Saturday, March 20, 2010

26 ก.พ. 53 จุดเปลี่ยนประเทศไทย

26 ก.พ. 53 จุดเปลี่ยนประเทศไทย

นับจากนี้ไปเหลือเพียงแค่ 7 วันเท่านั้น จะถึงวันที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขึ้นนั่งบัลลังก์ตัดสินคดีสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย คดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของอดีตผู้นำประเทศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย ซึ่งเป็นวันที่ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นคอการเมือง หรือ ไม่ใช่คอการเมือง ตั้งแต่คนชั้นสูง ชนชั้นกลาง คนรากหญ้า นักธุรกิจ พ่อค้า ประชาชน ใจจดใจจ่อ รอคอย อย่างที่บอกเพราะเหตุว่าคดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ที่มีความอ่อนไหวยิ่ง ไม่ว่าผลจะออกในรูปใดย่อมกระทบทุกหย่อมหญ้า โยงใยสังคมทุกมิติ โดยเฉพาะสถานการณ์ความรุนแรงที่ถูกเชื่อมร้อยเป็นเรื่องเดียวกันมาระยะหนึ่งก่อนหน้านี้ เรียกได้ว่ายิ่งใกล้ยิ่งน่าหวาดเสียว เริ่มตั้งแต่เหตุการณ์ขับรถไล่บี้ผู้นำประเทศบนทางด่วนวันเดียวถึง 2 ครั้ง เกิดเหตุระทึกขวัญกลางกรุงลอบวางระเบิดซีโฟร์ภายในศาลฎีกา ลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 ที่่ว่ากันว่าหวังผลให้ไปลงที่ทำเนียบรัฐบาล แต่กลับไปตกในรััั้วสถาบันการศึกษา *********************พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรทางฝั่งของรัฐบาลเองนอกจากงัดมาตรการต่างๆ ทั้งการตั้ง คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ ความมั่นคง (คตม.) วิเคราะห์สถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว พวกเด็กในคาถายังขยันออกมาปูดเรื่องกลไกหนุนการใช้ความรุนแรงสารพัดรูปแบบ ฝั่งของเอกชนเองก็โดนข่าวลับ ข่าวลวง ทำเอาบรรยากาศการลงทุนอึมครึม จนตลาดหุ้นเกือบที่จะ แดงทั้งกระดาน นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ส่วนประชาชนหาเช้ากินคำ่ ทำอะไรไม่ได้ อกสั่นขวัญแขวนกันหมด  โพลหลายสำนักระบุถึงขนาดเบื่อหน่ายการเมือง อยากให้ประเทศชาติสงบ ทักษิณ ผิดอะไร ทำไมต้องยึดทรัพย์ ? อัยการสูงสุด ซึ่งเป็นผู้ยื่นคำร้องให้ทรัพย์สินจำนวน 7.6 หมื่นล้านบาทพร้อมดอกผลของ พ.ต.ท.ทักษิณ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และ ครอบครัว รวมทั้งผู้มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินรวม 22 รายการ ให้เหตุผลว่าเนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ และ ได้ทรัพย์สินมาจากการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับส่วนรวม ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ  มีความผิดที่มีพยานจนถึงขั้นถูกกล่าวหาถึง 5 คดี เช่น ทุจริตโครงการจัดซื้อที่ดินรัชดา โครงการจัดซื้อกล้ายาง เป็นต้น และ มีพฤติการณ์รำ่รวยผิดปกติอีก 6 คดี  เช่น อนุมัติให้รัฐบาลสหภาพพม่า กู้เงินธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 4 พันล้านบาท เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์การพัฒนาระบบเอื้อประโยชน์ชินคอร์ป, แก้ไขสัญญาอนุญาต ให้ดำเนินกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (CELLULAR MOBILE TELEPHONE) ปรับลดอัตราส่วนแบ่งรายได้ ที่ต้องจ่ายให้ ทศท. จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบบัตรเติมเงิน (Prepaid) ให้บริษัท AIS, กรณีการขายหุ้นชินคอร์ปให้กลุ่มเทมาเส็กโดยไม่มีการเสียภาษี เป็นต้น ทั้งหมดนี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นการ ทุจริตเชิงนโยบาย ผลประโยชน์ทับซ้อนแก่ตนเองและครอบครัว ถือว่า “ได้มาโดยมิชอบ” ซึ่งหากเปรียบเทียบทรัพย์สินที่มีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนและหลังดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้ง ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สมัยเป็นรองนายกฯในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มีทรัพย์สินรวม 5.9 พันล้านบาท คุณหญิงพจมาน มี 1.1 หมื่นล้านบาท บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 3 คน (ขณะนั้น) มี 3.8 พันล้านบาทเศษ รวม 5 คนมีทรัพย์สิน  2.1 หมื่นล้านบาท เมื่อพ้นตำแหน่งรองนายกฯ ลดลง 2 พันล้านบาท  คือ พ.ต.ท. ทักษิณ มี  5 พันล้านบาท ลดลง 9 ร้อยล้านบาท  คุณหญิงพจมาน มี 1 หมื่นล้านบาท ลดลง 1 พันล้านบาท บุตร 3 คน มี 3.8 พันล้านบาท ลดลง 48 ล้านบาท รวมทั้ง 5 คนมีทรัพย์สินลดลง 2 พันล้านบาท และ ดำรงตำหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยแรก 4 คนเหลือ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งวันที่ 18 ก.พ. 2544 พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้ง ป.ป.ช. ว่ามีทรัพย์สิน 5.6 ร้อยล้านบาท คุณหญิงพจมานมี 9.9 พันล้านบาท ลูกสาว 2 คน มี 4.7 พันล้านบาท รวม 4 คนมี 1.5 หมื่นล้านบาทเศษ และตอนเป็นนายกฯ สมัยที่สอง 3 คน (พ.ต.ท.ทักษิณ,พจมาน,แพทองธาร) มีทรัพย์สินรวม 1.2 หมื่นล้านบาท  โดยวันที่ 14 มี.ค. 2548  พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งต่อ ป.ป.ช. มีทรัพย์สินรวม 5 ร้อยล้านบาท คุณหญิงพจมาน มี 8.9 พันล้านบาท บุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะ 1 คน 3.2 พันล้านบาท รวม 3 คน 1.2 หมื่นล้านบาทเศษ หลังจากพ้นตำแหน่งนายกฯสมัยแรก  1 ปี พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 74 ล้าน โดยเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2549 แจ้งต่อ ป.ป.ช.ว่า มีทรัพย์สิน 5.1 ร้อยล้านบาท  คุณหญิงพจมาน มี 8.9 พันล้านบาท บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 3.2 พันล้านบาท  รวม 3 คน  1.27 หมื่นล้านบาท มากกว่าตอนเข้ารับตำแหน่งนายกฯต้นปี 2548 จำนวน 74 ล้านบาท และเมื่อพ้นตำแหน่งนายกฯ สมัยสอง 2 คนมีทรัพย์สินรวม 9.3 พันล้านบาท โดยวันที่ 19 ก.ย. 2549  พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้ง ป.ป.ช.  ระบุมีทรัพย์สิน 5.5 ร้อยล้านบาท  รวม 2 คนมี 9.3 พันล้านบาท เป็นที่น่าสังเกตว่า การยื่นบัญชี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นเฉพาะทรัพย์สินของตนเอง และคุณหญิงพจมาน  ทำให้จำนวนทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ต้องยื่นต่อ ป.ป.ช.มีจำนวนลดลงเรื่อยมา และการยื่นทุกครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ระบุว่า ถือหุ้นชินคอร์ปฯ ต่อมาเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณขายหุ้นชินคอร์ปให้กลุ่มเทมาเส็กเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2549 มูลค่า 7.3 หมื่นล้านบาท บัญชีฯของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ตอนพ้นตำแหน่งนายกฯสมัยแรกไม่ปรากฏว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้แจ้งว่าถือหุ้นชินคอร์ปมาตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ตาม หากคำนวณคร่าวๆ พ.ต.ท.ทักษิณ มีเงินประมาณ 9 หมื่นล้านบาท ถึง 1 แสนล้านบาท ไม่รวมกับทรัพย์สินในต่างประเทศ          ตัดสินแล้วเกิดอะไรขึ้น ? จากการวิเคราะห์ และคาดการณ์ แต่ไม่ชี้นำ สรุปได้ว่าผลของการตัดสินครั้งนี้มีสิทธิ์ออกได้ 4 ประตู คือ 1. ยึดทั้งหมด 7.6 หมื่นล้านบาท 2. ยึดบางส่วน เฉพาะธุรกรรมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 3. ไม่ยึดเลย และ 4. เลื่อนการตัดสินคดีนี้ออกไป   มาดูผลที่จะเกิดตามมาหากว่า  ยึดทั้งหมด 7.6 หมื่นล้านบาท แน่นอนคนที่เดือดร้อนที่สุดเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และ ครอบครัว ที่มีความคิดฝังหัวในประเด็น รัฐประหาร และ สองมาตรฐาน อยู่แล้ว ทั้งยังมีเครือข่าย ลูกน้อง จากพรรคเพื่อไทย กลุ่มเสื้อแดงที่รักและชื่มชมในตัว ทักษิณ ชนิดถวายหัว เดือดร้อนแทนนาย ถึงขนาดอาจตายแทนได้ ถึงเวลานี้รัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง ต้องเตรียมรับมือให้ได้ เพราะมีสัญญาณให้เห็นแล้ว จากทหารแก่ ทหารหนุ่มที่มีสรรพกำลัง มีศักยภาพในการใช้อาวุธ อีกกระทั่งการปลุกปั่นของกลุ่มแดงทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นแดงสู้แล้วรวย แดงดารา แดงฮาร์ดคอร์  ที่่เป็นไม้เป็นมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาโดยตลอด อาจนำไปสู่ความรุนแรง ประกาศเป็น สงครามครั้งสุดท้าย จนถึงขั้นรัฐบาลเองจะคุมเกมไม่ได้ ผลสุดท้ายทหารก็ออกมา ถึงตอนนี้อาจเลยเถิดยิ่งกว่าสงกรานต์เลือด เมื่อเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา เนื่องจากมีข่าวและสถานการณ์หลายอย่างที่บ่งบอกอย่างนั้น กรณีแผนระดมมวลชนมาชุมนุม 1 ล้านคน  เหตุุวางระเบิดซีโฟร์ในศาลฏีกา ยิงเอ็ม 79 ตกลงข้างทำเนียบรัฐบาล  ขู่รายวันกะเล่นกันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ชั่วโมงนี้น่าจับตามองอย่างยิ่ง ***************************นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแต่หาก ยึดบางส่วน แน่นอนสถานการณ์ที่ร้อนอาจจะผ่อนเบาบางลงได้บ้าง  แต่สถานการณ์ก็ยังไว้วางใจไม่ได้ ต้องมีการตรวจตรารัดกุมเหมือนเดิม เพราะคำว่า ดับเบิล สแตนดาร์ด ยังปลุกแดงให้บ้าคลั่งได้อยู่ ผนวกกับกลุ่มที่คิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกปล้นอำนาจไปยังคงกระเหี้ยนกระหือรือในตำแหน่ง และอำนาจ ไม่ยึดเลย ประตูนี้แน่นอนคนที่แฮบปี้ มากที่สุดคือ พ.ต.ท.ทักษิณ และ ครอบครัว ส่วนบริวาร ว่านเครือ ก็พลอยได้อานิสงส์ไปด้วย ที่สำคัญเกมนี้อาจเร่งให้กลุ่มเสื้อแดง ผู้สนับสนุน ทักษิณได้ใจเดินหน้ารุกหนัก ประกาศสู้แบบม้วนเดียวจบ กระชากเก้าอี้จาก ม.มาร์ค ลงมาให้ได้ ก็น่าลุ้น สุดท้าย ศาลอาจจะเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไป อีก 30 วัน โดยให้เหตุผลว่าเจ้าตัวไม่มารับฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง จำเป็นต้องมีการเลืื่อนอ่านคำตัดสิน  อาจเกิดขึ้นได้ เช่นเดียวกับกรณีการอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตกล้ายาง ซึ่งนายอดิศัย โพธารามิก ผู้ต้องหาในคดีนั้นเดินทางไปต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตามหากเลื่อนไปแล้วจะครบกำหนดตัดสินอีกครั้งภายในวันที่ 27 มี.ค. ซึ่งในระหว่างนี้สถานการณ์ยังปกติ หมายถึงว่าเหมือนช่วงเดือน ม.ค.หรือต้นเดือน ก.พ.มีสถานการณ์เกิดขึ้นรายวัน ข่มขู่รายวัน ประท้วงรายวัน เดินทางไปชุมนุมปิดล้อมสถานที่สำคัญๆ ของประเทศรายวัน บรรยากาศยังอึมครึมอยู่เรื่อยๆ หรือ อาจจะมีมือที่ 3 จ้องฉกฉวยโอกาสสร้างเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งก็เป็นได้ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร แน่นอนย่อมกระทบกับทุกภาคส่วนของสังคม  ได้แต่ภาวนาว่าให้ทุกคนมีสติในการแก้ไขปัญหา ยืนอยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรม ที่สำคัญยึดประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง ต้องผ่านพ้นมหาวิกฤติครัั้งนี้ไปให้ได้.

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เทพไทคูณให้เสร็จ ค่าจ้างม็อบ 7วันพันล้าน

เทพไทคูณให้เสร็จ ค่าจ้างม็อบ 7วันพันล้าน

นายเทพไท เสนพงศ์โฆษกมาร์ค ได้จังหวะสุมไฟ ทักษิณ ทุ่มทุน พันล้าน จ้างม็อบชุมนุมยืดเยื้อ 7 วัน  เรียกร้องกลุ่มธุรกิจ  ออกมาแสดงท่าทีให้คนเสื้อแดงได้เห็นว่า การชุมนุมสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติเมื่อวันที่ 20 ก.พ. นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงกรณี กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ กลุ่มคนเสื้อแดง ชุมนุมที่บริเวณหน้าธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน)  สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.  ว่า  ภาพที่ออกมาเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ  ทำให้ภาคธุรกิจย่านถนนสีลมมีปัญหา ส่งผลให้การจราจรติดขัดทั่วกรุงเทพมหานคร  นักธุรกิจย่านสีลมต้องปิดกิจการหนีม็อบป่วน บางคนทนไม่ได้ต้องแสดงออกด้วยการตะโกนด่าคนเสื้อแดง เป็นการเคลื่อนไหวที่กระทบความเชื่อมั่นของประเทศที่มีต่อนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศ  คนที่เข้าร่วมชุมนุมเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ก็มีจำนวนไม่มาก ไม่น่าถึงหนึ่งพันคน ชี้ให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนให้มีการเคลื่อนไหวลักษณะเช่นนี้ใน พื้นที่ กทม. แต่คนเสื้อแดงคงคาดหวังว่าจะมีคนต่างจังหวัดมาร่วมชุมนุม จึงอยากเรียกร้องให้คนต่างจังหวัดเห็นแก่ชาติบ้านเมือง  ไม่ควรที่จะตกเป็นเหยื่อของแกนนำคนเสื้อแดง เดินทางมาร่วมชุมนุมในกทม.เพราะจะทำลายภาพลักษณ์ของประเทศนายเทพไท กล่าวต่อว่า ตนอยากเรียกร้องให้ทุกภาคส่วน แสดงออกถึงท่าทีการคัดค้านต่อการชุมนุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักธุรกิจภาคท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จะต้องออกมาแสดงท่าทีให้คนเหล่านี้ได้เห็นว่า การชุมนุมสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติและธุรกิจส่วนรวม อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าถ้าดูความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเห็นได้ว่าพยายามที่จะจริงจังกับเรื่องนี้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการโฟนอินมาในเวทีต่างจังหวัด ใช้รูปแบบธนกิจการเมือง หรือแบบนักธุรกิจทั่วไปที่ใช้ทฤษฎีเงินต่อเงิน  เรียกร้องให้มวลชนมาร่วมกันชุมนุมเพื่อนำตัวเองกลับประเทศ ใช้เงินเป็นตัวล่อ  บอกว่า 6 เดือนถ้ากลับมาจะได้ปลดหนี้ จะปราบยาเสพติด และ 6 เดือนต่อไปก็จะมีการแจกเงินทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น  เป็นการใช้ปัจจัยเรื่องการเงินมาหลอกล่อ  ทำกับแกนนำคนเสื้อแดงไม่พอแล้ววันนี้ยังโปรยยาหอมไปยังคนรากหญ้าอีกด้วยโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุว่า การชุมนุมต่อไปจะยืดเยื้อประมาณ 7 วันจะต้องใช้รถกระบะขนส่งมวลชนเข้าร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่าแสนคัน เพราะรถบัสขนส่งขณะนี้ถูกรัฐบาลบล็อกไว้หมดแล้ว  ฝ่ายความมั่นคงเบิกกระสุนยาง ที่ยังไม่ผ่านการทดสอบประมาณ 6 หมื่นนัด เตรียมไว้ปราบคนเสื้อแดง ว่า คาดว่าต่อจากนี้ก็คงจะยืดเยื้ออีกราว 7 วัน  หากมีการใช้รถกระบะหนึ่งแสนคันขนคนมาจริง  ต้องมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ตนจึงประเมินว่า ถ้าเช่ารถคันละ 2,000 บาทจะใช้เงินประมาณสองร้อยล้านบาทต่อวัน ถ้าใช้เวลา 7 วันจะต้องคูณเข้าไปดูว่าเป็นจำนวนเท่าไร เพราะมวลชนที่ขนมาจะต้องกินอยู่ เบี้ยเลี้ยงการชุมนุมในจังหวัดใช้ 300 บาท ชุมนุมต่างจังหวัดอัตรา 500 บาท ค่าบริหารจัดการ ค่าหัวคิว  ประเมินว่า มวลชนอาจจะไม่ถึงล้านตามที่ประกาศไว้ แต่ให้สูงสุดประมาณหนึ่งแสนคน ค่าใช้จ่ายประมาณ 500 บาทต่อคน วันหนึ่ง ต้องมีค่าใช้จ่ายประมาณห้าสิบล้านบาท  ถ้าม็อบยืดเยื้อ 7  วัน ก็ใช้จำนวนเงินนับ 1,000 ล้านบาท เป็นเงินจำนวนมากที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องลงทุน


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ชงปู่ชัยตั้งกก. ติดตามม็อบ ทำงานคู่ขนานคตม.

ชงปู่ชัยตั้งกก. ติดตามม็อบ ทำงานคู่ขนานคตม.

