Friday, May 14, 2010

เหวงวอนสื่อเข้าทำข่าวหลังเวที่กลุ่มเสื้อแดง

เหวงวอนสื่อเข้าทำข่าวหลังเวที่กลุ่มเสื้อแดง



คมชัดลึก :หมอเหวง วอนสื่อมวลชนเข้ารายงานข่าวหลังเวทีปราศรัยกลุ่มคนเสื้อแดง






(15พ.ค.) น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวว่า เช้าวันนี้ไม่มีสื่อมาปรากฏตัวที่หลังเวทีเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา โดยตนทราบมาว่ากองบรรณาธิการได้สั่งการให้นักข่าวไม่เข้ามาในพื้นที่ นี่คือสัญญาณการสลายการชุมนุม ดังนั้นขอเรียกร้องให้สื่อกลับเข้ามาทำหน้าที่ในพื้นที่เหมือนเดิม และขอรับรองความปลอดภัยของสื่อที่จะเข้ามาทำงาน โดยผู้ชุมนุมและการ์ดจะให้ความดูแลเป็นอย่างดี
 น.พ.เหว งกล่าวว่า อยากให้บริษัทบีทีเอสแข็งขืนกับรัฐบาล และอย่าใช้รถไฟฟ้า มาเป็นเครื่องมือให้กับรัฐบาล ในการเข้ามาสลายการชุมนุม เพราะรัฐบาลจงใจเปลี่ยนรถไฟฟ้าให้กลายเป็นสมรภูมิ และรัฐบาลต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ น.พ.เหวงยังสอนผู้ชุมนุมถึงขั้นตอนการเตรียมรับการใช้กำลังสลายการชุมนุม อาทิ หากทหารใช้ปืนให้หมอบลงกับพื้นและอย่าออกนอกด่าน หากพรุ่งนี้เช้าถึงเที่ยง เขาไม่สามารถจัดการได้ก็จะแพ้ภัยตัวเอง
 น.พ.เหวง กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้เรามีปัญหาเรื่องขยะในที่ชุมนุม จนทำให้มีแมลงวันเป็นจำนวนมาก โดยขอแนะนำให้ผู้ชุมนุมนำเอาถุงขยะที่เก็บไว้ไปวางไว้ใกล้ๆด่าน และการ์ดที่อยู่ตามด่านจะจัดการเอาไปวางไว้ในที่เหมาะสม ถุงปฏิกูลเหล่านี้ไปจัดการ และ กทม.จะใช้วิธีการที่เหมาะสมนำไปเก็บตามหลักสุขอนามัย
 น.พ.เหวง กล่าวว่า จากเหตุการณ์เมื่อวานมี ตำรวจเริ่มต่อสู้ทหาร โดยเฉพาะ ตชด. ตนขอบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานี จะปล่อยให้ทหาร มาฆ่าประชาชนหรือ และจะปล่อยไปอีกนานสักเท่าไหร่ นอกจากนี้ตนยังทราบว่ามีทหารเริ่มยิงกันเองแล้ว








ข่าวที่เกี่ยวข้องสหรัฐฯเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในไทยอดกลั้น แดงผ่อนคลายหลังปะทะเดือดคืนวาน พนง.ส่งโค้กถูกลูกหลงเจ็บหามส่งรพ. ยูเอ็นวอนรัฐบาลไทย-ผู้ประท้วงเลี่ยงรุนแรง รถตู้แดงพุ่งชนด่านทหารถูกยิงพรุนทั้งคันเจ็บ3

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

กำชับตำรวจ-ทหาร สกัดมวลชน อย่าให้โอบล้อมจนท.

กำชับตำรวจ-ทหาร สกัดมวลชน อย่าให้โอบล้อมจนท.

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ“สุเทพ” กำชับตำรวจ-ทหาร เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มข้นขึ้น วางแผนสกัดห้ามขนมวลชนมาโอบล้อมเจ้าหน้าที่ ศอฉ.มั่นใจควบคุมสถานการณ์ม็อบแดงป่วนเมืองได้... เมื่อเวลา 10.00 น.15 พ.ค. นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมศอฉ.ว่า สถานการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 14 พ.ค.แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1.การชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ซึ่งเมื่อเวลา 22.00 น. มีผู้ชุมนุม 6,000 คน ถือว่าลดลง 2.การชุมนุมรอบพื้นที่ราชประสงค์ มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก มีความพยายามของมวลชนบางส่วนติดอาวุธมาล้อมกรอบเจ้าหน้าที่ ในลักษณะเป็นขนมชั้น เพื่อกดดันไม่ให้เจ้าหน้าที่กระชับกำลังตั้งด่านสกัดกั้นมวลชนได้ โดยมีระบบบริหารสั่งการ มีเครือข่ายโยงใยพอสมควร แต่ความพยายามไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเจ้าหน้าที่เตรียมวางแผนรับมือไว้ ขณะที่มวลชนติดอาวุธของกลุ่มผู้ชุมนุมกระจายกำลังกันไปหลายส่วน ทำให้ไม่สามารถโอบล้อมเจ้าหน้าที่ได้ นอกจากนี้มีการระดมคนจากปริมณฑลรอบกทม.ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เนต ให้มาร่วมมือกันกดดันเจ้าหน้าที่ โดยเผยแพร่ข่าวสารที่บิดเบือน นายปณิธานกล่าวว่า ส่วนสถานการณ์การชุมนุมเมื่อคืนวันที่ 14 พ.ค. มีการยิงระเบิดเอ็ม 79 ประมาณ 16 นัด ใส่แนวกำลังของเจ้าหน้าที่ เช่น แยกราชปรารภ แยกประตูน้ำ สถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงค์ แยกบ่อนไก่ แยกสวนลุมไนท์บาร์ซ่า แยกศาลาแดง รวมทั้งมีความพยายามปิดการจราจร โดยใช้จยย. และแท็กซี่มิเตอร์จำนวนมาก ส่วนยอดผู้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 พ.ค. มี17 คน บาดเจ็บ 140 คน ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้แนวทางเจ้าหน้าที่ในการปรับขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยให้เข้มข้นขึ้น ระมัดระวังการโอบล้อม และระดมมวลชนมากดดันเจ้าหน้าที่ โดยให้ทหารตำรวจ ช่วยระวังการระดมมวลชนไม่ให้มาโอบล้อมเจ้าหน้าที่ ยืนยันว่า ศอฉ.สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และขณะนี้เริ่มคลี่คลายในหลายจุด แต่ยังมีปฏิบัติการที่ต้องทำอีกหลายอย่างในวันที่ 15 พ.ค. เพื่อให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

จตุพร จี้รัฐหยุดทำร้าย ผู้ชุมนุมยันสู้ไม่ถอย

จตุพร จี้รัฐหยุดทำร้าย ผู้ชุมนุมยันสู้ไม่ถอย

นายจตุพร พรหมพันธ์จตุพร พรหมพันธ์ุ แกนนำนปช. จี้นายกฯหยุดพฤติกรรมทำร้ายประชาชน ไม่กลัวหากสนธิกลับมาปลุกพันธมิตร วอนสื่อมวลชนกลับมาทำหน้าที่ เชื่อเป็นพยานบันทึกภาพเหตุการณ์หากรัฐบาลเข้ามาทำร้ายประชาชนได้เป็นอย่างดี...15 พ.ค. นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ  หรือนปช. กล่าวแถลงข่าวประจำวันกับสื่อมวลชนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ได้รับการประสานงานจากพี่น้องกลุ่มสันติภาพจะเดินทางมาพร้อมผู้สื่อข่าวต่างประเทศจำนวนหนึ่ง เพื่อที่จะฝ่าวงล้อมด้วยวิธีการที่สันติวิธี นำอาหารและน้ำมาให้ประชาชนในพื้นที่ราชประสงค์ เป็นที่น่าสังเกตว่าหลังจากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วง 2 วันที่ผ่านมา ตามรายงานเบื้องต้นที่ได้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ปะทะ มีพี่น้องนปช.แดงทั้งแผ่นดิน เสียชีวิต 16 ชีวิต บาดเจ็บกว่า 159 คน อาการสาหัส 7-8 คน โดยที่ไม่มีฝ่ายทหารเสียชีวิตแม้แต่เพียงรายเดียว ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ที่ชัดเจนว่า ฝ่ายประชาชนไม่มีอาวุธที่จะสู้รบกับฝ่ายทหาร นายจตุพร กล่าวต่อว่า แกนนำนปช.ต้องขอขอบคุณวีรชนพี่น้องมวลชนเสื้อแดงทุกคน ที่พยายามจะฝ่าวงล้อมเข้ามายังพื้นที่แยกราชประสงค์ จนต้องเกิดเหตุการณ์ปะทะและกระทบกระทั่งกัน ทั้งที่บริเวณแยกบ่อนไก่ แยกศาลาแดง ราชปรารภ และอีกหลายๆ จุด ซึ่งนำพาให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิต สถานการณ์ขณะนี้ใกล้เข้าสู่คำว่าสงครามกลางเมืองแล้ว เพราะฉะนั้นจึงขอให้ทุกฝ่ายหยุดที่จะมาถามนปช.ว่าจะหยุดสถานการณ์นี้ได้อย่างไร เพราะนปช.แดงทั้งแผ่นดินเป็นผู้ถูกกระทำ จึงควรไปถามรัฐบาลซึ่งนำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งเป็นผู้กระทำว่าจะหยุดสถานการณ์นี้ได้อย่างไรกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทุกข์ใดให้ท่านทุกข์นั้นถึงตัวกำลังจะเข้ามาแล้ว และผู้บงการจะต้องถูกทหารกลับมาทำร้ายเอง ท้ายที่สุดแล้วบทเรียนกฎแห่งกรรมจะตามมาเองสิ่งสำคัญในเวลานี้ นปช.แดงทั้งแผ่นดินคงทำหน้าที่ด้วยการภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย บุคคลองค์กรและหน่วยงานที่มีอำนาจที่แท้จริงมาดลจิตดลใจให้รัฐบาลหยุดที่จะเข้ามาสลายการชุมนุม เพื่อยุติการสูญเสียและการบาดเจ็บ แกนนำแต่ละคนไม่มีใครรู้ว่าเวลาใดที่ขึ้นไปปราศรัยบนเวที จะถูกสไนเปอร์ยิงศีรษะบ้าง และสิ่งที่ต้องเคารพอย่างมากที่สุดในเวลานี้คือทุกชีวิตที่ยังคงปักหลักชุมนุมที่ราชประสงค์อย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่หวั่นกลัวต่อเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้ของแกนนำ และขณะนี้ทั่วโลกกำลังจับตาเกี่ยวกับการจัดการของรัฐบาลชุดนี้ และหลายๆ องค์กรพยายามที่จะหยุดยั้งการกระทำที่โหดร้ายเช่นนี้ เพระาฉะนั้นนปช.แดงทั้งแผ่นดินควรยืนหยัดสู้ต่อตราบใดที่ยังไม่ได้ประชาธิปไตย กฎหมายที่ใช้ในการจัดการชุมนุมยังไม่ยกเลิก ไม่ควรถอยแม้เพียงก้าวเดียว แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม นายจตุพร กล่าว นายจตุพร กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และประกาศหวนมาจับมือกับพล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย ทำงานภาคประชาชนในฐานะแกนนำพันธมิตรฯโดยไม่ต้องติดเงื่อนไขต่างๆ ตามกฎหมายพรรคการเมืองนั้น ตนมองว่านายสนธิไม่เคยทำหน้าที่หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่เลย เพราะการดำเนินชีวิตโดยส่วนใหญ่ หนีภัยอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา การที่ออกมาเช่นนี้ เพราะพ.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เจ้าของสำนวนคดีพันธมิตรบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ จะขออนุมัติหมายจับแกนนำทั้ง 26 คน ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นเกมการเมืองที่พยายามส่งสัญญาณเตือนไปยังรัฐบาลมากกว่า เพราะนายสนธิเป็นผู้กุมความลับของรัฐบาลอยู่ ดังนั้นหากพันธมิตรจะออกมาขับเคลื่อนนั้นไม่มีปัญหากับกลุ่มเสื้อแดงแน่นอนอย่างไรก็ตาม ตนขอเรียกร้องให้สื่อสารมวลชนทุกแขนง กลับมาทำหน้าที่ด้านหลังเวทีแยกราชประสงค์ เพราะสื่อมวลชนจะเป็นเกราะป้องกันการสลายการชุมนุม และเป็นพยานบันทึกภาพเหตุการณ์ หากรัฐบาลเข้ามาทำร้ายประชาชนได้เป็นอย่างดี จตุพร พรหมพันธ์


