Tuesday, January 29, 2013

นายกฯไม่รับปาก จะทำตามข้อเรียกร้อง นปช.

นายกฯไม่รับปาก จะทำตามข้อเรียกร้อง นปช.
นายกฯ ตีกรรเชียงนิรโทษกรรม โยนกฤษฎีกาศึกษาข้อดี ข้อเสียก่อน ไม่รับปากตอบสนองข้อเสนอภายใน 18.00 น. วันนี้ แย้ม ปรับ ครม.เฉพาะในส่วนพรรคร่วมรัฐบาล...   วันนี้ (29 ม.ค.56) เวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกลุ่มแนวร่วม 29 มกรา ปลดปล่อยนักโทษการเมือง เรียกร้องให้รัฐบาลรับข้อเสนอการนิรโทษกรรม ให้กับผู้ที่ถูกดำเนินคดีในเหตุการณ์ชุมนุมปี 53 ว่า เบื้องต้นมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับข้อเสนอ ซึ่งเท่าที่ทราบมีหลายแนวทางที่ส่งมาให้รัฐบาล โดยขั้นตอนหลังจากนี้ คงจะรับข้อเสนอทั้งหมดรวบรวมส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูข้อดี ข้อเสีย ต่อไป  ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าระหว่างการออกเป็นพระราชกำหนด พระราชบัญญัติ หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการนิรโทษกรรม สิ่งไหนจะเหมาะสมที่สุด นายกฯ กล่าวว่า กลับไปเหมือนเดิม ซึ่งขั้นตอนต่างๆ จะต้องช่วยดูว่า จะมีแนวทางอย่างไรให้เกิดความสงบมากกว่า นี้คือจุดมุ่งหมายที่อยากขอเมื่อถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมยื่นคำขาดขอคำตอบรัฐบาล 6 โมงเย็นวันนี้ นายกฯ กล่าวว่า อย่างที่เรียนมีขั้นตอนตามกฎหมาย และต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาก่อน เราคงต้องรับเรื่อง และต้องเรียนจริงๆว่า ในขั้นตอนกฎหมาย เราไม่สามารถที่จะตอบได้ทันที แต่จะรับเรื่องนี้ทั้งหมดส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อถามว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่ายังไม่ทราบ ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดู เพราะมีหลายรูปแบบ ต้องดูในรายละเอียด อย่างที่เรียนเราเร่งในการเอาข้อมูลต่างๆ ให้คณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาข้อดี ข้อเสียต่างๆ และดูว่า จะมีแนวทางออกอย่างไร ซึ่งแนวทางออกนั้นต้องว่าไปตามขั้นตอนของฝ่ายนิติบัญญัติด้วย โดยเราต้องทำหน้าที่รวบรวมก่อน  ดังนั้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปศึกษาก่อน เมื่อถามว่า ถือว่าคนเสื้อแดงกำลังกดดันรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าถือว่าเป็นในแง่ของอุดมการณ์ และเป็นแนวทางที่นำเสนอรัฐบาล ทุกหน่วยงานไม่ว่ากลุ่มไหนส่งเรื่องมา รัฐบาลคงต้องรับเรื่องทั้งหมดไปดำเนินการตามขั้นตอน ตามกฎหมายต่อไป เมื่อถามว่า จะไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวใช่ไหม น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าไม่หรอก เพราะทุกท่านมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นได้ รัฐบาลมีหน้าที่รับฟังความคิดเห็น เพราะความคิดเห็นนั้นเป็นการแสดงออกในระบอบประชาธิปไตย สิ่งที่เรียกร้องต่างๆ รัฐบาลจะรับไปดำเนินการ แต่ขอให้อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย และเป็นไปอย่างสงบส่วนจะกลายเป็นความขัดแย้งรอบใหม่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นแนวทางถกเถียงกันอย่างเข้มข้นในเชิงของความคิด แต่เชื่อว่าไม่ได้ทำให้ความขัดแย้งไปก่อให้เกิดเรื่องการใช้กำลังรุนแรง อย่างที่เรียน ระบอบประชาธิปไตย ทุกคนสามารถมีสิทธิเสรีภาพในการออกเสียงได้ แต่ขอให้อยู่ในขอบเขตนายกฯ ย้ำ บชน.เร่งลากคอมือยิงรถข่าว เอเอสทีวี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังได้ให้สัมภาษณ์ภายหลัง การประชุมคณะรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคนร้ายลอบยิงรถข่าวเอเอสทีวีว่า เมื่อได้ข่าวก็เสียใจกับเหตุการณ์ ขอเรียนว่าไม่ว่าใครเราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และได้ย้ำทางผู้บัญชาการนครบาล ให้เร่งดำเนินการตรวจสอบ และหาผู้ที่กระทำความผิดโดยเร็ว อันนี้ถือเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องติดตามอยู่แล้วผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการคุกคามสื่อหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าต้องดูว่าเหตุผลอะไร อย่างไร ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ โดยเฉพาะกับสื่อมวลชน จริงๆ แล้วก็ทุกคนด้วย เพราะทุกคนอยากอยู่ด้วยความปลอดภัย ก็ต้องทำหน้าที่ในการติดตามให้เต็มที่ “ปู”แย้มปรับ ครม.เฉพาะพรรคร่วม ด้านความคืบหน้า ในการปรับคณะรัฐมนตรี หลังจากที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ขอ ปรับ ครม.ในส่วนของพรรค หลังนายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกฯ และ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ถึงแก่อสัญกรรมว่า จริงๆ แล้วยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน มีการร้องขอจากทางพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเดียว เราคงมองเฉพาะประเด็นนั้นมากกว่า. 