นายชัย ชอบส.ส.เพื่อไทย  เสนอประธานสภาฯ จันทร์ที่ 22 ก.พ. ตั้งกก.ติดตามม็อบแดง ทำงานคู่ขนาน คตม. ระบุเพื่อให้ข้อมูล-ข้อเท็จจริงรอบด้าน  ขณะที่  ปชป.สั่งเพิ่มตำรวจ รปภ.-ติด ซีซีทีวีรอบพรรค ดูแลสถานการณ์ 24ชม.เมื่อวันที่ 20 ก.พ. พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 22 ก.พ. ตนจะทำหนังสือถึงนายชัย ชอบ ประธานรัฐสภาเพื่อขอให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และติดตามสถานการณ์และการควบคุมการชุมนุม หลังจากที่ฝ่ายรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง หรือ คตม.ขึ้นมาเป็นผู้ดูแลสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เหมือนเช่นวันที่ 13-14 เม.ย.ปีที่ผ่านมา ที่เกิดเหตุแล้วจึงมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน ทำให้ไม่รับทราบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติจึงไม่ควรอยู่นิ่งเฉย ขณะนี้ทุกคนหวาดระแวงไปหมด จึงเป็นหน้าที่ที่ฝ่ายนิติบัญญัติต้องติดตามสถานการณ์และติดตามการปฏิบัติ หน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐด้วย เพราะรัฐบาลเองกำลังถูกวิจารณ์ว่ามีความพยายามที่จะสร้างสถานการณ์ให้เกิด ขึ้นเพื่อปราบปรามผู้ชุมนุมเช่นกัน พ.ต.ท.สมชาย กล่าวด้วยว่า  เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่ายและไม่ให้เกิดเหตุจราจลขึ้น ประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภาจึงควรร่วมมือกันที่จะตั้งส.ส.และส.ว.ขึ้นมาติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดด้าน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กรุงเทพมหานคร  ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยภายในพรรคประชาธิปัตย์ในช่วง 7 วันอันตรายว่า  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังมาคอยดูแลความปลอดภัยทุกวันจำนวน 100 คน และพรรคได้เพิ่มจำนวนกล้องวงจรปิด  CCTV จากเดิมที่มีอยู่ 4 ตัว เป็น 8 ตัว พร้อมกันนี้ยังได้จัดเจ้าหน้าที่ของพรรคผลัดกันเข้าเวรเพื่อดูแลความปลอดภัย ร่วมด้วยตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนกำลังทหาร หาก กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศชัดว่าจะมีการมาชุมนุมที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตนก็จะหารือกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เพื่อขอกำลังทหารเข้าช่วยดูแลความปลอดภัยเพิ่มเติม ในส่วนของเครื่องตรวจวัตถุระเบิด ตนคิดว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนำมาติดตั้ง


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ชี้นักการเมืองต่างโทษฝ่ายตรงข้ามเหตุวิกฤตปท.

ชี้นักการเมืองต่างโทษฝ่ายตรงข้ามเหตุวิกฤตปท.



คมชัดลึก :วงเสวนาวิกฤตการเมืองไทย"นักการเมืองต่างโทษฝ่ายตรงข้ามเหตุวิกฤตประเทศ เห็นตรงกันครั้งนี้ร้ายแรงในประวัติศาสตร์การเมืองประเทศ พีรพันธ์ ป้อง เสื้อแดง ชุมนุมต้องการประชาธิปไตย ปัด"แม้วแค่สัญลักษณ์ ขณะที่โฆษก ปชป.โยนสื่อต้นตอวิกฤตขยายปม ตอบโต้ นักการเมือง ด้านพงษ์เทพ แนะ แก้ปัญหาให้ทุกฝ่ายไม่ใช้ความรุนแรง ยึดประโยชน์ประเทศ หม่อมปลื้ม ชี้ ต้องยอมรับระบบทุนหนุนพรรคการเมือง เพราะเป็นหลักสากล โต้ เลือกตั้งคือทางออก






(20ก.พ.) ที่คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ มีการอภิปรายสาธารณะ เรื่อง “วิกฤตการเมืองไทย แก้ไขอย่างไร” โดยมีนายพีรพันธ์ พาลุสุข ส.ส.จังหวัดยโสธร พรรคเพื่อไทย นายบุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายพงษ์ เทพ เทพกาญจนา อดีตรมว.ยุติธรรม หนึ่งในบ้านเลขที่ 111 นายประพันธ์ คูณมี ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.
 นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า ปัญหาการเมืองเกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ยุคการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จนถึงการรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 โดยระบบอำมาตย์ที่มาครอบงำ ปัจจุบันนี้ประชาชนกำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ เพราะเห็นว่า รัฐบาลไม่ได้มาจากกระบวนการประชาธิปไตยแม้ว่ารัฐบาลจะยืนยันว่ามาจากการเลือกตั้งก็ตาม มีประชาชนในพื้นที่สอบถามตนเสมอว่า เมื่อไรจะมีการเลือกตั้งใหม่ โดยเขาเห็นว่า มี ส.ส.บางคนทรยศต่อประชาชน หาเสียงเลือกตั้งอีกอย่างเมื่อได้รับเลือกตั้งกลับทำอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้นเราจึงเห็นว่ามีประชาชนส่วนหนึ่งชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ถูกกล่าวหาว่า ต้องการโค่นล้มรัฐบาลชุดนี้ อย่างไรก็ตามยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อาจเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่คนเสื้อแดงบางส่วนไม่ได้ต่อสู้เพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ พวกเขาสู้เพื่อเรียกร้องเอาประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง พวกเขาเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาขณะนี้คือการปกครองบังคับใช้กฎหมายแบบ 2 มาตรฐาน
 นายพีรพันธุ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนี้คือ ผู้ปกครองไม่สามารถปกครองประเทศไทยได้ เนื่องจากถูกปฏิเสธการยอมรับจากประชาชน ไปไหนก็โดนประชาชนโห่ขับไล่ อีกทั้งรัฐบาลชุดนี้ก็ไม่ได้เป็นที่ยอมรับของหลายประเทศ ทั้งนี้ตนยืนยันว่าวิกฤติการเมืองเกิดขึ้นจากการปฏิวัติรัฐประหาร หากตนเจอหรือพบหน้าพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน จะถามท่านว่า ยึดอำนาจทำไม ยึดไปแล้วได้อะไรประเทศไทยได้อะไร ยึดแล้วแก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง เมื่อยึดอำนาจไปแล้วประเทศชาติดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าท่านจะตอบไม่ได้ตอบได้แค่มีคนสั่งให้ยึด ตนเห็นว่าหากไม่มีการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49 ปัจจุบันไทยคงเดินหน้าพัฒนาประเทศไปได้ไกลแล้ว
 นายบุรณัชย์ กล่าวว่า วิกฤตการเมืองไทย ได้ดึงความหลากหลายและความแตกต่างกลับมาเป็นความแตกแยก ความเปลี่ยนแปลงช่วง 3-4 ปี ที่ผ่านมาทุกคนรู้สึกตรงกันว่า ใครไม่อยู่ข้างกันถือเป็นศัตรู ซึ่งสาเหตุบางคนคิดว่ามาจากการปฏิวัติ หรือเกิดขึ้นก่อนการปฏิวัติ แต่แท้ที่จริงตนมองว่าวิกฤตการเมืองไทยเกิดขึ้นมาจากนักการเมือง และกระบวนการในระบอบประชาธิปไตยทำหน้าที่ไม่เป็นไปตามหลักเท่าที่ควร กลไกการตรวจสอบแทบจะกลายเป็นหมัน สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้คือการแบ่งสีแบ่งข้าง แต่ตนก็เห็นว่าแม้จะเห็นต่างก็อยู่ร่วมกันในสังคม หากยอมรับและเคารพความเห็นของกันและกันและเคารพความคิดของกันและกัน นอกจากนี้สื่อยังมีส่วนเช่นกัน เพราะที่ผ่านมามีการเสนอข่าวที่เป็นความเห็นของทุกฝ่ายออกมาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นเหมือนการตอบโต้กันผ่านสื่อ และบางครั้งยอมรับว่าสื่อมีการเสนอเนื้อหาที่นำไปสู่ความขัดแย้งและเข้าใจผิดเกิดขึ้นในสังคม เช่นกรณีการนำเสนอข่าวคลิปเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ภาพการปะทะที่กระทรวงมหาดไทยของกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นต้น ซึ่งการเสนอข่าวที่บางครั้งผิดเพี้ยนจากข้อเท็จจริงจนกลายเป็นว่าสื่อตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองโดยไม่ได้ตั้งใจ
 นายพงษ์เทพ กล่าวว่า ขณะนี้คงไม่ใช่วิกฤตการเมืองไทย แต่เป็นวิกฤตประเทศไทยมากกว่า เพราะมันเข้าไปทุกหย่อมหญ้า ทุกครัวเรือน สามีภรรยาก็ไม่พูดกันเพราะอยู่คนละฝ่าย ซึ่งตั้งแต่ตนเกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นในยุคนี้ แล้วเรากล้าที่มองสาเหตุหรือกล้าวิเคราะห์กันหรือไม่ หรือพูดเฉพาะบางเรื่อง แต่มีสิ่งที่ไม่อาจพูดทั้งที่เป็นส่าเหตุหลักของวิกฤตบ้านเมือง จะทำอย่างไรให้ประชาชนกว่า 60 ล้านคนอยู่อย่างสบาย คนเกี่ยวข้องต้องมาคิดกัน สังคมแบบประชาธิปไตยขณะนี้ต้องเสมอภาคเท่าเทียม
 นายพงษ์เทพ กล่าวว่า ตนมองว่า การยึดอำนาจของพล.อ.สนธิ บุญยกลิน หัวหน้า คมช. ไม่ใช่ปัญหา แต่มีกระบวนการก่อนยึดอำนาจ เหตุการณ์หลายเรื่องในบ้านเมืองมีที่มาที่ไป ไม่ใช่จะเกิดขึ้นโดยทันที เช่น อดีตกกต. 3 คนต้องโทษจำคุก โดยไม่ได้รับการประกัน ที่มาของคตส. มีการปฏิบัติหลายมาตรฐาน พล.อ.สนธิ ตั้งกกต.และป.ป.ช. มากับมือ และมาเป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ มาแข่งกับพรรคประชาธิปัตย์แล้วยังจะมีความน่าเชื่อถืออยู่หรือไม่ ตนมองว่าการแก้ปัญหานั้นทุกฝ่ายจะต้องไม่ใช้ความรุนแรง และหากต้องการกลับมาเป็นประชาชิปไตยใหม่ต้องกลับมาทบทวนใหม่ไม่คิดประโยชน์ส่วนตนหรือพรรค เพื่อให้ประชาชนกว่า 60 ล้านและประเทศเดินต่อไป ทุกองค์กรมีทั้งคนดีและไม่ดี แต่ต้องมาจัดระบบให้ดี ในส่วนขององค์กรอิสระ ใครที่รู้ตัวไม่เป็นกลางมีอคติ หรือมีส่วนได้ส่วนเสีย คนไม่เชื่อถือก็ให้ลาออก ถ้าหากเก่งจริงก็สามารถกลับเข้ามาใหม่ได้
 นายประพันธ์ กล่าวว่า วิกฤตการเมืองไทยเกิดขึ้นหลายครั้ง เกิดการสูญเสีย นองเลือด เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี 2475 ไล่มาตุลาวิปโยค พฤษภาทมิฬ ปี 2535 จนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งตนเห็นว่า เป็นวิกฤตการเมืองที่ร้ายแรง ดูอย่างสามีภรรยาไม่พูดคุยกัน นอนด้วยกันแต่เห็นดาวคนละดวง พรรคพวกเพื่อนฝูงมีความเห็นต่างกันก็ไม่พูดกัน เลิกคบกัน สาเหตุของวิกฤตการเมืองขณะนี้เกิดจากโครงสร้างการเมือง อำนาจทางการเมือง ที่ตกอยู่ที่นายทุน ขุนนางกังฉิน กลุ่มทุนนักธุรกิจ กลุ่มทุนขนาดใหญ่ ที่เข้ามาเล่นการเมืองเองหลังจากเป็นอีแอบอยู่หลังพรรคการเมือง โดยมาครอบงำประเทศทั้งหมดนักการเมืองอาวุโสบอกกับตนว่า นักการเมืองปัจจุบันเป็นแค่ลูกจ้างของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ดูได้จากการแต่งตั้งรัฐมนตรี ที่มีตัวแทนจากกลุ่มทุนมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นตัวอย่างของนักธุรกิจที่เข้ามาเล่นการเมือง แต่ต้องพ่ายแพ้ไปเพราะประชาชนไม่ยอมรับ
 “การเมืองไทยได้พัฒนาเป็นระบอบธนกิจการเมือง การเลือกตั้งจึงเป็นเพียงพิธีกรรมรองรับกลุ่มอำนาจนายทุน สภากลายเป็นเวทีตอบโต้วิวาทะ การเข้าสู่อำนาจทางการเมืองกลายเป็นตัวแทนกลุ่มทุนไม่ใช่ตัวแทนของปวงชนขาวไทย สิ่งที่ตอกย้ำวิกฤติการเมือง คือ การที่นักการเมืองกลุ่มทุนเข้ามาแล้วพ่ายแพ้ สูญเสียอำนาจ แต่ไม่ยอมแพ้ ใช้วิธีการป่วนประเทศ สร้างสังคมให้แตกแยก ที่ผ่านมายังไม่เคยผู้ที่ตกจากอำนาจไม่ว่า นายปรีดี พนมยงค์ จอมป.พิบูลสงครม หรือใครก็ตาม ไม่เคยมีศักยภาพทำให้สังคมและประเทศป่วนได้ขนาดนี้ ปัญหาขณะนี้ คือ ปัญหาโครงการสร้างและตัวบุคลที่ซ้อนกันอยู่ สร้างกระบวนการต่อรอง ไม่ใช่กระบวนการประชาธิปไตยที่แท้จริง” นายประพันธ์ กล่าว
 ม.ล.ณัฏฐกรณ์ กล่าวว่า ทุนสนับสนุนพรรคการเมือง เป็นระบบที่ประเทศทุนนิยมใช้กันทุกประเทศ โดยมีนายทุนมาบริจาคเงินให้กับพรรคการเมือง และพรรคการเมืองก็ตอบสนอง แต่เขาก็ทำเพื่อประชาชนด้วย แต่สังคมไทยมีความเหลือมล้ำเรื่องรายได้ นายทุนที่จัดสรรให้พรรคการเมืองมีไม่มาก ดังนั้นจะสกัดไม่ให้ใช้เงินมาใช้ในการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะผิดธรรมชาติหลักการเศรษฐกิจโลกทุนนิยม การตั้งโจทย์ไม่ให้คนเลือกตั้งรับเงินสนับสนุนจากนักธุรกิจจึงเป็นไปไม่ได้ วันใดที่สังคมเท่าเทียมในไทย เชื่อว่าจะพัฒนาไปถึงขั้นที่มีบริษัทที่มีศักยภาพในการให้เงินสนับพรรคการเมืองเป็นร้อยๆบริษัทไม่ใช่แค่กระจุกอยู่ที่บางบริษัท ซึ่งส.ส.ไม่ต้องรับเงินจากนายทุนคนเดียวแล้วมากำหนดทิศทางประเทศ แต่คนเหล่านี้ก็จะทำให้ประชาชนด้วย ปัญหาของประเทศไทยไม่ใช่อยู่ที่ทุนน้อยหรือมาก แต่อยู่ที่ไม่มีใครเรียกร้องให้ประชาชน ประชาชนไม่ได้เป็นใหญ่จริงๆ นอกจากนี้สิ่งที่เราขาดคือ สภาก็ไม่เป็นใหญ่ทั้งที่มาจากเลือกตั้ง นายกฯก็ไม่ได้เป็นใหญ่จริงๆ
 ม.ล.ณัฏฐกรณ์ กล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงชกไม่ผิดเป้า เพราะคู่กรณีไม่ใช่นายกฯ คนกลุ่มใหญ่ไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่ใช่เพราะพรรคประชาธิปัตย์ แต่เริ่มตั้งแต่เดือนปี 2548 ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกจากช่อง 9 ซึ่งมีการชุมนุมมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน ทางออกขณะนี้คือ ทุกคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่เข้ามายุ่งเกี่ยวต้องถอยออกไป ทุกอย่างจะจบด้วยการเลือกตั้งให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ บริหารประเทศต่อไป 2 ปี ถ้าทำดีก็ชนะการเลือกตั้งกลับเข้ามาใหม่ แต่ถ้าบริหารไม่ได้พรรคเพื่อไทยก็เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งคนที่พ.ต.ท.ทักษิณ เลือกจะได้เป็นนายกฯ และขอให้ยกเลิกวาทะกรรมที่บอกว่า การเลือกตั้งไม่ใช่ทางออก








ข่าวที่เกี่ยวข้องเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2553บิ๊กมท.เต้นแถลงปัดขายเก้าอี้ฉาวจี้จาดุรแจงศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2553

ประสิทธิ์เหน็บนักม็อบถ้าเก่งจริงให้ลงไปสู้โจรใต้ สุรเกียรติ์แนะให้นำองค์ความรู้แก้ไขขัดแย้ง

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

น้องเนวินฟ้องจาดุรหมิ่นค้าเก้าอี้มท.

น้องเนวินฟ้องจาดุรหมิ่นค้าเก้าอี้มท.



