามรัฐบาลเอง...วันที่ 10 เม.ย. พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเลื่อนการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็น ในวันที่ 29 เม.ย. 56 ออกไปโดยไม่มีกำหนดว่า รัฐบาลต้องมีจุดยืนที่ชัด เพราะไม่มีเหตุผลในการเลื่อนการเจรจา เพราะคนกลางที่อำนวยความสะดวก ก็ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งของมาเลเซีย ที่สำคัญสถานการณ์ในขณะนี้ ความเสี่ยงอยู่ที่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ต่างหากที่มีมาก หากจะปล่อยให้ยืดเวลาออกไปอีก คงไม่ถูกต้อง ทั้งที่ตัวแทนบีอาร์เอ็น ควรจะมาชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และส่วนตัวก็ไม่แน่ใจว่า การที่อ้างว่ามาเลเซีย ติดการเลือกตั้งเป็นเหตุผลที่แท้จริงหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวก็สงสัยว่าทำไมต้องเลื่อน เพราะไม่เป็นผลดีกับประเทศ ทาง สมช.และรัฐบาลต้องยืนยัน ที่จะพูดคุยตามกรอบเวลาเดิม และรัฐบาลไม่ควรมีแนวคิดเอาความมั่นคงของประเทศไทย ไปอิงกับการเมืองของประเทศมาเลเซีย เพราะเป็นปัญหาของประเทศไทย และเป็นความเสี่ยงเป็นของคนไทย เมื่อรัฐบาลตัดสินใจที่จะพูดคุยก็ต้องเดินหน้าต่อ เนื่องจากที่ผ่านมา ผลที่ออกมามีการยกระดับความรุนแรง ทำในเชิงสัญลักษณ์ไปแล้ว จึงต้องแก้ปัญหาต่อ นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวไม่อยากให้นายกฯ คิดแต่เรื่องของการเมือง หรือการลอยตัวออกจากปัญหา เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง แต่ขอให้คิดถึงความรับผิดชอบในตำแหน่ง และความรับผิดชอบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ เพราะนายกฯ สามารถดูแลฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้กำหนดนโยบายสูงสุด ปัญหาที่เกิดขึ้นรุนแรงขนาดนี้ นายกฯจำเป็นต้องเข้ามาแก้ไขเอง อย่าคิดว่าถ้าไม่ยุ่งเกี่ยวก็ไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะที่สุดก็หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ จึงควรตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ และดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนมากกว่า ที่จะคิดถึงประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี บอกจะพานายอภิสิทธิ์ลงพื้นที่ภาคใต้ด้วยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไปเองได้ และ ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ต้องมาดูแล และเห็นว่าปัญหาที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะลงหรือไม่ลงพื้นที่ภาคใต้เป็นเรื่องเล็กไปแล้ว แต่ประเด็นที่ว่า นายกฯ มอบหมายงานให้คนที่ไม่พร้อมลงพื้นที่ ที่สะท้อนปัญหาเรื่องความเหมาะสม ประสิทธิภาพ การบังคับบัญชา กระทบเอกภาพในการแก้ปัญหา เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะรัฐบาลใช้นโยบายการเมืองนำการทหาร จนอาจกลายเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลกำลังเปลี่ยนแปลงแนวทางการแก้ปัญหา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถือเป็นตัวอย่างความสับสนในนโยบายของฝ่ายปฏิบัติว่า รัฐบาลมีนโยบายอย่างไร เพราะในวันที่ยืนยันว่าจะคุยสันติภาพก็บอกการเมือง นำการทหาร แต่วันนี้ กลับพูดอีกอย่าง จึงไม่ทราบว่าใครบังคับบัญชาใคร ไม่รู้จะมีผลในทางปฏิบัติหรือไม่ อีกทั้งที่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า กลุ่มก่อความไม่สงบไม่รักษาคำพูดนั้น ก็ต้องถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะแนะนำรัฐบาลอย่างไร ในการที่จะไปพูดคุยกับคนที่ไม่รักษาคำพูด ก็ต้องไปถามรัฐบาลของตัวเองว่าจะพูดกันต่อหรือไม่ แต่ถ้าถามตนก็เห็นว่าจำเป็นต้องคุยต่อ โดยกำหนดแนวปฏิบัติที่จะลดความรุนแรงให้ชัดเจนเป็นรูปธรรมก่อน.