จตุพรพร้อมถอนคำพูดหมิ่นฯมาร์ค

จตุพรพร้อมถอนคำพูดหมิ่นฯมาร์ค
นายจตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมถอนคำพูดหมิ่นประมาท นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ศาลนัดเจรจาประนีประนอม ในวันที่ 8 มี.ค. วันนี้ (29 ม.ค. 56) ที่ศาลอาญา ศาลนัดไกล่เกลี่ยคดีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่ม นปช. เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา กรณีวันที่ 11 และ 17 ต.ค. 52 จำเลยกล่าวผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์พีเพิล แชนเนล ในทำนองว่าโจทก์เป็นอาชญากรสั่งฆ่าประชาชน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย นัดนี้ นายจตุพรพร้อมทีมทนายความเข้าเจรจากับทนายความฝ่ายนายอภิสิทธิ์ โดยนายจตุพร แถลงต่อศาลว่า จะแถลงการณ์ต่อสาธารณะในลักษณะถอนข้อความเช่นเดียวกับการถอนคำพูดในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และปรับความเข้าใจกับโจทก์ ส่วนในรายละเอียดจำเลย ขอเชิญโจทก์มาศาลในนัดหน้า เพื่อเจรจาประนอมข้อพิพาท หากไม่สามารถตกลงกันได้ จำเลยพร้อมที่จะอ้างตนเองเป็นพยานเพียงปากเดียว ขณะที่ทนายความโจทก์แถลงว่า ขอให้จำเลยแถลงต่อสาธารณะว่า ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง แสดงความขอโทษ และห้ามไม่ให้จำเลยกล่าวข้อความในลักษณะดังกล่าวอีก ศาลเห็นว่าคู่ความประสงค์จะเจรจาประนอมข้อพิพาทกัน เห็นควรให้นัดไกล่เกลี่ยอีกครั้งวันที่ 8 มี.ค. 56 เวลา 09.30 น.