คมชัดลึก :ศักดิ์สยามแจ้งความฟ้องหัวหน้าผู้ตรวจ มท.ปูดซื้อขายตำแหน่ง ฐานหมิ่นประมาท เตรียมฟ้องเรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน เผย หากสื่อมีเอี่ยวก็โดนด้วย






(20ก.พ.) ที่สน.พระราชวัง นายธนชาติ แสงประดับ ธรรมโชติ ที่ปรึกษาส่วนตัวและทนายของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ "น้องชายของนายเนวิน ชิดชอบ" ประธานคณะทำงาน รมว.มหาดไทย wfhเดินทางไปพบ ร.ต.ท.ทรงพล นิ่มไพบูลย์ พนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง พร้อมหลักฐานหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษนายจาดุร อภิชาตบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ฐานหมิ่นประ มาทด้วยการโฆษา ผ่านสื่อ
นายธนชาติ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายศักดิ์สยาม ให้มาแจ้งความดำเนินคดีกับนายจาดุรจากกร ณีที่กล่าวพาดพิงในการสัมมนาที่วุฒิสภาจัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมาในทำนองว่านายศักดิ์สยามมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่ง มีการใช้อำนาจการโยกย้ายแต่งในกระทรวงมหาดไทยถือเป็นการใส่ความ ทำให้นายศักดิ์สยามเสียหายและไม่เป็นความจริง ดังนั้นนอกจากร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีแพ่งและทางอาญาเพื่อเรียกค่าเสียหายในวงเงินอย่างน้อย 100 ล้านต่อไป
ทนายของนายศักดิ์สยาม กล่าวว่า สำหรับบุคคลอื่นที่อยู่ในวงสัมมนากำลังตรวจสอบอยู่ทั้งนายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา ซึ่งทำหน้าที่ดำเนินรายการ และสื่อมวลชนหากมีการพาดพิงทำให้เกิดความเสียหายก็จะดำเนินการฟ้องร้องด้วย
นายธนชาติ กล่าวว่า นายศักดิ์สยามไม่ทราบเจตนาที่นายจาดุรออกมาพูด เพราะไม่ได้รู้จักกับนายจาดุร และจากการตรวจสอบกับข้าราชการคนอื่นก็ไม่ได้มีปัญหา แต่ยอมรับว่าที่กระทรวงมักมีข่าวลักษณะนี้เกิดขึ้นแต่เมื่อตรวจสอบก็ไม่เป็นความจริง








ข่าวที่เกี่ยวข้องสุเทพแจงแดงแรงอาจใช้พรบ.รักษาความมั่นคงฯปชป.ขู่ภท.หนุนร่าง"คปพร.เสื้อแดง"ยุบสภาแน่ปชปหวั่นรบ.ล้มถนนไร้ฝุ่นทำภท.เข้าใจผิด บุญจงปัดปมขัดแย้งปชป.ขัดขาถนนปลอดฝุ่น วันเกิดสุวัจน์กร่อยชพท.-ภท.เมินร่วมวงมาร์ค

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ประธานส.ส.ปชป. ตามคาด ฉะบิ๊กจิ๋วดูถูกชาวบ้าน

ประธานส.ส.ปชป. ตามคาด ฉะบิ๊กจิ๋วดูถูกชาวบ้าน

นายชุมพล กาญจนะ ประธาน ส.ส.ปชป. ออกโรง ฉะ บิ๊กจิ๋ว ดูถูกประชาชน ประกาศ กวาดส.ส.ภาคใต้  50 ที่นั่ง ก่อนหน้านี้ หัวหน้า ปชป. ประกาศตั้งเป้าหมายการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่า จะได้ส.ส.ทั่วประเทศ 240 เสียง ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 20 ก.พ. นายชุมพล กาญจนะ ประธานส.ส.พรรคประชาธิปัตย์  กล่าวกรณีพรรคเพื่อไทย แต่งตั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เป็นประธานภาคใต้ และประกาศจะกวาดส.ส.ภาคใต้ให้ได้ 50 ที่นั่ง ว่า ตนคิดว่าคงเป็นเรื่องเพ้อฝัน  ตนถือว่าเป็นการดูถูกประชาชน การออกมามาพูดอย่างนี้ไม่มีพรรคการเมืองไหนกล้าพูดว่าแต่ละภาคจะเอาเท่านั้น เท่านี้ โดยหลักไม่น่าพูดเพราะเป็นการดูถูกประชาชน แต่ก็เป็นไปได้หากพูดให้มีแรงฮึกเหิม ส่วนที่บอกว่าจะเหลือ 4 นั่งให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ตนคิดว่าเป็นการดูถูกคนใต้อย่างมาก คนใต้เขาจำคำพูดที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยพูดไว้ได้หมด เขาจำตลอดชีวิต เพราะไม่คิดว่านักการเมืองจะกล้าทำอย่างนี้ เพราะการเป็นส.ส.คือการเป็นผู้แทนของปวงชชนชาวไทย การจัดสรรงบประมาณก็ต้องเกลี่ยให้เกิดความเป็นธรรม กระจายงบให้คำนึงถึงประชาชนในแต่ละจังหวัดเป็นหลัก และคำพูดเรื่องโจรกระจอก หรือการจะทำนครรัฐปัตตานี  ประเด็น โจรกระจอก นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เคยให้ข้อสังเกตว่า เพราะไอ้โจรกระจอกจึงทำให้มีคนล้มตาย และสถานการณ์ภาคใต้ต้องเกิดปัญหามากขึ้นนายชุมพลกล่าวก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศตั้งเป้าหมายการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่า จะได้ส.ส.ทั่วประเทศ 240 เสียง และยืนยันว่าเป้าหมายดังกล่าวไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอย เพ้อฝัน มีเป้าหมายรองรับในพื้นที่เชิงลึกรองรับด้วย


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

มาร์คแนะคดียึดทรัพย์แม้วควรเคารพศาล

มาร์คแนะคดียึดทรัพย์แม้วควรเคารพศาล



คมชัดลึก :นายก"อภิสิทธิ์"แนะคดียึดทรัพย์"ทักษิณ"ทุกฝ่ายควรเคารพคำพิพาก ษาของศาล เพื่อให้บ้านเมืองมีกฏกติกา ด้าน"สาทิตย์" มั่นใจวันตัดสินคดียึดทรัพย์"แม้ว" รัฐบาลคุมสถานการณ์อยู่ เพราะเตรียมแผน 8 ด้านรองรับดูแลบุคคลสำคัญ สถานที่ราชการไว้แล้ว






(20ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ"คุยข่าวกับคนข่าววิทยุ" ที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยว่า ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ซึ่งเป็นวันที่จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น โดยการตัดสินคดีทุกคดีนั้นเป็นกระบวนการของศาล ซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการที่เปิดเผยและเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้ต่อสู้ และตนยืนยันว่าไม่รู้คำตัดสินของศาลล่วงหน้า แต่หวังว่าเมื่อศาลพิพากษาก็อยากให้ทุกคนได้ฟัง เพื่อจะได้ทราบรายละเอียด ลำดับข้อเท็จจริง รวมไปถึงข้อกฎหมาย
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องการให้ทุกคนเคารพคำพิพากษาของศาล เพราะถ้าไม่เคารพศาลทุกอย่างในบ้านเมืองก็จะไม่มีจุดจบ ต่อไปวันข้างหน้าก็จะไม่มีกฎกติกาในบ้านเมือง
 ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่เป็นห่วงขณะนี้คือความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงและนำไปสู่การสร้างเงื่อนไขให้มีการชุมนุมที่บานปลายและสร้างความรุนแรง ซึ่งฝ่ายรัฐบาลพยายามชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชนทุกแขนง รวมทั้งสื่อของรัฐด้วย โดยวันจันทร์หน้านี้ กรมประชาสัมพันธ์จะเชิญสื่อไปที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจถึงขั้นตอนกระบวนการพิจารณาคดี เพราะรัฐบาลก็กังวลว่า อาจมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีบางส่วนพยายามใช้เงื่อนไขของศาลที่คนทั่วไปไม่เข้าใจไปปลุกระดมสร้างความวุ่นวาย จึงต้องชี้แจงให้เข้าใจ
 นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาให้ข่าวให้ร้ายบุคคลสำคัญระดับสูงของประเทศ ซึ่งเป็นความพยายามให้กระทบเบื้องสูง และมีการใช้สื่อ วิทยุชุมชน เว๊ปไซด์ และสื่อใต้ดินด้วยนั้น ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงกำลังดำเนินการอยู่  ซึ่งรัฐหวังว่าวันที่ 26 ก.พ.นี้จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรง "วันที่ 24 ก.พ.จะมีการเปิดศูนย์ รปภ.กทม.สายด่วน 1555 รับแจ้งข่าวโดยให้ประชาชนที่พบเห็นการชุมนุมที่ก่อให้เกิดความรุนแรง เช่น การจุดไฟเผา มีระเบิด ก็สามารถแจ้งมาได้ที่หมายเลขดังกล่าว ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลสถานการณ์ตลอดเวลา โดยทำงานเชื่อมโยงกับ ตร.นครบาล กอ.รมน.ภาค 1 ซึ่งมั่นใจว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ และคิดว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคง เพราะขณะนี้การชุมนุมยังปกติ แต่ถ้ารุนแรงเพิ่มมากขึ้นจนคุมไม่อยู่ ก็อาจประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน"  นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าผู้ชุมนุมจะมีมากน้อยแค่ไหน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการชี้แจงของรัฐบาลที่จะให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งอาจช่วยให้ลดจำนวนผู้มาชุมนุมลงได้ระดับหนึ่ง ส่วนการเตรียมรับมือรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการและบุคคลสำคัญ ขณะนี้สั่งให้หน่วยความมั่นคงดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว ซึ่งได้เตรียมแผนรองรับไว้ 8 แผนงาน ครอบคลุมการดูแลทั้งจุดเสี่ยง บุคคลสำคัญและปัจจัยที่จะทำให้มีการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง แต่ทั้งนี้สิ่งที่เป็นห่วง คือ องค์คณะผู้พิพากษา ซึ่งที่ผ่านมามีการข่มขู่คุกคาม ก็ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลอย่างดีที่สุด เพื่อที่จะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ และให้เหตุการณ์จบลงด้วยกระบวนการยุติธรรม
 นายชุมพล กาญจนะ ประธานส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในการประชุมส.ส.พรรคได้มีการพูดถึง 10 วันอันตราย โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง มาชี้แจงว่าไม่น่าจะมีเหตุรุนแรง เพียงแต่มีการเตรียมมาตรการป้องกันไว้ นอกจากนี้ ได้ให้ส.ส.ไปทำความเข้าใจกับประชาชน เนื่องจากวันนี้ประชาชนไม่ค่อยสบายใจต่อเรื่องเหล่านี้ ตั้งแต่ที่มีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถนนสีลม ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่อาจทำให้เกิดผลกระทบในความรู้สึกของนักลงทุนมาก
 ตนย้ำกับส.ส.ว่าให้ไปชี้แจงกับประชาชนว่ารัฐบาลมีความมั่นใจที่จะรักษาสถานการณ์ไว้ไม่ให้บานปลายได้ รวมทั้งให้ทำความเข้าใจว่า เพราะเหตุใดเหตุการณ์มันอาจเกิดความรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่สร้างปฏิกิริยา เพื่อกดดันกระบวนการยุติธรรมในการตัดสินคดียึดทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากให้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องความถูกผิดของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะขณะนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรมแล้ว ศาลจะวินิจฉัยอย่างไรก็อยู่ที่กระบวนการยุติธรรม
 ผู้สื่อข่าวถามว่า แกนนำเสื้อแดงบางคนจะประกาศว่าจะไม่ชุมนุมในวันที่ 26 ก.พ. แต่เป็นอิสระของคนทั่วไปที่จะไปที่ศาลเอง จะถือเป็นการปัดความรับผิดชอบหรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่า อันนี้ก็เป็นยุทธศาสตร์อย่างหนึ่ง แต่ก็คงหนีความรับผิดชอบไปไม่พ้น ถ้าระดับแกนนำของกลุ่มคนเสื้อแดงมีความชัดเจนว่าไม่ให้มีการไปชุมนุมในวันตัดสินคดี ตนก็เชื่อว่าคนจะไม่ออกมา แต่ส่วนมากที่ออกมาก็เพราะมีแกนนำไปบอกให้ออกมา
 ส่วนที่พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินเรียกร้องชาวบ้านในต่างจังหวัดให้เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ มากขึ้น โดยอ้างว่า เพื่อให้พาตัวเองกลับประเทศไทยนั้น ประธานส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณก็สับสนแล้ว ที่จริงสามารถกลับประเทศไทยได้อยู่แล้ว เพราะเป็นคนไทย กลับได้ทุกวัน ทุกเวลา ไม่มีใครห้ามไม่ให้กลับ แต่ยังเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอีกด้วย
 ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงหรือไม่หากกลุ่มคนเสื้อแดงมีการดาวกระจาย แล้วมากันที่พรรคประชาธิปัตย์ด้วย นายชุมพล กล่าวว่า ตนเชื่อว่าถ้าทำอย่างนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงคงอยู่ลำบาก และทางรัฐบาลคงมีมาตรการเด็ดขาดในการใช้กฎหมาย ส่วนที่มีการอ้างว่าหากมีดาวกระจายจริง แต่จะเป็นกลุ่มมเล็กๆ สลายตัวง่าย เพื่อทำให้การจับกุมยากขึ้นนั้น ตนคิดว่าความมั่นคงมีมาตรการรองรับอยู่แล้ว
 ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าแกนนำคนเสื้อแดงมีการแตกคอกัน ประธานส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นข้อเท็จจริงที่มีความแตกแยกกัน เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณมีความมั่นใจที่จะใช้บริการใครก็ได้ แต่คงใช้ของทุกๆ คน แต่การทำงานจะเกิดประสิทธิภาพหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทั้งนี้ มีส.ส.กทม.ของพรรคมาบอกกับตนว่า วันนี้คนกทม.คงเริ่มเบื่อหน่าย เอือมระอาต่อสถานการณ์แบบนี้ เมื่อมีการชุมนุมอย่างนี้เขาก็เดือดร้อน เพราะกทม.เป็นที่ทำมาหากิน ดังนั้น ตนจึงทราบว่าคนกทม.จะออกมาเรียกร้องว่าอย่าทำลาย และอย่าทำให้เกิดความเสียหายภายในกทม.มากกว่านี้
 สำหรับกระแสข่าวว่า หน่วยข่าวกรองมีความเป็นห่วงพื้นที่เสี่ยง 8 จุดในกทม. ที่อาจจะมีการก่อวินาศกรรม นายชุมพล กล่าวว่า เขาก็ประกาศยู่ตลอดเวลาเรื่องสร้างสถานการณ์ เขาพูดอยู่ตลอด ซึ่งเราก็ภาวนาว่าอย่าให้มีเหตุการณ์เหล่านี้เลย เพราะหากเกิดอะไรขึ้นไม่มีใครเสียมีแต่ประเทศเสียหาย ทั้งนี้ รัฐบาลนี้ยังสามารถทำงานอยู่ได้อีกปีกว่า หากรัฐบาลทำงานไม่ดี เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ ประชาชนก็ต้องมาดูเรื่องนี้      








ข่าวที่เกี่ยวข้องกองทัพ-รัฐบาล"หวานอมขมกลืน" สถานทูตออกคำเตือนพลเมืองในไทยเลี่ยงการชุมนุม"จาตุรนต์อัดคตส.ยัดข้อหายึดทรัพย์"ทักษิณ"นครบาลชมม็อบเสื้อแดงชุมนุมสงบเรียบร้อยทอ.แจงทหารทำปืนลั่นถูกแคนดี้ทะลุแก้ม

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เทือกคำรามลั่น จับหมด เสธ.ทำผิดกม.

เทือกคำรามลั่น จับหมด เสธ.ทำผิดกม.

นายสุเทพ เทือกสุบรรณสุเทพ สั่ง จนท.เตรียมพร้อมรับชุมนุมใหญ่ ฉะเสื้อแดงขนรถกระบะแสนคันเข้ากรุง มีเจตนาป่วนการจราจร ซัดคิดป่วนเมืองเพื่อรักษาสมบัติ นายคนเดียว  ใช้ไม่ได้ ลั่น เสธ. คนไหนทำผิด กม.จับหมดที่ท่าอากาศสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 20 ก.พ.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการดูแลการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่จะนัดชุมนุมใหญ่ว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร พลเรือน ซักซ้อม และประสานงานการปฏิบัติการในการดูแลความสงบในการชุมนุมให้ดี เพื่อป้องกันเหตุไม่พึงประสงค์ หรือความผิดพลาด ขอให้สบายใจว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่มีเจตนาขัดขวางการชุมนุม ถ้าดำเนินการอยู่ภายในกรอบกฎหมาย แต่ถ้าฝ่าฝืนกฎหมาย ทำลายทรัพย์สินราชการ ขัดขวางการจราจร เราก็ไม่ยอม  เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการดูแลการชุมนุม  ทุกคนไม่พกอาวุธปืนเด็ดขาด เพื่อป้องกันการสร้างสถานการณ์ว่าเจ้าหน้าที่ยิงประชาชน จะมีเพียงโล่ กระบองเท่านั้น แต่ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมหรือใครก็แล้วแต่แทรกแซงเข้ามาก่อความรุนแรงเช่น กรณีไปยิงชาวบ้านที่นางเลิ้ง  จะมีหน่วยติดอาวุธเข้าไปจัดการทันทีขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่า เหตุการณ์ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์  และหลังจากนั้นจะมีความรุนแรงเพียงใด เพราะคนที่รู้ดีที่สุดคือ คนที่อยู่ต่างประเทศ จะเป็นคนสั่งการ จึงขอวิงวอนให้เห็นแก่บ้านเมือง อย่าทำให้เกิดความรุนแรง เสียภาพลักษณ์ประเทศ นายสุเทพ กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มเสื้อแดงประกาศจะนำรถกระบะ 1 แสนคัน ขนผู้ชุมนุมเข้ามาในกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายสุเทพกล่าวว่า เป็นการกระทำไม่ถูกต้อง ขอให้ผู้ชุมนุมมีสติ เจตนาที่จะระดมรถเข้ามามากๆ ทำให้เข้าใจได้ว่า ตั้งใจให้เกิดความปั่นป่วนในระบบจราจร ยอมรับว่าคงป้องกันไม่ให้นำรถเข้ามาจำนวนมากๆได้ยาก เพราะไม่สามารถขัดขวางสิทธิในการใช้รถได้ แต่ถ้ามีจิตสำนึกที่ดีต่อบ้านเมืองก็ต้องช่วยกันคิด เมื่อถามว่า จะใช้เจ้าหน้าที่ควบคุมการชุมนุมเท่าไรนายสุเทพกล่าวว่า จะใช้เท่าที่จำเป็น โดยจะใช้ตำรวจให้มากที่สุดเท่าที่จะระดมมาได้ ส่วนที่เหลือเป็นทหาร และอาสาสมัครพลเรือนต่อข้อถามว่า การต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ เพราะมีเงิน 7.6 หมื่นล้านบาทเป็นเดิมพัน นายสุเทพกล่าวว่า ถ้าคนที่คิดจะต่อสู้จนบ้านเมืองเสียหาย ก็ไม่ควรมีสำนึกความเป็นคนไทยอยู่อีกต่อไป ถ้าคิดยอมตายถวายชีวิตเพื่อทรัพย์สมบัตินายคนเดียว ก็ใช้ไม่ได้แล้ว ไม่สมควรเป็นคนไทย ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องจับตาดูการเคลื่อนไหวของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก หรือ เสธ.แดง เป็นพิเศษหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เสธ.อะไรก็แล้วแต่ ถ้าทำผิดกฎหมาย ผมจับหมด ไม่เว้นทั้งนั้น ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายโดยเด็ดขาด


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ทหาร-ตร.4พัน ซ้อมข่มม็อบ อ้างภารกิจสำคัญ

ทหาร-ตร.4พัน ซ้อมข่มม็อบ อ้างภารกิจสำคัญ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณสุเทพ ชมการฝึกซ้อมกำลังตร.-ทหาร รับมือม็อบแดงชุมนุมใหญ่ มั่นใจเจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ได้ ยันไม่ได้เตรียมการป้องกันเกินกว่าเหตุ อ้างผู้ชุมนุมขู่ป่วนเผาสถานที่ราชการ มอบ ผบช.น. เป็นผู้ควบคุมเหตุการณ์ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 20 ก.พ. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) เดินทางไปชมการฝึกซ้อมแผนปฏิบัติการรับมือการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดง  มีการระดมตำรวจจาก กองบัญชาการตำรวจนครบาล 1-9 (บก.น. 1-9) ตำรวจสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ (191 ) ตำรวจตระเวนชายแดน และทหารจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) รวม 3,900 นาย ร่วมซ้อมการปฏิบัติปราบการจลาจลตามแผนกรกฎ 52 ในกรณี ผู้ชุมนุมบุกยึดทำเนียบรัฐบาล โดยมีการจำลองสถานการณ์การสลายการชุมนุมแบบเหมือนจริงจากระดับเบาไปหาหนัก เช่น การใช่โล่ผลักดันผู้ชุมนุมการใช้คลื่นเสียง การใช้น้ำฉีด การขว้างแก๊สน้ำตา และการใช้กระสุนยาง  ใช้เวลาซ้อมประมาณ 1 ชั่วโมง โดยนายสุเทพกล่าวให้โอวาทกำลังพลว่า การซ้อมดังกล่าวเป็นโครงการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารเหตุการณ์วิกฤติ กรณีการประกอบกำลังดูแลฝูงชนขนาดใหญ่ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นภารกิจสำคัญที่มีเกียรติ เพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้จากนั้น นายสุเทพให้สัมภาษณ์ว่า พอใจกับการฝึกซ้อมในครั้งนี้ของกำลังตำรวจ ทหาร พลเรือนเท่าที่ดูแล้ว มั่นใจว่าจะสามารถรองรับ และแก้ไขสถานการณ์ได้ดีกว่าทุกครั้ง  การปฏิบัติการทุกอย่างจะทำตามมาตรฐานสากล ไม่คิดว่าจะเป็นการเตรียมการเกินกว่าเหตุ เพราะแม้ผู้ชุมนุมจะบอกว่าชุมนุมด้วยความสงบ แต่มีบางส่วนปลุกระดมให้นำขวดน้ำมันไปเผาสถานที่ราชการ การให้นำอาวุธออกมา และการตั้งกองทัพประชาชน  จึงต้องเตรียมป้องกันเหตุไว้ เพื่อความไม่ประมาท  หลักการของรัฐบาลในการควบคุมผู้ชุมนุมคือ จะไม่ให้เข้าไปในสถานที่ราชการ และห้ามมีการปิดกั้นถนน สี่แยกต่างๆ จนการจราจรไม่สามารถดำเนินการได้ โดยจะมี พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา  ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นผู้ควบคุมเหตุการณ์ อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์มีความรุนแรง ต้องประกาศพื้นที่ความมั่นคง จะมีการตั้งผู้บัญชาการเหตุการณ์ต่อไป