เมื่อนายกฯปูกลายเป็นนายกฯป๔ อิทธิพลโซเชียลฯ ทำเซเลบเจ็บแบบไม่ตั้งใจ

เมื่อนายกฯปูกลายเป็นนายกฯป๔ อิทธิพลโซเชียลฯ ทำเซเลบเจ็บแบบไม่ตั้งใจ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ที่ทำให้ นักข่าวคนดัง อย่าง น.ส.วาสนา นาน่วม ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการนักข่าวว่า มีความเจนจัดโดยเฉพาะในเรื่องของทหาร กองทัพ ที่หาตัวจับได้ยาก ถึงต้องยอมออกมาขอโทษกับสังคม อย่างใหญ่โตในโลกโซเชียลมีเดีย เพียงกับประเด็นที่พิมพ์แป้นพิมพ์ส่งข่าวผิด  จากที่ต้องการพิมพ์ คำว่า นายกฯปู แต่ด้วยความรีบเร่งที่ต้องการรายงานข่าว นิ้วไปจิ้มแป้นพิมพ์ ในโทรศัพท์มือถือผิดแบบไม่ตั้งใจ จนกลายเป็น นายกฯป๔ ทำให้ถูกกระแสกลุ่มแฟนคลับนายกฯ หญิง รุมถล่มอย่างหนัก ร้อนจนเจ้าตัวต้องรีบออกมาโพสต์ข้อความเพื่อแก้ไข และ ขอโทษ แบบที่เรียกว่ายาวเหยียด เป็นเรื่องเป็นราว เลยก็แล้วกัน  หมายเหตุแห่งความผิดพลาด.....เนื่องจากความรีบเร่งในการโพสต์ เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เมื่อคืนในงานวันกองทัพอากาศ จึงทำให้จิ้มผิด จาก นายกฯปู เป็น นายกฯป๔ ส่งผลให้ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรุนแรง ...วาสนา เพิ่งมาเห็นตอนเช้า ยังตกใจในความผิดพลาดของตัวเอง...วาส ต้องขออภัยในความผิดพลาด จากการจิ้มไอโฟนผิด อยู่ในงานไฟไม่สว่างนัก แล้วไม่ได้ตรวจดูก่อนโพสต์ เพราะใช้เวลาระหว่างการทำข่าว ถ่ายรูป สั้นๆ ในการรีบโพสต์ภาพ เลยไม่ได้ทันมอง ที่สำคัญ ได้ก๊อบปี้ข้อความเดียวกัน ไว้เพื่อโพสต์ใน ทวิตเตอร์ ด้วย จึงทำให้เขียนผิด ทั้งสองอย่าง ทำให้ดูเหมือนวาสนาตั้งใจ แต่หากดูทั้งประโยค วาสพิมพ์ผิดหลายจุดมาก บางทีตอนพิมพ์ก็ไม่ผิด แต่พอมาโพสต์แล้ว บางอักษรกลายเป็นขยะ ก็มีเกิดขึ้นบ่อยๆ แต่ก็ต้องยอมรับในความผิดของตัวเอง ที่สัญญาว่า ต่อไปจะระวัง จะอ่านทบทวนก่อน ไม่รีบ เพราะอยากจะให้แฟนๆ รับทราบข่าวและภาพทันเหตุการณ์ อยากย้ำว่า วาส เป็นนักข่าว ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินคนอื่น หรือดูถูกคนอื่น แบบนี้ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ต่อให้เป็นชาวนา เป็นคนกวาดถนน เก็บขยะ ของเก่า ที่แม้เขาอาจจะไม่ได้เรียนแม้แต่ ป.๔ วาสนาก็ไม่มีสิทธิ์ไปตำหนิเขา เพราะบางทีประสบการณ์ชีวิตของคนเหล่านี้ มีค่าสูงส่ง กว่าปริญญาตรี หรือปริญญาโท ที่วาส ร่ำเรียนมาเสียอีก ที่สำคัญ วาส เป็นคนเคร่งครัดในจุดยืน ที่ไม่เข้าข้างใคร มองทุกอย่างตามเนื้อผ้าและข้อมูล แฟนๆ เพื่อนๆ น่าจะเข้าใจ ไม่อย่างนั้น เพื่อนๆ ของวาส ก็คงไม่มีหลากหลายสี เช่นนี้ ดังนั้น ถ้าเวลา วาส พิมพ์ผิด ก็ได้โปรดเข้าใจ อย่าเอามาเป็นประเด็น แล้ววิพากษ์กันต่ออย่างรุนแรง หรืออย่างน้อยก็พิมพ์เตือนมาก็ยังดี ผ่าน Direct Message ที่วาส จะอ่านทุกข้อความ... แต่ต่อไป วาส จะรอบคอบมากขึ้น และจะพยายามเข้ามาอ่านโพสต์และคอมเมนต์ต่างๆ แต่เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่มีเวลาจริงๆ อีกทั้งมีคอมเมนต์เข้ามามาก ก็ตอบไม่หมด  งานนี้ วาส ได้บทเรียนหลายเรื่อง ในเรื่องของโซเชียล มีเดีย และทำให้ตนเองต้องปรับเรื่องความรอบคอบ ไม่อย่างนั้นจะเสียหายและบานปลาย แถมส่งผลให้เพื่อนๆ แฟนๆ เข้าใจผิดในตัว วาส ไปด้วย ...