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

สาทิตย์ ปัดข่าวนายกฯถูกเอ็ม79 ถล่มบาดเจ็บ

สาทิตย์ ปัดข่าวนายกฯถูกเอ็ม79 ถล่มบาดเจ็บ

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตยโต้เป็นการสร้างข่าวให้เกิดความวุ่นวาย อัดกองกำลังเสื้อแดงเป็นหน่วยติดอาวุธหนักที่สุด เตรียมส่งหนังสือชี้แจงทั่วโลกถึงปฏิบัติการกำราบม็อบแดง...นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าววันนี้ (15 พ.ค.) ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ว่า สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงชี้ให้เห็นว่า สอดคล้องกับที่แกนนำเสื้อแดงระบุจะทำสงครามประชาชน และสงครามกลางเมือง โดยมีการปลุกระดมใช้ข้อมูลข่าวสารบิดเบือน ทำให้รัฐต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป ซึ่งการใช้อาวุธโจมตีเจ้าหน้าที่นั้น แตกต่างกับที่นปช.ดำเนินการในการส่งหนังสือไปถึงต่างประเทศว่า รัฐบาลใช้กำลังจัดการกับประชาชนมือเปล่า แต่ความจริงเจ้าหน้าที่พยายามกำชับวงล้อม สกัดการเติมกำลังสนับสนุนของผู้ชุมนุม แต่กลับถูกผู้ชุมนุมโจมตีด้วยอาวุธหนัก อาจกล่าวได้ว่าเป็นกองกำลังติดอาวุธหนักที่สุดหลังสงครามคอมมิวนิสต์รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า จำเป็นที่รัฐบาลต้องทำความเข้าใจกับต่างประเทศ โดยนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้ชี้แจงในที่ประชุมศอฉ.ว่า ได้ส่งหนังสือถึงรมว.ต่างประเทศทุกประเทศ เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และทำความเข้าใจต่อสถานเอกอัครราชทูตทุกแห่งในประเทศไทย การดำเนินการของนปช.มีจุดมุ่งหมายสร้างความรุนแรง เพื่อโค่นล้มอำนาจรัฐ เป็นการเห็นแก่ตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และแกนนำที่นิยมความรุนแรง โดยการปลุกระดมมวลชนที่นิยมชมชอบในตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มาใช้เป็นเครื่องมือต่อสู้เพื่อชัยชนะส่วนตัว ส่วนข้อต่อรองของแกนนำในการเจรจา ไม่ใช่ข้อเรียกร้องเพื่อมวลชน แต่เป็นข้อเรียกร้องส่วนตัว เช่น การต่อรองเรื่องการดำเนินคดี การประกันตัว เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองก็ล้มการปรองดองนายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเกี่ยวพันกับการตัดสินใจของพ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำเสื้อแดง และชี้ให้เห็นว่า ข้อเรียกร้องของพ.ต.ท.ทักษิณ 4 ข้อ ตรงกันข้ามกับพฤติกรรมที่ชี้ให้แกนนำและมวลชนตัดสินใจ ทั้งการเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่หยุดใช้กำลัง แต่กลับให้แกนนำปลุกระดมมวลชนใช้อาวุธโจมตีเจ้าหน้าที่ การเรียกร้องให้เจรจา แต่ฝ่ายแกนนำกลับล้มโต๊ะเจรจา หรือข้อเรียกร้องเรื่องแผนปรองดองที่มีการต่อรองเรื่องการดำเนินคดี ดังนั้นข้อเรียกร้อง 4 ข้อ จึงเป็นการสร้างภาพ เพื่อสนับสนุนแนวทางการใช้ความรุนแรงของมวลชน ที่พ.ต.ท.ทักษิณและแกนนำเป็นผู้สั่งการอยู่ ทั้งนี้รัฐบาลต้องทำความเข้าใจกับประชาชนรมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ เพื่อมาร่วมขบวนกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกครั้งว่า เป็นสิทธิ์ที่ดำเนินการได้ แต่คงไม่มีผลกระทบต่อสิ่งที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการอยู่ใน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะออกมาชุมนุมเพื่อซ้ำเติมสถานการณ์ แต่หากมีการชุมนุมแทรกซ้อนก็อาจเกิดผลเสียต่อการปฏิบัติการได้ ส่วนการดูแลพื้นที่ชุมนุมในต่างจังหวัด ทราบว่ามีการเปิดเวทีคู่ขนาน 26 จังหวัด แต่มีผู้ชุมนุมไม่มาก ศอฉ.จึงไม่กังวล เพราะนายสุเทพได้ประชุมผู้ว่าฯกับแม่ทัพภาคไปแล้ว คิดว่าควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ต่างจังหวัดได้ แต่ที่เป็นห่วงคือเรื่องการปลุกระดมมวลชนผ่านทางเครือข่ายต่างๆ ซึ่งฝ่ายปกครองและตำรวจ ต้องมีความเข้มงวดกวดขันต่อไปเมื่อถามว่า มีข่าวลือการยิงระเบิดเอ็ม 79 ถล่มกรมทหารราบที่รักษาพระองค์ เมื่อคืนวันที่ 14 พ.ค. ทำให้นายกฯและรองนายกฯถูกยิงบาดเจ็บ นายสาทิตย์ตอบว่า ต้องระวังเรื่องข่าวสาร เพราะมีความพยายามสร้างข่าวให้เกิดความวุ่นวาย ยืนยันว่า สถานการณ์ที่ ร.11 รอ. ยังปกติ นายกฯและรองนายกฯยังติดตามสถานการณ์ร่วมกับผบ.ทบ.และเจ้าหน้าที่ตามปกติ ทุกคนยังประชุมตามปกติ ขอให้สื่อระวังการเสนอข่าว เพราะมีการสร้างข่าวให้เกิดความสับสนตลอด ขณะนี้ไม่มีปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ ทุกอย่างยังเป็นเอกภาพอยู่


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

อดีตนายกฯสมชาย เข้าเยี่ยมเสธ.แดง

อดีตนายกฯสมชาย เข้าเยี่ยมเสธ.แดง



คมชัดลึก :อดีตนายกฯ.สมชาย เข้าเยี่ยม เสธ.แดง เผย เสียใจกับการบาดเจ็บและถูกลอบยิง ชี้ เสธ.แดงมีหมายจับอยู่แล้ว ควรว่าตามกฎหมาย หากลอบทำร้ายแบบนี้คงหาความสงบไม่ได้ ปัดไม่รู้ใครทำ แต่เป็นหน้าที่ตำรวจต้องเร่งคลี่คลาย ไม่ให้ต่างฝ่ายทางโทษกัน แนะควรใช้วิธีเจราจา แถมปฏิเสธไม่ได้คุยกับทักษิณ ขณะที่ น้องเดียร์ ขอบคุณที่ทุกคนให้กำลังใจแทนคุณพ่อ เชื่อหากรู้ต้องดีใจมาก






(15พค.) ที่โรงพยาบาลวชิระพยาบาล เวลา 10.45 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ เข้าเยี่ยม พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ที่หออภิบาลผู้ป่วยศัลยกรรมประสาท ชั้น 7 อาคารเพชรรัตน์ พร้อมนำแจกันดอกไม้มาเยี่ยมอาการเพื่อเป็นกำลังใจ โดยก่อนเข้าเยี่ยม นายสมชายได้เซ็นลงนามสมุดเยี่ยมไข้ โดยมีข้อความระบุว่า “วันนี้ผมและคณะมาเยี่ยมอาการ พล.ต.ขัตติยะ รู้สึกเสียใจกับอาการบาดเจ็บของท่านที่ถูกทำร้ายโดยไม่รู้ตัวและไม่มีเหตุผลอันควร ผมขอให้กำลังใจท่านให้หายบาดเจ็บโดยเร็ว และเห็นใจครอบครัวของท่านอย่างยิ่ง”
 ทั้งนี้ นายสมชาย ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยมอาการประมาณ 10 นาที ว่า ตนได้ข่าวเสธ.แดงถูกทำร้าย จึงมาเยี่ยม แต่ที่ผ่านมาก็ติดตามข่าวของเสธ.แดง ซึ่งตนเคยพบเสธ.แดง 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นช่วงที่ตนเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม เสธ.แดงนำหนังสือมามอบให้ และอีกครั้งหนึ่งในงานศพของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทักทายกัน ซึ่งก็รู้ว่าเสธ.แดงเป็นคนกล้าหาญ และที่มาเยี่ยมเพราะว่าเห็นใจในชะตากรรม แม้ว่าจะมีความขัดแย้งกันถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่การที่ถูกลอบยิงถือว่าไม่เป็นธรรม ตนก็เสียใจกับเสธ.แดง และครอบครัว
 “การลอบยิงแบบนี้เชื่อว่า คงไม่อาจหาความสงบได้ง่าย ๆ ซึ่งเสธ.แดงก็มีหมายจับ หากทำตามกฎหมายได้ก็ดี ผิดอะไรก็ว่ากันไป แต่มาลอบทำร้ายแบบนี้ ดูแล้วมันรับลำบากในความรู้สึกครอบครัวเขา” อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าว
 ผู้สื่อข่าวถามว่า การระบุเช่นนี้แสดงว่าฝ่ายรัฐเป็นคนทำใช้หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ตนไม่ทราบใครทำ แต่ที่รู้คือถูกลอบยิง เป็นเรื่องตำรวจต้องไปคลี่คลาย ซึ่งกรณีตำรวจถูกยิงก็เช่นกัน ดังนั้นคิดว่าหากไม่คลี่คลายเพื่อหาผู้กระทำการให้เรื่องนี้จบไปโดยเร็ว แต่ปล่อยให้ต่างฝ่ายต่างโทษกันไปมาจะไม่เป็นผลดี ทั้งตนไม่ทราบว่าใครทำ แต่ก็ประณามว่าการทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง
 นายสมชาย กล่าวว่า สำหรับอาการเสธ.แดง จากการเข้าเยี่ยมนั้น หน้าท่านก็มีผ้าคลุมอยู่ และหน้ายังบวมอยู่ ซึ่งแพทย์ได้อธิบายการผ่าตัด และยังรอดูอาการอยู่ ส่วนน้องเดียร์นั้น เป็นลูกสาวคนเดียวของเสธ.แดง มีจิตใจเข้มแข็งเหมือนคุณพ่อ ตนก็ให้กำลังใจขอให้เข้มแข็ง รอดูอาการบิดา และเห็นใจเพราะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวแต่มาประสบเหตุการณ์แบบนี้ ขณะนี้ก็ถือเป็นกำลังสำคัญของครอบครัว
 ต่อข้อซักถามว่า จากนี้ควรดำเนินการอย่างไรเพื่อหาทางออกที่ดี นายสมชาย กล่าวว่า ทีแรกเห็นบอกว่าจะมีการปรองดอง มีการเจรจากัน ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ยังไม่ทันที่จะเจราจากันก็มีปัญหาซะก่อน ทั้งนี้รัฐบาลควรเป็นรัฐบาลของคนทุกคนและต้องหาทางแก้ไขปัญหา ซึ่งผู้ที่จะยุติเรื่องนี้ได้ก็คือรัฐบาล เพราะเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองนี้ ดังนั้นจึงควรใช้วิจารณญาณในการแก้ไข แต่ไม่ควรแก้ไขแบบสร้างปัญหาเพิ่ม การคิดว่าจะใช้กำลังแล้วจบจะเป็นการสร้างปัญหาเพิ่ม จึงควรมีวิธีการสงบ ทั้งนี้ตนคิดว่าการเจรจาไม่มีคำว่าล้าสมัย ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะเจราจา แม้ว่าขณะนี้จะสายไปหน่อยมีคนตายเพิ่มอีกหลายคนแล้วก็ตาม การที่มีคนบาดเจ็บก็มาจากคนที่มีอาวุธ ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ชาวบ้านที่นั่งอยู่ก็เห็นๆ ว่ามือเปล่าทั้งนั้น ต่อข้อซักถามที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้มีการฝากอะไรหรือไม่ นายสมชาย ตอบเพียงสั้นๆ ว่า ไม่ได้คุยกันเลย
 ขณะที่ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล หรือน้องเดียร์ มีสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าเมื่อวานนี้มาก และยังได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า อาการของคุณพ่อยังคงที่ ยังทรงอยู่ หมอยังให้การักษาตามอาการอยู่ ซึ่งก็รู้สึกมีกำลังใจที่ดี เพราะญาติทุกคนต่างช่วยกันดูแล และมีเพื่อนเตรียมทหารและพี่น้องเสื้อแดงมาเยี่ยมกันมาก ซึ่งเดียร์ก็ขอบคุณแทนคุณพ่อด้วย หากคุณพ่อทราบก็คงดีใจมากแน่ๆ เพราะแสดงให้เป็นว่าคุณพ่อเองก็คงเป็นที่รักของใครหลายคน ดังนั้นเชื่อว่า ตอนนี้คุณพ่อคงจะสู้เต็มที่ ตนก็จะสู้ไปกับคุณพ่อเหมือนกัน
 ต่อข้อซักถามว่า ที่ผ่านมาในช่วงที่คุณพ่อไปพื้นที่ชุมนุมได้มีการเตือนคุณพ่อบ้างหรือไม่ น.ส.ขัดติยา กล่าวว่า คุณพ่อเป็นคนเข้มแข็ง เป็นทหารนักรบ ในการตัดสินใจก็ตัดสินใจด้วยตนเอง เด็ดเดี่ยวมาก และคงไม่มีใครเตือนได้ ซึ่งเราเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ตรงนี้ขึ้นกับตัวคุณพ่อเอง     ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้คิดเรื่องการฟ้องร้อง แจ้งความหรือยัง  น.ส ขัตติยาบอกว่า ยังไม่ได้คิด








ข่าวที่เกี่ยวข้องระเบิด2ลูกซ้อนหน้าตึกอื้อจือเหลียง "สาทิตย์"จวก"แม้ว"เห็นแก่ตัวเอาคนเป็นเครื่องมือหมอแจง"เสธ.แดง"อาการคงที่-สมองบวมมอนเตเนโกรห้าม"แม้ว"ใช้ประเทศป่วนไทย เหวงวอนสื่อเข้าทำข่าวหลังเวที่กลุ่มเสื้อแดง

