Friday, June 18, 2010

วัยรุ่นวางเพลิงปล้นสะดมเซ็นเตอร์วันอนุสาวรีย์ชัย

วัยรุ่นวางเพลิงปล้นสะดมเซ็นเตอร์วันอนุสาวรีย์ชัย



คมชัดลึก :






 (19พ.ค.)  นายเดชา เลิศเดชเดชา เจ้าของห้างทองที่เซ็นเตอร์วันย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  กล่าวว่า ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เซ็นเตอร์วัน โดยมีวัยรุ่นอายุไม่ถึง 20 ปี โพกหน้า เป็นคนปาสิ่งของ ทุบกระจกแม็คโดนัล จากนั้นมีกลุ่มวัยรุ่น 200 คน กรูเข้าไปฉกชิงสิ่งของภายในเซ็นเตอร์วัน  สำหรับเพลิงที่ไหม้นั้น ขณะนี้เป็นสีขาว สลับแดง ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนี้ทุกข์มาก








ข่าวที่เกี่ยวข้องเซ็นทรัลเวิล์ดฝั่งเซนทรุดตัวลงแล้ว ม็อบแดงขอนแก่นอยู่หน้าบ้านส.ส.เผายางรถนักข่าวอิตาลีถูกยิงช่องท้องเสียชีวิต1ราย ไฟไหม้ธ.นครหลวงไทย3เหลี่ยมดินแดงรบ.รับส.ว.เป็นตัวกลางเจรจายันแดงสลายก่อน

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ใครตบทรัพย์ใครซ้อมผู้ต้องขังต้องจัดการ

ใครตบทรัพย์ใครซ้อมผู้ต้องขังต้องจัดการ



คมชัดลึก : ข้อกล่าวหาจาก "ตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ ที่บอกว่ามีการพยายามจะตบทรัพย์ธุรกิจเพื่อจะแลกกับการไม่ขึ้นบัญชีดำ รวมไปถึงข้อกล่าวหาที่ว่ามีการซ้อมคนเสื้อแดงในคุกก็มาจาก "ตู่" เช่นเดียวกัน จะต้องได้รับคำชี้แจงอธิบายจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยด่วนและชัดเจน






 เพราะว่าการกล่าวหาเช่นนี้ย่อมจะสร้างภาพทางลบ ว่านี่เป็นการไล่ล่าปราบปรามคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลเท่านั้น มิใช่เป็นการจัดการต่อคนที่เผาบ้านเผาเมืองแต่เพียงประการเดียว
 ขณะที่รัฐบาลต้องการสร้างความปรองดองจะต้องแยกแยะให้ถูกว่าคนกลุ่มที่เผาบ้านเผาเมือง คนที่ถูกกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้ายจะต้องดำเนินคดีอย่างเคร่งครัดตามครรลองของกฎหมายบ้านเมือง
 ขณะที่คนอื่นๆ ที่มาเรียกร้อง มาประท้วงอย่างสันติตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญนั้น จะต้องได้รับการปกป้อง การตรวจสอบบัญชีของผู้ที่ต้องสงสัยว่าเป็นน้ำเลี้ยงให้แก่ผู้ก่อเหตุนั้น จะต้องชัดเจน โปร่งใส และรอบคอบ
 เพราะว่าเดิมมีรายชื่อผู้เข้าข่ายที่อยู่ในเครือข่ายของการส่งท่อน้ำเลี้ยงร้อยกว่าคน ตัวเลขปรับและเปลี่ยนตลอดเวลาจาก 83 กลับไปเป็น 86 แล้วกลับมาเป็น 83 โดยที่ทางการอ้างว่าชื่อซ้ำซ้อน แต่ย่อมทำให้เกิดข้อสงสัยได้ ว่านี่เป็นการต่อรองกับคนบางคน คนบางกลุ่มหรือว่าเป็นไปอย่างที่คุณจตุพรกล่าวหาว่าเป็นการตบทรัพย์หรือไม่
 เรื่องนี้แน่นอนว่าจะต้องมีเสียงซุบซิบนินทา จะต้องมีการกล่าวหา เพราะว่ากรณีนี้มีผู้เสียผลประโยชน์จำนวนไม่น้อย ความโปร่งใส ความชัดเจน ความตรงไปตรงมา จึงเป็นหัวใจของการที่จะจัดการให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างยุติธรรมที่สุด
 คนที่ทำผิดต้องได้รับผิด คนที่ไม่ผิดจะต้องได้รับการอภัย และขณะเดียวกันคนที่อยู่ในฐานะที่จะตบทรัพย์ใครจะต้องถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะว่าในทุกกรณีถ้าหากมีการใช้อำนาจเพื่อที่จะข่มขู่ตบทรัพย์รังแกหรือรีดไถต้องถือว่าเป็นความผิดอย่างร้ายแรง
 ข้อกล่าวหาที่ว่ามีการซ้อมในคุกก็เช่นเดียวกัน ในยุคนี้สมัยนี้เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะก่อกรรมทำเข็ญแล้วจะเล็ดลอดสายตาหรือการจับกุมได้
 ฉะนั้นทุกฝ่ายจะต้องรู้ว่าหน้าที่ตัวเองเป็นอย่างไร ไม่มีใครสามารถทำผิดกฎหมายหรือข้ามเส้นของความถูกต้องได้
สุทธิชัย หยุ่น








ข่าวที่เกี่ยวข้องบิ๊กบังเมินบิ๊กยูเอ็นตอกย้ำไทยไร้เสถียรภาพการเมือง เทือกปัดไล่บี้พวกส่งท่อน้ำเลี้ยงนปช. เงินทองมหาศาลนี้ท่านได้แต่ใดมา "เงินร้อนแสนล้าน" ปณิธานเผยรอDSI-ปปง.รวมหลักฐานท่อน้ำเลี้ยงแดง

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

คลี่3ปมแบล็กลิสต์83รายชื่อปรามแดงยุบ พท.ปิดท่อน้ำเลี้ยง

คลี่3ปมแบล็กลิสต์83รายชื่อปรามแดงยุบ พท.ปิดท่อน้ำเลี้ยง



คมชัดลึก :หลังจากเขย่าโผรายชื่อ "แบล็กลิสต์" ท่อน้ำเลี้ยงแดงจนเหลือ 83 รายชื่อ ก็เป็นอันว่า มีผู้โชคดีได้รับอภินันทนาการถูกถอดชื่อออกไป 3 ราย คือ 1.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 2.นายเอกราช ช่างเหลา และ 3.นายธรรมนัส หรือ ร.อ.มนัส พรหมเผ่า