นันท์นภัส เบอร์ 18อาสาขอเป็นผู้ว่าฯรากหญ้า

นันท์นภัส เบอร์ 18อาสาขอเป็นผู้ว่าฯรากหญ้า
นันท์นภัส โกไศยกานนท์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 18 เปิดตัว ขอเป็นผู้ว่าฯรากหญ้า ลุยเดี่ยวหาเสียง รับไม่มีงบประมาณมากมาย แต่มีใจเต็มที่ในการอาสาทำงาน...เมื่อวันที่ 29 ม.ค. นางนันท์นภัส โกไศยกานนท์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 18 เปิดเผยไทยรัฐออนไลน์ถึงที่มาที่ไปในการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ โดยระบุว่า ใช้เวลาตัดสินใจอยู่ราว 1-2 วัน โดยจุดที่คิดว่าเป็นแรงผลักดันในการตัดสินใจลงสมัครครั้งนี้ มาจากการที่ตนเองก็เผชิญปัญหาใน กทม.อยู่เช่นเดียวกับประชาชนชาวกรุงเทพฯทุกคน และคิดว่าน่าจะออกมาเสนอตัวรับใช้เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ที่ กทม.ต้องรับภาระอยู่ โดยถือว่าตนเองเป็นผู้สมัครที่มาจากรากหญ้าโดยแท้จริง มาเพียงลำพัง ไม่มีเงินทุนมากมายที่จะมาเทลงในการหาเสียงเหมือนเช่นที่ผู้สมัครรายอื่นทำ โดยตั้งเป้าการใช้เงินลงทุนสำหรับการหาเสียงครั้งนี้ที่ 1-2 แสนบาท เท่านั้น โดยยอมรับว่าไม่มีเงินงบประมาณมากมายในการหาเสียง แต่มีใจพร้อมในการอาสาเข้ามาทำงาน ซึ่งหลังจากที่ได้อบรมเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ กับทาง กกต.แล้ว ก็คงจะเริ่มลงพื้นที่ โดยสิ่งที่ประชาชนจะได้เห็นในระยะแรก อาจจะเป็นภาพของตนเองที่เดินพบปะผู้คน และทำความรู้จักแบบลุยเดี่ยว เดินแจกเอกสารแนะนำตัว ส่วนต่อไปหากมีผู้ร่วมคิดร่วมทำก็อาจมีคนช่วยหาเสียงด้วยในอนาคตอย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับนโยบายที่จะใช้เป็นหลักในการหาเสียงครั้งนี้ อยากเรียกว่า ผู้ว่าฯดิลิเวอรี่ ที่ตั้งใจไว้คือ 1 สัปดาห์ของการทำงานจะต้องมี 1 วันที่ผู้ว่าฯ จะมีโอกาสได้พบปะหารือกับประชาชนอย่างใกล้ชิด เพื่อรับฟังปัญหาโดยตรง ไม่ต้องรอผ่านขั้นตอนการร้องเรียนใดๆ ประชาชนสามารถมาพบได้ พูดคุยด้วยได้ ด้วยตัวเอง ส่วนปัญหาเรื่องการจราจรนั้น ส่วนตัวมองเห็นภาพว่าการแก้ไขปัญหานี้คงต้องใช้บุคลากรที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก แต่จะทำอย่างไรให้ตำรวจจราจรเหล่านั้น กระตือรือร้นที่จะทำงานอย่างเต็มที่ กรุงเทพมหานคร ต้องมีการสร้างแรงจูงใจให้พี่น้องตำรวจจราจรลงไม้ลงมือช่วยอย่างเต็มที่  อาจจะเป็นการตอบแทนในลักษณะต่างๆ ส่วนการให้บริการระบบขนส่งมวลชนนั้นก็เช่นกัน คงต้องตั้งเป้าที่การพัฒนาคุณภาพของรถประจำทางให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนจะดำเนินการอย่างไรก็ต้องไม่เกินเลยอำนาจที่ผู้ว่าราชการมีอยู่ด้วย ซึ่งอาจต้องใช้การประสานงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบช่วยกันแก้ไขนอกจากนี้ นางนันท์นภัส ยังกล่าวต่ออีกด้วยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. เป็นต้นไปคงจะเริ่มลงพื้นที่ทำความรู้จักกับประชาชน ส่วนจะเริ่มที่จุดไหนอย่างไรนั้น ยังไม่ได้กำหนดจุดที่ชัดเจน แต่คิดว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะตนเองลุยเดี่ยว ไปคนเดียว อยากลงพื้นที่จุดไหนก็สามารถทำได้เลยทันทีสำหรับประวัติของนางนันท์นภัส โกไศยกานนท์ นั้น อายุ 52 ปี การศึกษาจบปริญญาตรีจากสถาบันรัชต์ภาคย์ เอกการตลาด และอยู่ระหว่างศึกษาปริญญาโท ปัจจุบันประกอบอาชีพส่วนตัว สถานภาพสมรส เป็นม่าย มีบุตร 2 คน. 

Blog Archive