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เหวงวอนสื่อเข้าทำข่าวหลังเวที่กลุ่มเสื้อแดง

เหวงวอนสื่อเข้าทำข่าวหลังเวที่กลุ่มเสื้อแดง



คมชัดลึก :หมอเหวง วอนสื่อมวลชนเข้ารายงานข่าวหลังเวทีปราศรัยกลุ่มคนเสื้อแดง






(15พ.ค.) น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กล่าวว่า เช้าวันนี้ไม่มีสื่อมาปรากฏตัวที่หลังเวทีเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา โดยตนทราบมาว่ากองบรรณาธิการได้สั่งการให้นักข่าวไม่เข้ามาในพื้นที่ นี่คือสัญญาณการสลายการชุมนุม ดังนั้นขอเรียกร้องให้สื่อกลับเข้ามาทำหน้าที่ในพื้นที่เหมือนเดิม และขอรับรองความปลอดภัยของสื่อที่จะเข้ามาทำงาน โดยผู้ชุมนุมและการ์ดจะให้ความดูแลเป็นอย่างดี
 น.พ.เหว งกล่าวว่า อยากให้บริษัทบีทีเอสแข็งขืนกับรัฐบาล และอย่าใช้รถไฟฟ้า มาเป็นเครื่องมือให้กับรัฐบาล ในการเข้ามาสลายการชุมนุม เพราะรัฐบาลจงใจเปลี่ยนรถไฟฟ้าให้กลายเป็นสมรภูมิ และรัฐบาลต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ น.พ.เหวงยังสอนผู้ชุมนุมถึงขั้นตอนการเตรียมรับการใช้กำลังสลายการชุมนุม อาทิ หากทหารใช้ปืนให้หมอบลงกับพื้นและอย่าออกนอกด่าน หากพรุ่งนี้เช้าถึงเที่ยง เขาไม่สามารถจัดการได้ก็จะแพ้ภัยตัวเอง
 น.พ.เหวง กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้เรามีปัญหาเรื่องขยะในที่ชุมนุม จนทำให้มีแมลงวันเป็นจำนวนมาก โดยขอแนะนำให้ผู้ชุมนุมนำเอาถุงขยะที่เก็บไว้ไปวางไว้ใกล้ๆด่าน และการ์ดที่อยู่ตามด่านจะจัดการเอาไปวางไว้ในที่เหมาะสม ถุงปฏิกูลเหล่านี้ไปจัดการ และ กทม.จะใช้วิธีการที่เหมาะสมนำไปเก็บตามหลักสุขอนามัย
 น.พ.เหวง กล่าวว่า จากเหตุการณ์เมื่อวานมี ตำรวจเริ่มต่อสู้ทหาร โดยเฉพาะ ตชด. ตนขอบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานี จะปล่อยให้ทหาร มาฆ่าประชาชนหรือ และจะปล่อยไปอีกนานสักเท่าไหร่ นอกจากนี้ตนยังทราบว่ามีทหารเริ่มยิงกันเองแล้ว








ข่าวที่เกี่ยวข้องสหรัฐฯเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในไทยอดกลั้น แดงผ่อนคลายหลังปะทะเดือดคืนวาน พนง.ส่งโค้กถูกลูกหลงเจ็บหามส่งรพ. ยูเอ็นวอนรัฐบาลไทย-ผู้ประท้วงเลี่ยงรุนแรง รถตู้แดงพุ่งชนด่านทหารถูกยิงพรุนทั้งคันเจ็บ3

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

กำชับตำรวจ-ทหาร สกัดมวลชน อย่าให้โอบล้อมจนท.

กำชับตำรวจ-ทหาร สกัดมวลชน อย่าให้โอบล้อมจนท.

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ“สุเทพ” กำชับตำรวจ-ทหาร เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มข้นขึ้น วางแผนสกัดห้ามขนมวลชนมาโอบล้อมเจ้าหน้าที่ ศอฉ.มั่นใจควบคุมสถานการณ์ม็อบแดงป่วนเมืองได้... เมื่อเวลา 10.00 น.15 พ.ค. นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมศอฉ.ว่า สถานการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 14 พ.ค.แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1.การชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ซึ่งเมื่อเวลา 22.00 น. มีผู้ชุมนุม 6,000 คน ถือว่าลดลง 2.การชุมนุมรอบพื้นที่ราชประสงค์ มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก มีความพยายามของมวลชนบางส่วนติดอาวุธมาล้อมกรอบเจ้าหน้าที่ ในลักษณะเป็นขนมชั้น เพื่อกดดันไม่ให้เจ้าหน้าที่กระชับกำลังตั้งด่านสกัดกั้นมวลชนได้ โดยมีระบบบริหารสั่งการ มีเครือข่ายโยงใยพอสมควร แต่ความพยายามไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเจ้าหน้าที่เตรียมวางแผนรับมือไว้ ขณะที่มวลชนติดอาวุธของกลุ่มผู้ชุมนุมกระจายกำลังกันไปหลายส่วน ทำให้ไม่สามารถโอบล้อมเจ้าหน้าที่ได้ นอกจากนี้มีการระดมคนจากปริมณฑลรอบกทม.ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เนต ให้มาร่วมมือกันกดดันเจ้าหน้าที่ โดยเผยแพร่ข่าวสารที่บิดเบือน นายปณิธานกล่าวว่า ส่วนสถานการณ์การชุมนุมเมื่อคืนวันที่ 14 พ.ค. มีการยิงระเบิดเอ็ม 79 ประมาณ 16 นัด ใส่แนวกำลังของเจ้าหน้าที่ เช่น แยกราชปรารภ แยกประตูน้ำ สถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงค์ แยกบ่อนไก่ แยกสวนลุมไนท์บาร์ซ่า แยกศาลาแดง รวมทั้งมีความพยายามปิดการจราจร โดยใช้จยย. และแท็กซี่มิเตอร์จำนวนมาก ส่วนยอดผู้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 พ.ค. มี17 คน บาดเจ็บ 140 คน ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้แนวทางเจ้าหน้าที่ในการปรับขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยให้เข้มข้นขึ้น ระมัดระวังการโอบล้อม และระดมมวลชนมากดดันเจ้าหน้าที่ โดยให้ทหารตำรวจ ช่วยระวังการระดมมวลชนไม่ให้มาโอบล้อมเจ้าหน้าที่ ยืนยันว่า ศอฉ.สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และขณะนี้เริ่มคลี่คลายในหลายจุด แต่ยังมีปฏิบัติการที่ต้องทำอีกหลายอย่างในวันที่ 15 พ.ค. เพื่อให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

จตุพร จี้รัฐหยุดทำร้าย ผู้ชุมนุมยันสู้ไม่ถอย

จตุพร จี้รัฐหยุดทำร้าย ผู้ชุมนุมยันสู้ไม่ถอย

นายจตุพร พรหมพันธ์จตุพร พรหมพันธ์ุ แกนนำนปช. จี้นายกฯหยุดพฤติกรรมทำร้ายประชาชน ไม่กลัวหากสนธิกลับมาปลุกพันธมิตร วอนสื่อมวลชนกลับมาทำหน้าที่ เชื่อเป็นพยานบันทึกภาพเหตุการณ์หากรัฐบาลเข้ามาทำร้ายประชาชนได้เป็นอย่างดี...15 พ.ค. นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ  หรือนปช. กล่าวแถลงข่าวประจำวันกับสื่อมวลชนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ได้รับการประสานงานจากพี่น้องกลุ่มสันติภาพจะเดินทางมาพร้อมผู้สื่อข่าวต่างประเทศจำนวนหนึ่ง เพื่อที่จะฝ่าวงล้อมด้วยวิธีการที่สันติวิธี นำอาหารและน้ำมาให้ประชาชนในพื้นที่ราชประสงค์ เป็นที่น่าสังเกตว่าหลังจากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วง 2 วันที่ผ่านมา ตามรายงานเบื้องต้นที่ได้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ปะทะ มีพี่น้องนปช.แดงทั้งแผ่นดิน เสียชีวิต 16 ชีวิต บาดเจ็บกว่า 159 คน อาการสาหัส 7-8 คน โดยที่ไม่มีฝ่ายทหารเสียชีวิตแม้แต่เพียงรายเดียว ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ที่ชัดเจนว่า ฝ่ายประชาชนไม่มีอาวุธที่จะสู้รบกับฝ่ายทหาร นายจตุพร กล่าวต่อว่า แกนนำนปช.ต้องขอขอบคุณวีรชนพี่น้องมวลชนเสื้อแดงทุกคน ที่พยายามจะฝ่าวงล้อมเข้ามายังพื้นที่แยกราชประสงค์ จนต้องเกิดเหตุการณ์ปะทะและกระทบกระทั่งกัน ทั้งที่บริเวณแยกบ่อนไก่ แยกศาลาแดง ราชปรารภ และอีกหลายๆ จุด ซึ่งนำพาให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิต สถานการณ์ขณะนี้ใกล้เข้าสู่คำว่าสงครามกลางเมืองแล้ว เพราะฉะนั้นจึงขอให้ทุกฝ่ายหยุดที่จะมาถามนปช.ว่าจะหยุดสถานการณ์นี้ได้อย่างไร เพราะนปช.แดงทั้งแผ่นดินเป็นผู้ถูกกระทำ จึงควรไปถามรัฐบาลซึ่งนำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งเป็นผู้กระทำว่าจะหยุดสถานการณ์นี้ได้อย่างไรกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทุกข์ใดให้ท่านทุกข์นั้นถึงตัวกำลังจะเข้ามาแล้ว และผู้บงการจะต้องถูกทหารกลับมาทำร้ายเอง ท้ายที่สุดแล้วบทเรียนกฎแห่งกรรมจะตามมาเองสิ่งสำคัญในเวลานี้ นปช.แดงทั้งแผ่นดินคงทำหน้าที่ด้วยการภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย บุคคลองค์กรและหน่วยงานที่มีอำนาจที่แท้จริงมาดลจิตดลใจให้รัฐบาลหยุดที่จะเข้ามาสลายการชุมนุม เพื่อยุติการสูญเสียและการบาดเจ็บ แกนนำแต่ละคนไม่มีใครรู้ว่าเวลาใดที่ขึ้นไปปราศรัยบนเวที จะถูกสไนเปอร์ยิงศีรษะบ้าง และสิ่งที่ต้องเคารพอย่างมากที่สุดในเวลานี้คือทุกชีวิตที่ยังคงปักหลักชุมนุมที่ราชประสงค์อย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่หวั่นกลัวต่อเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้ของแกนนำ และขณะนี้ทั่วโลกกำลังจับตาเกี่ยวกับการจัดการของรัฐบาลชุดนี้ และหลายๆ องค์กรพยายามที่จะหยุดยั้งการกระทำที่โหดร้ายเช่นนี้ เพระาฉะนั้นนปช.แดงทั้งแผ่นดินควรยืนหยัดสู้ต่อตราบใดที่ยังไม่ได้ประชาธิปไตย กฎหมายที่ใช้ในการจัดการชุมนุมยังไม่ยกเลิก ไม่ควรถอยแม้เพียงก้าวเดียว แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม นายจตุพร กล่าว นายจตุพร กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ และประกาศหวนมาจับมือกับพล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย ทำงานภาคประชาชนในฐานะแกนนำพันธมิตรฯโดยไม่ต้องติดเงื่อนไขต่างๆ ตามกฎหมายพรรคการเมืองนั้น ตนมองว่านายสนธิไม่เคยทำหน้าที่หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่เลย เพราะการดำเนินชีวิตโดยส่วนใหญ่ หนีภัยอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา การที่ออกมาเช่นนี้ เพราะพ.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เจ้าของสำนวนคดีพันธมิตรบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ จะขออนุมัติหมายจับแกนนำทั้ง 26 คน ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นเกมการเมืองที่พยายามส่งสัญญาณเตือนไปยังรัฐบาลมากกว่า เพราะนายสนธิเป็นผู้กุมความลับของรัฐบาลอยู่ ดังนั้นหากพันธมิตรจะออกมาขับเคลื่อนนั้นไม่มีปัญหากับกลุ่มเสื้อแดงแน่นอนอย่างไรก็ตาม ตนขอเรียกร้องให้สื่อสารมวลชนทุกแขนง กลับมาทำหน้าที่ด้านหลังเวทีแยกราชประสงค์ เพราะสื่อมวลชนจะเป็นเกราะป้องกันการสลายการชุมนุม และเป็นพยานบันทึกภาพเหตุการณ์ หากรัฐบาลเข้ามาทำร้ายประชาชนได้เป็นอย่างดี จตุพร พรหมพันธ์