ส่วนรายชื่อที่เหลือก็ล้วนเป็นระดับ "บิ๊กเนม" ที่เป็นเครือญาติ และเครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสิ้น โดยมีวงเงินหมุนเวียนตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2552-พฤษภาคม 2553 ซึ่งมียอดตัวเลขชนิดที่น่าตกตะลึงสุดๆ
 เพราะเบ็ดเสร็จแล้ว ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา อันเป็นช่วงที่ ปปง.สงสัยว่ามีการเคลื่อนไหวของเงินที่มากผิดปกติ พบว่ามีเงินไหลเข้า-ไหลออก 14 นิติบุคคล และ 69 บุคคลในเครือข่ายทักษิณมากเกิน 1.5 แสนล้านบาท !!!!
 สำหรับรายชื่อของบุคคลต้องสงสัยจะเป็นแหล่งท่อน้ำเลี้ยงของคนเสื้อแดงที่อาจโยงใยไปถึงการก่อการร้าย และการเผาบ้านเผาเมือง "คม ชัด ลึก" ได้แจกแจงไปโดยละเอียดพิสดารแล้ว
 แต่ประเด็นที่น่าสนใจนอกเหนือไปจากรายชื่อของกลุ่มบุคคลต่างๆ แล้ว "เบื้องลึก-เบื้องหลัง" ในการใส่รายชื่อของแต่ละบุคคลลงไปในแบล็กลิสต์กลับน่าสนใจยิ่งกว่า
 ทั้งนี้จากเดิมในการประกาศรายชื่อแบล็กลิสต์มาแล้ว 2 รอบก่อนหน้านี้ โดยรอบแรกมี 106 รายชื่อ และรอบที่สองอีก 22 รายชื่อ รวมแล้ว 128 รายชื่อ
 น่าสนใจว่าหลังจากเขย่ารายชื่อใหม่เป็นรอบที่ 3 ก็พบว่ารายชื่อใน 2 ลอตแรกหายไปถึง 45 รายชื่อ !!
 สำหรับเหตุผลในทางเปิดในการถอดบางรายชื่อออกไปนั้นก็อย่างที่ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. ออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า
 "การตรวจสอบวิเคราะห์ธุรกรรมการเงินย้อนหลัง 9 เดือนของกลุ่มบุคคลและนิติบุคคลที่มีรายชื่อตามประกาศของ ศอฉ. พบความผิดปกติของพฤติกรรมการเบิกถอนเงินที่ไม่ตรงกับความเป็นอยู่จริง การมีรายได้ไม่สอดคล้องกับอาชีพ หรือไม่สมกับฐานะ
 ส่วนในรายของนิติบุคคลก็เป็นบริษัทที่มีรายได้ไม่สอดคล้องกับรายจ่าย จึงต้องเรียกเจ้าของบัญชีเงินฝากเข้าชี้แจง และให้ข้อมูลว่ารับโอนเงินมาจากใคร รับแล้วเอาไปให้ใคร ผู้รับได้รับเงินจริงหรือไม่ หากชี้แจงได้ก็จะถือเป็นธุรกรรมการเงินปกติ"
 นั่นคือเหตุผลหลักๆ ที่มีการคงบางรายชื่อไว้ ขณะที่บางรายชื่อก็ถูกดีดออกไป ทั้งที่ตามความรู้สึกของคนทั่วไปแล้วน่าจะเกี่ยวข้อง เช่น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายสมชาย+นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นายนพดล ปัทมะ นายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นต้น
 ทว่าจากการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินไม่พบความผิดปกติ ศอฉ.จึงต้องตัดรายชื่อเหล่านี้ทิ้งไป เหลือเพียงรายชื่อที่ยังติดใจ ซึ่งจะให้โอกาสเจ้าตัวมาชี้แจง และนำเอกสารหลักฐานต่างๆ มาแสดงความบริสุทธิ์ใจตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป
 ขณะที่สาเหตุเบื้องลึกในการคง 83 รายชื่อไว้ในแบล็กลิสต์ นับว่ามีเหตุผลที่แฝงด้วย "การเมือง" อยู่ไม่น้อย โดยมีปัจจัย 3 ประการที่ทำให้ ศอฉ.ต้องแช่แข็งเงินในเครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้ก่อน
 ทั้งที่ในบางรายเป็นการไหลเข้า-ไหลออกเพื่อทำธุรกิจธรรมดา ขณะที่บางคนก็ถอนมา "ซื้อหุ้น" เท่านั้น
 ปัจจัยแรก คือ การป้องปรามเครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้รู้ว่ารัฐบาลกำลังเอาจริงและจับตาดูอยู่ใกล้ชิดว่าจะมีท่อน้ำเลี้ยงไหลมาตามท่อใหญ่ของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ ซึ่งหากมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล เงินในท่อนี้ก็จะถูกแช่แข็งทันที
 ปัจจัยที่สอง เป็นการ "ปิดท่อน้ำเลี้ยง" ที่เคยไหลเข้า-ไหลออกอย่างสะดวกโยธินมาตลอด เพื่อตัดปัจจัยในการปลุกระดมมวลชน และกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งพร้อมที่จะลุกฮือขึ้นมาได้ทุกเมื่อ หากจังหวะเวลาและปัจจัยต่างๆ เอื้ออำนวย
 ปัจจัยที่สาม เกี่ยวข้องกับการเมืองล้วนๆ โดยเกี่ยวพันกับคดี "ยุบพรรค" ของ 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีข่าวหนาหูว่าการหยิบจับรายชื่อ ส.ส.เพื่อไทยไว้ในแบล็กลิสต์ด้วยก็เพื่อใช้เจรจาต่อรองแบบยื่นหมู-ยื่นแมวในคดียุบพรรคนั่นเอง
 ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การขึ้นแบล็กลิสต์ในรอบที่ 3 นอกจากจะเป็นเพราะพบความผิดปกติของเส้นทางการเงินอย่างชัดเจนแล้ว
 ปัจจัยทางการเมืองก็เป็นตัวเร่งสำคัญที่ขั้วอำนาจปัจจุบันจะใช้ตัดกำลัง และต่อรองกับขั้วอำนาจเก่าได้อย่างชะงัดที่สุด!?
ทีมข่าวความมั่นคง








ข่าวที่เกี่ยวข้องเปิดธุรกรรม83ท่อน้ำเลี้ยงแสนล้านใครตบทรัพย์ใครซ้อมผู้ต้องขังต้องจัดการบิ๊กบังเมินบิ๊กยูเอ็นตอกย้ำไทยไร้เสถียรภาพการเมือง เทือกปัดไล่บี้พวกส่งท่อน้ำเลี้ยงนปช. เงินทองมหาศาลนี้ท่านได้แต่ใดมา

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เปิดธุรกรรม83ท่อน้ำเลี้ยงแสนล้าน

เปิดธุรกรรม83ท่อน้ำเลี้ยงแสนล้าน



คมชัดลึก : ผลสรุปการปฏิบัติงานของคณะทำงานเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่จำแนก 83 บัญชีรายชื่อบุคคล/นิติบุคล ที่มีวงเงินหมุนเวียนในช่วงเดือนก.ย.2552-พ.ค.2553 ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการกระทำหรือสนับสนุนการกระทำให้เกิดเหตุสถานการณ์ฉุกเฉินในช่วงการชุมนุมของ นปช. มีวงเงินรวมกันประมาณ 151,941,410,000 บาท