วาส เป็นคนตรงๆ เวลาเห็น นายกฯ ปู สวย ก็บอกว่า สวย วันไหนได้เจอ แล้วหน้านายกฯ โทรมๆ ฟูๆ ก็จะบอกว่า หน้าเหมือน เจ๊แดง ถ้าเจอ พี่มาร์ค อภิสิทธิ์ ก็จะบอกว่า หล่อตลอด แต่ก็จะมองว่า มีฝ้าขึ้นมาแผ่นใหญ่ ทำให้หมองไปบ้าง...อย่างน้อยเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ก็มั่นใจได้ว่า ยังมีนักข่าว อย่าง วาส หลงเหลืออยู่ อย่าให้ต้องเกลียด ไม่ชอบ หรือรักใครตามที่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ต้องการเลย....ปล่อยให้นักข่าวได้มีพื้นที่ยืนตรงกลาง อย่ากดดันให้ไปอยู่ฝั่งไหนเลยนะคะ จะได้มีนักข่าวทำหน้าที่แบบไร้ข้อจำกัด และมอง วิเคราะห์ แบบไม่ติดเรื่องขั้วอำนาจหรือสี วาส เชื่อมั่นและภูมิใจในตัวเองมาตลอดว่า วาส ทำได้ และทำได้ดีพอสมควร ทุกวันนี้ ดูได้ทั้ง ทีวี.เหลือง ทีวี.แดง หนังสือพิมพ์หัวสีต่างๆ เพื่อศึกษา และดูว่าแต่ละฝ่ายคิดและจะทำอะไรกัน....อยากให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ยังไม่เลือกข้าง ให้ยืนอยู่ตรงกลาง จะทำให้เรามองภาพการเมืองและวิเคราะห์ได้ถูก และศึกษามันอย่างสนุก และน่าสนใจ ส่วนคนที่เลือกข้างแล้ว ก็ไม่ว่ากัน เพราะทุกคนย่อมมีเหตุผลของตนเอง แต่จะดีมาก ถ้าเราจะเปิดใจมองคนที่เราเกลียด หรือมองคนที่เรารัก ในมุมอื่นบ้าง ทุกคนย่อมมี Dark side และก็ย่อมมีส่วนดีในตัวเอง อยู่ที่ว่าเราจะมองด้านไหน การละโลภความเกลียดชังมากมาย หรือรักสุดหัวใจ ลงบ้าง จะทำให้จิตใจเราผ่อนคลายขึ้น ทนฟังคนเห็นต่าง คนเห็นต่างหรือต่างสี เป็นเพื่อนพี่น้องได้ เริ่มจากเรื่องแค่นี้ แล้วไม่นานสังคมไทยจะค่อยๆ ดีขึ้น ความคิดเห็น ขั้วสีมีได้ แต่อย่าเอามาเป็นกำแพงกีดกั้นมิตรภาพ จากคนต่างสี หรือทำให้มองคนคิดต่าง เป็นศัตรู ยอมรับและให้เกียรติในการเลือกข้าง เลือกสี แต่ไม่ต้องเป็นศัตรูกัน แล้วช่วยกันตรวจสอบทุกสี ทุกขั้ว โดยยึดความถูกต้อง และชาติ เป็นหลัก...วาส เชื่อว่า เราจะอยู่กันใน เฟซบุ๊ก อย่างมีความสุข  แล้ว วาส ก็ขอยืนยันว่า วาส จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด บางครั้งมี ซีเรียส บางครั้งก็มีขำๆ ผ่อนคลาย ในหน้าเพจ มีเรื่องส่วนตัว เพื่อนฝูงบ้าง เพราะเฟซบุ๊กมันเป็นเวทีส่วนตัว ที่บางทีอาจทำให้คนที่อยากบริโภคแต่ข่าวสาร รำคาญบ้าง แต่โปรดทำใจ.... ถ้าคุณๆ ยอมรับ นักข่าวอย่าง วาส ที่คุณๆ อาจงงๆ ว่าสีไหน จะเหลืองก็ไม่เหลือง จะแดงก็ไม่เชิงจะโปรดทหาร หรือไม่ชอบทหาร หรือทำไมทหารไม่ชอบ ชอบด่าวาส คนนี้ได้ คุณจะอ่านเพจนี้อย่างมีความสุขและได้ความรู้ ค่ะ เพราะวาส ไม่ใช่พวกไหน สีไหน แต่จะอยู่เคียงข้างทุกคนทุกสี เมื่อมีจุดร่วมแห่งความถูกต้อง ค่ะ.....