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

สาทิตย์ ปัดข่าวนายกฯถูกเอ็ม79 ถล่มบาดเจ็บ

สาทิตย์ ปัดข่าวนายกฯถูกเอ็ม79 ถล่มบาดเจ็บ

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตยโต้เป็นการสร้างข่าวให้เกิดความวุ่นวาย อัดกองกำลังเสื้อแดงเป็นหน่วยติดอาวุธหนักที่สุด เตรียมส่งหนังสือชี้แจงทั่วโลกถึงปฏิบัติการกำราบม็อบแดง...นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าววันนี้ (15 พ.ค.) ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ว่า สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงชี้ให้เห็นว่า สอดคล้องกับที่แกนนำเสื้อแดงระบุจะทำสงครามประชาชน และสงครามกลางเมือง โดยมีการปลุกระดมใช้ข้อมูลข่าวสารบิดเบือน ทำให้รัฐต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป ซึ่งการใช้อาวุธโจมตีเจ้าหน้าที่นั้น แตกต่างกับที่นปช.ดำเนินการในการส่งหนังสือไปถึงต่างประเทศว่า รัฐบาลใช้กำลังจัดการกับประชาชนมือเปล่า แต่ความจริงเจ้าหน้าที่พยายามกำชับวงล้อม สกัดการเติมกำลังสนับสนุนของผู้ชุมนุม แต่กลับถูกผู้ชุมนุมโจมตีด้วยอาวุธหนัก อาจกล่าวได้ว่าเป็นกองกำลังติดอาวุธหนักที่สุดหลังสงครามคอมมิวนิสต์รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า จำเป็นที่รัฐบาลต้องทำความเข้าใจกับต่างประเทศ โดยนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้ชี้แจงในที่ประชุมศอฉ.ว่า ได้ส่งหนังสือถึงรมว.ต่างประเทศทุกประเทศ เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และทำความเข้าใจต่อสถานเอกอัครราชทูตทุกแห่งในประเทศไทย การดำเนินการของนปช.มีจุดมุ่งหมายสร้างความรุนแรง เพื่อโค่นล้มอำนาจรัฐ เป็นการเห็นแก่ตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และแกนนำที่นิยมความรุนแรง โดยการปลุกระดมมวลชนที่นิยมชมชอบในตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มาใช้เป็นเครื่องมือต่อสู้เพื่อชัยชนะส่วนตัว ส่วนข้อต่อรองของแกนนำในการเจรจา ไม่ใช่ข้อเรียกร้องเพื่อมวลชน แต่เป็นข้อเรียกร้องส่วนตัว เช่น การต่อรองเรื่องการดำเนินคดี การประกันตัว เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองก็ล้มการปรองดองนายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเกี่ยวพันกับการตัดสินใจของพ.ต.ท.ทักษิณ และแกนนำเสื้อแดง และชี้ให้เห็นว่า ข้อเรียกร้องของพ.ต.ท.ทักษิณ 4 ข้อ ตรงกันข้ามกับพฤติกรรมที่ชี้ให้แกนนำและมวลชนตัดสินใจ ทั้งการเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่หยุดใช้กำลัง แต่กลับให้แกนนำปลุกระดมมวลชนใช้อาวุธโจมตีเจ้าหน้าที่ การเรียกร้องให้เจรจา แต่ฝ่ายแกนนำกลับล้มโต๊ะเจรจา หรือข้อเรียกร้องเรื่องแผนปรองดองที่มีการต่อรองเรื่องการดำเนินคดี ดังนั้นข้อเรียกร้อง 4 ข้อ จึงเป็นการสร้างภาพ เพื่อสนับสนุนแนวทางการใช้ความรุนแรงของมวลชน ที่พ.ต.ท.ทักษิณและแกนนำเป็นผู้สั่งการอยู่ ทั้งนี้รัฐบาลต้องทำความเข้าใจกับประชาชนรมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ เพื่อมาร่วมขบวนกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกครั้งว่า เป็นสิทธิ์ที่ดำเนินการได้ แต่คงไม่มีผลกระทบต่อสิ่งที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการอยู่ใน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะออกมาชุมนุมเพื่อซ้ำเติมสถานการณ์ แต่หากมีการชุมนุมแทรกซ้อนก็อาจเกิดผลเสียต่อการปฏิบัติการได้ ส่วนการดูแลพื้นที่ชุมนุมในต่างจังหวัด ทราบว่ามีการเปิดเวทีคู่ขนาน 26 จังหวัด แต่มีผู้ชุมนุมไม่มาก ศอฉ.จึงไม่กังวล เพราะนายสุเทพได้ประชุมผู้ว่าฯกับแม่ทัพภาคไปแล้ว คิดว่าควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ต่างจังหวัดได้ แต่ที่เป็นห่วงคือเรื่องการปลุกระดมมวลชนผ่านทางเครือข่ายต่างๆ ซึ่งฝ่ายปกครองและตำรวจ ต้องมีความเข้มงวดกวดขันต่อไปเมื่อถามว่า มีข่าวลือการยิงระเบิดเอ็ม 79 ถล่มกรมทหารราบที่รักษาพระองค์ เมื่อคืนวันที่ 14 พ.ค. ทำให้นายกฯและรองนายกฯถูกยิงบาดเจ็บ นายสาทิตย์ตอบว่า ต้องระวังเรื่องข่าวสาร เพราะมีความพยายามสร้างข่าวให้เกิดความวุ่นวาย ยืนยันว่า สถานการณ์ที่ ร.11 รอ. ยังปกติ นายกฯและรองนายกฯยังติดตามสถานการณ์ร่วมกับผบ.ทบ.และเจ้าหน้าที่ตามปกติ ทุกคนยังประชุมตามปกติ ขอให้สื่อระวังการเสนอข่าว เพราะมีการสร้างข่าวให้เกิดความสับสนตลอด ขณะนี้ไม่มีปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ ทุกอย่างยังเป็นเอกภาพอยู่


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

อดีตนายกฯสมชาย เข้าเยี่ยมเสธ.แดง

อดีตนายกฯสมชาย เข้าเยี่ยมเสธ.แดง



คมชัดลึก :อดีตนายกฯ.สมชาย เข้าเยี่ยม เสธ.แดง เผย เสียใจกับการบาดเจ็บและถูกลอบยิง ชี้ เสธ.แดงมีหมายจับอยู่แล้ว ควรว่าตามกฎหมาย หากลอบทำร้ายแบบนี้คงหาความสงบไม่ได้ ปัดไม่รู้ใครทำ แต่เป็นหน้าที่ตำรวจต้องเร่งคลี่คลาย ไม่ให้ต่างฝ่ายทางโทษกัน แนะควรใช้วิธีเจราจา แถมปฏิเสธไม่ได้คุยกับทักษิณ ขณะที่ น้องเดียร์ ขอบคุณที่ทุกคนให้กำลังใจแทนคุณพ่อ เชื่อหากรู้ต้องดีใจมาก






(15พค.) ที่โรงพยาบาลวชิระพยาบาล เวลา 10.45 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ เข้าเยี่ยม พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ที่หออภิบาลผู้ป่วยศัลยกรรมประสาท ชั้น 7 อาคารเพชรรัตน์ พร้อมนำแจกันดอกไม้มาเยี่ยมอาการเพื่อเป็นกำลังใจ โดยก่อนเข้าเยี่ยม นายสมชายได้เซ็นลงนามสมุดเยี่ยมไข้ โดยมีข้อความระบุว่า “วันนี้ผมและคณะมาเยี่ยมอาการ พล.ต.ขัตติยะ รู้สึกเสียใจกับอาการบาดเจ็บของท่านที่ถูกทำร้ายโดยไม่รู้ตัวและไม่มีเหตุผลอันควร ผมขอให้กำลังใจท่านให้หายบาดเจ็บโดยเร็ว และเห็นใจครอบครัวของท่านอย่างยิ่ง”
 ทั้งนี้ นายสมชาย ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยมอาการประมาณ 10 นาที ว่า ตนได้ข่าวเสธ.แดงถูกทำร้าย จึงมาเยี่ยม แต่ที่ผ่านมาก็ติดตามข่าวของเสธ.แดง ซึ่งตนเคยพบเสธ.แดง 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นช่วงที่ตนเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม เสธ.แดงนำหนังสือมามอบให้ และอีกครั้งหนึ่งในงานศพของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทักทายกัน ซึ่งก็รู้ว่าเสธ.แดงเป็นคนกล้าหาญ และที่มาเยี่ยมเพราะว่าเห็นใจในชะตากรรม แม้ว่าจะมีความขัดแย้งกันถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่การที่ถูกลอบยิงถือว่าไม่เป็นธรรม ตนก็เสียใจกับเสธ.แดง และครอบครัว
 “การลอบยิงแบบนี้เชื่อว่า คงไม่อาจหาความสงบได้ง่าย ๆ ซึ่งเสธ.แดงก็มีหมายจับ หากทำตามกฎหมายได้ก็ดี ผิดอะไรก็ว่ากันไป แต่มาลอบทำร้ายแบบนี้ ดูแล้วมันรับลำบากในความรู้สึกครอบครัวเขา” อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าว
 ผู้สื่อข่าวถามว่า การระบุเช่นนี้แสดงว่าฝ่ายรัฐเป็นคนทำใช้หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ตนไม่ทราบใครทำ แต่ที่รู้คือถูกลอบยิง เป็นเรื่องตำรวจต้องไปคลี่คลาย ซึ่งกรณีตำรวจถูกยิงก็เช่นกัน ดังนั้นคิดว่าหากไม่คลี่คลายเพื่อหาผู้กระทำการให้เรื่องนี้จบไปโดยเร็ว แต่ปล่อยให้ต่างฝ่ายต่างโทษกันไปมาจะไม่เป็นผลดี ทั้งตนไม่ทราบว่าใครทำ แต่ก็ประณามว่าการทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง
 นายสมชาย กล่าวว่า สำหรับอาการเสธ.แดง จากการเข้าเยี่ยมนั้น หน้าท่านก็มีผ้าคลุมอยู่ และหน้ายังบวมอยู่ ซึ่งแพทย์ได้อธิบายการผ่าตัด และยังรอดูอาการอยู่ ส่วนน้องเดียร์นั้น เป็นลูกสาวคนเดียวของเสธ.แดง มีจิตใจเข้มแข็งเหมือนคุณพ่อ ตนก็ให้กำลังใจขอให้เข้มแข็ง รอดูอาการบิดา และเห็นใจเพราะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวแต่มาประสบเหตุการณ์แบบนี้ ขณะนี้ก็ถือเป็นกำลังสำคัญของครอบครัว
 ต่อข้อซักถามว่า จากนี้ควรดำเนินการอย่างไรเพื่อหาทางออกที่ดี นายสมชาย กล่าวว่า ทีแรกเห็นบอกว่าจะมีการปรองดอง มีการเจรจากัน ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ยังไม่ทันที่จะเจราจากันก็มีปัญหาซะก่อน ทั้งนี้รัฐบาลควรเป็นรัฐบาลของคนทุกคนและต้องหาทางแก้ไขปัญหา ซึ่งผู้ที่จะยุติเรื่องนี้ได้ก็คือรัฐบาล เพราะเป็นผู้ปกครองบ้านเมืองนี้ ดังนั้นจึงควรใช้วิจารณญาณในการแก้ไข แต่ไม่ควรแก้ไขแบบสร้างปัญหาเพิ่ม การคิดว่าจะใช้กำลังแล้วจบจะเป็นการสร้างปัญหาเพิ่ม จึงควรมีวิธีการสงบ ทั้งนี้ตนคิดว่าการเจรจาไม่มีคำว่าล้าสมัย ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะเจราจา แม้ว่าขณะนี้จะสายไปหน่อยมีคนตายเพิ่มอีกหลายคนแล้วก็ตาม การที่มีคนบาดเจ็บก็มาจากคนที่มีอาวุธ ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ชาวบ้านที่นั่งอยู่ก็เห็นๆ ว่ามือเปล่าทั้งนั้น ต่อข้อซักถามที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้มีการฝากอะไรหรือไม่ นายสมชาย ตอบเพียงสั้นๆ ว่า ไม่ได้คุยกันเลย
 ขณะที่ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล หรือน้องเดียร์ มีสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าเมื่อวานนี้มาก และยังได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า อาการของคุณพ่อยังคงที่ ยังทรงอยู่ หมอยังให้การักษาตามอาการอยู่ ซึ่งก็รู้สึกมีกำลังใจที่ดี เพราะญาติทุกคนต่างช่วยกันดูแล และมีเพื่อนเตรียมทหารและพี่น้องเสื้อแดงมาเยี่ยมกันมาก ซึ่งเดียร์ก็ขอบคุณแทนคุณพ่อด้วย หากคุณพ่อทราบก็คงดีใจมากแน่ๆ เพราะแสดงให้เป็นว่าคุณพ่อเองก็คงเป็นที่รักของใครหลายคน ดังนั้นเชื่อว่า ตอนนี้คุณพ่อคงจะสู้เต็มที่ ตนก็จะสู้ไปกับคุณพ่อเหมือนกัน
 ต่อข้อซักถามว่า ที่ผ่านมาในช่วงที่คุณพ่อไปพื้นที่ชุมนุมได้มีการเตือนคุณพ่อบ้างหรือไม่ น.ส.ขัดติยา กล่าวว่า คุณพ่อเป็นคนเข้มแข็ง เป็นทหารนักรบ ในการตัดสินใจก็ตัดสินใจด้วยตนเอง เด็ดเดี่ยวมาก และคงไม่มีใครเตือนได้ ซึ่งเราเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ตรงนี้ขึ้นกับตัวคุณพ่อเอง     ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้คิดเรื่องการฟ้องร้อง แจ้งความหรือยัง  น.ส ขัตติยาบอกว่า ยังไม่ได้คิด








