Friday, February 1, 2013

ตำรวจดียังมีอีกเยอะ

ตำรวจดียังมีอีกเยอะ
              คงจะเป็นอย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ย้ำอีกครั้งว่า การจับตัวกำนันเป๊าะ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง                "ส่วนตัวคิดว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนไหนที่ทำงานบกพร่องหรือละเลย มีแต่จะชื่นชม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกคน อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งได้ดำเนินการตามหมายจับของศาล"                ก็คงเป็นไปตามนั้นจริงๆ เพราะตำรวจก็ยืนยันว่า เรื่องนี้ได้รับเบาะแสจากประชาชน ก็เลยส่งตำรวจไปเฝ้ากว่า 2 เดือนแล้ว จนแน่ใจว่า นี่คือ กำนันเป๊าะตัวจริง                ดูอาการที่ ร.ต.อ.เฉลิม ชื่นชม พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มากขนาดนี้ ก็น่าสนใจว่า นายตำรวจผู้นี้มีเส้นทางเดินอย่างไร                พลิกไปดูประวัติก็พบว่า เป็นคนสมุทรสาคร จบระดับมัธยมศึกษาที่นั่น เข้าโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 15 โรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 31 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน                ดูประวัติการศึกษาแล้วก็ยิ่งน่าสนใจ หลังจากจบนายร้อยตำรวจก็ไปจบปริญญาโทรัฐศาสตร์ จุฬาฯ แล้วก็ไปจบหลักสูตรผู้บริหารงานตำรวจจากอีกหลายที่หลายแห่ง                เป็นนายตำรวจมือปราบ และเก่งในเรื่องสืบสวนสอบสวน ทำคดีใหญ่ๆ มามากมาย ทั้งยาเสพติด และคดีฉ้อโกงระดับชาติ                ที่โดดเด่นก็คือช่วงอยู่ในตำแหน่ง ผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม หรือที่ในวงการเรียกขานตามขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่ว่า "ผู้กำกับประเทศไทย" ได้จัดตั้ง "หน่วยวิเคราะห์พฤติกรรมศาสตร์" โดยการนำหลักวิชาการมาใช้ในการสืบสวน เพื่อรองรับเทคนิคการสืบสวนสมัยใหม่                หน่วยวิเคราะห์พฤติกรรมศาสตร์ ที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ตั้งขึ้นนี้ถือได้ว่าเป็นหน่วยงานแรกของเอเชีย                ไม่ใช่แค่นั้นพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ยังได้ริเริ่ม ตำรวจผู้รับใช้ชุมชน ตามทฤษฎีตำรวจผู้รับใช้ชุมชน (Community Policing) ซึ่งเป็นทฤษฎี/หลักการทำงานของตำรวจสหกรัฐอเมริกา                ชัดเจนว่า นายตำรวจที่มากฝีมือซุกซ่อนอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังมีอีกเยอะ                พวกเขามุ่งมั่นทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เพียงแต่ว่าหลายคนยังไม่มีโอกาสเติบโตจนถึงขั้นผู้บริหาร ผิดกับอีกหลายคนที่เลือกยืนเป็น "สนลู่ลม" การเมืองไปทิศใดก็พร้อมที่ลู่เอนตาม                ที่ผ่านมาเรามักเห็นคนจำพวกหลังนี้ที่ได้ดิบได้ดี

ราตรีลั่นไม่ดีใจห่วงวีระยังถูกขัง

ราตรีลั่นไม่ดีใจห่วงวีระยังถูกขัง
               เมื่อเวลา21.45 น.วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ที่ถูกจำคุกในข้อหารุกล้ำเขตแดนและโจรกรรมข้อมูลทางทหาร มีโทษจำคุก 6 ปี และรับโทษไปแล้ว 2 ปี ได้รับอภัยโทษให้ปล่อยตัวมาได้เดินทางกลับถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ ทีจี 585 จากกรุงพนมเปญ ซึ่งหลังจากลงจากเครื่องบินได้มี นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ สส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยถูกจับตัวพร้อมกัน พร้อมด้วยแนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติจำนวนหลายร้อยคนเดินทางมาให้กำลังใจและมอบดอกไม้ บางคนเข้าไปสวมกอด ซึ่งแนวร่วมดังกล่าวได้มอง น.ส.ราตรี เหมือนฮีโร่                น.ส.ราตรี ได้เปิดใจเพียงสั้นๆ หลังได้รับอิสรภาพว่า ยังไม่ดีใจ เนื่องจากนายวีระ สมความคิด ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว โดยได้ขอให้นายวีระดูแลสุขภาพตนเองดีๆ สิ่งแรกที่ น.ส.ราตรี ต้องการทำ คือ การกลับไปกราบเท้าพ่อและแม่ ก่อนจะขึ้นรถตู้ออกจากอาคารผู้โดยสารไป และหลังจากที่ น.ส.ราตรี นั่งรถออกไปได้มีแนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติจำนวนหนึ่งได้เข้ามาต่อว่า นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ สส.กทม.ว่าขายชาติที่ไปยอมรับว่า จุดที่ถูกจับเป็นของกัมพูชา ทำให้ตัวเองได้รับการปล่อยตัวจากประเทศกัมพูชา โดยนายพนิช พยายามอธิบายแต่ก็ไม่ได้ผล ก่อนจะแยกย้ายกันเดินทางกลับ

รมว.สธ.ย้ำขึ้นค่ารักษาไม่กระทบปชช.