โดยบัญชีรายชื่อบุคคล/นิติบุคล เป็นไปตามคำสั่งของ ศอฉ.ที่ 49/2553 ลงวันที่ 16 พ.ค.2543   ที่ 58/2553 ลงวันที่ 18 พ.ค.2553 ที่ 61/2553 ลงวันที่ 20 พ.ค.2553 และที่ 72/2553 ลงวันที่ 26 พ.ค.2553
 1.บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 4,690 ล้านบาท (ฝากประมาณ 2,574 ล้านบาท ถอนประมาณ 2,116 ล้านบาท)
 2.บริษัท เวิร์ธซัพพลายส์ จำกัด ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 11,911 ล้านบาท (ฝากประมาณ 5,898 ล้านบาท ถอนประมาณ 5,594 ล้านบาท)
 3.บริษัท บี.บี.ดี. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 15,633 ล้านบาท (ฝากประมาณ 8145 ล้านบาท ถอนประมาณ 7,488 ล้านบาท)
 4.บริษัท บี.บี.ดี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 11,221 ล้านบาท (ฝากประมาณ 5,455 ล้านบาท ถอนประมาณ 5,766 ล้านบาท)
 5.บริษัท บี.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 46 ล้านบาท (ฝากประมาณ 31 ล้านบาท ถอนประมาณ 16 ล้านบาท) 
 6.บริษัท ประไหมสุหรี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 3,600 ล้านบาท (ฝากประมาณ 1,551 ล้านบาท ถอนประมาณ 2,077 ล้านบาท)
 7.บริษัท พี.ที. คอร์ปอเรชัน จำกัด ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 22,403 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการ โอน ฝาก และถอนเงิน ในวันเดียวกัน (ฝากประมาณ 9,428 ล้านบาท ถอนประมาณ 12,975 ล้านบาท)
 8.บริษัท เอสซีเค เอสเทต จำกัด ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 15,467 ล้านบาท (ฝากประมาณ 7,757 ล้านบาท ถอนประมาณ 7,710 ล้านบาท)  9.บริษัท เอสซี ออฟฟิซ ปาร์ค จำกัด ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 17,403 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีครั้งละประมาณ 14-16 ล้านบาท (ฝากประมาณ 7,792 ล้านบาท ถอนประมาณ 9,611 ล้านบาท)
 10.บริษัท เอสซี ออฟฟิซ พลาซ่า จำกัด ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 634 ล้านบาท (ฝากประมาณ 393 ล้านบาท ถอนประมาณ 241 ล้านบาท)
 11.บริษัท โอเอไอ คอนซัลแต้นท์ แอนด์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 419 ล้านบาท (ฝากประมาณ 222 ล้านบาท ถอนประมาณ 197 ล้านบาท)
 12.บริษัท โอเอไอ แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 14,714 ล้านบาท
 13.บริษัท โอเอไอ ลิสซิ่ง จำกัด ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 220 ล้านบาท
 14.บริษัท โอเอไอ เอ็ดดูเคชั่น จำกัด ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 540 ล้านบาท
 15.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 100 ล้านบาท
 16.คุณหญิงพจมาน ชินวัตร หรือ ดามาพงศ์ หรือ ณ ป้อมเพชร ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 57 ล้านบาท (ฝากประมาณ 3 ล้านบาท ถอนประมาณ 54 ล้านบาท)
 17.นายพานทองแท้ ชินวัตร ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 4,248 ล้านบาท (ฝากประมาณ 16 ล้านบาท ถอนประมาณ 4,233 ล้านบาท) 
 18.น.ส.พินทองทา ชินวัตร ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 7,630 ล้านบาท (ฝากประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่มีข้อสังเกตว่าเมื่อวันที่ 28 เม.ย.2553 มีการถอนเงินออกจาก 3 บัญชี จำนวน 4 ยอด รวมเป็นเงิน 6,630 ล้านบาท)
 19.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 317 ล้านบาท (ฝากประมาณ 151 ล้านบาท ถอนประมาณ 166 ล้านบาท ซึ่งเมื่อวันที่ 28 เม.ย.2553 มีการถอนเงินประมาณ 140 ล้านบาท)
 20.นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 5,454 ล้านบาท (ฝากประมาณ 290 ล้านบาท ถอนประมาณ 5,164 ล้านบาท ซึ่งเมื่อวันที่ 28 เม.ย.2553 มีการถอนเงินประมาณ 4,565 ล้านบาท)
 21.นางกาญจนาภา หงษ์เหิน ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 409 ล้านบาท โดยมีการเบิกถอนเงินสด และโอนเป็นจำนวนมาก
 22.นายสาโรจน์ หงษ์ชูเวช ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 32 ล้านบาท (ฝากประมาณ 20 ล้านบาท ถอนประมาณ 12 ล้านบาท)
 23.นายการุณ โหสกุล ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 46 ล้านบาท (ฝากประมาณ 24 ล้านบาท ถอนประมาณ 22 ล้านบาท) 
 24.นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 165 ล้านบาท (ฝากประมาณ 73 ล้านบาท ถอนประมาณ 92 ล้านบาท)
 25.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 334 ล้านบาท (ฝากประมาณ 167 ล้านบาท ถอนประมาณ 167 ล้านบาท)
 26.นายสันติ พร้อมพัฒน์ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมีเงินโอนเข้าไปในบัญชีจำนวนประมาณ 21.5 ล้านบาท และถอนเงินออกจากบัญชีภายใน 9 วัน
 27.นายประชา ประสพดี ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 30 ล้านบาท (ฝากประมาณ 16 ล้านบาท ถอนประมาณ 14 ล้านบาท ซึ่งมีการฝาก-ถอนเงินเกือบทุกวัน)
 28.นายไชยา สะสมทรัพย์ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 40 ล้านบาท (ฝากประมาณ 18 ล้านบาท ถอนประมาณ 19 ล้านบาท) ซึ่งมีการฝาก-ถอนเงินเกือบทุกวัน
 29.นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน 10 ล้านบาท และ 12 ล้านบาท และเงินที่นำมาใช้คืน
 30.นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมีการถอนและโอนจำนวนประมาณ 3 ล้านบาทเศษ (ฝากด้วยเงินสด ถอนด้วยการโอน)
 31.นายเจริญ จรรย์โกมล ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมีการฝาก-ถอนด้วยการโอนจำนวนประมาณ 22 ล้านบาทเศษ (ฝากประมาณ 14 ล้านบาท ถอนประมาณ 8 ล้านบาท)
 32.นายเรืองยุทธ ประสาทสวัสดิ์ศิริ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่าเมื่อเดือน ธ.ค.2552 มีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน (ธนาคารกรุงไทย สาขาอุดรธานี) โดยมีเงินเข้าบัญชี 9 ครั้ง รวมจำนวนประมาณ 9 แสนบาทเศษ มีการถอนประมาณ 59 ครั้ง รวมจำนวนประมาณ 7 แสนบาทเศษ
 33.นางมยุรี เศวตาศัย ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน มีเงินเข้าบัญชีประมาณ 2 ล้านบาท และเมื่อเดือน ก.ย.2552 มีการถอนผ่านทางระบบเอทีเอ็ม จำนวน 53 ครั้ง รวมประมาณ 5.5 แสนบาท เมื่อเดือน ต.ค.2552 มีเงินเข้าบัญชี 4 ครั้ง ถอน 54 ครั้ง โดยถอนครั้งละประมาณ 1 หมื่นบาท จำนวน 17 ครั้ง เมื่อเดือน พ.ย.2552 มีการถอนครั้งละ 1 หมื่นบาท จำนวน 18 ครั้ง เมื่อเดือน ธ.ค.2552 มีการถอนรวม 38 ครั้ง โดยถอนครั้งละ 1 หมื่นบาท จำนวน 18 ครั้ง ครั้งละ 2 หมื่นบาท จำนวน 5 ครั้ง เดือน ม.ค.2553 มีการถอนรวม 44 ครั้ง ครั้งละ 1-2 หมื่นบาท จำนวน 9 ครั้ง  เดือน ก.พ.2553 มีการถอนรวม 31 ครั้ง โดยมีการถอนครั้งละ 1-3 หมื่นบาท จำนวน 5 ครั้ง เดือน มี.ค.2553 มีการถอนรวม 36 ครั้ง ครั้งละ 1-3 หมื่นบาท จำนวน 14 ครั้ง และ เดือน เม.ย.2554 มีการถอนรวม 34 ครั้ง ครั้งละ 1-2 หมื่นบาท จำนวน 6 ครั้ง
 34.นายอุดมเดช รัตนเสถียร ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง ธ.ค.2552 ปรากฏว่ามีการเบิกถอนเงินสดหลายครั้ง รวมประมาณ 1 ล้านบาทเศษ
 35.นางวิยดี สุตะวงศ์ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 281 ล้านบาท (ฝากประมาณ 142 ล้านบาท ถอนประมาณ 139 ล้านบาท) นอกจากนี้ยังพบว่ามีการใช้บัตรเครดิตที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) และประเทศกัมพูชาหลายครั้ง
 36.นายฑัศ เชาวนเสถียร ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 720 ล้านบาท (ฝากประมาณ 394 ล้านบาท ถอนประมาณ 426 ล้านบาท)
 37.พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 60 ล้านบาท (ฝากประมาณ 30 ล้านบาท ถอนประมาณ 30 ล้านบาท) นอกจากนี้ยังพบว่ามีการใช้บัตรเครดิตที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) และประเทศกัมพูชา
 38.นายอนุสรณ์ ปั้นทอง ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 32 ล้านบาท (ฝากประมาณ 18.1 ล้านบาท ถอนประมาณ 14 ล้านบาท) และมีข้อสังเกตว่าเป็นการฝากเช็คจำนวน 16 ล้านบาทเศษ และมีการถอนโดยการโอนเงิน