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เทือกสั่งสกัดมือที่3ป่วนกลุ่มเสื้อแดง

เทือกสั่งสกัดมือที่3ป่วนกลุ่มเสื้อแดง



คมชัดลึก :รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ยัน รัฐบาลไม่ขัดขวางการชุมนุมแต่ต้องอยู่ภายใต้กม. สั่งหน่วยติดอาวุธจัดการมือที่สามทันทีหากเข้ามาแทรกแซงการชุมนุมของคนเสื้อแดง ดักคอ นำกระบะแสนคันปิดถนนเจอจับทันที






(20ก.พ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ปฎิเสธว่า เขาไม่สามารถประเมินสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร  ในวันที่ 26 ก.พ.นี้   ได้แต่กำชับเจ้าหน้าที่ให้ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเป็นสำคัญ เราเคยมีบทเรียนกันมาแล้วในบ้านเมือง การไม่ซักซ้อมให้ดี อาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้   โดยให้เจ้าหน้าที่ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ฝึกซ้อมประสานงานกันให้ดี เพื่อป้องกันเหตุอันไม่พึงประสงค์ขึ้นได้
 "คนที่รู้ดีคือคนที่อยู่ต่างประเทศ และเป็นผู้สั่งการ ผมคงได้แต่ขอร้องว่าอย่าทำอะไรที่ทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหาย หรือทำให้เกิดความรุนแรง จนถึงขั้นที่ต้องเสียภาพพจน์ของประเทศ  ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มาทำงานร่วมกันในครั้งนี้ ไม่มีเจตนาขัดขวางการดำเนินการของผู้ชุมนุม แต่การชุมนุมนั้นต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย "นายสุเทพ  กล่าว
 ส่วนกรณีที่แกนนำคนเสื้อแดงระบุว่าจะนำรถกระบะแสนคันเข้ามาร่วมชุมนุมปิดถนนนั้น รองนายกรัฐมนตรีผู้นี้กล่าวเสียงแข็งว่า  เรายอมไม่ได้กับการกระทำที่ไม่ถูกต้องแบบนี้ เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ หรือเป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนของประชาชน  ถือเป็นการแสดงเจตนาที่จะทำให้เกิดความปั่นป่วนในระบบจราจร หวังว่าผู้ที่จะมาชุมนุมจะมีสติและคำนึงถึงความถูกต้องด้วย แต่ถ้ามีการกระทำดังกล่าวจริง คงต้องระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาสาสมัครมาเป็นผู้ช่วยในการดูแลประชาชน เพราะเรามีเจ้าหน้าที่เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
 " เจ้าหน้าที่ที่ออกปฏิบัติการ จะไม่พกพาอาวุธ เพื่อแสดงว่ารัฐบาลไม่ได้ต้องการออกไปปราบปรามประชาชน เพียงไปป้องกันสถานที่ราชการ และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเท่านั้น แต่ถ้าผู้ชุมนุมหรือใครเข้ามาแทรกแซง ทำให้เกิดความรุนแรง จะมีหน่วยติดอาวุธเข้ามาจัดการทันที ถือเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้าคิดจะต่อสู้จนบ้านเมืองเสียหาย ก็ไม่ควรจะมีสำนึกของความเป็นคนอีกต่อไป ถ้าเป็นคนไทยต้องรู้ว่านี่คือบ้านเมือง ถ้าคนเราคิดจะยอมตาย เพื่อสมบัติของเจ้านายเพียงคนเดียว คงใช้ไม่ได้แล้ว” นายสุเทพ ย้ำ
 เมื่อถามอีกว่า ได้มีการจับตาความเคลื่อนไหวของพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย และพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก อย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า “ไม่ว่า เสธ.ไหน ถ้าทำผิดกฎหมายต้องจับหมด ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย”








ข่าวที่เกี่ยวข้อง"มาร์ค"แนะคดียึดทรัพย์'แม้ว'ควรเคารพศาล ดื่มกินธรรมชาติที่ อลาสกา

ชินวรณ์สั่ง2รมช.ศธ.ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองอภิสิทธิ์บอกสุเทพยังไม่รายงานหารือพรรคร่วมชินวรณ์สั่งปลัดศธ.ตั้งศูนย์ประสานติดตามม็อบ

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

อดีตรองปลัดมท. แฉซ้ำ ผ่อนส่งเก้าอี้ผู้ว่า

อดีตรองปลัดมท. แฉซ้ำ ผ่อนส่งเก้าอี้ผู้ว่า

ไพฑูรย์ บุญวัฒน์ เผยมีการซื้อขายตำแหน่งเป็นในลักษณะซื้อผ่อนส่ง ผู้ว่าฯ 4-5 คน ในจังหวัด ภาคอีสาน  ใกล้โคราช ย้ำมีการปล้ำ ขรก.หญิงในคลองหลอดจริง แต่ไม่ใช่ฝีมือ มท.1 ชี้แก่แล้ว...เมื่อวันที่ 20 ก.พ.นายไพฑูรย์ บุญวัฒน์ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวกรณี นายจาดุร อภิชาตบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย  ระบุว่ามีการซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าว่า การซื้อขายตำแหน่งเป็นในลักษณะซื้อผ่อนส่ง โดยขณะนี้มีผู้ว่าราชการจังหวัด 4-5 คน ในจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใกล้จังหวัดนครราชสีมา ที่เป็นจังหวัดไม่มีรายได้มากนัก บ่นว่าหาเงินไม่ได้ ไม่ทันผ่อนส่ง  ตนทราบมาว่าจะมีการโยกย้ายข้าราชการในระดับผู้ว่าราชการจังหวัดอีกใน เร็วๆนี้ เพื่อปรับคนที่ไม่สามารถหาเงินให้ได้ตามเป้าออก ดังนั้นหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดจึงมีความกังวลใจ และได้โทรศัพท์มาแจ้งเรื่องดังกล่าวกับตน ยืนยันว่าจะมีการดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องนายไพฑูรย์กล่าวต่อกรณีมีการระบุในการสัมมนาของส.ว.ว่า  วงการมหาดไทยมีความอัปยศสุดขีด ถึงขั้นมีการเรียกข้าราชการหญิงไปกอดปล้ำในห้องทำงานว่า ยืนยันว่าเรื่องนี้มีจริง ไม่เช่นนั้นตนจะพูดออกมาได้อย่างไร เมื่อถามว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทยระบุว่า อาจเป็เรื่องที่เกิดสมัยนายไพฑูรย์รับราชการอยู่ นายไพฑูรย์กล่าวว่า ไม่ใช่ เป็นเรื่องในปัจจุบัน เรื่องนี้ลามไปหมดทั่วกระทรวงมหาดไทย ทั้งห้องนักการเมืองและห้องข้าราชการ มีการลุ่มล่ามกับข้าราชการหญิงและลูกจ้าง มีการทำบัดสีบัดเถลิงมาตลอด อย่างไรก็ตามไม่ใช่ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะแก่แล้ว เรื่องนี้ต้องเป็นคนหนุ่ม และเป็นนักการเมือง มีตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทย ต่อข้อถามว่า หากมีการกระทำจริง เหตุใดจึงไม่มีคนทราบ เพราะเป็นที่ที่มีคนอยู่มากมาย นายไพฑูรย์ กล่าวว่า การกระทำแบบนี้ไม่มีใครทำให้คนอื่นรู้ สถานที่เป็นในห้อง ปลอดคน บานฉ่ำ ชื่นบาน ลับตาคน แต่อย่าให้บอกเลยว่าเป็นใคร เพราะขณะนี้กลัวว่าจะถูกฟ้องร้อง อย่างไรก็ตามนายไพฑูรย์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าทราบเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ทหารตร.ซ้อมแผนกรกฎ52คุมเสื้อแดง

ทหารตร.ซ้อมแผนกรกฎ52คุมเสื้อแดง



คมชัดลึก :ตำรวจงัดแผนกรกฎ52 ควบคุมม็อบแดง สุเทพ พอใจแผนปฏิบัติซักซ้อมประสิทธิภาพการบริหารเหตุการณ์วิกฤติ ย้ำ ม็อบแดงเคลื่อนไหวต้องไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน บอกวิธิสลายฝูงชนจะทำตามหลักสากล สั่งตำรวจเตรียมพร้อมเรื่องกฎหมายหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ห่วง ฮาร์ดคอร์ ผสมโรงก่อความวุ่นวาย กำชับเจ้าหน้าที่ระมัดวังม็อบแดงใช้ผู้หญิงเป็นเงื่อนไขเผชิญตำรวจ






(20ก.พ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อุดมเดช สีตะบุตร รองแม่ทัพภาคที่ 1 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปจาก พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร. 11 รอ.) ถึงภารกิจในการรักษาความสงบเรียบร้อยของการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ กลุ่มคนเสื้อแดง โดยในวันนี้ได้มีการจำลองเหตุการณ์วิกฤตภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทางรัฐบาลได้สั่งการให้จัดกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยภายในรัฐบาล โดยมีการสนธิกำลังจากเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 3 กองร้อย จากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 ตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนที่เกี่ยวข้อง รวม 3,900 นาย
 ทั้งนี้เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการบุกรุกเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาล ทางตำรวจก็จำเป็นจะต้องใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักตามระเบียบของกฎหมาย 10 ข้อ โดยมีขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา ถ้าไม่เป็นผลก็จะใช้วิธีเครื่องมือบังคับพิเศษ ส่วนทางยุทธวิธีจะใช้เครื่องเสียง รถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา จนถึงขั้นใช้กระสุนยางเมื่อเห็นว่ามีภัยมาถึงตัวเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นก็จะใช้เจ้าหน้าที่ทหารในการเข้ามาปฏิบัติการในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานเพื่อสลายการชุมนุมต่อไป ซึ่งตำรวจจะใช้แผนกรกฎ 52 ในการดูแลฝูงในครั้งนี้
 หลังจากนั้น นายสุเทพ ได้กล่าวว่า การฝึกทบทวนโครงการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารเหตุการณ์วิกฤต กรณีการประกอบกำลังควบคุมฝูงชนขนาดใหญ่ ซึ่งสถานการณ์ที่ได้ทราบกันอยู่โดยปรากฎชัดเจนว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมต่าง ๆ ที่มีความขัดแย้งทางด้านความคิดได้รวมตัวชุมนุมเรียกร้องสร้างความสับสนวุ่นวายทั้งใน กทม. และ จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องบางครั้งการชุมนุมอาจจะมีความรุนแรง เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน ผู้ชุมนุมไม่ได้ปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง จะต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองไม่ให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ไม่ให้เสียหายต่อการดำรงชีวิตปกติของสุจริตชน และไม่ให้เกิดความเสียหายต่อสถานที่ราชการ และบุคคลสำคัญ ในการปฏิบัติการโดยปกตินั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นเจ้าหน้าที่หลัก และ ทหารและ กทม. ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยในเขต กทม. ที่เป็นเป้าหมายหลักในการชุมนุม เราจำเป็นจะต้องจัดความพร้อมในส่วนต่าง ๆ เพื่อที่จะดูแลให้การชุมนุมอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย
 นายสุเทพ ยังให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการดูแลการเคลื่อนไหวของกลุ่มผุ้ชุมนุมว่า การฝึกซ้อมวันนี้พอใจที่ได้เห็นเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ และทหาร ได้ร่วมกันฝึกซ้อมกันอย่างเข้มแข็งเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทั้งหลายมีงานประจำที่จะต้องปฏิบัติอยู่แล้ว ทั้งเรื่อง เอกสาร สืบสวนสอบสวน ทำสำนวนคดีแต่ว่าเมื่อบ้านเมืองเกิดปัญหาก็จะต้องมาทำหน้าที่ในการควบคุมฝูงชนเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรี่ยบร้อย เป้าหมายใหญ่คือการให้ประชาชนดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ ฉะนั้นการฝึกซ้อมมีความจำเป็น ถ้าฝึกซ้อมดีการทำงานก็จะมีประสิทธิภาพ และจะไม่เกิดอุบัติ หรือปั้ญหาให้เรื่องราวบานปลายทั้งนี้ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษทั้งนี้เท่าที่ดูการฝึกซ้อมน่าจะดีกว่าทุกครั้ง สามารถแก้ไขเหตุการณ์ได้อย่างดีกว่าครั้งก่อน ๆ เครื่องมืออุปกรณ์พร้อม และจะไม่ทำอันตรายต่อผู้ชุมนุม และการทำงานจะต้องเป็นไปขั้นตอนกำกับฝูงที่เป็นมาตรฐานสากล ทั้งนี้จะไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปยังสถานที่ราชการทุกแห่งไม่เฉพาะทำเนียบรัฐบาล ส่วนสถานที่ราชการสำคัญก็ได้ดูแลเป็นพิเศษโดยคาดว่าจะเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนเหล่านีได้
 เมื่อถามว่า สถานที่ราชการสำคัญ 8 จุดที่หน่วยงานด้านความมั่นคงเป็นห่วงได้กำชับให้ดูแลเป็นพิเศษอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า หลักการคือ ต้องไม่มีการบุกเข้าไปทำลายสถานที่ราชการเพราะเป็นสมบัติของประเทศ เป็นเงินภาษีของประชาชน นอกจากนี้การปิดกั้นสามแยก หรือ สี่แยก ไม่ให้การจราจรดำเนินการไปได้ ประชาชนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ต้องเกิดขึ้นไม่ได้ ส่วนการบุกรุกสถานที่ต่าง ๆ ก็จะใช้ปฏิบัติการตามสามารถ ทั้งนี้ไม่อยากให้คิดว่าการฝึกซ้อมครั้งนี้เป็นการป้องปรามเพราะเดี๋ยวจะหาว่าเป็นการท้าทาย เอาเป็นว่าเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นจะต้องทำให้เกิดความเรียบร้อย ส่วนฝ่ายข่าวก็จะต้องประเมินกันต่อไป ส่วนปฏิบัติการก็จะต้องฝึกซ้อมกันไป ทั้งนี้ในสถานการณ์ปกติจะให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในการบังคับบัญชาสั่งการเจ้าหน้าที่ แต่หากมีการประกาศใช้พื้นที่ความมั่นคงก็จะต้องมีผู้บัญชาการเหตุการณ์ไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่เป็นเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งเราติดตามเหตุการณ์ตลอด เห็นว่ากลุ่มผุ้ชุมนุมบอกว่าจะใช้วิธีการที่สันติ แต่ก็มีบางส่วนสั้งการเตรียมการให้เอาขวดน้ำมัน ถังน้ำมัน บางครั้งก็บอกว่าจะเผาสถานที่ราชการ หรือ อาวุธ รวมถึงการตั้งกองทัพประชาชนขึ้น เราเตรียมการเอาไว้ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ เราทำเพื่อไม่ประมาทเท่านั้นเอง
 ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากที่ นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์เสร็จได้เดินเข้าไปพูดคุยกับ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว สบ. 10 พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. โดยกำชับให้ฝ่ายกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมความพร้อมกรณีหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงให้เพิ่มความเข้มข้นในการดูแลความเรียบร้อย เนื่องจากมีความเป็นห่วงกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่อาจจะเข้ามาปะปนสร้างสถานการณ์ทำให้กิดความรุนแรง ขณะเดียวกันให้ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมเพราะเกรงว่าลุ่มคนเสื้อแดงจะให้ผู้หญิงเป็นด้านหน้าในการเผชิญกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซี่งเป็นห่วงว่าคนกลุ่มเสื่อแดงจะใช้เป็นเงื่อนไขกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ








ข่าวที่เกี่ยวข้อง"เทือก"สั่งสกัดมือที่3ป่วนกลุ่มเสื้อแดง "มาร์ค"แนะคดียึดทรัพย์'แม้ว'ควรเคารพศาล ชี้นักการเมืองต่างโทษฝ่ายตรงข้ามเหตุวิกฤตปท. ต้นเหตุแห่งความเหิมเกริมกองทัพ-รัฐบาล"หวานอมขมกลืน"

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เทพไท เย้ย บิ๊กจิ๋วแค่เสี่ยวเอ้อทักษิณ