ข่าวที่เกี่ยวข้องระเบิด2ลูกซ้อนหน้าตึกอื้อจือเหลียง "สาทิตย์"จวก"แม้ว"เห็นแก่ตัวเอาคนเป็นเครื่องมือหมอแจง"เสธ.แดง"อาการคงที่-สมองบวมมอนเตเนโกรห้าม"แม้ว"ใช้ประเทศป่วนไทย เหวงวอนสื่อเข้าทำข่าวหลังเวที่กลุ่มเสื้อแดง

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

นปช.ร้องหยุดยิงมาร์คยุบสภาทันที

นปช.ร้องหยุดยิงมาร์คยุบสภาทันที



คมชัดลึก :"จุรินทร์ เตรียม รพ.ในเขต กทม.และปริมณฑล 70 แห่ง รับมือเหตุปะทะจากการชุมนุม สรุปเหตุปะทะ 2 จุดคืนที่ผ่านมา บาดเจ็บ 8 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 ราย เผยมีผู้ชุมนุม 21 รายเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนหลังดื่มกาแฟ ส่งรักษาที่รพ.เลิดสิน อาการปลอดภัยทุกราย






(14พ.ค.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแกนนำนปช.ได้แถลงหลังประชุมว่ามีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดยิงและถอนกำลังทหารกลับกรมกองรวมถึงยกเลิกประกาศพรก.ฉุกเฉินและเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯยุบสภาในทันทีและลาออกจากการเป็นรักษาการในช่วงยุบสภา
บรรยากาศม็อบแยกศาลาแดง
 ผู้สื่อข่าวรายงานจากแยกศาลาแดงเมื่อเวลา 16.50 ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณสะพานข้ามแยกศาลาแดงได้จุดไฟใส่ยางรถยนต์ ที่ภายในมีระเบิดขวดอยู่ กลิ้งใส่ทหารเป็นประมาณ 5 เส้น พร้อมกับมีเสียงปืนและเสียงปะทัดดังขึ้นจากกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นระยะๆ เจ้าหน้าที่ทหารจึงยิงปืนขึ้นฟ้า ขณะที่ผู้ชุมนุมเสื้อแดงยังคงชุมนุมกันอยู่อย่างหนาแน่น
"จุรินทร์”เตรียมรพ.ในเขตกทม.และปริมณฑล70แห่งรับมือปะทะ
 ที่รพ.ตะกั่วป่า จ.พังงา นายจุรินทร์   ลักษณวิศิษฏ์   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉินระดับชาติ     ได้สั่ง การให้เตรียมโรงพยาบาลในเขต กทม. และปริมณฑล ไว้ 70 แห่ง   เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องมือแพทย์ทั้งทีมแพทย์ฉุกเฉิน และทีมแพทย์ดูแลในโรงพยาบาล เพื่อรองรับเหตุการณ์เต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง   โดยกระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อม และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากโรงพยาบาลทุกสังกัด ทั้งกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัย เอกชน และกทม.
          นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า สำหรับตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะเมื่อวานนี้ (13 พฤษภาคม 2553) จำนวน 3 จุด รวมผู้บาดเจ็บทั้งหมด 8 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 ราย ดังนี้ จุดที่แยกศาลาแดง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ   3 ราย รักษาตัวที่รพ.จุฬาลงกรณ์ 1 ราย รพ.ตำรวจ 1 ราย กลับบ้านแล้ว รพ.หัวเฉียว 1 ราย คือพลตรีขัตติยะ   สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ย้ายไปรพ.วชิระแล้ว   ขณะนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด จุดที่บริเวณถนนวิทยุ มีผู้บาดเจ็บ 5 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 ราย เบื้องต้นทราบว่าถูกยิงที่ศีรษะ ส่วนกรณีที่มีระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 3 ลูก และจุดที่โรงแรมดุสิตธานี ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
          นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. เมื่อคืนนี้ มีผู้ร่วมชุมนุม นปช. ที่บริเวณแยกราชประสงค์ จำนวน 21 ราย เข้ารับการรักษาที่รพ.เลิดสิน มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ซึม เหนื่อย หายใจติดขัด ม่านตาหด เมื่อแพทย์ซักประวัติได้ความว่า ทั้ง 21 รายเริ่มเกิดอาการดังกล่าว ภายหลังดื่มกาแฟที่ได้รับการแจกประมาณ 15 นาที แพทย์ได้ทำการรักษาโดยการล้างท้อง ขณะนี้กลับบ้านได้ 3 ราย เหลือนอนที่รพ. 18 ราย เป็นชาย 17 ราย และหญิง 1 ราย ได้มอบให้รพ.ดูแลรักษาอย่างดี และให้ดำเนินการสอบสวนสาเหตุ และนำกาแฟไปตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คาดว่าจะทราบผลใน 2-3 วัน








ข่าวที่เกี่ยวข้องรพ.จุฬาลงกรณ์ย้ายผู้ป่วยตึกภปร.ไปตึกนวมินทร์ทหารอาวุธครบมือคุมเข้มทำเนียบฯหวั่นปะทะลามสเตรทสไทม์สเผยวีระตัดสินใจทิ้งนปช.4วันก่อนทหารเคลียร์พื้นที่แยกราชปรารภได้แล้ว อดีตกอส.เตือนรัฐ-นปช.หยุดสงครามกลางเมือง

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

คาดคืนนี้ป่วนหนัก แก๊งจยย.นำ ส่งกำลังรักษาด่าน

คาดคืนนี้ป่วนหนัก แก๊งจยย.นำ ส่งกำลังรักษาด่าน

ศอฉ.ประเมินคืนนี้อาจมีเหตุวุ่นวาย สั่งทหารตรึงกำลังระวังเต็มที่ พร้อมส่งกำลังรักษาด่านสกัดต่าง ๆ ลั่นไม่มีนโยบายสังหารแกนนำ ชี้ “เสธ.แดง” คนเดียวสู้กำลังเป็นพันไม่ได้... เมื่อเวลา 14.30 น.ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. กล่าวถึงกรณีที่กำลังทหารปฏิบัติภารกิจในการสถาปนาด่าน หลังถูกคนเสื้อแดงปิดล้อมพื้นที่ว่า จากการแก้ไขสถานการณ์ช่วงเช้า เที่ยงที่ผ่านมา สามารถเคลียร์พื้นที่ด้านใต้สะพานลอยข้ามไทย-เบลเยี่ยมและควบคุมได้ ขณะนี้กำลังกำหนดตั้งด่านอีกครั้งบริเวณถนนวิทยุลักษณะด่านรูปตัวแอล คือ ด้านหนึ่งป้องกันการยิงเข้ามาจากสวนลุมพินี ซึ่งขณะนี้ประจักษ์ว่าพื้นที่นี้มีผู้ที่มีอาวุธสงครามอยู่ตลอด ส่วนอีกด่านต้องบล็อกถนนวิทยุ เพราะมีแก็งจักรยานยนต์กวนเมืองพยายามเข้ามาเติมในสวนลุมพินีด้านหลังของด่านต่างๆ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเสร็จหมดแล้ว และให้หยุดปฏิบัติภารกิจ แต่ให้เน้นการรักษาด่านที่สามารถสถาปนาได้ไว้ “พื้นที่ถนนพระราม 4 บริเวณแยกบ่อนไก่มีการพยายามสร้างสถานการณ์วุ่นวายจุดไฟเผ่า ยางรถยนต์ มีการยิงกระสุนจากสวนลุม ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอนบ่อยครั้ง โดย ศอฉ.กำลังพิจารณาว่าจะเกิดผลกระทบต่อประชาชนที่ใช้ถนน ขณะนี้ผู้บังคับบัญชาในพื้นที่กำลังรายงานข้อมูลมาที่ ศอฉ. ดังนั้น อาจมีความจำเป็นขอปิดเส้นทางจราจรเพิ่ม ถ.พระรามสี่ ตั้งแต่สามย่าน-แยกงามดูพลี โดยจะตัดสินในเร็วนี้ หากปิดถนนจริงก็จะประกาศให้ทราบ” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า แกนนำบางท่านที่รู้สึกพร้อมรับการตรวจสอบในกระบวนการยุติธรรมก็มาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ ระหว่างท่านและเจ้าหน้าที่รัฐพร้อมเข้าสู่กระบวนการเหมือนกัน ขอวิงวอนคนเสื้อแดงที่เรียกร้องเรื่องราวที่รู้สึกว่าท่านไม่ได้รับการกระทำที่ไม่เสมอภาค แต่ท่านเองก็ไม่ประสงค์ให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ขอให้แยกตัวออกมายุติการชุมนุมเรื่องราวการร้องเรียนสามารถแก้ปัญหาด้วยการพูดคุย เป็นคณะกรรมการหรือองค์กร เพื่อให้เหลือแต่บุคคลที่ประสงค์ความรุนแรงอยู่ในพื้นที่เท่านั้น เจ้าหน้าที่จะดำเนินการได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังถือว่ามีเวลาเพราะอยู่ในช่วงปิดล้อมพื้นที่ เรายังไม่คิดถึงการสลายการชุมนุมในวันนี้” โฆษก ศอฉ.พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก และ พล.ต.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก ได้ติดตามสถานการณ์ที่ห้องปฏิบัติการณ์สถานการณ์ ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ติดตามสถานการณ์อยู่ห้องข้าง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายชัดเจน โดยการปฏิบัติได้ให้เสรีต่อหน่วยที่ปฏิบัติงาน พล.อ.อนุพงษ์ ได้เน้นย้ำต่อผู้ปฏิบัติให้ระวังการใช้อาวุธ โดยต้องพยายามอย่าให้เกิดความสูญเสีย และอย่าให้เขาเห็นว่าทหารกระเหี้ยนกระหือรือที่จะใช้อาวุธ ทั้งนี้ ผบ.ทบ. สั่งเจ้าหน้าที่ให้ระมัดระวังแนวด่านที่สามารถสถาปนาได้แล้ว เพราะมีการประเมินว่าในคืนวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะเกิดเหตุรุนแรงจากฝ่ายกองกำลังของ นปช. แน่นอน เพราะเขาต้องการเอาคืนพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังไว้ สำหรับการปฏิบัติครั้งนี้เราใช้กำลังจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม..2 รอ.) โดยมี พล.ต.สุรศักดิ์ บุญสิริ ผบ.พล.ม.2 รอ. เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ตรึงกำลังด่านของเจ้าหน้าที่ แต่การสั่งการในภาพรวม ศอฉ.มอบให้ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ดูแลในภาพรวมการสั่งใช้กำลังทั้งหมด ส่วนจะมีการยุติการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ในช่วงค่ำหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ขณะนี้ยุติแล้ว แต่เรากังวลหากมีความวุ่นวายบนถนนพระราม 4 แยกบ่อนไก่ หากจราจรปกติประชาชนอาจได้รับผลกระทบโดนลูกหลง จึงพิจารณาว่าจำเป็นต้องปิดเส้นทางสามย่าน-บ่อนไก่ ส่วนพื้นที่สีลมได้เพิ่มกำลังไปแล้ว ตรงจุดนั้นจะมีเส้นสาธร พระรามที่ 4 และวิทยุ ซึ่งเราได้ปิดการจราจร แต่มีแก๊งจักรยานยนต์มาปิดซ้ำ ดังนั้น จำเป็นต้องมีด่านเพื่อสกัดเส้นทางบนถนนได้ เรายังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาดำเนินการได้ เพราะต้องขึ้นอยู่กับสภาพสถานการณ์ที่จะเป็นตัวกำหนดว่า เป็นไปตามแผนที่เราได้วางไว้หรือไม่ ยืนยันว่าค่ำวันนี้จะไม่มีการสลายการชุมนุมเพียงแค่มีการตรึงกำลังปิดล้อมพื้นที่ ถ.วิทยุไว้เท่านั้น โดยตรึงกำลังในด่านที่เราสถาปนาได้แล้ว เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาปิดล้อมเจ้าหน้าที่ได้อีก พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รายงานเข้ามาว่า สามารถดูแลสถานการณ์ได้ เพราะมีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ในพื้นที่แล้ว ส่วนกรณีที่นายจตุพร พยายามเรียกมวลชนเข้ามาในกรุงเทพนั้น เป็นการวัดความสามารถระหว่างกลุ่มกวนเมืองกับเจ้าหน้าที่ที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย ซึ่ง ศอฉ.ประเมินว่าค่ำคืนนี้ต้องมีการก่อเหตุอย่างแน่นอน โดยได้มีการย้ำเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจดูแลพื้นที่เพื่อไม้ให้เกิดเหตุ ส่วนกรณีทีสื่อโดนยิงในที่เกิดเหตุนั้น เป็นเรื่องพิสูจน์ว่าเป็นการทำร้ายให้เกิดการบาดเจ็บ กลุ่มก่อการร้ายไม่ได้เล็งเฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่รวมถึงประชาชนที่มาชุมนุม และสื่อมวลชนด้วย เมื่อถามว่า ศอฉ.มีการตรวจจสอบกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ถูกยิงอาการสาหัสหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการ เชื่อมั่นว่าในขั้นตอนกระบวนการสอบสวนของตำรวจจะมีการตรวจสอบว่า อาวุธชนิดไหนยิง และยิงมาจากจุดไหน ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าเป็นฝีมือกองทัพนั้น ตนไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร เพราะการที่มีแกนนำคนหนึ่งคนใดที่ได้รับอันตรายทุกคนจะพุ่งเป้ามาที่เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งกองทัพไม่มียุทธวิธีในการสังหารแกนนำกลุ่มผู้ชุมอยู่แล้ว ดังนั้น ไม่ใช่หน้าที่ต้องตกลงใจไปทำอย่างหนึ่งอย่างใด จะมี เสธ.แดง อยู่หรือไม่ ก็ไม่ใช่ปัญหา ทุกคนเรียนโรงเรียนเดียวกันมาทุกคนมีความสามารถเหมือนกัน คนๆเดียวจะสู้คนเป็นร้อยเป็นพันคงไม่ได้