 39.นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 795 ล้านบาท (ฝากประมาณ 348 ล้านบาท ถอนประมาณ 347 ล้านบาท) ซึ่งเป็นการฝาก-ถอนโดยเงินสดและเช็ค
 40.นายพันธ์เลิศ ใบหยก ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 585 ล้านบาท (ฝากประมาณ 458 ล้านบาท ถอนประมาณ 128 ล้านบาท)
 41.นายสมหวัง อัสราษี ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 85 ล้านบาท (มีการฝาก-ถอนด้วยวิธีการโอน และไม่ใช้สมุดคู่ฝาก)
 42.นางจุฑารัตน์ เมนะเสวต ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 98 ล้านบาท มีการฝากเงินถอนเงินสดด้วยวิธีการโอน
 43.นายสมชาย ไพบูลย์ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 1.5 ล้านบาท (ฝากประมาณ 1.2 ล้านบาท ถอนประมาณ 3 แสนบาท) และมีข้อสังเกตว่ามีการฝากและถอนเงินโดยไม่มีสมุดคู่ฝาก และผ่านทางระบบเอทีเอ็ม
 44.นายสงวน พงษ์มณี ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 2 ล้านบาท (ฝาก-ถอนเงินสด)
 45.พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมีเงินฝาก-ถอนเงินสด มียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 37 ล้านบาท
 46.นายไพโรจน์ ตันบรรจง ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 2.8 ล้านบาท (ฝากประมาณ 1.5 ล้านบาท ถอนประมาณ 1.3 ล้านบาท) และมีข้อสังเกตว่าส่วนใหญ่เป็นการฝาก-ถอน เป็นเงินสด
 47.นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 3.6 ล้านบาท (ฝากประมาณ 2.8 ล้านบาท ถอนประมาณ 2.8 ล้านบาท) และมีข้อสังเกตว่าส่วนใหญ่เป็นการฝากด้วยการโอน และถอนเงินสด วันละหลายครั้ง
 48.พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 20 ล้านบาท (มีเงินฝาก-ถอนเงินด้วยวิธีการโอน และไม่ใช้สมุดคู่ฝาก)
 49.นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 1.8 ล้านบาท (มีเงินฝาก-ถอนเงินสดผ่านทางระบบเอทีเอ็ม)
 50.นายนิยม วรปัญญา ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 9 ล้านบาท (มีการฝาก-ถอนเงินสด)
  51.นายเหวง โตจิราการ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 1.4 ล้านบาท (ฝากด้วยเช็คประมาณ 1.4 ล้านบาท)
 52.นายวีระ มุสิกพงศ์ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 10.5 ล้านบาท (ส่วนใหญ่เป็นการฝากเงินสดและถอนเงินสด)
 53.นายขวัญชัย สาราคำ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 14 ล้านบาท โดยมีการฝากเงินสด และถอนเงินสดทางเอทีเอ็ม
 54.นายนิสิต สินธุไพร ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 8 ล้านบาท (ฝากประมาณ 5 ล้านบาท ถอนประมาณ 3 ล้านบาท) ซึ่งเป็นการฝาก-ถอนเงินผ่านทางระบบเอทีเอ็ม
 55.นายก่อแก้ว พิกุลทอง ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 2.1 ล้านบาท (ส่วนใหญ่เป็นการฝาก-ถอนเป็นเงินสด และถอนเป็นเงินสด และถอนปิดบัญชี)
 56.นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 3.6 แสนบาท ซึ่งเดิมไม่มีการเคลื่อนไหวทางบัญชี แต่มีข้อสังเกตว่าเมื่อวันที่ 17 มี.ค.2553 มีเงินเข้าในบัญชีจำนวนประมาณ 1.8 แสนบาท
 57.นายอดิศร เพียงเกษ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 4.5 แสนบาท ฝากเงินสดโดยไม่มีสมุดคู่ฝาก ครั้งละประมาณ 5 หมื่นบาทหลายครั้ง
 58.นายสำเริง ประจำเรือ เดิมไม่มีการเคลื่อนไหวทางบัญชี แต่ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.- ธ.ค.2552 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยเฉพาะในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.2552 มียอดการฝาก และถอน ประมาณ 3-8 แสนบาท
 59.นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 14 ล้านบาท (ฝากประมาณ 9 ล้านบาท ถอนประมาณ 5 ล้านบาท) ซึ่งเป็นการถอนเงินผ่านทางระบบเอทีเอ็ม
 60.พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 10 ล้านบาท มีการถอนเงินสดผ่านทางระบบเอทีเอ็ม ครั้งละ 1-2 หมื่นบาทหลายครั้ง
 61.นายธนกฤต ชะเอมน้อย หรือ ชัยชนะ เกิดดี ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 1.7 ล้านบาท มีการฝากเงินสดโดยไม่มีสมุดคู่ฝาก และมีการถอนผ่านทางระบบเอทีเอ็ม นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์
 62.นายอารี ไกรนรา ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 2 แสนบาท ซึ่งเป็นการฝากเงินสดผ่านทางเครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติ และถอนเงินสดผ่านทางระบบเอทีเอ็ม จำนวน 7 ครั้ง ภายในวันเดียว นอกจากนี้ยังพบว่ามีการทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ โดยวางเงินดาวน์ 6 แสนบาท ผ่อน 48 งวด งวดละประมาณ 1.6 หมื่นบาท เริ่มผ่อนชำระค่างวดเมื่อเดือน ต.ค.2552 และการชำระค่างวดครั้งเดียวรวม 31 งวด เป็นเงินจำนวนประมาณ 5 แสนบาท เมื่อเดือน มี.ค.2553
 63.นายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 1.2 ล้านบาท (ฝากประมาณ 1.2 หมื่นบาท ถอนประมาณ 9 หมื่นบาท)
 64.พล.ท.มนัส เปาริก ในช่วงระหว่างเดือน มี.ค.-พ.ค.2553 มีการเบิกถอนเงินสดผ่านทางระบบเอทีเอ็ม ประมาณ 4 แสนบาท
 65.พล.ท.พฤณฑ์ สุวรรณทัต ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 14 ล้านบาท (ฝากประมาณ 7 ล้านบาท ถอนประมาณ 7 ล้านบาท) ภายหลังจากที่มีการฝากเงินเพียง 8 วัน
 66.พล.ต.อ.บุญสร้าง บุนนาค ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 2.7 ล้านบาท (ฝากประมาณ 1.5 ล้านบาท ถอนประมาณ 1.2 ล้านบาท)
 67.นางเยาวเรศ ชินวัตร ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 34 ล้านบาท (ฝากประมาณ 20 ล้านบาท ถอนประมาณ 14 ล้านบาท)
 68.นายสุธรรม แสงประทุม ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 4 ล้านบาทเศษ (ฝากโดยการโอน ถอน โดยเช็ค/เงินสด)
 69.นายพศิน หอกลาง ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 4,720 ล้านบาท (ฝากประมาณ 2,360 ล้านบาท ถอนประมาณ 2,360 ล้านบาท ด้วยวิธีการโอนเงินเข้าบัญชี และใช้เช็ค)
 70.นางสุกัญญา ประจวบเหมาะ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 24 ล้านบาท (ฝากประมาณ 12 ล้านบาท ถอนประมาณ 12 ล้านบาท)
 71.นายอัสนี เชิดชัย ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 1.7 ล้านบาท และใช้บัตรเครดิตที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) อังกฤษ และกัมพูชา หลายครั้ง
 72.นางดวงแข อรรณนพพร ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 5 ล้านบาทเศษ (มีการฝาก-ถอนจำนวนหลายครั้ง)
 73.นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 27 ล้านบาท (ฝากประมาณ 14 ล้านบาท ถอนประมาณ 13 ล้านบาท)
 74.นายจักริน พัฒน์ดำรงจิตร ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 125 ล้านบาท
 75.นายจตุพร เจริญเชื้อ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 1.7 ล้านบาท
 76.นายวิเชียรชนินทร์ สินธุไพร ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 3 แสนบาท (มีการฝาก และถอนด้วยเงินสด)
 77.นางสุพิชฌาย์ พัฒนะพันธุ์ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 2.8 ล้านบาท (ฝาก-ถอนเงินสด)
 78.นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 3 แสนบาท (มีการฝาก-ถอนด้วยเงินสด)
 79.นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 56 ล้านบาท (ฝากประมาณ 36 ล้านบาท ถอนประมาณ 22 ล้านบาท)
 80.นายปลอดประสพ สุรัสวดี ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 27 ล้านบาท (ฝากประมาณ 14 ล้านบาท ถอนประมาณ 13 ล้านบาท)
 81.นายประยุทธ มหากิจศิริ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 1,771 ล้านบาท (ฝากประมาณ 977 ล้านบาท ถอนประมาณ 794 ล้านบาท)
 82.นายเมธี อมรวุฒิกุล ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 1 ล้านบาทเศษ (ฝากประมาณ 4 แสนบาท ถอนประมาณ 2 ล้านบาท)
 83.นายภักดี ธนะปุระ ในช่วงระหว่างเดือน ก.ย.2552 ถึง พ.ค.2553 ปรากฏว่ามีการทำธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมียอดเงินหมุนเวียนจำนวนประมาณ 6 ล้านบาท (ฝากประมาณ 4.5 ล้านบาท ถอนประมาณ 2 ล้านบาท)