เทพไท เย้ย บิ๊กจิ๋วแค่เสี่ยวเอ้อทักษิณ

“เทพไท” เย้ย “บิ๊กจิ๋ว” แค่เสี่ยวเอ้อทักษิณ​ หยัน ประชาธิปัตย์ กลัวจนตัวสั่นหลังเจ้าตัวประกาศกวาด 50 ที่นั่ง ส.ส.ภาคใต้...นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยแต่งตั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เป็นประธานคณะกรรมการรณรงค์เลือกตั้งพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ และคลุมการเลือกตั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยประกาศจะยึด 50 ที่นั่ง และเหลือ 4 ที่นั่งให้กับพรรคประชาธิปตย์ว่า เรื่องนี้ทำให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กลัวจนตัวสั่น ในส่วนตัวของตนพอเสร็จจากการแถลงข่าวก็จะรีบลงพื้นที่ไปหาเสียงเพราะกลัวไม่ติด 1 ใน 4 ที่ พล.อ.ชวลิต เหลือให้ไว้ ทั้งนี้ ตนคิดว่าคงเป็นได้เพียงการเพ้อฝันของ พล.อ.ชวลิต ในบั้นปลายชีวิต  นายเทพไท กล่าวต่อว่า ถ้าดูวันที่ พล.อ.ชวลิต รุ่งโรจน์ที่สุด น่าจะเป็นช่วงที่เป็นหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ซึ่งได้เสนอโครงการฮารับปันบาลู ขึ้นมาหาเสียง ทำให้พรรคความหวังใหม่ ได้ ส.ส.เข้ามาจำนวนมาก แต่ในวันนั้น พล.อ.ชวลิต เป็นเถ้าแก่เอง ผิดกับช่วงนี้ ที่ พล.อ.ชวลิต กลับกลายมาเป็นเสี่ยวเอ้อ ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา เพราะฉะนั้น คาดหวังจะได้ถึง 50 ที่นั่งย่อมเป็นไปไม่ได้ นายเทพไท กล่าวว่า ที่น่าแปลกใจก็คือ ขุนพลที่พรรคเพื่อไทยประกาศก็คือ จะให้นายณัฐวุฒิ ไสเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง คลุมพื้นที่เลือกตั้ง 4 จังหวัดอ่าวไทยและนายพิเชษฐ์ สถิรชวาล คลุม 4 จังหวัดอันดามัน ทั้งนี้ ตนไม่แน่ใจว่านายณัฐวุฒิคลุมอ่าวไทยในน้ำหรือบนบก เพราะบนบกกลับบ้านก็ยังไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ก็คงจะคลุมในทะเล ส่วนนายพิเชษฐ์ซึ่งเป็นคนจังหวัดเพชรบุรี ก็เคยมีประสบการณ์ไปคลุมผู้สมัครในภาคใต้มาแล้วแต่ประสบความล้มเหลว โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากจะเสนอแนะในฐานะนักการเมืองด้วยกันว่าถ้าจะให้การเลือกตั้ง และการต่อสู้ของพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ชวลิต สมน้ำสมเนื้อ ตนก็อยากให้คัดตัวผู้สมัครเป็นคนที่มีชื่อเสียง ไม่ควรที่จะเอาคนโนเนม เพื่อให้ลงเต็มพื้นที่ จึงอยากจะเสนอให้แกนนำคนเสื้อแดงได้กลับไปพิสูจน์ในพื้นที่เลือกตั้งดีกว่ามาเล่นการเมืองอยู่ข้างถนน  นายเทพไท กล่าวว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. ก็ควรที่จะลงสมัครในพื้นที่จังหวัดสงขลา และนายณัฐวุฒิก็ควรที่จะไปลงที่ จ.นครศรีธรรมราช ถึงแม้ว่าจะแพ้ซ้ำซากก็ตาม ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็ควรจะไปพิสูจน์ตัวเองด้วยการไปลงสมัครที่ จ.สุราษฎร์ธานี ขณะที่นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กับนายก่อแก้ว พิกุลทอง ก็ควรที่จะลงสมัครที่ จ.พังงา รวมถึงนายวิพูแถลง วัฒนะภูมิไทย ก็ควรจะไปสมัครที่ จ.พัทลุง ถ้าเป็นอย่างนี้ตนคิดว่าจะทำให้สีสันการเลือกตั้งในภาคใต้มีมากขึ้น แลประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น ไม่อยากให้เหมือนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาในเขตเลือกตั้งของตนที่ได้คะแนนเสียงสองแสน ในขณะที่พรรคพลังประชาชนได้หนึ่งหมื่นห้าพันคะแนน  โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้จะมีการโอ้อวดคุยใหญ่โตก็ตาม ความเจ็บปวดของคนภาคใต้ที่ได้รับบทเรียนจากการบริหารในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พูดถึงเรื่องพื้นที่ใดเลือกพรรคไทยรักไทยก็จะพัฒนาพื้นที่นั้นก่อน ยังจดจำอยู่ในหัวใจคนภาคใต้ และเขาเชื่อว่าเงินไม่สามารถที่จะซื้อคนภาคใต้ได้ นอกจากนี้ ตนเองคิดว่าความเจ็บปวดของคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เคยทำให้พรรคไทยรักไทยหรือพรรคพลังประชาชนได้สูญพันธุ์มาแล้ว ก็คงยังจดจำวาทะเรื่องโจรกระจอกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ดีและคงจะจำเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ รวมทั้งกรณีตากใบที่มีการอุ้มฆ่าตัดตอน ซึ่งตนคิดว่าพรรคเพื่อไทยจะแปลงโฉมอย่างไร ประชาชนในภาคใต้ก็คงยังจดจำได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นถ้าหาก พล.อ.ชวลิต มั่นใจสามารถจะกวาดที่นั่งในพื้นที่ภาคใต้ได้ 50 สิบที่นั่งจริง อยากจะให้รอพิสูจน์ศรัทธาจากประชาชนในวันที่มีการเลือกตั้ง ซึ่งประชาชนก็จะให้คำตอบและบทเรียนเอง” นายเทพไท กล่าว


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

พันธมิตรฯจัดชุมนุมแสดงพลัง ที่ จ.นครราชสีมา

พันธมิตรฯจัดชุมนุมแสดงพลัง ที่ จ.นครราชสีมา

แกนนำพันธมิตรจัดเวทีสัญจร ที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ทวงคืนแผ่นดินแม่ พร้อมล่าชื่อถอดถอน สส. และ ชัย ชิดชอบ ...เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 20 ก.พ.2553 ที่บริเวณสนามโรงเรียนด่านขุนทด อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา กลุ่มแกนนำพันธมิตรฯ นำโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงชัย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพันธมิตร จัดเวทีพันธมิตรสัญจร  โดยมีประชาชนกลุ่มผู้ให้การสนับสนุน ทยอยเดินทางมาจากอำเภอและจังหวัดต่างๆ มาร่วมการชุมนุมประมาณ 5 พันคน โดยบรรดาแกนนำ  ได้มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนขึ้นกล่าวโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคณะรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยกล่าวหาว่า บริหารประเทศไม่โปร่งใส มีเลศนัยเกี่ยวกับเขตแดนไทย-กัมพูชา นอกจากนี้ยังมีการเปิดล่ารายชื่อเพื่อยื่นถอดถอน นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ 102 ส.ส. กรณีการยื่นญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ อีกด้วย


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

วิพากษ์ศิลปินคนเสื้อแดง...สังคมจะมองอย่างไร?

วิพากษ์ศิลปินคนเสื้อแดง...สังคมจะมองอย่างไร?



คมชัดลึก : นายหัวไทร ซดกาแฟเข้ม ถกการเมืองข้น คุยเป็นกันเอง ไม่เกรงอิทธิพล จากบล็อกโอเคเนชั่น วิพากษ์อุดมการณ์ทางการเมืองของศิลปินเสื้อแดง...จาก "สายัณห์ สัญญา" ถึง "ทอม ดันดี" กับอุดมการณ์การเมืองของศิลปิน?? เมื่อวันที่ 19 มีนาคม เวลา 08.46 น. เพียงไม่กี่ชั่วโมงมีคนเข้ามาอ่านกว่า 1,000 คน และมีคนแสดงความคิดเห็นเกือบ 30 ราย








 นายหัวไทร มองปรากฏการณ์นักร้องกับการเมืองที่เริ่มเปิดฉากขึ้น หลังจาก ทอม ดันดี ปรากฏกายบนเวทีปราศรัยของกลุ่มเสื้อแดงว่า ไม่ใช่เรื่องผิดและเป็นสิทธิทางการเมือง แต่น่าสนใจคือคำปราศรัยของ ทอม ดันดี อ้างถึงการคุยกับรัฐมนตรีคนหนึ่งก่อนที่จะรับตำแหน่งในรัฐบาลชุดนี้ จนเกิดคำถามว่ามีสมองแค่นี้เองหรือ ผิดกับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นคนเก่งและไม่โกง!!
 "ถ้าอาทักษิณกลับมาแล้ว ติดคุก ผมก็จะขอติดด้วย ไม่ร้องเพลงมันแล้ว ...อาทักษิณเป็นคนเก่ง และไม่โกง" ทอม ดันดี ย้ำกลางเวทีปราศรัย
 นายหัวไทร เกิดข้อสงสัยว่า ทอม ดันดี ไปอยู่ที่ไหนมา จึงไม่รู้ว่าศาลตัดสินให้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความผิดฐานทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่นายกรัฐมนตรีเอื้อในการจัดซื้อที่ดินของภรรยา ล่าสุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 4.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินที่ได้มาช่วงดำรงตำแหน่งทางการเมือง เกิดจากการใช้ตำแหน่งเอื้อประโยชน์ในการทำธุรกิจของบริษัทชินฯ
 ก่อนหน้านี้ "สายัณห์ สัญญา" ฉายานักร้องแหบเสน่ห์ ก็เคยขึ้นเวทีของกลุ่ม นปก.ตอนนี้เปลี่ยนเป็น นปช. ที่สนามหลวง ยังเปลี่ยนความคิดไม่เอา ทักษิณ ชินวัตร แล้ว
      "สมัยที่ไปขึ้นเวที นปก. พี่ไม่เคยด่าใคร ที่ขึ้นเพราะไม่ชอบความเป็นเผด็จการ จะทำอะไรให้นึกถึงประชาชนมากๆ คุณทักษิณคิดว่าให้เสื้อแดงทำแบบนี้แล้วคุ้มหรือ อย่ามัวทำเพื่ออำนาจผลประโยชน์ เหตุผลที่พี่ไม่เข้าไปร่วม เพราะมันทำไม่ตรงกับอุดมการณ์ของพี่เลย..." 
  "อุดมการณ์ของพี่ต้องเคารพกฎหมาย ทำแล้วไม่ต้องกลัวตำรวจมาจับ ไม่ต้องกลัวทหารพาไปยิงทิ้ง พูดแล้วคนก็เห็นใจ อยากช่วยไม่ต้องไปจ้างใครมาเลย สันติวิธี ใครมาอยากอภัยก็ต้องอภัย เมตตาสงสาร พี่เคยพูดนำเสนอพวกมัน แต่มันไม่ให้เราพูด มาทำสังคมเดือดร้อน ชาวบ้านไม่เป็นอันทำมาหากิน เหมือนเป็นพวกอันธพาล หวังคิดแค่ได้เงินมาเคลื่อนไหว ทำงานประชาธิปไตยไม่มีใครปิดบ้านเมืองแบบนี้ ที่ไอ้พวกแดงมันทำ เพราะเห็นไอ้พวกเหลืองมันทำแล้วไม่มีใครเอาผิดพวกมันได้ พี่ว่าเลวทั้งคู่ เคลื่อนไหวแค่ตอบสนองเจ้านายพวกมันเท่านั้น บ้านเราจะเจริญมากถ้าไม่มีพวกนี้” สายัณห์ สัญญา บอกจากใจ
 นอกจากนี้  "แอ๊ด คาราบาว" ก็เคยแสดงจุดยืนของตัวเองด้วยการไม่เข้าร่วมกับเวทีของพันธมิตรฯ ขณะที่ผองมิตรแห่งเพลงเพื่อชีวิตหลายคนเข้าร่วมกับกลุ่มเสื้อเหลือง ครั้งนั้น "แอ๊ด คาราบาว" ถูกตำหนิไม่น้อย แต่นั่นคือ จุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมือง ที่ตัดสินใจไม่เข้าไปยืนอยู่ข้างใดข้างหนึ่งท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง
   ...น่าจับตาอย่างยิ่ง การแสดงจุดยืนของ "ทอม ดันดี" ครั้งนี้ สังคมจะมองอย่างไร....???








ข่าวที่เกี่ยวข้องทักษิณอัดกรรมการสิทธิฯโอกาสสงบศึกหดหาย "แดงอีสาน"ถอดใจ...ขอขึ้นรถไฟฟรีสารพันตำรวจ : แดดเผา...สี (กากี) ทนได้ !ทักษิณไม่ใช่คนไทยแล้วเสื้อแดงคึกคนตจว.สมทบเพลินขึ้นเวทีร้องเพลง

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ทักษิณอัดกรรมการสิทธิฯโอกาสสงบศึกหดหาย

ทักษิณอัดกรรมการสิทธิฯโอกาสสงบศึกหดหาย



คมชัดลึก : ฟังคุณทักษิณ ชินวัตร วิดีโอลิงก์เข้าที่ชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อคืนพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม ไม่มีประเด็นอะไรใหม่เป็นการตอกย้ำประเด็นเดิมๆ เรื่องอำมาตย์ เรื่องที่ตัวเองจะกลับมาเพื่อที่จะปลดหนี้ให้แก่ประชาชน เรื่องคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป






แต่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือว่า ช่วงกลางวันคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปพบกับนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้ก็ไปพบกับคนเสื้อแดงเพื่อจะเป็นคนกลางที่จะให้มีการเจรจาหาทางลงทั้งสองฝ่าย
 ฟังดูบรรยากาศทั้งจากที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ไปพบกับแกนนำเสื้อแดงและพบกับนายกรัฐมนตรี ก็ดูเหมือนว่า อย่างน้อยที่สุดจะตกลงกันว่าจะมีการริเริ่มกระบวนการพูดจากัน จะตกลงกันได้หรือไม่เงื่อนไขจะเข้มข้นเกินไปสำหรับแต่ละฝ่ายหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่อย่างน้อยที่สุดบรรยากาศก็เป็นไปในทำนองว่าจะนั่งลงพูดคุยแลกเปลี่ยนเงื่อนไขกัน
 แต่ คุณทักษิณ ชินวัตร พอพูดวิดีโอลิงก์เมื่อคืนนี้ออกมาโจมตีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ บอกว่าไม่อิสระ และยังบอกว่า คนบางคนที่เป็นกรรมการอยู่เป็นญาติพี่น้องกับนายทหารบางคนอีก พูดง่ายๆ ก็คือว่าคุณทักษิณ ไม่เชื่อและไม่ต้องการร่วมกระบวนการเจรจา ทั้งๆ ที่ตัวคุณทักษิณเองเคยบอกว่าพร้อมที่จะพูดคุย พร้อมที่จะเจรจาไม่ใช่คนดื้อ
 แต่น้ำเสียงคุณทักษิณ วันสองวันที่ผ่านมายิ่งวันยิ่งกร้าว แต่เป็นเสียงกร้าวของคนที่มีความรู้สึกหวั่นไหว เพราะว่าตลอดเวลาที่วิดีโอลิงก์มานั้นจะย้ำหลายครั้งหลายหนว่า ผู้ชุมนุมกรุณาอดทนอย่าเพิ่งทิ้งอย่าเพิ่งเลิกรา
 เมื่อวันก่อนก็บอกว่าขอเวลา 7 วัน แต่เมื่อคืนนี้บอกว่าสู้นานเท่าไหร่ก็ต้องสู้ แปลว่าคุณทักษิณคิดว่าคงจะไม่ง่ายแล้วล่ะสำหรับความสำเร็จหรือชัยชนะของคุณทักษิณในการให้คนมาชุมนุมเพื่อเขา
 น่าเสียดายถ้าหากกระบวนการที่จะพูดจากันระหว่างคนเสื้อแดงกับรัฐบาลไม่สามารถริเริ่มขึ้นได้ ก็แปลว่าการเผชิญหน้าจะยืดเยื้อยาวนานต่อไป และจะโทษใครไม่ได้ถ้าหากกระบวนการการพูดจาไม่สามารถริเริ่มได้ เพราะฟังน้ำเสียงคุณทักษิณแล้ว คุณทักษิณไม่ต้องการที่จะให้แกนนำคนเสื้อแดงเจรจากับฝ่ายรัฐบาล
 ทั้งๆ ที่ทั้งสองฝ่ายยืนยันว่าจะต้องหาทางออกด้วยสันติวิธี สันติวิธีมีทางเดียวคือการพูดจากัน ไม่ใช่ใช้ความแข็งกร้าวอย่างที่คุณทักษิณแสดงออกในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
สิทธิชัย หยุ่น








ข่าวที่เกี่ยวข้อง วิพากษ์ศิลปินคนเสื้อแดง...สังคมจะมองอย่างไร? "แดงอีสาน"ถอดใจ...ขอขึ้นรถไฟฟรีทักษิณจวกสื่อไทยเพี้ยนสื่อเทศตาสว่างเข้าใจแดงวรพล-บ้าน111นำนักวิชาการขึ้นเวทีแดงจวกรัฐห่วย อภิสิทธิ์ห่วงจราจรอัมพาตแดงเคลื่อนพลทั่วกรุง20มี.ค.

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

แดงอีสานถอดใจ...ขอขึ้นรถไฟฟรี

แดงอีสานถอดใจ...ขอขึ้นรถไฟฟรี



คมชัดลึก :เสื้อแดงอีสานบางส่วนถอดใจ คิดถึงบ้าน ถูกรถกระบะ-แกนนำทิ้ง อาศัยรถไฟฟรีภาษีประชาชนทยอยกลับบ้านแน่นโบกี้ จนท.ประชาสัมพันธ์ชี้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม วันประกาศเจาะเลือดมีเสื้อแดงแห่กลับแน่นหัวลำโพง






 การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงกดดันให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภา ดูเหมือนว่าจะมีอุปสรรคครั้งใหญ่ เมื่อไม่เป็นไปตามที่แกนนำคาดหวัง โดยเฉพาะแกนนำระดับชุมนุมไม่สามารถยื้อรถกระบะที่นำพาผู้ชุมนุมจากภาคอีสานและเหนือให้ตรึงอยู่กับการชุมนุมใหญ่ที่สะพานผ่านฟ้าฯ ได้ ส่วนหนึ่งถูกทิ้งจนต้องอาศัยรถไฟฟรีจากภาษีของประชาชนโดยสารกลับบ้านอย่างโดดเดี่ยว
 นับตั้งแต่มีการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดงตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม เป็นต้นมา หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะมีผู้ชุมนุมจำนวนมหาศาลเข้ามาร่วมกดดันรัฐบาลให้ยุบสภา โดยผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นชาวรากหญ้าจากภาคอีสานและภาคเหนือ ซึ่งเป็นฐานเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา จะสร้างแรงกดดันใหัรัฐบาลต้องตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง และสิ่งที่หวาดกลัวกันมากที่สุดคือเกิดความรุนแรงบานปลายอาจถึงขั้นเสียเลือดเนื้อ แต่การชุมนุมที่ส่อจะยืดเยื้อส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งคิดถึงบ้าน จนทยอยกลับบ้านจนเหลือผู้ชุมนุมน้อยลงในแต่ละวัน
 หลังจากการชุมนุมผ่านมาได้ระยะหนึ่ง "คม ชัด ลึก" ได้สอบถามผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งได้ความว่า พวกเขาถูกแกนนำระดับหมู่บ้านและรถกระบะที่พามาทิ้งให้อยู่ร่วมชุมนุมโดยลำพัง ตั้งแต่แกนนำขอบริจาคเลือดไปเทราดตามสถานที่ต่างๆ เพื่อสร้างแรงกดดันให้รัฐบาล หลายคนทนคิดถึงบ้านไม่ไหวไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ส่วนหนึ่งเลือกที่จะหันไปใช้บริการรถไฟฟรีจากภาษีของประชาชน ทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาของตนเอง
 บรรยากาศที่สถานีรถไฟหัวลำโพงเย็นย่ำวันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา นอกจากผู้โดยสารอื่นๆ แล้วยังปรากฏคนสวมเสื้อแดงจำนวนมากรอรถไฟอยู่ตามชานชาลาสายอีสานและเหนือคับคั่งกว่าที่เคยเป็น ส่วนใหญ่เป็นคนวัยกลางคนและสูงอายุ นั่งรอด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก "วินัย" วัย 51 ปีจากอุดรธานี ที่เดินทางมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม เป็นต้นมา กับเพื่อนในหมู่บ้านอีก 4 คน ยอมรับว่าคิดถึงเมียและหลานสาววัย 4 ขวบ มากจนต้องตัดสินใจกลับบ้าน
 วินัยกับเพื่อนๆ เดินทางมาร่วมชุมนุมกับรถกระบะคันหนึ่งในหมู่บ้าน ที่ผู้ใหญ่บ้านนำมารับ ตั้งใจว่าจะมาอยู่ร่วมชุมนุมแค่ 3 วันแล้วจะเดินทางกลับ แต่พอครบ 3 วันรถที่พามากลับบอกว่าหากจะกลับบ้านต้องเสียค่ารถอีกคนละ 300 บาท ไม่รวมค่าน้ำมัน เบ็ดเสร็จแล้วพวกเขาจะต้องเสียเงินถึงคนละ 600 บาทถึงจะกลับบ้านได้ จึงต้องอยู่ร่วมชุมนุมต่อไปเรื่อยๆ รอคนรู้จักกลับแล้วจะขอติดรถกลับบ้านด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่มีรถให้กลับบ้าน เลยต้องหันมาใช้บริการรถไฟฟรีจากภาษีของประชาชนกลับบ้าน
 "ผมมาเพื่อเรียกร้องอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาบริหารบ้านเมืองเหมือนเดิม แต่อีกส่วนก็มาจากเงินจูงใจจำนวนหนึ่ง ดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆ ไม่มีรายได้อะไร พอได้มาก็ให้เมียเก็บไว้ใช้จ่ายที่บ้าน แต่มาแล้วกลับถูกทิ้งและแกนนำก็พยายามชวนให้อยู่ต่อ ผมคิดถึงเมียและบ้านมากไม่รู้จะทำอย่างไร เงินก็ให้เมียหมดแล้ว สุดท้ายพอเกินกำหนดมากๆ เข้า ผมกับเพื่อนๆ เลยมานั่งรถไฟฟรีที่หัวลำโพงกลับบ้าน" วินัย กล่าว
 ไม่ต่างอะไรกับ "สุบินทร์" วัย 48 ปีจากหนองคาย ที่นั่งรอรถไฟสายกรุงเทพฯ-หนองคาย ในชานชาลาที่ 8 ตั้งแต่ 4 โมงเย็นด้วยใจจดจ่อ เนื่องจากคลาดกับรถกระบะที่พามาส่งเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา และรถคันดังกล่าวก็กลับไปโดยไม่แจ้งเหตุผล เขาได้ติดต่อกับการ์ดเสื้อแดงติดต่อขอรถกลับบ้านก็ได้รับคำตอบให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวแกนนำจะจัดหารถให้ แต่ผ่านไปนานเกือบ 1 สัปดาห์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้กลับบ้าน ตรงกันข้ามการชุมนุมกลับดูจะยืดเยื้อมากขึ้นทุกวัน
 "เงินผมหมด รถที่พามาก็ทิ้ง ผมเลยตัดสินใจมาที่หัวลำโพง ดูว่ามีรถไฟกลับหนองคายหรือเปล่า พอดีมีเที่ยว 2 ทุ่ม 45 นาที ผมเลยต้องนั่งรออยู่ถึง 6 ชั่วโมง จริงๆ แล้วผมไม่ได้อยากจะมาร่วมชุมนุมหรอก แต่เกรงใจกำนันที่ไปชักชวนและขอร้องให้มาช่วย ผมคงไม่กลับมาอีกแล้ว ถึงผมจะจนแค่ไหนก็ไม่เคยนอนข้างถนนแบบนี้" สุบินทร์ กล่าวอย่างทดท้อ
 ขณะที่ "บุญซ่อน" วัย 41 ปี จากหนองคายเช่นกัน บอกคล้ายๆ กันว่าอยากจะกลับบ้านมาหลายวันแล้ว แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากต้องการอยู่ร่วมชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้ยุบสภา แต่รถที่มาด้วยรวมถึงคนอื่นๆ ไม่ยอมรอ ก่อนหน้าจะมาร่วมประท้วงได้รับคำยืนยันจากแกนนำว่าจะมีรถไปรับไปส่ง แต่สุดท้ายกลับไม่มี จึงจำเป็นจะต้องโดยสารรถไฟฟรีกลับบ้าน ไปหาลูกเมีย
 ด้าน เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) สถานีรถไฟหัวลำโพง เปิดเผยว่า ตั้งแต่ในวันที่ 15 มีนาคม เป็นต้นมา มีกลุ่มคนที่มาร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. ทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาด้วยรถไฟจำนวนมาก แต่ไม่ทราบว่าเกิดจากเหตุผลใด อย่างไรก็ดี คนกลุ่มนี้มักจะมาช่วงเย็นๆ รอจับจองที่นั่งบนขบวนรถไฟ โดยเฉพาะสายอีสานที่จะออกตอน 2-3 ทุ่ม โดยวันที่ 15 และ 16 มีนาคม มีมากเป็นพิเศษ 
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้โดยสารที่รอรถไฟอยู่ตามชานชาลาสายเหนือและอีสานส่วนใหญ่จะใส่เสื้อสีแดง และโบกี้รถไฟสายกรุงเทพฯ-หนองคาย โบกี้ที่ 3-10 หรือ 6 โบกี้หลังจะมีผู้โดยสารคลาคล่ำไปด้วยคนสวมเสื้อสีแดง จากการสอบถามได้ความว่าส่วนใหญ่มาร่วมชุมนุมแล้วถูกรถกระบะทิ้งไว้ จนต้องอาศัยรถไฟฟรีกลับภูมิลำเนาของตัวเอง
 นอกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงแล้ว ที่สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ก็มีสภาพไม่แตกต่างกัน จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ได้ความว่า เมื่อวันที่ 15-16 มีนาคม ที่ผ่านมา มีผู้ชุมนุมเสื้อแดงทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะรถโดยสารกรุงเทพฯ-อุดรฯ ขอนแก่น โคราช และอุบลราชธานี
 








ข่าวที่เกี่ยวข้องทักษิณอัดกรรมการสิทธิฯโอกาสสงบศึกหดหาย วิพากษ์ศิลปินคนเสื้อแดง...สังคมจะมองอย่างไร?สารพันตำรวจ : แดดเผา...สี (กากี) ทนได้ !ทักษิณไม่ใช่คนไทยแล้วเสื้อแดงคึกคนตจว.สมทบเพลินขึ้นเวทีร้องเพลง

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ใครเป็นต่อใครเป็นรอง

ใครเป็นต่อใครเป็นรอง



คมชัดลึก : ถึงแม้กระแสเรียกร้องให้เปิดการเจรจากันระหว่างฝ่าย นปช. และ ทักษิณ ชินวัตร กับฝ่ายรัฐบาล เพื่อให้สถานการณ์บ้านเมืองที่เหมือนกำลังไต่อยู่ปากเหว ได้ชักเท้ากลับไปหาที่ปลอดภัย






 จับหางเสียงในเรื่องนี้ รัฐบาลเปิดทางพร้อมพูดคุยภายใต้กฎกติกา และความเป็นไปได้ที่นำพาสังคมไปสู่ความสงบ
 ส่วน นปช.ก็ไม่ได้ปิดหนทางนี้อย่างสิ้นเชิง เพียงแต่ตั้งเงื่อนไขไว้สูงลิบว่า ต้องยุบสภาก่อน ไม่อย่างนั้นไม่คุย
 จะมีก็เพียงแค่ ทักษิณ เท่านั้น ที่โฟนอินมายังเวทีปราศรัยสะพานผ่านฟ้าฯ ปฏิเสธการใช้กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่พยายามเล่นบท "ตัวกลาง" ระหว่างรัฐบาลและฝ่ายทักษิณ
 ทักษิณ อ้างว่า เพราะคนในคณะกรรมการสิทธิฯ มีคนหนึ่งที่เป็นญาติกับ ผบ.ทอ.
 ไม่เอาตัวเชื่อม แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่า จะไม่เอาการเจรจา
 แต่การเจรจาจะยังไม่เกิดขึ้น ตราบใดที่ทักษิณ ยังเชื่อมั่นว่า การเจรจานั้นยังไม่ทำให้ได้เปรียบ
 แล้วในวันที่แดงยังกระท่อนกระแท่น แทบจะรูดม่านลาโรง ยิ่งไม่ใช่วันที่คนอย่างทักษิณ จะมาตั้งโต๊ะเจรจา กับฝ่ายรัฐบาลที่ถืออำนาจรัฐอยู่เต็มสองมือ
 หากจะมีการเจรจากันจริงๆ ภารกิจ หรือยุทธศาสตร์ที่ทักษิณ วางเอาไว้รวม 5 ข้อ นั้นจะต้องลุล่วง ไปเสียก่อน
 1.กระชับมวลชนให้อยู่ในมือ 3 เกลอ ซึ่งก็หมายถึงว่า แนวทางการชุมนุมยืดเยื้อ ที่ 3 เกลอกำลังดำเนินอยู่นี้ เป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว
 2.ให้ทำลาย "แดงอื่น" ที่จะมาช่วงชิงการนำของ 3 เกลอให้หมด
 ดังจะเห็นได้จากการจากไปของ "แดงสยาม" อย่าง สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ที่ยืนยันหลักการปฏิวัติโครงสร้าง ไม่ใช่การต่อสู้ในรูปแบบของ 3 เกลอ ที่มุ่งแต่เพียงให้รัฐบาลยุบสภา แล้วกลับเข้าไปสู่โครงสร้างเดิม
 3.สั่งการให้ ส.ส.เพื่อไทยมาร่วมเวทีเสื้อแดง และรับผิดชอบการระดมคนมาร่วมชุมนุมที่เวทีสะพานผ่านฟ้าฯ
 เบื้องต้นขอกำลังคนจังหวัดละ 1 หมื่นคน !
 พร้อมกันนี้ก็ให้ ส.ส.เพื่อไทยขึ้นเวทีเสื้อแดง เพื่อสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับผู้ชุมนุม
 4.จากนั้นล่อให้ อภิสิทธิ์ ติดกับเกมซักฟอกในสภา ซึ่งคาดว่า ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะยื่นราวปลายเดือนนี้
 เกมจะอยู่ตรงที่ว่า เมื่อยื่นญัตติแล้ว นายกฯ ต้องเปิดให้ซักฟอก เมื่อนั้นคนเสื้อแดงจะยกกำลังไปปิดล้อมรัฐสภา
 ภาพคงจะไม่งามนัก หากว่า นายกรัฐมนตรีต้องปีนรั้วหนีม็อบเหมือนเมื่อครั้งที่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ที่ออกมาอย่างทุลักทุเล 
 5.ยุทธศาสตร์สุดท้ายก็คือ การสร้างความหวาดระแวงให้เกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ ซึ่งเป็นเสาหลักค้ำยันรัฐบาลนี้
 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทุจริต เรื่องการจัดวางสายสัมพันธ์อำนาจ ที่เชื่อมั่นว่า ยังมีช่องโหว่
 น่าเชื่อว่า เมื่อใดที่สายสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพย่ำแย่ เหตุไม่คาดฝันอันเนื่องมาจากความไม่พอใจกันแต่แรกจะเกิดขึ้น
 จะแรงจนถึงขั้นก่อวินาศกรรมหรือไม่ เป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้
 ทั้ง 5 ยุทธศาสตร์นั้น จำเป็นจะต้องมีเวทีให้แก่ทักษิณ เพื่อสื่อสารกับประชาชน ทั้งทั่วไปและคนเสื้อแดง
 จะต้องมีพื้นที่ถ่ายทอดแนวความคิด และการเตรียมโครงการ "ให้" แก่ประชาชน เพื่อสร้างความหวัง เมื่อถึงวันที่ทักษิณ ได้กลับมาอีกครั้ง
 ดูเหมือนว่า ยุทธศาสตร์ของ ทักษิณ จะกินเวลายาวนาน
 แต่ท่าทีของ นปช.นั้นเชื่อมั่นว่า เสื้อแดงได้รับชัยชนะแล้ว เห็นได้จากการตอบรับ จากคนในเมืองหลวง โดยจะทดสอบกันครั้งใหญ่ในวันเสาร์ที่ 20 มีนาคมนี้ ว่าคนเมืองหลวงเอากับ เสื้อแดงหรือไม่
 แต่ของพรรค์นี้มัน 50 : 50 หากว่าคนเมืองหลวงเกิดแสดงความชิงชังรังเกียจ จนเกิดกระทบกระทั่งกัน กระแสที่กำลังพุ่งขึ้นก็อาจจะร่วงลงไม่เป็นท่า
 เสียงเรียกร้อง (ในใจ) จึงดังเอ็ดอึง ว่าถึงเวลาที่ต้องเจรจาเพื่อหาทางลงสวยๆ
 แต่ใครจะพูดอะไรได้ ในเมื่อเจตนาของ ทักษิณ ชัดเจนว่าต้องยืดเยื้อเพื่อกดดันรัฐบาลให้มากกว่านี้ เพื่อเพิ่มกำลังต่อรองให้ถึงจุดสูงสุด
 เริ่มเคลื่อน 10.00 น. กลับเวทีสะพานผ่านฟ้าฯ 17.00 น.คงได้รู้กันละว่า กำลังต่อรองจะเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุด หรือร่วงลงในระดับต่ำสุดขีด
 ชัดเจน! ไม่ว่าจะพุ่งขึ้นขีดสุดหรือลงต่ำสุด การเจรจาเกิดขึ้นแน่ เพียงแต่ใครจะอยู่ในฐานะใด !








ข่าวที่เกี่ยวข้อง "แดงอีสาน"ถอดใจ...ขอขึ้นรถไฟฟรีทักษิณอัดกรรมการสิทธิฯโอกาสสงบศึกหดหาย วิพากษ์ศิลปินคนเสื้อแดง...สังคมจะมองอย่างไร?ทักษิณจวกสื่อไทยเพี้ยนสื่อเทศตาสว่างเข้าใจแดงวรพล-บ้าน111นำนักวิชาการขึ้นเวทีแดงจวกรัฐห่วย

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

แดงนัดเคลื่อน ทั่วกรุง วอนคนเข้าใจ

แดงนัดเคลื่อน ทั่วกรุง วอนคนเข้าใจ

แดงนัดเคลื่อนขบวนทั่วกรุง ฝั่งธน - พระนคร วอนคนกรุงเข้าใจ อาจทำรถติดสาหัส ชี้ ทักษิณ ก็เป็นไพร่ แต่เติบใหญ่ขึ้นได้  ด้าน วิสา คัญทัพ นำทีม ละเลงศิลปะเลือด...เมื่อเวลา 18.20 น. วันที่ 19 มี.ค. 2553  นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงเส้นทางการเคลื่อนขบวนในวันที่ 20 มี.ค. ว่า ทางแกนนำ นปช. ได้สรุปเส้นทางเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งจะมีการเคลื่อนขบวนตั้งแต่ เวลา 10.00 - 18.00 น. โดยเส้นทางจะเริ่มจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ตรงไปแยกยมราชเข้าสู่ถนนเพชรบุรี ผ่านประตูน้ำ มุ่งตรงสู่แยกอโศก เลี้ยวซ้ายไป อสมท. เข้าสู่ถนนรัชดาภิเษก ไปจนถึงแยกห้วยขวาง และแยกรัชดา ลาดพร้าว เคลื่อนขบวนไปตามถนนลาดพร้าวตลอดทั้งสาย ผ่านเดอะมอลล์บางกะปิ ไปแยกลำสาลีเข้าสู่ถนนรามคำแหง ผ่านมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถึงแยกพระราม 9 ไปคลองตัน เข้าซอยสุขุมวิท 71 ผ่านพระโขนง กล้วยน้ำไท จากนั้นเข้าสู่ถนนพระราม 4 และคลองเตย ผ่านสนามมวยลุมพินี เมื่อถึงแยกศาลาแดง มุ่งหน้าสู่ถนนสีลม ไปจนถึงแยกบางรัก เคลื่อนขบวนไปตามถนนเจริญกรุงทั้งสาย ถึงวงเวียนโอเดี้ยนเข้าเยาวราช จากนั้นขึ้นสะพานพระปกเกล้าถึงวงเวียนใหญ่ไปตามถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เลี้ยวขวาตรงแยกมไหศวรรย์ เข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์ จนถึงแยก 35 โบล เลี้ยวขวา ขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า กลับเข้าสู่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ตลอดเส้นทางการเคลื่อนขบวน จะมีการเชิญชวนคนกรุงเทพฯมาต่อสู้ในสงครามชนชั้น และจะเป็นการแสดงให้เห็นว่าระบบอำมาตย์ ไม่ดีอย่างไร ซึ่งจัดเป็นยุทธศาสตร์หลากสี ปลดแอกชนชั้นในประเทศไทย ส่วนประชาชนที่จะมาร่วมกับคนเสื้อแดงไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อสีแดงก็ได้ แต่ขอให้มีอุดมการณ์ร่วมกันก็พอ ส่วนการเคลื่อนขบวนครั้งนี้ ตนเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เราจะสื่อสารว่า ไพร่คืออะไร โดยจะเป็นการอธิบายตามหลักประวัติศาสตร์ทางการเมือง ตั้งแต่ ที่มีการปฏิวัติ พ.ศ. 2475 ไม่ใช่เป็นการอธิบายตามหลักพจนานุกรม “ไม่ว่าผลการต่อสู้จะออกมาอย่างไร เราจะใช้แนวทางสันติวิธีจนสุดทาง คนในรัฐบาลพยายามทำให้เรื่องของเราเป็นเรื่องไร้ค่า และ มีการเหยีดหยามคนเสื้อแดงมาโดยตลอด เช่นการกล่าวหาว่าเลือดของคนเสื้อแดงเป็นเลือดวัว เลือดควาย แต่เราก็จะสู้ด้วยแนวทางสันติวิธี” นายณัฐวุฒิ กล่าวเมื่อถามว่า ขบวนของกลุ่มเสื้อแดงจะผ่านจุดสำคัญทางเศรษฐกิจ อย่างสีลม และเยาวราช ซึ่งเป็นตลาดค้าทองคำ จะมีมาตรการอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้มือที่ 3 เข้ามาสร้างความวุ่นวาย นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เรามีมาตรการป้องกันไว้แล้ว และ จุดประสงค์ของเรา เพื่อเป็นการเชิญชวนคนกรุงเทพฯ มาร่วมกับคนเสื้อแดง จึงคิดว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบแต่อย่างใด“ขบวนของเราไม่ใช่ขบวนปล้นทอง แต่เป็นขบวนที่เรียกร้องประชาธิปไตย บางทีถ้าขบวนเราผ่านเยาวราช ทองอาจจะขายดีก็ได้ เพราะคนเสื้อแดงอาจไปซื้อ” นายณัฐวุฒิ กล่าวเมื่อถามว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อการจราจรน้อยที่สุดระหว่างการเคลื่อนขบวน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องรถติดเป็นเรื่องธรรมดา เพราะขบวนของเรามีความยาวพอสมควร ขอให้คนกรุงเทพฯ เข้าใจด้วย ถ้าเราไม่เดือดร้อน เราคงไม่มาทำเช่นนี้ และคิดว่ารถคงจะติดไม่นาน เนื่องจาก ขบวนก็เคลื่อนไปเรื่อยๆ ไม่ได้ปักหลักแกนนำเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีการเปิดพื้นที่ให้จัดงานกาชาด ว่า ตนได้ลงพื้นที่ด้วยตนเองแล้ว ตั้งแต่แยกสวนมิสกวันไปจนถึงถนนอู่ทองใน หน้ารัฐสภา ซึ่งเป็นสถานที่ที่กรุงเทพฯ จะขอความร่วมมือในการจัดงานกาชาด ทั้งนี้ ยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย หากจะมีการเปิดพื้นที่โดยฉับพลันทันที ซึ่งทางเราจะขอใช้เวลา แต่ยืนยันว่า จะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการจัดงาน อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการย้ายพื้นที่แล้ว การชุมนุมในบริเวณดังกล่าวจะมาอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่แยกสวนมิสกวันไปถึงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ถนนพิษณุโลก แทนสถานที่เดิม พร้อมกันนี้จะมีการจัดถนนคนเดิน เพื่อเป็นพื้นที่ในการจัดกิจกรรม และแสดงศิลปะที่เกี่ยวกับประชาธิปไตย“การชุมนุมจะทวีความเข้มข้นตลอดเวลา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะไปที่ใด คนเสื้อแดงจะตามไปทุกที่ เจอทุกวัน จะเรียกร้องให้ยุบสภาทุกวัน แต่จะไม่มีการกระทำที่รุนแรงอย่างแน่นอน” นายณัฐวุฒิ กล่าวนายณัฐวุฒิ กล่าวอีกถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ตั้งคำถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นไพร่หรือเป็นอำมาตย์ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นไพร่ แต่เป็นไพร่ที่เติบโต และมีกำลังที่แข็งแกร่ง จากนั้น ก็นำกำลังของตัวเองมาพาไพร่ด้วยกันให้เติบโตไปด้วย อำมาตย์จึงทนดูไม่ได้ เพราะพวกอำมาตย์คิดว่าต้องมีคนจนไว้ เพื่อให้พวกเขาได้แสดงให้ดูว่าพวกเขาร่ำรวย  ส่วนกรณีที่มีการนำภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปประเทศมอนเตเนโกร มาเปรียบเทียบกับผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ถ้าพวกเราไม่สู้ เราก็ต้องนอนแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะเราถูกกดดันจากคนชั้นสูงมานาน ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปพบ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตประธาน รสช. นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักธุรกิจ ดังนั้น การไปหา พล.อ.สุนทร สำหรับตนแล้วรับได้ แต่ตนรับไม่ได้ที่นายอภิสิทธิ์ ที่เป็นนักการเมืองแล้ว แต่นำดอกไม้ไปให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่อยู่ร่วมขบวนการปฏิวัติรัฐประหารด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง กล่าวว่า ทราบมาว่านายอภิสิทธิ์ จะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลในวันจันทร์ที่ 22 มี.ค. นี้ เสื้อแดงเห็นว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่สาระ เพราะที่ผ่านมาการชุมนุมไม่เคยปิดประตูเข้าออกทำเนียบฯ อยู่แล้ว นายอภิสิทธิ์ จะเข้าไปทำงานก็เข้าไป แต่เราก็มีสิทธิในการไปพบเพื่อเรียกร้องให้นายกฯ ยุบสภาส่วนกรณีที่มีการปาระเบิดเพลิงที่ พล.ม.2 รอ. นั้น นายจตุพร กล่าวว่า คนเสื้อแดงไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว แต่เกรงว่าจะมีการนำเรื่องนี้ไปขยายผลเพื่อเป็นเงื่อนไขประกาศการใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ทั้งที่ยังไม่มีเงื่อนไข ตนจึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลนำผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี นอกจากนี้ นายจตุพร ยังเรียกร้องให้สำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะต้นสังกัด สำนักพระราชวัง ให้ดำเนินการเปิดจุดลงนามถวายพระพรในหลวงเพิ่มเติม เช่น วัดพระแก้ว ทำเนียบรัฐบาล หลังจากที่มีการงดการลงนามถวายพระพรที่โรงพยาบาลศิริราช ในช่วงที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งการงดการลงนามเป็นการปิดโอกาส และตัดขาดประชาชนไม่ให้ลงนามถวายพระพรได้ จึงอยากให้มีการเปิดจุดลงนามเพิ่มเติมขณะที่ นายวิสา คัญทัพ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึง กรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงรับบริจาคเลือดเพื่อนำไปเทที่ทำเนียบรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ และบ้านพักนายกฯ ซึ่งขณะนี้ยังคงมีเหลืออีก 15 แกลอน จึงได้นำเลือดที่เหลือมาให้จิตรกร และ ศิลปินได้เขียนบทกลอนและวาดภาพ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเสียสละของคนเสื้อแดง เพื่อบันทึกเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของไทย โดยจะนำเลือดดังกล่าวเขียนบนผืนผ้า และขึงรอบบริเวณป้อมมหากาฬ สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ทั้งนี้ ในระหว่างการแถลง นายวิสา ได้เขียนข้อความลงในกระดาษ ความว่า “เลือดไทยที่โลมหลั่ง ราดเททิ้งอยู่ทั่วไทย สละเพื่อประชาธิปไตย เลือดไพร่ไทยผู้ห้าวหาญ” โดยผลงานดังกล่าวจะอยู่ภายใต้แนวคิดเลือดไพร่ทาแผ่นดิน