รมว.สธ.ย้ำขึ้นค่ารักษาไม่กระทบปชช.
                  2 ก.พ.56 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี งดจัดรายการ"รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" มอบหมาย นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แจงขึ้นค่ารักษาพยาบาล ยันไม่กระทบประชาชน ดำเนินรายการโดย นายธีรัตน์ รัตนเสวี                  นายแพทย์ประดิษฐ กล่าวว่า ค่ารักษาพยาบาลตั้งแต่ปี 2547 ยังไม่ได้มีการปรับทำบัญชีค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ซึ่งยังเป็นต้นทุนเก่าอยู่ ทำให้ระบบต่างๆ ยังเป็นต้นทุนเก่า และไม่สะท้อนถึงต้นทุนปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้บางคนเสียสิทธิ์จนไม่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ ดังนั้นจึงเล็งเห็นในการปรับเพื่อให้ตรงกับต้นทุนที่เป็นอยู่ และการอัพเดทจะทำให้กลุ่มประชาชนได้รับสิทธิในการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการปรับค่ารักษาพยาบาลนั้น ไม่กระทบกับพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน ในทั้ง 3 ระบบ อาทิ ข้าราชการ สวัสดิการ ประกันสัคม และ ระบบ 30 บาท ก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ซึ่งตรงนี้ไม่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน                  "กลุ่มที่จะได้รับผลกระทบในเรื่องการปรับขึ้นค่ารักษานั้น กลุ่มแรก คือ 1.กลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามารับการรักษาพยาบาลในประเทศ 2.กลุ่มต่างด้าว และ 3.กลุ่มต่างชาติที่มีวีซ่า ซึ่งตรงนี้ก็ต้องมาคิดถึงต้นทุน เพื่อให้ค่ารักษาพยาบาลไม่เอื้อหนุนกลุ่มเหล่านี้ และไม่กระทบต่อต้นทุน" นายแพทย์ประดิษฐ กล่าว                  นายแพทย์ประดิษฐ กล่าวต่อว่า การเข้ารับการรักษา ประชาชนมีสิทธิอยู่แล้ว และเพียงแค่แสดงบัตรโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ไม่เลือกเข้าใช้บริการเอง ซึ่งตรงนี้จึงเป็นอีกเรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำ ให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาล เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการลดภาระของพี่น้องประชาชน ส่วนพี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัดมีสิทธิและการบริการพร้อมแล้ว                  นายแพทย์ประดิษฐ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนงบประมาณในการจัดสรรเรื่องดังกล่าวนั้น มีเพียงพอในการดูแลประชาชน และการปรับประสิทธิภาพสถานพยาบาลในสังกัดสาธารณสุข และดูแลเรื่องการซื้อยา อีกทั้งการเอาทรัพยากรมาร่วมกันใช้ เช่น อาคารที่มีผู้ป่วยหนาแน่น และอาคารที่ไม่ได้ใช้ก็บูรณาการให้สามารถใช้ร่วมกันได้ เพื่อรองรับประชาชนที่เข้ารับการรักษา                 "การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ตรงนี้ นายกรัฐมนตรีเล็งเห็นถึงความสำคัญ เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพเท่าเทียมกันหมด เพื่อดูแลชีวิต คุณภาพของประชาชนให้ดีที่สุด" นายแพทย์ประดิษฐ กล่าว  