ข่าวที่เกี่ยวข้องคลี่3ปม"แบล็กลิสต์"83รายชื่อปรามแดง-ยุบ พท.-ปิดท่อน้ำเลี้ยงใครตบทรัพย์ใครซ้อมผู้ต้องขังต้องจัดการบิ๊กบังเมินบิ๊กยูเอ็นตอกย้ำไทยไร้เสถียรภาพการเมือง เทือกปัดไล่บี้พวกส่งท่อน้ำเลี้ยงนปช. เงินทองมหาศาลนี้ท่านได้แต่ใดมา

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ปปง.ปัดลดชื่อผู้ทำธุรกรรมผิดปกติจาก86เหลือ83

ปปง.ปัดลดชื่อผู้ทำธุรกรรมผิดปกติจาก86เหลือ83



คมชัดลึก :ปปง.ปัดลดรายชื่อผู้ทำธุรกรรมต้องสงสัยจาก 86 เหลือ 83 ยันไม่เคยเสนอให้ลดหรือเพิ่มรายชื่อ






พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาการเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่าปปง.เสนอให้ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ถอน 3 รายชื่อ ประกอบด้วย นายเอกราช ช่างเหลา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และพล.ท.มนัส เปาริก ออกจากบัญชีรายชื่อต้องสงสัยทำธุรกรรมทางการเงินผิดปกติว่า ไม่เคยเซ็นหนังสือเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงจำนวนผู้ที่ทำธุรกรรมต้องสงสัย โดยยืนยันว่าหนังสือรายงานการทำธุรกรรมของปปง.ระบุรายชื่อบุคคลและนิติบุคคลที่ทำธุรกรรมต้องสงสัยทั้งหมด 86 ราย โดยหนังสือทั้ง 2 ฉบับ แบ่งให้กับศอฉ. 1 ฉบับ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) อีก 1 ฉบับ
 ซึ่งทั้ง 2 ฉบับมีเนื้อหาเหมือนกัน ทั้งนี้ศอฉ.เป็นผู้มีอำนาจสั่งลดหรือเพิ่มรายชื่อผู้ที่เข้าข่ายทำธุรกรรมต้องสงสัยได้ แต่ในส่วนปปง.เสนอไปทั้งหมด 86 รายชื่อ และไม่เคยเสนอให้เพิ่มหรือปรับลดรายชื่อแต่อย่างใด








ข่าวที่เกี่ยวข้องเปิดธุรกรรม83ท่อน้ำเลี้ยงแสนล้านคลี่3ปม"แบล็กลิสต์"83รายชื่อปรามแดง-ยุบ พท.-ปิดท่อน้ำเลี้ยง"ประวิตร"จี้สตช.รายงานติดตามตัวแกนนำนปช.23มิย.ศาลนัดชี้ค้านประกันตู่28มิย.ทักษิณกกต.ชี้ณัฐวุฒิลงส.ส.ได้เหตุยังไม่ถูกตัดสินให้จำคุก

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

Sunday, June 13, 2010

เสธ.หนั่นส่งเมียให้กำลังใจไพฑูรย์ แก้วทอง

เสธ.หนั่นส่งเมียให้กำลังใจไพฑูรย์ แก้วทอง



คมชัดลึก : เสธ.หนั่น ส่งเมีย ตัวแทน ให้กำลังใจไพฑูรย์ แก้วทอง พ้นเก้าอี้รมว.แรงงาน ขณะที่คนพิจิตร กลุ่มแรงงาน แห่มอบดอกไม้งานเลี้ยงสังสรรค์ แน่นรร.ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ ฯ ฉวีวรรณ ขจรประศาสน์หยอดคำหวาน เสธ.หนั่น พร้อมหนุนไพฑูรย์ ส่วนเจ้าตัว ย้ำไม่น้อยใจ ชี้เข้าใจการเมืองแค่ตำแหน่งหมุนเวียน ปัดเสธ.ทาบร่วมพรรค กั๊ก อนาคตค่อยว่ากันหนุน ปชป. เสธ.หนั่น






(13 มิ.ย.) ที่ห้องจัดเลี้ยงธนบุรี โรงแรมริเวอร์ไซด์ บางพลัด กทม. วันที่ 13 มิ.ย.53 เวลา 12.00 น. สมาคมชาวพิจิตร และกลุ่มสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์กลุ่มต่างๆ กว่า 200 คน ร่วมงานเลี้ยง “ มุทิตาจิต รัฐมนตรีในดวงใจ ” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อการสังสรรค์ ขอบคุณและให้กำลังใจนายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมว.แรงงาน และ ส.ส.พิจิตร 11 สมัย หลังพ้นจากตำแหน่ง รมว.แรงงาน โดยเป็นการจัดเลี้ยงอาหารบุฟเฟต์ มีวงดนตรีร้องเพลงขับกล่อมบนเวที ซึ่งชาวพิจิตร และตัวแทนกลุ่มแรงงานต่างๆ ได้นำดอกกุหลาบสีแดง สีชมพู รวมทั้งกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงกำลัง มามอบให้เป็นกำลังนายไพฑูรย์จำนวนไม่น้อย
 ขณะที่งานเลี้ยงครั้งนี้มีนางฉวีวรรณ ขจรประศาสน์ ที่ปรึกษาสมาคมชาวพิจิตร ภริยา พล.ต.สนั่น รองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา นำกระเช้าดอกไม้มาร่วมให้กำลังใจนายไพฑูรย์ด้วย รวมทั้งกลุ่มเอกชนบริษัทจ้างงาน และข้าราชการรัฐวิสาหกิจ อาทิ นายอดิศร เกียรติโชควิวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ( กฟภ.)
 โดยนางฉวีวรรณ กล่าวบนเวทีว่า วันนี้เดินทางมาเป็นตัวแทนของ เสธ.หนั่น ซึ่งติดภารกิจต่างจังหวัด โดย เสธ.หนั่น มีความรักต่อนายไพฑูรย์ เหมือนพี่ น้อง วันนี้ เสธ.หนั่น จะคอยให้กำลังนายไพฑูรย์เป็นคนแรก ซึ่งคนพิจิตรมีความรักต่อกัน อย่างการเลือกตั้ง เสธ.หนั่น นายไพฑูรย์ และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ต่างก็ดูแลพื้นที่ของตนเอง ส่วนเรื่องที่นายไพฑูรย์ ถูกปรับออกจากตำแหน่ง รมว.แรงงาน คนพิจิตรก็เข้าใจเรื่องของสถานการณ์การเมือง ก็ไม่เป็นไรโดยวันนี้ตนเป็นตัวแทน เสธ.หนั่นมาให้กำลังใจนายไพฑูรย์แล้ว เพราะนายไพฑูรย์ เป็นนักการเมืองที่คนพิจิตรรักมากเหมือน เสธ.หนั่น
 ด้านนายไพฑูรย์ กล่าวขอบคุณทุกกลุ่มที่เดินทางมาให้กำลัง พร้อมระบุว่า แม้การเมืองจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ตนไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไรที่ต้องถูกปรับออกจากตำแหน่ง รมว.แรงงาน เพราะตนไม่ได้ยึดติดอำนาจ วาสนา ตำแหน่งก็มักจะมีการหมุนเวียนกันไป ซึ่งตนอายุร่วม 70 ปีแล้วทำงานกับใครก็ไม่มีปัญหา อย่างนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.แรงงานคนใหม่ ก็ได้พูดคุยกันยังเรียกตนว่าพ่อเลย ขณะที่นโยบายการทำงาน นายเฉลิมชัยประกาศไว้แล้วว่า จะสานต่อนโยบายที่ตนเคยทำไว้ จึงคิดว่าจะไม่มีปัญหาอะไรมาก อย่างไรก็ดีในการทำงานก็ต้องช่วยกันใน ครม. และต้องใช้เวลา โดยการทำงานของรัฐบาลจะเป็นที่พอใจหรือไม่ สุดท้ายเมื่อมีการเลือกตั้งจะเป็นเครื่องชี้วัด สำหรับคนพิจิตรเองราก็รักกันเหมือนพี่น้อง ซึ่งแม้ว่าตนจะไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังคงสถานะ ส.ส.พิจิตร ก็ต้องทำหน้าที่นี้ต่อไปในสภา ส่วนอนาคตการเมืองจะเป็นอย่างไร ต่อไปก็ต้องรอดูความเคลื่อนไหว
 ทั้งนี้นายไพฑูรย์ ยังให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ตนไม่รู้สึกน้อยใจ วันนี้ก็ถือเป็นการเลี้ยงสังสรรค์กลุ่มบุคคลที่ตนเคยร่วมทำงานด้วยและให้กำลังใจกัน ส่วนอนาคตการเมืองนั้น จากนี้ตนก็ลงพื้นที่ตามปกติ ซึ่งอนาคตจะไปร่วมงานกับพล.ต.สนั่น หากมีการทาบทาม หรือยังจะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์นั้น อนาคตค่อยมาพูดกันเวลานี้ไม่มีอะไร การที่นางฉวีวรรณ ภริยา พล.ต.สนั่น เดินทางมาวันนี้ ก็มาให้กำลังกันในฐานะคนพิจิตร ไม่มีการทาบทามอะไร
 เมื่อถามว่า ในการลงเลือกตั้งอนาคตนั้นจะมีความลำบากหรือไม่ หากยังไม่ได้ตัดสินใจอยู่ร่วมกับ พล.ต.สนั่น ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ด้วย นายไพฑูรย์ กล่าวว่า ก็ยอมรับว่าประชาชนอาจสับสนบ้างที่พื้นที่มี ส.ส.หลายกลุ่ม แต่ที่ผ่านมาคนพิจิตร เห็นแล้วว่าสามารถมี ส.ส.4 คน ที่อยู่ 3 พรรคได้