จบข่าวทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ได้ลองตรวจสอบแป้นพิมพ์ที่อยู่ในเครื่องโทรศัพท์ไอโฟน เห็นได้ชัด โดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้งานเป็นประจำจะทราบดีว่า แป้นพิมพ์ สระ  ู กับเลข๔ อยู่ชิดติดกันมาก ทั้งมีขนาดเล็ก ทำให้นิ้วจิ้มลำบากยอมรับว่า มีโอกาสเสี่ยงที่จะพิมพ์ผิดสูง ประกอบกับ คนทำงานอาชีพนักข่าว ก็แน่นอนว่า ต้องมีหน้าที่รายงานข่าว ที่เกิดขึ้นในสนามให้พี่น้องประชาชน ได้ทราบทุกความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วที่สุด  ยิ่งปัจจุบันโลกของเรามีเทคโนโลยี ที่ทันสมัย สามารถเข้าถึง ข้อมูลข่าวสารแพร่หลายไปได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมไปทั้งโลก ทั้ง เฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์ โดยหากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับบุคคลธรรมดา ก็คงไม่มีผลกระทบมากนั้น แต่พอมาเกิดกับคนดังอย่าง วาสนา ก็กลับกลายเป็นเรื่อง เป็นราวใหญ่โต  เชื่อว่า สังคมในโลกโซเชียลฯ โดยเฉพาะกลุ่มแฟนคลับที่ชื่นชอบในตัว นายกรัฐมนตรี คงให้อภัย และไม่เก็บเอาเรื่องนี้มาใส่ใจแน่ แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นสื่อมวลชนด้วยกัน ก็คงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ นอกจากอยากจะเตือนไปถึงเหยี่ยวข่าว ทั้งในสนามและนอกสนามข่าวทุกคน  ต้องมีความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด ในการรายงาน หรือ ส่งข่าวมากที่สุด เพราะด้วย เทคโนโลยี สื่อสารในโลกยุคปัจจุบัน จะว่าไปก็เหมือนเป็นดาบสองคม ถึงแม้ จะรายงานได้รวดเร็ว ชนิดที่เรียกว่าถ่ายทอดสด แต่หากข้อมูลที่นำเสนอออกไปเกิดผิดพลาด หรือ สื่อสารไปผิดความหมาย ไม่ว่า ตั้งใจ หรือ ไม่ตั้งใจ ก็ตาม  ก็อาจทำให้ประชาชนเกิดการเข้าใจผิด กลายเป็นเรื่องใหญ่โตระดับประเทศ ที่ต้องตามแก้ข่าวจนวุ่นวายในภายหลังได้ ดังนั้น สิ่งที่สำคัญอีกอย่าง ที่ขาดไม่ได้ในการทำข่าว ก็คือ การตรวจทานเนื้อข่าวหลายๆ ครั้ง ด้วยว่า มีเนื้อหาถูกต้อง หรือไม่ อย่างไร? ถึงแม้เข้าใจว่า งานข่าวปัจจุบัน มันต้องแข่งขันกันมาก ทั้งเวลาและตัวบุคคล แต่การเช็กข่าวก่อนส่ง ก็มีความสำคัญไม่อาจที่จะให้ความละเลยได้ เพราะต้องไม่ลืมว่า นั่นหมายถึงเครดิต และหน้าตา ขององค์กรข่าวนั้นด้วยว่าน่าเชื่อถือระดับใด ที่ว่ามาทั้งหมดไม่ได้มีเจตนาจะตำหนิใคร... ก็ขอให้นำกรณีตัวอย่างนี้ ยกเป็น อุทาหรณ์ เตือน เหล่า นกน้อยในไร่ส้ม หรือคนที่ไม่ใช่ก็ตาม ให้ต้องมีการตรวจทาน ก่อนที่จะนำข้อมูลชิ้นนั้นนำเสนอออกสู่สาธารณชน....