เพื่อไทยได้ที โวรัฐบาลจริงใจช่วยราตรี ไม่แบ่งแยกสี

เพื่อไทยได้ที โวรัฐบาลจริงใจช่วยราตรี ไม่แบ่งแยกสี
เพื่อไทยได้ทีโว หลังกัมพูชาปล่อยตัว ราตรี ฟุ้งรัฐบาลจริงใจช่วยคนไทยทุกสี ปรามเคลื่อนไหวการเมืองควรทำอย่างมีสติ อาจตกเป็นเหยื่อของคนบางกลุ่ม...เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2556 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ได้รับการปล่อยตัวจากการถูกจำคุกกัมพูชา ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับครอบครัวของ น.ส.ราตรี และคนไทย ซึ่งสะท้อนความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา รวมถึงเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงใจของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ที่พยายามช่วยเหลือทั้ง น.ส.ราตรี และนายวีระ สมความคิด แม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกับรัฐบาล นอกจากนี้ ยังเป็นการบอกให้สังคมรับรู้ว่า รัฐบาลพร้อมที่จะช่วยเหลือคนไทยทุกคน ไม่ว่าสีไหน เพราะเรายึดหลักการความเห็นต่างทางการเมือง ไม่ใช่การแตกแยก หรือเป็นอาชญากรรม อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นอุทาหรณ์อย่างหนึ่ง เราต้องย้อนไปดูที่มาที่ไปของสาเหตุของการถูกจับตัวด้วย ซึ่งนายวีระ และ น.ส.ราตรี อาจจะตกเป็นเหยื่อของคนบางกลุ่มโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้น การเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ ควรทำอย่างมีสติ.

โพลชี้คนกรุงเบื่อหาเสียงเกินจริง ยังปักใจเลือกพงศพัศ

โพลชี้คนกรุงเบื่อหาเสียงเกินจริง ยังปักใจเลือกพงศพัศ
สวนดุสิตโพล เผย คนกรุงส่วนใหญ่ 41 % เลือก พงศพัศ เป็นผู้ว่าฯ กทม. ส่วน 36.12 % เลือก สุขุมพันธุ์ โดยการหาเสียงครั้งนี้สิ่งที่คนชอบมากสุด เป็นการลงพื้นที่พบประชาชนอย่างใกล้ชิด แต่เบื่อการหาเสียงเกินความจริง...เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2556  สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยสำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ ที่มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. กรณี  การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในสายตาของคนกรุงเทพฯ จำนวน 3,214 คน โดยกระจายครบทั้ง 50 เขตเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 26-30 ม.ค. เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมทางการเมือง และแสวงหาฐาน โดยผู้สมัครตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ที่คนกรุง จะเลือกพบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 41.00 เลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อันดับ 2 ร้อยละ 36.12 เลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อันดับ 3 ร้อยละ 6.88 เลือก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อันดับ 4 ร้อยละ 0.97 เลือกนายโฆษิต สุวินิจจิต และอันดับ 5 ร้อยละ 0.53 เลือกนายสุหฤท สยามวาลา ส่วนอีกร้อยละ 13.93 ยังไม่ตัดสินใจส่วนสิ่งที่คนกรุงชอบมากที่สุด ในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 42.71 การลงพื้นที่พบปะประชาชน  /เข้าถึงประชาชนอย่างใกล้ชิด อันดับ 2 ร้อยละ 33.73 การแข่งขันกันของผู้สมัครเบอร์ต่างๆ ทั้งป้ายหาเสียง กลยุทธ์การหาเสียง อันดับ 3 ร้อยละ 17.82 ได้เจอผู้สมัครตัวจริงเสียงจริง  ได้เห็นนิสัยใจคอ /ได้รู้ถึงแนวคิด มุมมองต่างๆ อันดับ 4 ร้อยละ 3.09 การใช้สื่อต่างๆ เป็นช่องทางในการหาเสียง หรือนำเสนอนโยบาย และอันดับ 5 ร้อยละ 2.64 ได้เห็นการทำงานเป็นทีม /การสนับสนุนของพรรคการเมืองนอกจากนี้ สิ่งที่คนกรุง เบื่อ/ไม่ชอบมากที่สุดในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 54.71 การพูดหาเสียงเพื่อเอาใจ /พูดเกินความจริง  เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 20.3 รถหาเสียง หรือทีมหาเสียงซึ่งเป็นสาเหตุให้การจราจรติดขัด อันดับ 3 ร้อยละ 17.21 พูดใส่ร้าย โจมตีคู่แข่ง ขุดคุ้ยเรื่องเก่ามาพูด อันดับ 4 ร้อยละ 5.03 มีรูปแบบวิธีการหาเสียงแบบเดิมๆ และอันดับ 5 ร้อยละ 2.92 การซื้อสิทธิ์ขายเสียง.

ประทีปเบอร์14 ร้องค้านถูกตัดสิทธิ์สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.