ข่าวที่เกี่ยวข้องพท.ปูดปชป.'เหนือ-ตะวันออก'จับมือฝ่ายค้าน คณิตยันนายกฯไว้ใจพร้อมทำหน้าที่ไม่หวั่นเสียงต้านพุธที่ 9 มิถุนายน 2553

ครม.คนรักมาร์ค เทพเทือกมั่นใจ7เสียงพผ.ยกมือผ่านงบฯ54แน่

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

บัวแก้วเตรียมเชิญองค์กรสิทธิฯฟังแผนปรองดอง

บัวแก้วเตรียมเชิญองค์กรสิทธิฯฟังแผนปรองดอง



คมชัดลึก : บัวแก้วแจงองค์การนิรโทษกรรมสากล ชูคณิตการันตีเป็นกลาง โปร่งใส






 (13มิ.ย.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ แถลงว่า เมื่อวันที่ 11มิ.ย.องค์การนิรโทษกรรมสากลทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ เรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์การชุมนุม โดยให้เป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นกลาง ไม่มีการแทรกแซง และผู้เป็นกรรมการควรเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ เชี่ยวชาญด้านการสอบสวน และสาระการสอบสวนต้องครบถ้วน แต่ไม่ได้ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการสอบสวน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจงว่า สาระต่าง ๆ ที่องค์การนิรโทษกรรมสากลเสนอมา เป็นเรื่องที่ตรงกับความตั้งใจของรัฐบาล ทั้งคนที่เป็นกลาง มีความรู้ความสามารถในการสืบสวนสอบสวน เช่นนายคณิต ณ นคร และมีอิสระในการตั้งกรรมการมาสอบ
 นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า ส่วนขั้นตอนการดำเนินงานในแผนปรองดองนั้น กระทรวงการต่างประเทศจะเชิญสื่อต่างชาติ คณะทูตานุทูต เข้ารับฟังการชี้แจง โดยเริ่มจากในสัปดาห์หน้า จะเชิญองค์กรสิทธิมนุษยชน เอ็นจีโอ เข้ามารับทราบรายละเอียด ส่วนในปลายเดือน มิ.ย. จะเชิญองค์การนิรโทษกรรมสากล คณะองค์กรระหว่างประเทศ องค์การสิทธิมนุษยชน มาชี้แจงต่อไป
 








ข่าวที่เกี่ยวข้องสุเทพเตรียมดำเนินคดี"ตู่"กล่าวหาตั้งมวลชนต้านมาร์คชี้อานันท์ไม่ปฏิเสธร่วมปฏิรูปไทยมาร์คย้ำไม่ปรองดองกับผู้ก่อการร้าย"จตุพร"ขู่แดงลุกฮือรอบ3ถ้ารัฐไม่หยุดไล่ล่าแดงสุมไฟแค้นกองใหม่

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

มาร์คไม่อยากเห็นปชต.แค่เลือกตั้งม็อบวอนอปท.ช่วยปรองดอง

มาร์คไม่อยากเห็นปชต.แค่เลือกตั้งม็อบวอนอปท.ช่วยปรองดอง



คมชัดลึก : "อภิสิทธิ์ ชี้วิกฤตประเทศ นักการเมืองผิด ศรัทธาลด ไม่อยากเห็นประชาธิปไตยมีแค่การเลือกตั้ง และการเดินขบวน วอน อปท.นำแผนปรองดองไปสู่ท้องถิ่น






 เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 13 มิ.ย.2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี , นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย พร้อมคณะได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดการประชุมสามัญครั้งที่ 53 ประจำปี 2553 ของสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย(สทท.) ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(มอ.)อ.หาดใหญ่ โดยมีนายกเทศมนตรีและปลัดเทศบาลทั่วประเทศประมาณ 4,500 คนร่วมประชุม
 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เทศบาลเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบหนึ่ง ที่มีพันธกิจและบทบาทครอบคลุมเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นกลไกลในระดับท้องถิ่น ใกล้ชิดกับประชาชน และมีการทำงานสนองตอบประชาชนด้านการบริการสาธารณะ โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นรากฐานของประชาธิปตย จึงเป็นองค์กรที่สำคัญต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน
 นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจมาตลอด ถึงแม้รัฐบาลบริหารประเทศได้ประมาณ 1 ปีเศษๆ ได้มีการผลักดันกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการปกครองส่วนท้องถิ่น ยังล่าช้าไปมาก เพราะสถานการณ์การเมืองที่ไม่นิ่ง กฏหมายที่เกี่ยวกับท้องถิ่นที่ค้างอยู่ 4 ฉบับ ตนพยายามเร่งรัดให้เข้าสภาให้หมด ก่อนที่รัฐบาลจะหมดวาระ เช่น กฏหมายการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยการวางรากฐานของประชาธิปไตยให้แข็งแกร่ง ให้ประชาชนเข้าใจว่า ประชาธิปไตยที่มีมากกว่าการลงคะแนนเสียง และการเดินขบวน เมื่อไม่พอใจเท่านั้น
 นายอภิสิทธิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การออกฏกหมายปกครองรูปแบบพิเศษเพิ่มมากขึ้น โดยในในเร็วๆนี้จะยกฐานะเทศบาลเมืองแม่สอด ให้เป็นการปกครองในรูปแบบพิเศษ เหมือนกับ กทม.และเมืองพัทยา เพราะเมืองการค้าชายแดนและลักษณะเศรษฐกิจเฉพาะ ให้อำนาจท้องถิ่นเพิ่มขึ้น เพื่อให้ท้องถิ่นเดินหน้าไม่หยุด
 อย่างไรก็ตาม ถือว่าโชคไม่ดีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้ามาบริหารประเทศในช่วงที่วิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลมีงบประมาณไม่พอ เก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้า 2 แสนล้านบาท ส่งผลให้เกิดอุปสรรคและปัญหาเรื่องงบประมาณที่จัดสรรให้กับท้องถิ่น จนส่งผลกระทบต่อการบริหารงานของท้องถิ่น
 นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2554 สถานะการเงินการคลังของประเทศดีขึ้น มีการเก็บภาษีได้เกินกว่าเป้า การจัดสรรงบประมาณให้กับท้องถิ่นดีกว่าปี 2553 จะจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นเกินกว่าร้อยละ 25  นอกจากนี้เรื่องที่ตนจะฝากให้กับ อปท.คือเรื่องแผนฟื้นฟู ปรองดอง และการปฏิรูปประเทศ รัฐบาลยังมีวาระบริหารประเทศอีก 1 ปีกว่าๆ หากเหตุการณ์ทางการเมืองสงบ อาจจะมีการจัดการเลือกตั้งเร็วขึ้น แต่ตอบคำถามเกิดขึ้นว่า เมื่อเลือกตั้งให้เร็วขึ้นแล้ว ประเทศชาติได้อะไร หากขณะและหลังการเลือกตั้งยังมีความรุนแรง เกิดมีการยุบพรรค หรือกรรมการถูกตัดสิทธิทางการเมือง จะต้องมีการออกมาโววาย กล่าวหาคนโน้มคนนี้และนำไปสู่การชุมนุมประท้วงขึ้นอีก การเลือกตั้งไม่ได้แก้ปัญหาความขัดแย้ง
 “นักการเมืองไม่กระทบ นักการเมืองไม่ได้สูญเสียงชีวิต มีแต่ประชาชนที่มาชุมนุมทางการเมืองโดยบริสุทธิ์ ได้รับความเดือดร้อนทั้งด้านจิตใจ เศรษฐกิจและชีวิต แม้แต่ในเวลานี้หลายพื้นที่ยังไม่สงบ ส่งผลกระทบต่อท้องถิ่นทำให้การท่องเที่ยวซบเซา ท้องถิ่นมีรายได้ลดลง บางแห่งเทศบาลถูกเผา รถเทศบาลถูกทำลาย ต้องเอาเงินภาษีประชาชนมาจัดซื้อและสร้างใหม่ ”
 นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่มีความต้องการเห็นประเทศเดินหน้า มีความสงบและสันติ ให้มีการฟื้นฟูสังคมและจิตใจก่อ แผนนปรองดอง 5 ข้อ อปท.มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดขึ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และส่งเสริมสวัสดิการให้กับชุมชน แต่บางคนยังเข้าใจผิด ว่าการปรองดองคือการเอาคนผิดมาทำให้ถูก ปรองดองต้องอิงหารเมือง คำว่าการปรองดองคือการเอาจุดแข็งที่มีอยู่มาหลอมรวม ระดมสรรพกำลังที่มีทางสังคมและจิตใจมาหลอมรวม เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนให้ประเทศชาติเดินหน้า
 นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ตนยอมรับว่าสื่อในปัจจุบันทั้งในท้องถิ่นและส่วนกลางมีบทบาทมาก ให้วงการสื่อช่วยกัน 2 เรื่องคือให้ทุกสื่อเป็นสื่อแท้จริง ไม่ตั้งขึ้นเพื่อการเมือง ยุยงให้ใช้ความรุนแรง บิดเบือนข้อเท็จจริงและให้เกิดเกลียดชังฝ่ายตรงกันข้าม และประการสุดท้ายให้องค์กรสื่อกำหนดบทบาทและหน้าที่สื่อให้ชัดเจน
 “มีคำกล่าวว่าปัญหาของประเทศทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาจากการเมือง ดังนั้นนักการเมืองทุกคนผิด นายกและสมาชิกสภาเทศบาลและ สส.มาจากการเลือกตั้ง ก็เป็นนักการเมืองผิด มาทบทวนว่าการเมืองที่ก่อให้เกิดความแตกแยก ให้เกิดความเสียหายและที่สุดนำไปสู่ความเสื่อมความศรัทธา ซึ่งเป็นสิ่งที่ฟื้นฟูอยากที่สุด คือความศรัทธานักการเมือง มาช่วยกันสร้างการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย การเลือกตั้งต้องโปร่งใส มีความรับผิดชอบและไม่เอาความรุนแรง นักการเมืองมาทุกคนมากอบกู้วิกฤตเพื่อให้ประเทศพ้นวิกฤต ”
 