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ห่วงนักข่าวทำหน้าที่ท่ามกลางเหตุรุนแรง

ห่วงนักข่าวทำหน้าที่ท่ามกลางเหตุรุนแรง

สมาคมนักข่าวฯ แสดงความห่วงใยสวัสดิภาพผู้สื่อข่าว ในการทำหน้าที่ท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรง พร้อมเตือนผู้สื่อข่าวหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง... วันที่ 14 พ.ค. 2553 นายเสด็จ บุนนาค อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศ เปิดเผยถึงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรงเพิ่มขึ้นในขณะนี้ว่าตามที่ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ เจ้าหน้าที่ทหาร ในหลายจุดจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต สมาคมนักข่าวฯ มีความห่วงใยในสวัสดิภาพ และความปลอดภัยของสื่อมวลชน โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวและช่างภาพที่อยู่ภาคสนาม ซึ่งต้องทำหน้าที่ท่ามกลางสภาวะความกดดัน จึงขอแจ้งเตือนให้ทุกคนระมัดระวัง และคำนึงความปลอดภัยของตนเองเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวควรหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง ที่อาจเป็นแนวปะทะระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งบริเวณหลังเวทีของกลุ่ม นปช. บริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งหากสื่อมวลชนเห็นว่าการทำหน้าที่ในพื้นที่ไม่ปลอดภัย ขอให้ย้ายไปใช้พื้นที่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาตินายเสด็จ กล่าวด้วยว่า สมาคมนักข่าวฯ ขอแสดงความห่วงใยไปยังผู้สื่อข่าว และช่างภาพ จากหนังสือพิมพ์มติชน สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ วอยซ์ทีวี รวมถึงผู้สื่อข่าวต่างประเทศอีกหลายสำนัก ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ชุมนุมฯ และเจ้าหน้าที่รัฐ ดูแลความปลอดภัยให้กับผู้สื่อข่าว ซึ่งมีสัญลักษณ์ “ปลอกแขนสีเขียว” ของสมาคมนักข่าวฯ เป็นการแสดงตนในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน เพื่อการรายงานข้อมูล ข้อเท็จจริงไปสู่ประชาชน


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

“ปทีป” สั่งล่ามือปืนยิง เสธ.แดง

“ปทีป” สั่งล่ามือปืนยิง เสธ.แดง

พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. สั่งเจ้าหน้าที่เร่งไล่ล่า มือปืนยิง เสธ.แดง พร้อมเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าให้ปากคำ... พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ศปก.ตร. แถลงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. โดย พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พ.ค. เหตุการณ์แรกคือเหตุการณ์ที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกถูกยิง และเหตุการณ์ที่สอง คดีชายถูกยิงเสียชีวิตบริเวณตึกอื้อจื่อเหลียง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. ได้สั่งการ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผบก.น.5 และพล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 ให้ดำเนินการสั่งพนักงานสืบสวนสอบสวนเร่งรัดติดตามการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เข้าไปดำเนินการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุและรวบรวมพยานหลักฐานในคดีที่พล.ต.ขัตติยะ ถูกยิงพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุบางส่วนเป็นผู้สื่อข่าวและบางส่วนเป็นการ์ดของ นปช. ในส่วนของผู้สื่อข่าวกำลังติดต่อขอสอบปากคำ ส่วนการ์ด นปช. อาจจะลำบากนิดหน่อยเพราะอาจจะมีความระแวง ทำให้ได้รายละเอียดจากทางสื่อมวลชนที่การ์ด นปช. ออกมาให้สัมภาษณ์ แต่การสอบสวนและการรวบรวมหลักฐานยังมีการดำเนินการอยู่อย่างรีบด่วน ส่วนในคดีที่ 2 ทางด้าน สน.ทุ่งมหาเมฆ ร่วมกับแพทย์ของ รพ. ที่รับศพไว้ ร่วมกันชันสูตรพลิกศพเรียบร้อยแล้ว แต่ผลการชันสูตรว่าเสียชีวิตจากกระสุนชนิดใดยังไม่ได้ผลสรุป ขณะนี้ขอยืนยันว่ากำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เฝ้าติดตามอาการ เสธ.แดง ชั่วโมงต่อชั่วโมง พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า เบื้องต้นจาการตรวจสอบวิถีกระสุนที่ยิงพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ทราบแค่แผลที่เข้าและออก เข้าทางหน้าผากและออกบริเวณท้ายทอย ส่วนทิศทางต้องเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่ต้องสอบว่าช่วงเกิดเหตุ ขณะที่พล.ต.ขัตติยะยืนนั้นยืนอยู่มุมไหนหันหน้าไปทางไหน ยืนก้ม หรือยืนเงย และในบริเวณนั้นมีใครอยู่ข้างหลัง มีใครอยู่รอบๆบ้าง จะมีการชี้ชัดว่ากระสุนรอดคนอื่นมาโดนพล.ต.ขัตติยะ มาอย่างไร ต้องรวบรวมหลักฐานทั้งหมดก่อนถึงจะสรุปได้ว่ากระสุนมาจากทิศทางไหน ส่วนชนิดของกระสุนยังยืนยันไม่ได้เพราะต้องดูจากบาดแผล เป็นเรื่องของการผ่าตัดและต้องรอดูอาการทำให้ผลการตรวจบาดแผลยังทำไม่ได้ชัดเจน คงต้องรอจากแพทย์ ตอนนี้ต้องเฝ้ารออาการได้รับการยืนยันว่าอาการดีขึ้นก่อนเข้าผ่าตัด แต่แพทย์ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าอาการจะเป็นอย่างไรในอนาคต ต้องเฝ้าติดตามชั่วโมงต่อชั่วโมง พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนกำลังประสานเข้าตรวจสอบบริเวณตึกสูงรอบๆที่เกิดเหตุทั้งหมด ว่ามีหลักฐานอะไรหลงเหลืออยู่หรือไม่ เพื่อที่จะสามารถยืนยันได้ว่าเป็นจุดที่คนร้ายใช้ยิง ถึงตรงนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ายิงมาจากพื้นหรือยิงมาจากตึก ทุกอย่างยังไม่ชัดเจน และจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีกล้องวงจรปิด เท่าที่ได้ในขณะนี้คือกล้องจากสื่อมวลชน แต่จากการตรวจสอบยังไม่พบอะไร กรณีการลอบยิงพล.ต.ขัตติยะ จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นหรือไม่ เบื้องต้นกำลังประเมินสถานการณ์ว่าจะทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมเสียขวัญหรือไม่ และมีใครเป็นคนทำ  ใช้มาตรการกดดันกลุ่มผู้ชุมนุมพล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า สำหรับยอดผู้ชุมนุมล่าสุดประมาณหมื่นเศษๆ ตามหลักการสากลถ้ายอดผู้ชุมนุมเกิน 5,000 คน จะไม่สามารถเข้าไปขอพื้นที่คืนด้วยความปลอดภัย บางหลักการบอกว่า 10,000 ขึ้นไปขึ้นแล้วแต่ทฤษฎี ทุกอย่างอยู่ในข้อจำกัดของพื้นที่ ถ้าพื้นที่เป็นพื้นที่ปิดหรือพื้นที่ล่อแหลมต่อการจะทำให้คนบาดเจ็บล้มตายในการเข้าไปขอพื้นที่คืน หรือเข้าไปจับกุม เป็นข้อจำกัดประการหนึ่งที่ต้องนำมาคำนึง การทำงานในขณะนี้เป็นเรื่องของการกดดัน และในการกดดันก็มีแผนปองดองอยู่ด้วยในตัว คือมีการเจรจาทุกระดับเพราะฉะนั้นอาจจะจบลงในจุดไหนก็ได้โดยไม่ต้องใช้กำลังหรือก่อให้เกิดความรุนแรงเลยก็ได้ ยังมีความพยายามตรงนั้นอยู่ตลอดเวลา มาตรการกดดันทำให้ยอดผู้ชุมนุมลดลงบ้าง ส่วนการดูแลรอบๆที่ชุมนุมเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานร่วมกันกับทหารภายใต้คำสั่งของ ศอฉ. ส่วนชุดที่ใช้อาวุธปืนจะเป็นชุดคุ้มกันเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการใกล้กลุ่มผู้ชุมนุม เนื่องจากเจ้าหน้าที่ถูกทำร้ายจากอาวุธปืนทั้งระยะใกล้และระยะไกลอยู่เป็นระยะ เหมือนเป็นชุดคุ้มกันให้เจ้าหน้าที่  พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าว่า ก่อนหน้าที่จะมีการยิง พล.ต.ขัตติยะ มีข่าวลอบทำร้ายออกมาเป็นระยะแต่ไม่มีความชัดเจน เป็นธรรมดาของการชุมนุมที่มีการปองร้ายกลุ่มแกนนำ เพียงแต่ว่าไม่ได้รับการยืนยันที่แน่นอนไม่ละเอียดไม่ชัดเจน เมื่อมีการตรวจสอบไม่สามรถยืนยันได้ว่ามูลเหตุมาจากที่ใด ส่วนที่มีการประกาศ พรก.ฉุกเฉินเพิ่ม ยังคงยึดหลักเดิมที่เคยประกาศไปแล้ว ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่เฝ้าระวังไว้แล้ว เป็นพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมเยอะๆ    พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่ควบคุมผู้ที่ต้องถูกควบคุมตัวอยู่ในสถานกักที่ บก.ตชด.ภาค1 และมีเหตุว่ามีการทำร้ายผู้ถูกควบคุม จากการได้รับรายงานขอยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด ก่อนรับตัวไว้ได้มีแพทย์ตรวจสอบและมีการตรวจร่างกายของผู้ที่ถูกควบคุมตัวทุกท่าน และมีการตรวจทุกวัน เพราะฉะนั้นที่มีข่าวเรื่องการทำร้าย การซ้อม ขอปฏิเสธว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

นปช.ร้องหยุดยิงมาร์คยุบสภาทันที

นปช.ร้องหยุดยิงมาร์คยุบสภาทันที



คมชัดลึก :"จุรินทร์ เตรียม รพ.ในเขต กทม.และปริมณฑล 70 แห่ง รับมือเหตุปะทะจากการชุมนุม สรุปเหตุปะทะ 2 จุดคืนที่ผ่านมา บาดเจ็บ 8 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 ราย เผยมีผู้ชุมนุม 21 รายเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนหลังดื่มกาแฟ ส่งรักษาที่รพ.เลิดสิน อาการปลอดภัยทุกราย






(14พ.ค.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแกนนำนปช.ได้แถลงหลังประชุมว่ามีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดยิงและถอนกำลังทหารกลับกรมกองรวมถึงยกเลิกประกาศพรก.ฉุกเฉินและเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯยุบสภาในทันทีและลาออกจากการเป็นรักษาการในช่วงยุบสภา
บรรยากาศม็อบแยกศาลาแดง
 ผู้สื่อข่าวรายงานจากแยกศาลาแดงเมื่อเวลา 16.50 ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณสะพานข้ามแยกศาลาแดงได้จุดไฟใส่ยางรถยนต์ ที่ภายในมีระเบิดขวดอยู่ กลิ้งใส่ทหารเป็นประมาณ 5 เส้น พร้อมกับมีเสียงปืนและเสียงปะทัดดังขึ้นจากกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นระยะๆ เจ้าหน้าที่ทหารจึงยิงปืนขึ้นฟ้า ขณะที่ผู้ชุมนุมเสื้อแดงยังคงชุมนุมกันอยู่อย่างหนาแน่น
"จุรินทร์”เตรียมรพ.ในเขตกทม.และปริมณฑล70แห่งรับมือปะทะ
 ที่รพ.ตะกั่วป่า จ.พังงา นายจุรินทร์   ลักษณวิศิษฏ์   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉินระดับชาติ     ได้สั่ง การให้เตรียมโรงพยาบาลในเขต กทม. และปริมณฑล ไว้ 70 แห่ง   เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องมือแพทย์ทั้งทีมแพทย์ฉุกเฉิน และทีมแพทย์ดูแลในโรงพยาบาล เพื่อรองรับเหตุการณ์เต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง   โดยกระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อม และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากโรงพยาบาลทุกสังกัด ทั้งกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัย เอกชน และกทม.
          นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า สำหรับตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะเมื่อวานนี้ (13 พฤษภาคม 2553) จำนวน 3 จุด รวมผู้บาดเจ็บทั้งหมด 8 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 ราย ดังนี้ จุดที่แยกศาลาแดง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ   3 ราย รักษาตัวที่รพ.จุฬาลงกรณ์ 1 ราย รพ.ตำรวจ 1 ราย กลับบ้านแล้ว รพ.หัวเฉียว 1 ราย คือพลตรีขัตติยะ   สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ย้ายไปรพ.วชิระแล้ว   ขณะนี้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด จุดที่บริเวณถนนวิทยุ มีผู้บาดเจ็บ 5 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 ราย เบื้องต้นทราบว่าถูกยิงที่ศีรษะ ส่วนกรณีที่มีระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 3 ลูก และจุดที่โรงแรมดุสิตธานี ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
          นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. เมื่อคืนนี้ มีผู้ร่วมชุมนุม นปช. ที่บริเวณแยกราชประสงค์ จำนวน 21 ราย เข้ารับการรักษาที่รพ.เลิดสิน มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ซึม เหนื่อย หายใจติดขัด ม่านตาหด เมื่อแพทย์ซักประวัติได้ความว่า ทั้ง 21 รายเริ่มเกิดอาการดังกล่าว ภายหลังดื่มกาแฟที่ได้รับการแจกประมาณ 15 นาที แพทย์ได้ทำการรักษาโดยการล้างท้อง ขณะนี้กลับบ้านได้ 3 ราย เหลือนอนที่รพ. 18 ราย เป็นชาย 17 ราย และหญิง 1 ราย ได้มอบให้รพ.ดูแลรักษาอย่างดี และให้ดำเนินการสอบสวนสาเหตุ และนำกาแฟไปตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คาดว่าจะทราบผลใน 2-3 วัน