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ราบ11ฉายหนังกลางแปลงคลายเครียดให้ทหาร

ราบ11ฉายหนังกลางแปลงคลายเครียดให้ทหาร

ผบ.ราบ 11 ได้จ้างหนังกลางแปลงมาให้ทหารที่มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความเรียบร้อยในพื้นที่ เพื่อเป็นการคลายเครียด หลังจากที่ได้ตรากตรำปฏิบัติหน้าที่ โดยฉาย คนเหล็ก4-วงศ์คำเหลา..ผู้สื่อข่าวข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำ วันที่ 19 มี.ค. พ.อ.อภิรัช คงสมพงษ์ ผบ.ร.11 รอ. ได้จ้างหนังกลางแปลงทรัพย์อำนวยฟิล์ม มาฉายให้พลทหารที่มาปฏิบัติหน้าที่รักษาความเรียบร้อยในพื้นที่ ร.11 รอ. ซึ่งเป็นที่ตั้งของ บก.ศอ.รส. และเป็นบ้านพักหรือเซฟเฮาส์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชมที่สนามฟุตบอลโรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ เพชราวุธวทยาที่อยู่ภายในร.11 รอ. เพื่อเป็นการคลายเครียด หลังจากที่ได้ตรากตรำปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังตรึงสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงมาตั้งแต่วันเริ่มประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรโดยเจ้าของหนังกลางแปรงได้ เตรียมภาพยนตร์จำนวน 2 เรื่องไว้ฉายให้พลทหารชมคือ คนเหล็ก 4และ วงศ์คำเหลา ทั้งนี้ เมื่อภาพยนตร์ได้เริ่มฉายได้มีบรรดาพลทหารพากันเดินเข้าไปชมหนังกลางแปลงเป็นจำนวนมาก.


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ศอ.รส.วอนเสื้อแดงเว้นเส้นทางให้คนกรุงสัญจร

ศอ.รส.วอนเสื้อแดงเว้นเส้นทางให้คนกรุงสัญจร

ศอ.รส. ประเมิน กลุ่มผู้ชุมนุมระดมมาจากเชียงใหม่ อุดรธานี และ กาญจนบุรี ห่วงผู้ชุมนุมที่เดินทางล่วงหน้า หวั่นปะทะ วอน เว้นเส้นทางจราจรให้คนกรุงสัญจรปกติ ขณะ เตรียมดำเนินคดีกับคนที่ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่สห.ทบ. ...เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 19 มี.ค. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอ.รส. แถลงข่าวภายหลังการประชุมศอ.รส. ว่า การประชุมวันนี้เป็นเรื่องของการติดตามข้อมูลของการทำงานวันที่ 20 มี.ค. ส่วนการข่าวร่วม ศอ.รส. สำนักข่าวกรองแห่งชขาติ แบะ กอ.รมน.มาสรุปเส้นทางการเคลื่อนย้ายของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งวัตถุประสงค์คือการเดินทางไปหลายๆ ที่ทั่วกทม. เพื่อเชิญคนกรุงเทพให้มีส่วนร่วม อย่างไรก็ตาม การรายงานของ ศอ.รส.พบว่า มีการระดมมวลชนจากต่างจังหวัดเข้ามามาก หนักๆจะมาจาก จ.เชียงใหม่ จ.อุดรธานีและจ.กาญจนบุรี สำหรับตัวเลขของผู้ที่จะมาชุมนุมใน กทม.และปริมณฑล ประมาณ 13,000 คนและต่างจังหวัดประมาณ 13,000-14,000 ยอดรวมประมาณ 30,000 คน แต่ที่ประชุมหารือว่า การชขุมนุม น่าห่วงกลุ่มผู้ชุมนุมที่ไปล่วงหน้า ที่จะไปดักตามสามแยก สี่แยก แสดงว่ามีการให้ต้อนรับ ซึ่งส่วนล่วงหน้ามีจำนวนน้อย อาจจะปะทะหรือมีเรื่องกับคนกรุงเทพที่ไม่พอใจ ทั้งนี้ได้ประสานกับทางตำรวจให้เตรียมพร้อมในเรื่องนี้ ส่วนการจราจรก็ประสานกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่าควรจะเว้นเส้นการจรจาจร 1-2 เส้นทาง เพื่อให้ประชาชนกรุงเทพ ได้ใช้เส้นทางตามปกติ ก็ขอวิงวอนไปทางแกนนำว่าควรใช้ผิวการจราจรให้พอเหมาะ ทั้งนี้ที่ประชุม ศอ.รส. มั่นใจว่าการชุมนุมครั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่มีแนวทางประชาธิปไตยพอ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ทางตำรวจรายงานว่า การเกิดเหตุเมื่อเวลา 04.00 น. ที่ ซ.ทองหล่อ พบว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ ไม่น่าจะเกี่ยวกับการชุมนุม นอกจากนี้ การที่กลุ่มมคนเสื้อแดงจับกุมเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารได้เมื่อวานนี้ จากการตรวจสอบพบว่า นายทหารคนนี้ออกจากเวร เพื่อไปเยี่ยมแฟนก็ซื้อขอวงขวัญไปให้ โดยเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวใส่แจ๊คเก็ตทับเครื่องแบบ แล้วพกพาอาวุธตามปกติของเจ้าหน้าที่สารวัตร ซึ่งผู้บังบัญชาเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ของเราว่าการปรากฏตัวนอกราชการในเวลานี้ ต้องระวัง และคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชุมนุมว่า อะไรจะเกิดผลกระทบต่อความรู้สึก เพราะผู้ชุมนุมอาจจะเกิดความหวาดระแวง ซึ่งเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเราคงจะต้องสอบสวนและดำเนินความผิดทางวินัย อย่างไรก็ตาม ในทุกพื้นที่ของประเทศไทยเจ้าหน้าที่ทุกคนสามารถเดินทางไปได้ และ คงไม่ต้องถึงทำร้ายร่างกาย ทั้งนี้เราคงจะพาทหารไปตรวจสอบบาดแผลที่รพ.กลางและจะดำเนินคดีกีบคนเสื้อแดงที่ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ถนนคน(ม็อบ)เดิน

ถนนคน(ม็อบ)เดิน



คมชัดลึก : ทันทีที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดแนวคิด "ยึดถนนราชดำเนิน" จนกว่ารัฐบาลจะยอม "ยุบสภา" โดยให้ผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงนำของในท้องถิ่นมาขาย คล้ายทำราชดำเนินเป็น "ถนนคนเดิน" เหมือนกับจังหวัดเชียงใหม่







อาจเริ่มจากการนำสินค้าพื้นบ้าน หรืองานโอท็อปในแต่ละพื้นที่มาขายให้ผู้ชุมนุมและคนกรุงเทพฯ ที่สนใจ
 หากดูวัตถุประสงค์ของการทำ "ถนนคนเดิน" ในครั้งนี้ น่าจะต้องการให้บริเวณชุมนุมเกิดความคึกคักมีคนเดินทางมาจับจ่ายใช้สอย และให้ประชาชนได้ทำกิจกรรมไม่หนีกลับบ้านก่อน
 เพราะหลังจากม็อบได้เคลื่อนขบวนไปยังกรมทหารราบที่ 11 รอ. เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อกดดันและรอคำตอบจากรัฐบาลจะ "ยุบสภา" หรือไม่ ทำให้จำนวนผู้ร่วมชุมนุมลดลงอย่างเห็นได้ชัด
 ขนาด "ทักษิณ" โฟนอินยังต้องปลุกระดมให้ผู้ชุมนุมอยู่ต่อ หลังจากชาวบ้านเดินทางกลับจำนวนหลายหมื่นคน!
   เพียงแค่ "ทักษิณ" เอ่ยปากผ่านวิดีโอลิงก์เช้าวันต่อมา "แกนนำ" ก็ปรับพื้นที่การชุมนุมในทันที
 "เพื่อสู้ในระยะยาว หากพี่น้องจะนำของมาขายที่ถนนราชดำเนินก็ตามใจ เพราะนโยบายของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เคยพูดไว้ในวิดีโอลิงก์ บอกอยากให้ถนนราชดำเนินเป็นถนนคนเดิน เข้าท่าดี และขอให้ดูวันศุกร์ วันเสาร์ พี่น้องจะมาเติมเต็มการชุมนุมมหาศาล เพื่อนำไปสู่ชัยชนะของประชาธิปไตย" ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวตอนหนึ่งระหว่างปราศัยบนเวที
 การปรับพื้นที่ครั้งนี้อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า "ทักษิณ" เป็นผู้ชี้ขาดการขับเคลื่อนของกลุ่มผู้ชุมนุม!
 แต่เมื่อไปสอบถาม "แกนนำระดมม็อบมืออาชีพ" กลับแสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวคิด "ถนนคนเดิน" ของ "ทักษิณ" ในครั้งนี้    "ผมเคยทำม็อบมานานเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของผู้ชุมนุม เพราะการชุมนุมครั้งนี้ต้องยอมรับว่าไม่ใช่การเคลื่อนไหว เพื่อส่วนรวม 100% เหมือนกับสมัชชาคนจนที่ปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล หลายคนรู้ว่าชุมนุมครั้งนี้เป็นเรื่องของคนคนเดียว ขนาดส.ส.เพื่อไทยยังมีบทบาทบนเวทีน้อย ถ้าไม่ถูกเรียกให้มาก็คงไม่มีใครมา" แกนนำม็อบมืออาชีพ กล่าว
 มือม็อบคนเดิม กล่าวต่อว่า การทำงานทุกอย่างถ้าเอาเงินเข้ามาส่วนใหญ่เจ๊งหมด ดู 3 เกลอ เป็นตัวอย่าง ถูกมองว่าทำม็อบแล้วรวย ขณะที่ ส.ส.และแกนนำคนอื่นๆ ก็เหนื่อยเหมือนกัน แต่เงินในกระเป๋าลดลง บางรายต้องขายทรัพย์สินส่วนตัว เพื่อแลกกับตำแหน่งทางการเมืองที่นำมาเป็นข้อแลกเปลี่ยน
 "แนวคิดถนนคนเดิน เป็นเรื่องอันตราย เป็นเรื่องบอบบาง สำหรับการทำม็อบมีข้อควรระวังที่ถือเป็นเรื่องอันตราย 2 เรื่อง คือ ชิงการนำ กับเอาผลประโยชน์มาลงกับม็อบ เงินเข้าตรงไหนทำให้คนทะเลาะกัน โดยเฉพาะเงินครั้งนี้ไม่ใช่เงินหยิบยืม แต่เป็นเงินจากการขายของ ถือเป็นมุมมองการต่อสู้ที่ผิดหลัก แต่ถ้าจัดการเรื่องเงินได้ สามารถลดความขัดแย้งเรื่องนี้ได้ ก็จะทำให้ม็อบอยู่นาน" ม็อบมืออาชีพ กล่าว
 ดังนั้นคงต้องรอดูว่า "ถนนคนเดิน" บนถนนราชดำเนินตามแนวคิดของ "ทักษิณ" จะสามารถตรึงม็อบให้อยู่ร่วมต่อสู้ในระยะยาวได้จริงหรือไม่
 หรือเป็น "ตลาดเดินถนน" ที่หวังดึง "คนกรุง" เข้ามาร่วมจับจ่ายซื้อหาเพิ่มความคึกคักให้ผู้ชุมนุม
 หากที่กล่าวมา "ไม่สำเร็จ" งานนี้คงได้เห็น "ถนนคนเดิน" ในม็อบเสื้อแดงไม่ต่างจาก "อัฐยาย ซื้อขนมยาย" !!! 
สมถวิล เทพสวัสดิ์








ข่าวที่เกี่ยวข้องใครเป็นต่อใครเป็นรอง "แดงอีสาน"ถอดใจ...ขอขึ้นรถไฟฟรีทักษิณอัดกรรมการสิทธิฯโอกาสสงบศึกหดหาย วิพากษ์ศิลปินคนเสื้อแดง...สังคมจะมองอย่างไร?ทักษิณไม่ใช่คนไทยแล้ว

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

รวบโชเฟอร์แท็กซี่เอี่ยวปาระเบิดเพลิงพล.ม.2รอ.

รวบโชเฟอร์แท็กซี่เอี่ยวปาระเบิดเพลิงพล.ม.2รอ.

ตำรวจจับคนขับแท็กซี่ พัวพันปาระเบิดเพลิง ใส่พล.ม.2 รอ. ใกล้ ททบ. 5 สารภาพ ไม่ได้เป็นคนปา แค่ขับรถพามือปาไป แต่เจ้าหน้ าที่ ยังไม่ปักใจเชื่อ...เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 แถลงข่าวจับกุม นายนิกร มาลัยศรี อายุ 37 ปี โชว์เฟอร์แท็กซี่สีเขียว ทะเบียน ทม 484 กทม. หลังพาชายไม่ทราบชื่อขึ้นรถไปปาขวดเครื่องดื่มชูกำลังที่ทำเป็นระเบิดเพลิง ใส่น้ำมันก๊าดไว้ข้างในแล้วจุดไฟก่อนจะโยนไปที่ด้านหน้า พล.ม.2 รอ. ใกล้ททบ.5 เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา แล้วต่างคนต่างหลบหนี กระทั่งมาถูกตามจับกุมตัวได้ในที่สุด โดยสารภาพแค่เป็นคนขับไม่ได้ปา แต่ที่พาคนปาไปเพราะเห็นเป็นเสื้อแดงเหมือนกัน ผู้ต้องหาให้การว่า ไม่รู้จักกับคนก่อเหตุแต่วันเกิดเหตุขับมารถออกจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ปลายทางสะพานควาย เมื่อผ่านหน้าสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ได้เพียง 100 เมตร พบชายคนหนึ่ง ยืนอยู่ข้างถนนกับรถจักรยานยนต์ พร้อมกับโบกให้ตนหยุดรถ และชักชวนไปปาระเบิดใส่กองพลทหารม้าที่ 2 ด้วยความที่ไม่ชอบทหารอยู่แล้ว จึงพาไปก่อเหตุและนำกลับมาส่งที่เดิม เบื้องต้น ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ ตั้งหาข้อร่วมกันพยายามทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใด จนเป็นอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น หรือทำให้เสียทรัพย์ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 220 จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 14,000 บาท