ข่าวที่เกี่ยวข้องมาร์คย้ำไม่ปรองดองกับผู้ก่อการร้ายอภิสิทธิ์แจงเป็นเรื่องศอฉ.นิรโทษฯเสื้อแดงทนายทักษิณโจมตีรบ.ไม่น่าเชื่อถือสอบสลายม็อบ ปฏิรูปสื่อปูทางไปสู่เผด็จการหรือ"อภิสิทธิ์"? มาร์คชี้แผนปรองดองคนไทยเกิน95%ต้องร่วมมือ

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

นายกฯวอนอปท.ร่วมสร้างรากฐานประชาธิปไตย

นายกฯวอนอปท.ร่วมสร้างรากฐานประชาธิปไตย

นายกรัฐมนตรี เปิดงานประชุมใหญ่สันนิบาตทั่วประเทศ ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อ้อนนายกเล็ก ร่วมแผนปรองดอง สร้างรากฐานประชาธิปไตยที่ถูกให้กับประชาชนในประเทศ...เมื่อเวลาประมาณ 13.10 น. วันที่ 13 มิ.ย.2553ที่หอประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานการประชุมใหญ่สันติบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 53 มีผู้ร่วมติดตาม เช่น นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นายศิริโชค โสภา โดยมีนายวิญญู ทองสกุล ผวจ.สงขลา นายประภัสร์ ภู่เจริญ นายกสมาคมสันนิบาตแห่งประเทศไทย นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และคณะผู้บริหารเทศบาลทั่วประเทศประมาณ 3,000 คน ให้การต้อนรับ  นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวบรรยายพิเศษในเรื่องการกระจายอำนาจรัฐไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ว่า ตนเองเป็นผู้ให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจ มาตลอด และส่งเสริมการปกครองโดยประชาธิปไตยไปสู่ฐานราก นอกจากนั้นยังตั้งใจที่จะผลักดันกฎหมายที่มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนา อปท.มากขึ้น คือ การให้ประชาชนมีส่วนร่วมในของประชาชนในการบริหาร อปท. เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในส่วนของ อปท.มากที่สุด และการจะทำให้ประชาธิปไตยฝังลึกได้นั้น ประชาชนต้องมีส่วนร่วมมากขึ้น ไม่ใช่ว่าจะมีแต่มาเลือกตั้ง และก็มาชุมนุมเดินขบวนเวลาได้รับความเดือดร้อน และ การเริ่มต้นในการจัด อปท.รูปแบบพิเศษ ที่มีความต้องการเฉพาะในเขตพิเศษในการบริหารเศรษฐกิจตามแนวชายแดน ท้องถิ่นจะสามารถใช้อำนาจพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ โดยให้ทางรัฐบาลกลางโอนอำนาจผ่านมาให้ โดยไม่ต้องออกแก้ไขเป็น พรบ. ส่วนเรื่องการจัดสรรงบประมาณนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าช่วงที่ตนเองเข้ามาบริหารประเทศ ต้องเจอกับปัญหาเศรษฐกิจ รัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาอย่างดีที่สุด ข้อจำกัดของงบประมาณ มีมาจากปัญหาเมื่อปลายที่ 2551 ซึ่งตอนนี้งบสำรองของรัฐบาลเหลืออยู่ประมาณ 7,000 พันล้านบาท ซึ่งจะต้องเก็บไว้เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนให้มากที่สุด และขอให้มั่นใจว่าการจัดสรรงบประมาณในปลาย 2554 น่าจะดีขึ้นแน่นอน ซึ่งได้มีการชี้แจงให้กับคณะกรรมาธิการในส่วนของรัฐบาลและของพรรคทราบแล้ว เพื่อให้ช่วยสนับสนุนแล้ว แต่ตอนนี้ก็กังวลในเรื่องของการแปรญัตติในสภาผู้แทนราษฎร แต่ให้มั่นใจว่ารัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจแต่จะไม่ให้กระเทือนกับ อปท. ส่วนเรื่องการขับเคลื่อนแผนการฟื้นฟูประเทศ การปฏิรูป และแผนการปรองดองในชาติ นายกรัฐมตรี กล่าวว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องของการเมือง หากสถานการณ์บ้านเมืองมีความสงบ มีความเหมาะสม และการเลือกตั้งจะเป็นการช่วยเดินหน้า หรือการแก้ไขปัญหาของประเทศได้ เป็นการตนเองไม่ปฏิเสธที่จะเลือกตั้งเร็วขึ้น มันต้องตอบคำถามได้ว่า ทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติหรือไม่ หากมีการเลือกตั้งแล้วมีความรุนแรง ก็จะเป็นการทำลายกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศ เลือกตั้งแล้วยังมีความขัดแย้ง ในเรื่องของกฎหมายเลือกตั้ง ยังมีการโต้แย้งกันอยู่ เราก็ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร ดังนั้นการตัดสินใจในทางการเมืองของรัฐบาล ไม่ได้คิดถึงเรื่องผลทางการเมืองในระหว่างพรรค แต่คิดว่าจะทำยังไงให้บ้านเมืองเราเดินไปข้างหน้า ในลักษณะที่สงบ สันติ มีการยอมรับทุกฝ่าย เพราะที่สุดเมื่อเกิดความวุ่นวายทางการเมือง ความเสียหาย ความสูญเสียก็จะเกิดขึ้นกับประชาชน ไม่ได้เกิดกับนักการเมือง ล่าสุดต้องมีการสูญเสียถึงแก่ชีวิตก็เป็นประชาชน ท้องถิ่นก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ตนเองมั่นใจ100 เปอร์เซ็นต์ ว่าความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ อยากเห็นว่าทำอย่างไรประเทศไทยจะเดินหน้าได้ และให้มีความสงบ สันติ ทำอย่างไรให้ทุกอย่างเป็นปกติ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวอีกว่า รัฐบาลถูกมองว่าเป็นคู่กรณี และหากว่าปัญหาเกิดจากการเมือง นักการเมืองทั้งหมดต้องรับผิดชอบ แผนปรองดอง แผนฟื้นฟู แผนการปฏิรูป ยืนยันว่าไม่ใช่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นความพยายามที่จะรักษาการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นการเมืองที่ต้องมีรัฐสภา มีนิติรัฐ นิติธรรม แผนปรองดองทั้ง 5 ข้อ นั้น จะสำเร็จได้ ต้องไม่ใช่นายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาล แต่จะสำเร็จได้ก็ต้องเป็นประชาชนทุกภาคส่วน และไม่ได้อยู่แค่เพียง 5 ข้อ ประชาชนสามารถนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นได้ ซึ่งก็อยากจะฝากให้ทาง อปท.ช่วยกันสอดส่องดูแล อย่าให้ใครมาทำการยุยง ปลุกปั่น บิดเบือนข้อมูลต่าง ๆ แล้วก็นำไปเผยแพร่ ให้เกิดความเข้าใจผิดและขัดแย้งกัน อย่างเช่นมีอยู่ในบางพื้นที่  สุดท้ายนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า หากปัญหาทั้งหมดมีการบอกว่ามาจากการเมือง ผู้บริหาร อปท.ทั้งหมด ก็มาจากการเมือง ดังนั้นต้องมาช่วยกันทบทวนว่า การเมืองแบบไหนที่ทำให้ประเทศ สังคมเดินหน้าได้ แบบไหนสร้างความรุนแรง เสียหายให้กับประเทศ และตนเองเชื่อว่า อปท.มีแนวความคิดที่ดีอีกเยอะ ที่จะสามารถช่วยรัฐบาลได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้อยู่ที่ศรัทธาของประชาชน คือสิ่งที่ยากที่สุดที่แก้ไขได้ เรานักการเมืองทุกภาคส่วนต้องมาร่วมกัน ที่จะต้องกอบกู้ ฟื้นฟูศรัทธาของประชาชน ที่จะปฏิรูปเพื่อที่จะให้ประเทศเดินหน้าได้ และมีการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยโปร่งใส มีความรับผิดชอบ และเป็นการเมืองที่ไม่ใช้ความรุนแรง อันจะนำมาซึ่งความสงบสันติ เพื่อให้ประเทศพ้นจากวิกฤต ตนเองจึงขอความร่วมมือในฐานะเพื่อนนักเมืองด้วยกัน เพื่อให้ความสมานฉันท์ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เพื่อสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ ที่เป็นประชาธิปไตยอยู่ในขณะนี้ และเพื่อให้เป็นไปตามแผนปรองดองที่รัฐบาลมีความตั้งใจดำเนินการต่อไป หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี ก็ได้เดินทักทายผู้เข้าร่วมประชุม ก่อนจะเดินทางกลับโดยมีการคุ้มกันเข้มงวด