ข่าวที่เกี่ยวข้องรพ.จุฬาลงกรณ์ย้ายผู้ป่วยตึกภปร.ไปตึกนวมินทร์ทหารอาวุธครบมือคุมเข้มทำเนียบฯหวั่นปะทะลามสเตรทสไทม์สเผยวีระตัดสินใจทิ้งนปช.4วันก่อนทหารเคลียร์พื้นที่แยกราชปรารภได้แล้ว อดีตกอส.เตือนรัฐ-นปช.หยุดสงครามกลางเมือง

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ส่งทหาร3กองร้อยตั้งจุดสกัดแดงถนนมิตรภาพ

ส่งทหาร3กองร้อยตั้งจุดสกัดแดงถนนมิตรภาพ



คมชัดลึก : กองทัพภาคที่ 2 ส่งทหาร 3 กองร้อย ตั้งจุดสกัดแดงตลอดถนนมิตรภาพ เผยสกัดรถเข้ากรุงเทพฯ ได้แล้ว 40 คัน ส่วนใหญ่เป็นชาวขอนแก่น






 (14 พ.ค.) ภายหลังจากที่ได้มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้ส่งกำลังทหารจำนวน 3 กองร้อย ไปตั้งจุดสกัดการเดินทางของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเดินทางไปสมทบกับกลุ่ม นปช.ที่กรุงเทพฯ ร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา บนถนนมิตรภาพ ตลอดทั้งสาย ตั้งแต่ที่ถนนมิตรภาพฝั่งขาเข้าตัวเมือง จ.นครราชสีมา บริเวณสวนพุทธมณฑลนครราชสีมา บ้านหนองงูเหลือมน้อย ต.โตนด อ.โนนสูง ,บริเวณมิตรภาพขาออกจาก จ.นครราชสีมา มุ่งหน้าสู่ จ.สระบุรี ที่ ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว และ บริเวณ ต.กลางดง อ.ปากช่อง
 โดยทางทหารได้ใช้มาตรการในการสกัดกั้นด้วยการตรวจค้นรถยนต์กลุ่มเป้าหมาย อาทิ รถกระบะ รถตู้ และรถโดยสารที่บรรทุกคน เพื่อหาอาวุธและสิ่งผิดกฏหมาย และหากตรวจพบว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเดินทางไปร่วมชุมนุมที่ กทม. ก็จะมีการขอความร่วมมือให้เดินทางกลับภูมิลำเนา แต่หากยังคงฝ่าฝืนก็จะดำเนินการควบคุมตัวและส่งกลับภูมิลำเนาโดยทันที 
 ซึ่งตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกองทัพภาคที่ 2 สามารถสกัดรถยนต์ที่จะนำกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางผ่าน จ.นครราชสีมา เพื่อไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ที่กทม.ได้แล้วประมาณ 40 คัน เป็นกลุ่มคนเสื้อแดงรวมมากกว่า 50 คน ส่วนใหญ่จะเป็นชาว จ.ขอนแก่น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการส่งตัวกลับภูมิลำเนาทั้งหมดแล้ว 








ข่าวที่เกี่ยวข้องนปช.ร้องหยุดยิง-มาร์คยุบสภาทันที ทหารอาวุธครบมือคุมเข้มทำเนียบฯหวั่นปะทะลามสเตรทสไทม์สเผยวีระตัดสินใจทิ้งนปช.4วันก่อนทหารเคลียร์พื้นที่แยกราชปรารภได้แล้ว อดีตกอส.เตือนรัฐ-นปช.หยุดสงครามกลางเมือง

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

คาดคืนนี้ป่วนหนัก แก๊งจยย.นำ ส่งกำลังรักษาด่าน

คาดคืนนี้ป่วนหนัก แก๊งจยย.นำ ส่งกำลังรักษาด่าน

ศอฉ.ประเมินคืนนี้อาจมีเหตุวุ่นวาย สั่งทหารตรึงกำลังระวังเต็มที่ พร้อมส่งกำลังรักษาด่านสกัดต่าง ๆ ลั่นไม่มีนโยบายสังหารแกนนำ ชี้ “เสธ.แดง” คนเดียวสู้กำลังเป็นพันไม่ได้... เมื่อเวลา 14.30 น.ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. กล่าวถึงกรณีที่กำลังทหารปฏิบัติภารกิจในการสถาปนาด่าน หลังถูกคนเสื้อแดงปิดล้อมพื้นที่ว่า จากการแก้ไขสถานการณ์ช่วงเช้า เที่ยงที่ผ่านมา สามารถเคลียร์พื้นที่ด้านใต้สะพานลอยข้ามไทย-เบลเยี่ยมและควบคุมได้ ขณะนี้กำลังกำหนดตั้งด่านอีกครั้งบริเวณถนนวิทยุลักษณะด่านรูปตัวแอล คือ ด้านหนึ่งป้องกันการยิงเข้ามาจากสวนลุมพินี ซึ่งขณะนี้ประจักษ์ว่าพื้นที่นี้มีผู้ที่มีอาวุธสงครามอยู่ตลอด ส่วนอีกด่านต้องบล็อกถนนวิทยุ เพราะมีแก็งจักรยานยนต์กวนเมืองพยายามเข้ามาเติมในสวนลุมพินีด้านหลังของด่านต่างๆ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเสร็จหมดแล้ว และให้หยุดปฏิบัติภารกิจ แต่ให้เน้นการรักษาด่านที่สามารถสถาปนาได้ไว้ “พื้นที่ถนนพระราม 4 บริเวณแยกบ่อนไก่มีการพยายามสร้างสถานการณ์วุ่นวายจุดไฟเผ่า ยางรถยนต์ มีการยิงกระสุนจากสวนลุม ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอนบ่อยครั้ง โดย ศอฉ.กำลังพิจารณาว่าจะเกิดผลกระทบต่อประชาชนที่ใช้ถนน ขณะนี้ผู้บังคับบัญชาในพื้นที่กำลังรายงานข้อมูลมาที่ ศอฉ. ดังนั้น อาจมีความจำเป็นขอปิดเส้นทางจราจรเพิ่ม ถ.พระรามสี่ ตั้งแต่สามย่าน-แยกงามดูพลี โดยจะตัดสินในเร็วนี้ หากปิดถนนจริงก็จะประกาศให้ทราบ” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า แกนนำบางท่านที่รู้สึกพร้อมรับการตรวจสอบในกระบวนการยุติธรรมก็มาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ ระหว่างท่านและเจ้าหน้าที่รัฐพร้อมเข้าสู่กระบวนการเหมือนกัน ขอวิงวอนคนเสื้อแดงที่เรียกร้องเรื่องราวที่รู้สึกว่าท่านไม่ได้รับการกระทำที่ไม่เสมอภาค แต่ท่านเองก็ไม่ประสงค์ให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ขอให้แยกตัวออกมายุติการชุมนุมเรื่องราวการร้องเรียนสามารถแก้ปัญหาด้วยการพูดคุย เป็นคณะกรรมการหรือองค์กร เพื่อให้เหลือแต่บุคคลที่ประสงค์ความรุนแรงอยู่ในพื้นที่เท่านั้น เจ้าหน้าที่จะดำเนินการได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังถือว่ามีเวลาเพราะอยู่ในช่วงปิดล้อมพื้นที่ เรายังไม่คิดถึงการสลายการชุมนุมในวันนี้” โฆษก ศอฉ.พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก และ พล.ต.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองเสนาธิการทหารบก ได้ติดตามสถานการณ์ที่ห้องปฏิบัติการณ์สถานการณ์ ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ติดตามสถานการณ์อยู่ห้องข้าง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายชัดเจน โดยการปฏิบัติได้ให้เสรีต่อหน่วยที่ปฏิบัติงาน พล.อ.อนุพงษ์ ได้เน้นย้ำต่อผู้ปฏิบัติให้ระวังการใช้อาวุธ โดยต้องพยายามอย่าให้เกิดความสูญเสีย และอย่าให้เขาเห็นว่าทหารกระเหี้ยนกระหือรือที่จะใช้อาวุธ ทั้งนี้ ผบ.ทบ. สั่งเจ้าหน้าที่ให้ระมัดระวังแนวด่านที่สามารถสถาปนาได้แล้ว เพราะมีการประเมินว่าในคืนวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะเกิดเหตุรุนแรงจากฝ่ายกองกำลังของ นปช. แน่นอน เพราะเขาต้องการเอาคืนพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังไว้ สำหรับการปฏิบัติครั้งนี้เราใช้กำลังจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม..2 รอ.) โดยมี พล.ต.สุรศักดิ์ บุญสิริ ผบ.พล.ม.2 รอ. เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ตรึงกำลังด่านของเจ้าหน้าที่ แต่การสั่งการในภาพรวม ศอฉ.มอบให้ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ดูแลในภาพรวมการสั่งใช้กำลังทั้งหมด ส่วนจะมีการยุติการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ในช่วงค่ำหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ขณะนี้ยุติแล้ว แต่เรากังวลหากมีความวุ่นวายบนถนนพระราม 4 แยกบ่อนไก่ หากจราจรปกติประชาชนอาจได้รับผลกระทบโดนลูกหลง จึงพิจารณาว่าจำเป็นต้องปิดเส้นทางสามย่าน-บ่อนไก่ ส่วนพื้นที่สีลมได้เพิ่มกำลังไปแล้ว ตรงจุดนั้นจะมีเส้นสาธร พระรามที่ 4 และวิทยุ ซึ่งเราได้ปิดการจราจร แต่มีแก๊งจักรยานยนต์มาปิดซ้ำ ดังนั้น จำเป็นต้องมีด่านเพื่อสกัดเส้นทางบนถนนได้ เรายังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาดำเนินการได้ เพราะต้องขึ้นอยู่กับสภาพสถานการณ์ที่จะเป็นตัวกำหนดว่า เป็นไปตามแผนที่เราได้วางไว้หรือไม่ ยืนยันว่าค่ำวันนี้จะไม่มีการสลายการชุมนุมเพียงแค่มีการตรึงกำลังปิดล้อมพื้นที่ ถ.วิทยุไว้เท่านั้น โดยตรึงกำลังในด่านที่เราสถาปนาได้แล้ว เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาปิดล้อมเจ้าหน้าที่ได้อีก พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รายงานเข้ามาว่า สามารถดูแลสถานการณ์ได้ เพราะมีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ในพื้นที่แล้ว ส่วนกรณีที่นายจตุพร พยายามเรียกมวลชนเข้ามาในกรุงเทพนั้น เป็นการวัดความสามารถระหว่างกลุ่มกวนเมืองกับเจ้าหน้าที่ที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย ซึ่ง ศอฉ.ประเมินว่าค่ำคืนนี้ต้องมีการก่อเหตุอย่างแน่นอน โดยได้มีการย้ำเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจดูแลพื้นที่เพื่อไม้ให้เกิดเหตุ ส่วนกรณีทีสื่อโดนยิงในที่เกิดเหตุนั้น เป็นเรื่องพิสูจน์ว่าเป็นการทำร้ายให้เกิดการบาดเจ็บ กลุ่มก่อการร้ายไม่ได้เล็งเฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่รวมถึงประชาชนที่มาชุมนุม และสื่อมวลชนด้วย เมื่อถามว่า ศอฉ.มีการตรวจจสอบกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ถูกยิงอาการสาหัสหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการ เชื่อมั่นว่าในขั้นตอนกระบวนการสอบสวนของตำรวจจะมีการตรวจสอบว่า อาวุธชนิดไหนยิง และยิงมาจากจุดไหน ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าเป็นฝีมือกองทัพนั้น ตนไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร เพราะการที่มีแกนนำคนหนึ่งคนใดที่ได้รับอันตรายทุกคนจะพุ่งเป้ามาที่เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งกองทัพไม่มียุทธวิธีในการสังหารแกนนำกลุ่มผู้ชุมอยู่แล้ว ดังนั้น ไม่ใช่หน้าที่ต้องตกลงใจไปทำอย่างหนึ่งอย่างใด จะมี เสธ.แดง อยู่หรือไม่ ก็ไม่ใช่ปัญหา ทุกคนเรียนโรงเรียนเดียวกันมาทุกคนมีความสามารถเหมือนกัน คนๆเดียวจะสู้คนเป็นร้อยเป็นพันคงไม่ได้