ประทีปเบอร์14 ร้องค้านถูกตัดสิทธิ์สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
ประทีป วัชรโชคเกษม ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เดินทางยื่นเรื่องร้องคัดค้าน หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานครประกาศตัดสิทธิ์ เหตุไม่ไปเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2554 เจ้าตัวยืนยันไปแน่นอน พร้อมยังไม่หยุดหาเสียงเตรียมลงพื้นที่พบประชาชนต่อพรุ่งนี้ ขณะ กกต.ยันไม่มีกฎห้าม ถือว่าเรื่องยังไม่จบกระบวนการ หาเสียงได้ ไม่ผิด...เมื่อวันที่ 1 ก.พ. เวลา 17.00 น. นายประทีป วัชรโชคเกษม ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 14 เปิดเผยกับไทยรัฐออนไลน์ เกี่ยวกับกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร แล้วพบว่าตนเองขาดคุณสมบัติ เนื่องจากการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อปี 2554 ไม่ปรากฏข้อมูลว่าได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง โดยนายประทีป กล่าวว่า ตนได้ยื่นเรื่องคัดค้านต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว เนื่องจากยืนยันว่า การเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2554 ที่ผ่านมา ตนในฐานะนักการเมืองท้องถิ่น ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องการเลือกตั้งเสมอมา และได้เดินทางออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างแน่นอน แต่เหตุการณ์วันนั้น เกิดความผิดพลาดเรื่องการเซ็นชื่อแสดงตัวมาใช้สิทธิ์ ซึ่งก็ได้ทักท้วงเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งในวันนั้นแล้วว่าต้องเซ็นชื่อกำกับในจุดที่ผิดพลาดหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่าจะไปดำเนินการเองในภายหลัง ซึ่งจุดนี้อาจทำให้ชื่อของตนไม่ปรากฏในกลุ่มผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าหากมีการตรวจค้นเอกสารต้นขั้วใบลงคะแนน ก็จะพบได้ว่าตนลงลายมือชื่อในการเซ็นรับบัตรลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งจริง เท่าที่ทราบขณะนี้เข้าใจว่าการตรวจสอบคุณสมบัติตรวจจากแผ่น CD ที่บันทึกข้อมูล ซึ่งอาจมีการลงผิดพลาดจากกรณีที่ตนเซ็นชื่อผิด แต่หากตรวจค้นที่เอกสารต้นขั้ว ก็น่าจะพบลายเซ็นของตนปรากฎอยู่นอกจากนี้ นายประทีป ยังกล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้คำตอบว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนานแค่ไหน และเนื่องจากในวันพรุ่งนี้ (2 ก.พ.) ตนก็มีหมายที่จะลงพื้นที่ในการหาเสียงด้วย เบื้องต้นจึงคาดว่าอาจจะลงพื้นที่หาเสียงตามปกติไป เพราะแผ่นพับ ป้าย หรือเอกสารหาเสียงก็ได้จัดทำมาแล้ว และเรื่องการถูกตัดสิทธิ์ ก็ยังไม่ถึงที่สุดอยู่ระหว่างการดำเนินการ จึงเชื่อว่าไม่น่ามีความผิดใดๆ หากตนจะยังเดินหน้าหาเสียงต่อไปขณะที่ นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ทราบเรื่องที่นายประทีปเดินทางมาร้องคัดค้านกรณีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนและถูกตัดสิทธิ์แล้ว ซึ่ง กกต.กทม.คงต้องใช้เวลาตรวจสอบตามที่ผู้ถูกตัดสิทธิ์ร้องคัดค้านเข้ามา ซึ่งเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานน่าจะได้คำตอบ ส่วนการหาเสียงเลือกตั้งของผู้ถูกตัดสิทธิ์ช่วงที่กระบวนการร้องคัดค้าน และการตรวจสอบยังไม่เสร็จสิ้นนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เนื่องจากเรื่องยังไม่ถึงที่สุด แต่หากกระบวนการจบสิ้นและยังปรากฏว่าขาดคุณสมบัติจริง ผู้สมัครรายนั้นๆ ก็ต้องหยุดหาเสียงทันทีด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง ยืนยันเช่นเดียวกันว่า กรณีที่ผู้ถูกตัดสิทธิ์ร้องคัดค้านการตรวจสอบคุณสมบัตินั้น ผู้สมัครยังสามารถหาเสียงเลือกตั้งได้ต่อ จนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น หมายความว่า จนกว่า กกต.กลาง จะมีมติเกี่ยวกับกรณีนั้น จึงจะถือเป็นที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาในการเลือกตั้งท้องถิ่นก็เคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น และหลังการตรวจสอบจากเอกสาร และการสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง ก็พบข้อมูลการไปใช้สิทธิ์ โดยเจ้าหน้าที่สามารถยืนยันตัวตนได้ว่าเห็นผู้ถูกตัดสิทธิ์เดินทางไปใช้สิทธิ์จริง ประกอบกับการตรวจสอบเอกสารจึงพบข้อมูลที่ยืนยันได้ว่ามีการเดินทางไปใช้สิทธิ์จริง ระหว่างนี้ผู้ถูกประกาศขาดคุณสมบัติ ก็สามารถหาเสียงได้ตามปกติไปก่อน จนกว่า กกต.กลาง จะมีมติที่ชัดเจน.

Blog Archive