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

พระพยอมฟันธงแดงเสื่อม เหตุเน้นภาพไสยศาสตร์เกินไป

พระพยอมฟันธงแดงเสื่อม เหตุเน้นภาพไสยศาสตร์เกินไป

กรีดสงคราม “ไสยศาสตร์” เป็นของเล่นของชาวพุทธอนุบาล พระนักเทศน์ พราหมณ์ระดับประเทศ และนักศึกษาธรรมะชื่อดัง เตือนประชาชนอย่างตื่นกลัวไสยศาสตร์ ดูเหมือนว่าปัจจุบันคำว่าไสยศาสตร์ดูเหมือนถูกพูดถึงมากในการชุมนุมของเสื้อแดงในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการที่มีอ้างตัวว่าเป็นพราหมณ์ทำพิธีใช้เลือดสีแดงฉานเป็นตัวเสื่อเพื่อกับสิ่งเร้นลับต่างๆ ไปสาดตามสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ประตูของทำเนียบรัฐบาล - พรรคประชาธิปปัตย์-ธรณีประตูและเสาบ้านนายกฯ ก่อนหน้านี้ในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็มีเหตุการณ์คล้ายการใช้ไสยศาสตร์อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทุบศาลท้าวมหาพรหมเพื่อเป็นการแก้เคล็ดตามคำแนะนำของหมอเขมร หรือการที่นักเคลื่อนไหวชื่อดังเอาผ้าอนมัยผู้หญิงที่ใช้แล้วจำนวน 6 ชิ้นไปวางไว้ที่บริเวณหน้าลาดพระรูป 5 โดยอ้างว่าต้องการป้องกันภูติผีแกะรอยไสยศาสตร์ เรื่องนี้ พระราชครูวามเทพมุณี หัวหน้าพราหมณ์สังกัดกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ให้ความรู้ผ่าน ไทยรัฐออนไลน์ เกี่ยวกับความหมายของไสยศาสตร์ว่า ไสยศาสตร์ คือวิชาที่ตามที่คนทั่วไปเข้าใจก็คือ การฝังรูป ฝังรอยต่างๆ ซึ่งถ้าปฏิบัติแล้วเป็นกุศลก็เป็นสิ่งดี แต่หากทำสิ่งใดที่ไม่เป็นกุศลก็จะไม่ดีพระราชครูวามเทพมุณี บอกว่าไสยศาสตร์ในทางไสยขาวก็มี เช่น การดูฤกษ์ดูยามเพื่อเอาไปทำในสิ่งดีๆ ดูฤกษ์ที่ใช้กับการบวช ขึ้นศาล ขึ้นบ้านใหม่ “แต่ถ้าเป็นไสยดำที่เกิดจากจิตไม่เป็นกุศลนั้นก็จะเกิดผลไม่ดี อันนี้เป็นหลักตามพระพุทธศาสนา ถามว่าจะแก้ไสยศาสตร์มนต์ดำได้อย่างไร การทำกุศลจะแก้ได้ การตักบาตรทำบุญสวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญ-กุศล เช่น ในวันสำคัญวันที่เป็นมลคลก็ไปสวดมนต์ไหว้พระ แล้วเราจะได้มีความสุข สันติเกิดในใจของตัวเอง และก็จะแพร่ไปสู่เพื่อนฝูง หรือคนที่อยู่รอบข้าง จะได้มีความสุขและปีติ เบิกบาน”ถามถึงความสำคัญของวันเสาร์ 5 ที่กลุ่มผู้ชุมนุมถือเป็นฤกษ์ดีที่จะเคลื่อนไหวทั่วกรุงเทพฯ นั้น พระราชครูวามเทพมุนี กล่าวว่า เสาร์ 5 ที่จะเกิดในวันนี้ถือว่าเป็นวันมงคลหนึ่งที่หายาก ส่วนใหญ่จะมีการสวดมนต์ไหว้พระกัน เพื่อให้จิตใจเบิกบาน “แต่ในทางพระพุทธศาสนาเขาจะมีการเข้ามาทำพิธีพุทธาภิเษก เพื่อจะได้เป็นมงคล ถามว่าเมื่อเอาวันมงคลไปทำในสิ่งที่ไม่ใช้วัตถุประสงค์ กระทำดีก็ได้ดี แต่กระทำไม่ดีก็ได้ไม่ดี อันนี้คือหลักศาสนา”“ซัด” ไสยศาสตร์ ของเล่นของชาวพุทธอนุบาลพระพิศาลธรรมวาที หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวถึงประเด็นเรื่องการเล่นสงครามไสยศาสตร์ในปัจจุบันว่า ไสยศาสตร์เป็นศาสตร์หนึ่งที่มีว่าด้วยสถิติ ซึ่งถ้าถูกมากคนก็เชื่อถือ แต่ถ้าถูกน้อยคนก็ไม่เชื่อถือ ดังนั้นไสยศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยความไม่แน่นอน “แต่บอกว่าไม่มีจริงก็ไม่ได้ หรือมีจริงและหลงไหลไปก็ไม่ถูก อาตมาแนะนำว่าอย่าไปเชื่อคำว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ มันถึงเชื่อก็ต้องศึกษา ต้องทำให้แจ่มแจ้งเข้าใจ เกี่ยวข้องอย่างไรถึงจะได้ประโยชน์มากกว่าที่จะหวาดผวา หรือหลัวไปเครียดไป”แต่สำหรับศาสนาพุทธพระพยอม บอกว่า ตามหลักพุทธศาสนา ไสยศาสตร์เราไม่สนใจ เป็นศาสตร์ที่ขัดขวางการบรรลุมรรคผล บางที่เรียกไสยศาสตร์ว่า “เดรัชฉานวิชา” แปลว่าวิชาที่มันนำพาความไม่หลุดพ้นเป็นอุปบกสรรคต่อนิพาน ดังนั้นคนที่อยากจะมุ่งมั่นในแนวพุทธศาสนา เรื่องดับทุกขก็จะไม่ไปสนใจไสยศาสตร์ แต่ถ้าพวกที่คลั่งมากถือว่าตั้งแต่ดังเดิมตั้งแต่บวช ชอบทำตัวเป็นพระไสยศาสตร์ จะเป็นไปเป็นมาก็เห็นไม่รอดหลายรายแล้ว“ไม่ว่าจะเป็น พระนิกร ก็ทำเป็นพระไสยศาสตร์อันนี้ก็เสร็จ เณรแอ ก็อยู่ในคุก จะสังเกตได้ว่าปลายทางของพระหรือคนที่ใช้หรือเล่นไสยศาสตร์มักจะไปไม่รอด คือส่วนใหญ่ไม่ตายก็ติดคุก ซึ่งยุคนี้คนหลงไสยศาสตร์กันเยอะ แต่อย่าลืมว่ายุค 3 จี นอกจากไสยศาสตร์มันไม่เกิดทุกคนแล้ว ถ้าเกิดขึ้นไม่นานมันก็หาย ก็เสื่อมไป เหมือนพวกเกจิอาจารย์ ที่ทายดวงแม่นดูหวยแม่น ไม่กี่งวดก็เสื่อมไปไม่เห็นมีใครให้แม่นจนกระทั่งตัวเองตาย”พระนักเทศน์ยังกล่าวถึงการที่หลายคนเน้นการไสยศาสตร์นำทางว่า ปัจจุบันคนเราไม่รู้จักดับทุกข์ ไม่สนใจเรื่องดับทุกข์ หรือสนใจก็แล้วแต่ก็แทงไม่ทะลุปรุโปร่ง ก็เลยมาวนอยู่กับเรื่องไสยศาสตร์ยิ่งยุคนี้ จะเอาชนะกันให้สัมฤทธิ์ผล ถ้ามันไม่สัมฤทธิ์ผลก็ทำไสยศาสตร์กัน“ทั้งนั้นไม่ว่าม็อบไหน ม็อบเหลืองก็ทำหนักกว่านี้ แกนนำทำตัวเสกน้ำมนต์พ่นน้ำหมาก เวลาต้องการจะชนะ เช่น การจะรบทัพจับศึกอะไรก็ตามไสยศาสตร์เป็นที่เพิ่งหรับเด็กๆ สำหรับชาวพุทธอนุบาลก็ต้องหาของเล่นไปเล่นไสยเวทย์กันไป”สาเหตุที่ปัจจุบันในยุค 3 จียังมีคนกลุ่มหนึ่งที่เชื่อและใช้เรื่องไสยศาสต์นั้น พระพยอมบอกว่า เป็นเรื่องที่น่าตกใจ แต่อย่างไรก็ดี ไสยศาสตร์ยุคนี้จะไม่ขลัง ยิ่งคนทำไม่มีศีลธรรมยิ่งไม่ขลัง เพราะว่าไสยศาสตร์มันต้องเป็นคนที่มีศีลธรรมด้วย เขาทำไว้สมัยก่อนต้องไม่ด่าพ่อล่อแม่ ต้องไม่เลวทรามแย่งผัวแย่งใครเพราะว่าวิชาที่มีมันจะเสื่อมหมด “อย่าว่าแต่ม็อบเสื้อแดงเลย ทุกๆ ม็อบก็เน้นใช้ไสยศาสตร์กันหมด ดังนั้นอาตมาเชื่อว่ามันจะเสื่อมกันหมด เหลืองวันนี้ก็แทบจะไม่มีเวทีเล่นแล้ว ม็อบแดงนี่อาตมาคิดว่าก็ไม่เกิน 3 ปีฝ่อหมด เพราะฉะนั้น ทุกๆ อย่างมีเกิด ตั้งอยู่ดับไป ไม่ควรจะไปหลงไกลจนเกินไป คนไม่มีศีลธรรมแล้วเล่นของมันจะกลับเข้าตัว ก็อยากจะฝากให้ทุกๆ คนเชื่อกฎแห่กรรม เชื่อในความพียร เชื่อว่าการกระทำดีและถูกต้องแล้วพยายามต่อไป จะช่วยเราได้มากกว่าศาสตร์ใดๆ ในโลก”พระพยอมบอกว่า พุทธศาสนาสอนให้เชื่อกรรมเชื่อการกระทำ พอเชื่อว่ากระทำสิ่งที่ดีที่งามแล้วทำเต็มที่ ไม่ว่าจะทำอะไรเจริญ แต่ถ้าคิดว่าไม่ถูกไม่ดีก็อย่าพยายามทำเพราะมันจะเป็นกรรมฝ่ายลบ “ที่จริง ถ้าคนเราใช้สติปัญญาแล้วไม่ต้องหวังจะเอาชนะมากไป ไม่ต้องทำขนาดไสยศาสตร์ หรือทำความรุนแรง ถ้ายอมแพ้กันสักหน่อย แค่ถอยคนละก้าว แต่นี่ม็อบก็ไม่ยอม รัฐบาลก็ไม่ยอม อำมาตย์ก็ไม่ยอม คนค้ำบัลลังก์ก็ไม่ยอม มันจะไปยอมตอนที่มันยุบยับเยินแล้ว เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันเตือนสติกันว่า อย่ามั่วแย่งอำนาจและผลประโยชน์กันจะดีที่สุด”ไสยศาสตร์กับมุมมองคนพุทธนายดนัย จันทร์เจ้าฉาย นักธุรกิจผู้ศึกษาธรรมะชื่อดัง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่อยากให้คนทั่วไปตื่นตระหนักกับข่าวการเล่นไสยศาสตร์ในระยะนี้ “ตามหลักศาสนาแล้วคนที่ประพฤติธรรม ธรรมะก็จะคุ้มครอง เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นไสยไหนเราไม่ต้องกลัว ไม่ต้องหวั่นไหว พึงระลึกถึงคุณงามความดี ให้ยึดหลักที่ว่า “อัตตาหิ อัตโนนาโถ” ตนเป็นที่เพ่งแห่งตนแล้ว เราก็จะมีสติสัมปชัญญะ อย่างอื่นแทรกมาไม่ได้ เวลาที่เราขาดสติ เราจะจิตอ่อน ปรมาณูของจิตเราอาจจะมีอย่างอื่นเข้ามาแทรกซึมได้ ถ้าเกิดเราทำให้ปรณูของจิตเราอยู่กับพุทโธ ตลอด คืออยู่กับพุทธคุณ คุณงามความดีของพระพุทธเจ้า ก็จะไม่มีอะไรมาทำร้ายได้เลย”.

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เสาร์ห้าแดงแยกก๊กวัดใจคนกรุง

เสาร์ห้าแดงแยกก๊กวัดใจคนกรุง



คมชัดลึก : ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด มหกรรมวัดใจคนเมืองหลวงก็จะเริ่มขึ้นในเช้าวันเสาร์ที่ 20 มีนาคม 2553 กลุ่มเสื้อแดงนัดซักซ้อมความเข้าใจเวลาประมาณ 09.00 น. จากนั้นเคลื่อนทัพดาวฤกษ์ประมาณ 10.00 น. กลับมาที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ 18.00 น.






 ซึ่งทางรัฐบาลต้องมีการปรับกลยุทธ์ใหม่คือการขยายเวลา การออกพ.ร.บ.ความมั่นคง ออกไปอีก 2 ช่วง ช่วงแรก ถึงสิ้นเดือนมีนาคม ช่วงที่ 2 ถึงสิ้นเดือนเมษายน เพราะเสื้อแดงอาจจะมีการรำลึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ในช่วงเดือน เมษายน 2552
 การเคลื่อนพลครั้งนี้ หัวขบวนจะอยู่ที่แยกยมราช มีกองทัพมอเตอร์ไซค์ 2,000 คันนำขบวนพร้อมกับทีมนักรบพระองค์ดำ จาก จ.พิษณุโลก จากนั้นถึงจะเป็นขบวนคนเสื้อแดงทั้งหมด โดยจะเคลื่อนขบวนไปตามถนนเพชรบุรี ถึงแยกอโศกจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนรัชดาภิเษกผ่านแยกฟอร์จูน  ไปตามถนนรัชดาฯ จนถึงแยกรัชดา-ลาดพร้าวจะเลี้ยวขวา เข้าถนนลาดพร้าว ตรงไปถึงบางกะปิ ถึงแยกบางกะปิ จะเลี้ยวขวา ไปถึงแยกลำสาลี แล้วจะเลี้ยวขวาอีกครั้ง เข้าถนนรามคำแหง ตรงไปตามถนนรามคำแหง จนถึงแยกพระราม 9 ตรงไปแยกคลองตัน
  แล้วตรงไปแยกพระโขนง เลี้ยวขวาเข้าถนนพระราม 4 จากนั้นตรงไปจนถึงสีลมแล้วเข้าวงเวียนโอเดียน เยาวราช มาพาหุรัดแล้วกลับเข้าเวทีปราศรัยที่เชิงสะพานผ่าฟ้า ถนนราชดำเนิน ในเวลา 18.00 น.
 เส้นทางเป็นอย่างนั้น แต่การปฏิบัติกลับมี 2 แนวทาง
 1.เคลื่อนแบบขบวนใหญ่ในพื้นที่ กทม. แบบไปไหนไปกัน
 2.การเคลื่อนแบบขบวนเล็กไปตามจุดต่างๆ
 ซึ่งในที่ประชุมมีการรองรับทั้ง 2 กรณี เพื่อไม่ให้จับทางถูก
 อย่างไรก็ดี มีการจัดวางกำลังเสื้อแดงเป็น 5 กลุ่มใหญ่
 1.กลุ่มเสื้อแดงภาคกลางเดินไปที่ ราบ 11 ให้กลุ่มนายการุณ โหสกุล เป็นผู้ดูแล
 2.กลุ่มของนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ดูแลประชาชนมาจากภาคตะวันออก เคลื่อนที่ในย่านสุขุมวิท
 3.กลุ่มของนายชินวัฒน์ หาบุญพาด จะดูแลเรื่องกลุ่มรถแท็กซี่ ใน กทม.
 4.กลุ่มนายขวัญชัย ไพรพนา จะดูแลเสื้อแดงที่มาจากภาคอีสาน
 5.กลุ่มของ 3 เกลอ เดินทางไปเยี่ยมตามจุดที่วางไว้ให้ประชาชน 2 ข้างทางมีส่วนร่วมในการเดินทาง
 ศอ.รส.รายงานว่า มีแนวโน้มที่เสื้อแดงจะปิดถนน หรือปิดล้อมมีสูง
 1.จะปิดล้อมสถานที่ราชการบางแห่ง เพื่อทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำงานได้ แต่ยังไม่ได้ระบุสถานที่ แต่คาดว่าน่าจะเป็นทำเนียบรัฐบาล และสถานที่ราชการบนถนนราชดำเนิน
 2.ปิดล้อมบ้านพักของบุคคลสำคัญของฝ่ายรัฐบาลบางคน
 3.มีการเตรียมการใช้อาวุธชีวภาพ (อุจจาระ)
 อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนม็อบของเสื้อแดงก็ใช่ว่าจะราบรื่นไปเสียทีเดียว เนื่องจากคำสั่งนั้นต้องรอฟังจากเวที และเวทีก็ต้องรอฟังเสียงจาก ทักษิณ ชินวัตร
 แกนนำคนเสื้อแดงจากแดนอีสาน รายหนึ่งบอกว่า สโลแกนในการเคลื่อนม็อบวันเสาร์นี้คือ ขบวน "คารวะใจคนกรุงเทพ" แบบดาวกระจาย เพื่อหาแนวร่วม
 แต่ถึงกระนั้น จนถึงเวลา 18.00 น.ของวันที่ 19 มีนาคม บรรดาแกนนำกลุ่มย่อยก็ยังไม่ทราบรูปแบบการเคลื่อนขบวน เพราะไม่มีการเรียกประชุมหรือนัดแนะ จึงคาดว่าจะทราบในตอนเช้าก่อนเคลื่อนขบวน
 ซึ่งก็เป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อครั้งเคลื่อนขนวนไปราบ 11 แล้ว
 "การมาชุมนุมครั้งนี้ ไม่เคยรู้ขั้นตอนการทำงาน มีส่วนร่วมแค่ระดมคนมา แล้วตั้งแต่อยู่มานี่ 5-6 วันแล้ว เต็นท์ข้างๆ ยังไม่เคยคุยกันเลย"
 แกนนำม็อบรายนี้บอกด้วยว่า การทำงานครั้งนี้ ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า ดูแลเฉพาะคนของตัวที่พามา ข้าวปลาอาหารก็ให้ในพื้นที่ส่งมา
 "ก็ยอมรับว่า ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน ก็อาจจะขลุกขลัก เพราะไม่มีการสั่งข้ามสายกัน ขนาดกลางคืน ใครมาเดินเฉียดเต็นท์กันนี่ยังหนาวๆ เลย"
 ส่วนเรื่องเงินสนับสนุนนั้น แกนนำม็อบรายนี้บอกว่า ต้องควักเงินออกไปก่อน เพราะนาย (ส.ส.) บอกว่าไม่มีเงิน   "ก็มีแกนนำบางคนเริ่มสงสัยว่า ไม่มีเงินจริงหรือ เพราะเริ่มมีอดีตส.ส.ขึ้นเวทีเสื้อแดงกันมากขึ้น ประกอบกับมีข่าวเรื่องมีท่อน้ำเลี้ยงรอบสองเข้ามา มันทำให้อดคิดไม่ได้ ต่างฝ่ายจึงเริ่มระแวงกันเอง การทำม็อบทุกที่ต้องใช้เงิน ยิ่งมากยิ่งสำเร็จ แต่เงินก็เป็นปัญหาทำให้ไม่ไว้ใจกัน และทำให้ม็อบพ่ายแพ้ได้เหมือนกัน" แกนนำม็อบเสื้อแดง รายนี้กล่าว
 นี่อาจเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการแยกก๊กแยกเหล่า เพื่อภารกิจเฉพาะกิจ และในวันเสาร์นี้ก็เป็นภารกิจที่สำคัญจนอาจถึงขั้นชี้เป็นชี้ตายของกลุ่มคนเสื้อแดง
 สมถวิล เทพสวัสดิ์ /ทีมข่าวความมั่นคง








ข่าวที่เกี่ยวข้องเสาร์ที่ 20 มีนาคม 2553

"เสาร์ห้า" ปีขาล วันแรง แดงป่วนกรุงได้เวลาตั้งโต๊ะเจรจาหลวงพ่อสมชาย ปลุกเสก
'พยัคฆราช' (เสือ) รุ่นเสาร์ ๕

ธุรกิจพระใน..."เดือนแดงเดือด"

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

Blog Archive