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ห่วงนักข่าวทำหน้าที่ท่ามกลางเหตุรุนแรง

ห่วงนักข่าวทำหน้าที่ท่ามกลางเหตุรุนแรง

สมาคมนักข่าวฯ แสดงความห่วงใยสวัสดิภาพผู้สื่อข่าว ในการทำหน้าที่ท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรง พร้อมเตือนผู้สื่อข่าวหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง... วันที่ 14 พ.ค. 2553 นายเสด็จ บุนนาค อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศ เปิดเผยถึงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรงเพิ่มขึ้นในขณะนี้ว่าตามที่ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ เจ้าหน้าที่ทหาร ในหลายจุดจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต สมาคมนักข่าวฯ มีความห่วงใยในสวัสดิภาพ และความปลอดภัยของสื่อมวลชน โดยเฉพาะผู้สื่อข่าวและช่างภาพที่อยู่ภาคสนาม ซึ่งต้องทำหน้าที่ท่ามกลางสภาวะความกดดัน จึงขอแจ้งเตือนให้ทุกคนระมัดระวัง และคำนึงความปลอดภัยของตนเองเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวควรหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง ที่อาจเป็นแนวปะทะระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งบริเวณหลังเวทีของกลุ่ม นปช. บริเวณแยกราชประสงค์ ซึ่งหากสื่อมวลชนเห็นว่าการทำหน้าที่ในพื้นที่ไม่ปลอดภัย ขอให้ย้ายไปใช้พื้นที่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาตินายเสด็จ กล่าวด้วยว่า สมาคมนักข่าวฯ ขอแสดงความห่วงใยไปยังผู้สื่อข่าว และช่างภาพ จากหนังสือพิมพ์มติชน สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ วอยซ์ทีวี รวมถึงผู้สื่อข่าวต่างประเทศอีกหลายสำนัก ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ชุมนุมฯ และเจ้าหน้าที่รัฐ ดูแลความปลอดภัยให้กับผู้สื่อข่าว ซึ่งมีสัญลักษณ์ “ปลอกแขนสีเขียว” ของสมาคมนักข่าวฯ เป็นการแสดงตนในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน เพื่อการรายงานข้อมูล ข้อเท็จจริงไปสู่ประชาชน


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

“ปทีป” สั่งล่ามือปืนยิง เสธ.แดง

“ปทีป” สั่งล่ามือปืนยิง เสธ.แดง

พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. สั่งเจ้าหน้าที่เร่งไล่ล่า มือปืนยิง เสธ.แดง พร้อมเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าให้ปากคำ... พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ศปก.ตร. แถลงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. โดย พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พ.ค. เหตุการณ์แรกคือเหตุการณ์ที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกถูกยิง และเหตุการณ์ที่สอง คดีชายถูกยิงเสียชีวิตบริเวณตึกอื้อจื่อเหลียง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการ ผบ.ตร. ได้สั่งการ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผบก.น.5 และพล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 ให้ดำเนินการสั่งพนักงานสืบสวนสอบสวนเร่งรัดติดตามการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เข้าไปดำเนินการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุและรวบรวมพยานหลักฐานในคดีที่พล.ต.ขัตติยะ ถูกยิงพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุบางส่วนเป็นผู้สื่อข่าวและบางส่วนเป็นการ์ดของ นปช. ในส่วนของผู้สื่อข่าวกำลังติดต่อขอสอบปากคำ ส่วนการ์ด นปช. อาจจะลำบากนิดหน่อยเพราะอาจจะมีความระแวง ทำให้ได้รายละเอียดจากทางสื่อมวลชนที่การ์ด นปช. ออกมาให้สัมภาษณ์ แต่การสอบสวนและการรวบรวมหลักฐานยังมีการดำเนินการอยู่อย่างรีบด่วน ส่วนในคดีที่ 2 ทางด้าน สน.ทุ่งมหาเมฆ ร่วมกับแพทย์ของ รพ. ที่รับศพไว้ ร่วมกันชันสูตรพลิกศพเรียบร้อยแล้ว แต่ผลการชันสูตรว่าเสียชีวิตจากกระสุนชนิดใดยังไม่ได้ผลสรุป ขณะนี้ขอยืนยันว่ากำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เฝ้าติดตามอาการ เสธ.แดง ชั่วโมงต่อชั่วโมง พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า เบื้องต้นจาการตรวจสอบวิถีกระสุนที่ยิงพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ทราบแค่แผลที่เข้าและออก เข้าทางหน้าผากและออกบริเวณท้ายทอย ส่วนทิศทางต้องเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่ต้องสอบว่าช่วงเกิดเหตุ ขณะที่พล.ต.ขัตติยะยืนนั้นยืนอยู่มุมไหนหันหน้าไปทางไหน ยืนก้ม หรือยืนเงย และในบริเวณนั้นมีใครอยู่ข้างหลัง มีใครอยู่รอบๆบ้าง จะมีการชี้ชัดว่ากระสุนรอดคนอื่นมาโดนพล.ต.ขัตติยะ มาอย่างไร ต้องรวบรวมหลักฐานทั้งหมดก่อนถึงจะสรุปได้ว่ากระสุนมาจากทิศทางไหน ส่วนชนิดของกระสุนยังยืนยันไม่ได้เพราะต้องดูจากบาดแผล เป็นเรื่องของการผ่าตัดและต้องรอดูอาการทำให้ผลการตรวจบาดแผลยังทำไม่ได้ชัดเจน คงต้องรอจากแพทย์ ตอนนี้ต้องเฝ้ารออาการได้รับการยืนยันว่าอาการดีขึ้นก่อนเข้าผ่าตัด แต่แพทย์ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าอาการจะเป็นอย่างไรในอนาคต ต้องเฝ้าติดตามชั่วโมงต่อชั่วโมง พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนกำลังประสานเข้าตรวจสอบบริเวณตึกสูงรอบๆที่เกิดเหตุทั้งหมด ว่ามีหลักฐานอะไรหลงเหลืออยู่หรือไม่ เพื่อที่จะสามารถยืนยันได้ว่าเป็นจุดที่คนร้ายใช้ยิง ถึงตรงนี้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ายิงมาจากพื้นหรือยิงมาจากตึก ทุกอย่างยังไม่ชัดเจน และจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีกล้องวงจรปิด เท่าที่ได้ในขณะนี้คือกล้องจากสื่อมวลชน แต่จากการตรวจสอบยังไม่พบอะไร กรณีการลอบยิงพล.ต.ขัตติยะ จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นหรือไม่ เบื้องต้นกำลังประเมินสถานการณ์ว่าจะทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมเสียขวัญหรือไม่ และมีใครเป็นคนทำ  ใช้มาตรการกดดันกลุ่มผู้ชุมนุมพล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า สำหรับยอดผู้ชุมนุมล่าสุดประมาณหมื่นเศษๆ ตามหลักการสากลถ้ายอดผู้ชุมนุมเกิน 5,000 คน จะไม่สามารถเข้าไปขอพื้นที่คืนด้วยความปลอดภัย บางหลักการบอกว่า 10,000 ขึ้นไปขึ้นแล้วแต่ทฤษฎี ทุกอย่างอยู่ในข้อจำกัดของพื้นที่ ถ้าพื้นที่เป็นพื้นที่ปิดหรือพื้นที่ล่อแหลมต่อการจะทำให้คนบาดเจ็บล้มตายในการเข้าไปขอพื้นที่คืน หรือเข้าไปจับกุม เป็นข้อจำกัดประการหนึ่งที่ต้องนำมาคำนึง การทำงานในขณะนี้เป็นเรื่องของการกดดัน และในการกดดันก็มีแผนปองดองอยู่ด้วยในตัว คือมีการเจรจาทุกระดับเพราะฉะนั้นอาจจะจบลงในจุดไหนก็ได้โดยไม่ต้องใช้กำลังหรือก่อให้เกิดความรุนแรงเลยก็ได้ ยังมีความพยายามตรงนั้นอยู่ตลอดเวลา มาตรการกดดันทำให้ยอดผู้ชุมนุมลดลงบ้าง ส่วนการดูแลรอบๆที่ชุมนุมเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานร่วมกันกับทหารภายใต้คำสั่งของ ศอฉ. ส่วนชุดที่ใช้อาวุธปืนจะเป็นชุดคุ้มกันเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการใกล้กลุ่มผู้ชุมนุม เนื่องจากเจ้าหน้าที่ถูกทำร้ายจากอาวุธปืนทั้งระยะใกล้และระยะไกลอยู่เป็นระยะ เหมือนเป็นชุดคุ้มกันให้เจ้าหน้าที่  พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าว่า ก่อนหน้าที่จะมีการยิง พล.ต.ขัตติยะ มีข่าวลอบทำร้ายออกมาเป็นระยะแต่ไม่มีความชัดเจน เป็นธรรมดาของการชุมนุมที่มีการปองร้ายกลุ่มแกนนำ เพียงแต่ว่าไม่ได้รับการยืนยันที่แน่นอนไม่ละเอียดไม่ชัดเจน เมื่อมีการตรวจสอบไม่สามรถยืนยันได้ว่ามูลเหตุมาจากที่ใด ส่วนที่มีการประกาศ พรก.ฉุกเฉินเพิ่ม ยังคงยึดหลักเดิมที่เคยประกาศไปแล้ว ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่เฝ้าระวังไว้แล้ว เป็นพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมเยอะๆ    พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่ควบคุมผู้ที่ต้องถูกควบคุมตัวอยู่ในสถานกักที่ บก.ตชด.ภาค1 และมีเหตุว่ามีการทำร้ายผู้ถูกควบคุม จากการได้รับรายงานขอยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด ก่อนรับตัวไว้ได้มีแพทย์ตรวจสอบและมีการตรวจร่างกายของผู้ที่ถูกควบคุมตัวทุกท่าน และมีการตรวจทุกวัน เพราะฉะนั้นที่มีข่าวเรื่องการทำร้าย การซ้อม ขอปฏิเสธว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ส่งทหาร3กองร้อยตั้งจุดสกัดแดงถนนมิตรภาพ

ส่งทหาร3กองร้อยตั้งจุดสกัดแดงถนนมิตรภาพ



คมชัดลึก : กองทัพภาคที่ 2 ส่งทหาร 3 กองร้อย ตั้งจุดสกัดแดงตลอดถนนมิตรภาพ เผยสกัดรถเข้ากรุงเทพฯ ได้แล้ว 40 คัน ส่วนใหญ่เป็นชาวขอนแก่น






 (14 พ.ค.) ภายหลังจากที่ได้มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้ส่งกำลังทหารจำนวน 3 กองร้อย ไปตั้งจุดสกัดการเดินทางของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเดินทางไปสมทบกับกลุ่ม นปช.ที่กรุงเทพฯ ร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา บนถนนมิตรภาพ ตลอดทั้งสาย ตั้งแต่ที่ถนนมิตรภาพฝั่งขาเข้าตัวเมือง จ.นครราชสีมา บริเวณสวนพุทธมณฑลนครราชสีมา บ้านหนองงูเหลือมน้อย ต.โตนด อ.โนนสูง ,บริเวณมิตรภาพขาออกจาก จ.นครราชสีมา มุ่งหน้าสู่ จ.สระบุรี ที่ ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว และ บริเวณ ต.กลางดง อ.ปากช่อง
 โดยทางทหารได้ใช้มาตรการในการสกัดกั้นด้วยการตรวจค้นรถยนต์กลุ่มเป้าหมาย อาทิ รถกระบะ รถตู้ และรถโดยสารที่บรรทุกคน เพื่อหาอาวุธและสิ่งผิดกฏหมาย และหากตรวจพบว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเดินทางไปร่วมชุมนุมที่ กทม. ก็จะมีการขอความร่วมมือให้เดินทางกลับภูมิลำเนา แต่หากยังคงฝ่าฝืนก็จะดำเนินการควบคุมตัวและส่งกลับภูมิลำเนาโดยทันที 
 ซึ่งตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกองทัพภาคที่ 2 สามารถสกัดรถยนต์ที่จะนำกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางผ่าน จ.นครราชสีมา เพื่อไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ที่กทม.ได้แล้วประมาณ 40 คัน เป็นกลุ่มคนเสื้อแดงรวมมากกว่า 50 คน ส่วนใหญ่จะเป็นชาว จ.ขอนแก่น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการส่งตัวกลับภูมิลำเนาทั้งหมดแล้ว 








ข่าวที่เกี่ยวข้องนปช.ร้องหยุดยิง-มาร์คยุบสภาทันที ทหารอาวุธครบมือคุมเข้มทำเนียบฯหวั่นปะทะลามสเตรทสไทม์สเผยวีระตัดสินใจทิ้งนปช.4วันก่อนทหารเคลียร์พื้นที่แยกราชปรารภได้แล้ว อดีตกอส.เตือนรัฐ-นปช.หยุดสงครามกลางเมือง

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

Blog Archive