อารีเพ็ญ ชี้ BRN ยังไม่ได้รับปากลดเหตุรุนแรง

อารีเพ็ญ ชี้ BRN ยังไม่ได้รับปากลดเหตุรุนแรง
นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาดับไฟใต้ ชี้ กลุ่มบีอาร์เอ็น ยังไม่ได้รับปากจะลดเหตุรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ คาด ถกครั้งต่อไปจึงจะมีคำตอบ รับ ช่วงนี้กลุ่มวาดะห์ต้องระวังตัว...เมื่อวันที่ 11 เม.ย.นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาดับไฟใต้ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และหนึ่งในสมาชิกกลุ่มวาดะห์ ให้สัมภาษณ์ ไทยรัฐออนไลน์ ยืนยันสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่เกิดความรุนแรงมากขึ้นในระยะนี้ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความพยายามพูดคุยระหว่างรัฐบาลไทยและกลุ่มบีอาร์เอ็น เพราะหากจะสังเกตให้ดี ในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ก็มักจะเกิดเหตุรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ค่อนข้างถี่เป็นประจำทั้งนี้ อยากให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทน อย่าใจร้อน และมุ่งจับประเด็นแต่เฉพาะเหตุร้ายรายวัน เพราะธรรมดาของการพูดคุย จำเป็นต้องใช้เวลา และการพูดคุยเท่าที่ผ่านมา ก็ยังไม่ได้เป็นเรื่องเป็นราวอะไรมากมาย แต่อย่างไรก็ดี ตนเองมีความเชื่อมั่นว่า ตั้งแต่เริ่มมีการพูดคุยกัน ทิศทางการแก้ไขปัญหาจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน    นอกจากนี้ เท่าที่ตนเองได้รับทราบข้อมูลมา ในการพูดคุยครั้งล่าสุด ระหว่าง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นนั้น ทางกลุ่มบีอาร์เอ็นยังไม่ได้รับปากว่าจะลดความรุนแรงลงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ตามที่ทางฝ่ายไทยเสนอไป เพียงแต่รับว่าจะนำข้อเสนอดังกล่าว ไปหารือกับองค์กรของเขาเท่านั้น เพราะผู้แทนที่เข้าพูดคุยคงไม่สามารถตัดสินใจทันทีทันใดในระหว่างการหารือได้ อย่างไรก็ดีเท่าที่ตนเองทราบ คาดว่าในการพูดคุยครั้งต่อไปที่กำลังจะเกิดขึ้น ทางกลุ่มบีอาร์เอ็นจะมีคำตอบในเรื่องดังกล่าวแน่นอน ขณะที่มุมมองของกลุ่มบีอาร์เอ็น ต่อการพูดคุยที่เกิดขึ้นนั้น นายอารีเพ็ญ กล่าวว่า ต้องเข้าใจก่อนว่า กลุ่มบีอาร์เอ็นในขณะนี้ ฝ่ายปฏิบัติกับฝ่ายที่เป็นองค์กรนำ การสื่อกันยังไม่ถึง และต้องไม่ลืมว่าในขบวนการใดก็ตาม ย่อมมีกลุ่มๆ หนึ่งที่เป็นพวกแตกแถว แต่อย่างไรก็ดี กลุ่มแตกแถวที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยนั้น เมื่อคนส่วนใหญ่เขาไม่เอาด้วย นานๆ ไปก็ย่อมจะสูญสลายไป เช่น กรณีกลุ่มอาบูไซยาฟ ในประเทศฟิลิปปินส์ ส่วนกลุ่มบีอาร์เอ็นที่กำลังพูดคุยกับฝ่ายรัฐบาลไทยอยู่ในขณะนี้ สามารถสั่งการกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้หรือไม่นั้น แกนนำกลุ่มวาดะห์กล่าวยอมรับว่า อาจจะไม่สามารถสั่งการได้ทั้งหมด แต่ก็ถือว่าเป็นองค์กรนำ ที่สามารถลดจำนวนผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่ลงได้มากเกินกว่าครึ่งหนึ่ง  ทั้งนี้ นายอารีเพ็ญ ยอมรับว่า หลังเกิดเหตุคนร้ายยิงเอ็ม 79 ใส่นายนัจมุดดีน อูมา เป็นต้นมา ทำให้สมาชิกกลุ่มวาดะห์ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น แต่สมาชิกกลุ่มวาดะห์เองก็เหมือนกับประชาชนส่วนใหญ่ที่ต้องการให้เกิดสันติภาพขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ส่วนใครจะเกิดไม่พอใจอะไร อย่างไร ก็คงไปห้ามไม่ได้ แต่ต้องเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง ฝ่ายที่ไม่พอใจการพูดคุยนั้น ไม่ได้มีเพียงแต่กลุ่มก่อความไม่สงบแต่เพียงฝ่ายเดียว ฝ่ายสายเหยี่ยวของรัฐเอง ก็คงเป็นฝ่ายที่จะต้องจับตาดูอยู่เช่นกัน

Blog Archive