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

มาร์คชี้ปชต.ไม่ใช่แค่เลือกตั้งก่อม็อบ

มาร์คชี้ปชต.ไม่ใช่แค่เลือกตั้งก่อม็อบ



คมชัดลึก : "อภิสิทธิ์ ชี้วิกฤตประเทศนักการเมืองผิด ศรัทธาลด ไม่อยากเห็นประชาธิปไตยมีแค่การเลือกตั้ง และการเดินขบวน วอน อปท.นำแผนปรองดองไปสู่ท้องถิ่น






 เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 13 มิ.ย.2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี , นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย พร้อมคณะได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดการประชุมสามัญครั้งที่ 53 ประจำปี 2553 ของสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย(สทท.) ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(มอ.)อ.หาดใหญ่ โดยมีนายกเทศมนตรีและปลัดเทศบาลทั่วประเทศประมาณ 4,500 คนร่วมประชุม
 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เทศบาลเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบหนึ่ง ที่มีพันธกิจและบทบาทครอบคลุมเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นกลไกลในระดับท้องถิ่น ใกล้ชิดกับประชาชน และมีการทำงานสนองตอบประชาชนด้านการบริการสาธารณะ โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นรากฐานของประชาธิปตย จึงเป็นองค์กรที่สำคัญต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน
 นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจมาตลอด ถึงแม้รัฐบาลบริหารประเทศได้ประมาณ 1 ปีเศษๆ ได้มีการผลักดันกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการปกครองส่วนท้องถิ่น ยังล่าช้าไปมาก เพราะสถานการณ์การเมืองที่ไม่นิ่ง กฏหมายที่เกี่ยวกับท้องถิ่นที่ค้างอยู่ 4 ฉบับ ตนพยายามเร่งรัดให้เข้าสภาให้หมด ก่อนที่รัฐบาลจะหมดวาระ เช่น กฏหมายการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยการวางรากฐานของประชาธิปไตยให้แข็งแกร่ง ให้ประชาชนเข้าใจว่า ประชาธิปไตยที่มีมากกว่าการลงคะแนนเสียง และการเดินขบวน เมื่อไม่พอใจเท่านั้น
 นายอภิสิทธิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การออกฏกหมายปกครองรูปแบบพิเศษเพิ่มมากขึ้น โดยในในเร็วๆนี้จะยกฐานะเทศบาลเมืองแม่สอด ให้เป็นการปกครองในรูปแบบพิเศษ เหมือนกับ กทม.และเมืองพัทยา เพราะเมืองการค้าชายแดนและลักษณะเศรษฐกิจเฉพาะ ให้อำนาจท้องถิ่นเพิ่มขึ้น เพื่อให้ท้องถิ่นเดินหน้าไม่หยุด
 อย่างไรก็ตาม ถือว่าโชคไม่ดีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้ามาบริหารประเทศในช่วงที่วิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลมีงบประมาณไม่พอ เก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้า 2 แสนล้านบาท ส่งผลให้เกิดอุปสรรคและปัญหาเรื่องงบประมาณที่จัดสรรให้กับท้องถิ่น จนส่งผลกระทบต่อการบริหารงานของท้องถิ่น
 นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2554 สถานะการเงินการคลังของประเทศดีขึ้น มีการเก็บภาษีได้เกินกว่าเป้า การจัดสรรงบประมาณให้กับท้องถิ่นดีกว่าปี 2553 จะจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นเกินกว่าร้อยละ 25  นอกจากนี้เรื่องที่ตนจะฝากให้กับ อปท.คือเรื่องแผนฟื้นฟู ปรองดอง และการปฏิรูปประเทศ รัฐบาลยังมีวาระบริหารประเทศอีก 1 ปีกว่าๆ หากเหตุการณ์ทางการเมืองสงบ อาจจะมีการจัดการเลือกตั้งเร็วขึ้น แต่ตอบคำถามเกิดขึ้นว่า เมื่อเลือกตั้งให้เร็วขึ้นแล้ว ประเทศชาติได้อะไร หากขณะและหลังการเลือกตั้งยังมีความรุนแรง เกิดมีการยุบพรรค หรือกรรมการถูกตัดสิทธิทางการเมือง จะต้องมีการออกมาโววาย กล่าวหาคนโน้มคนนี้และนำไปสู่การชุมนุมประท้วงขึ้นอีก การเลือกตั้งไม่ได้แก้ปัญหาความขัดแย้ง
 “นักการเมืองไม่กระทบ นักการเมืองไม่ได้สูญเสียงชีวิต มีแต่ประชาชนที่มาชุมนุมทางการเมืองโดยบริสุทธิ์ ได้รับความเดือดร้อนทั้งด้านจิตใจ เศรษฐกิจและชีวิต แม้แต่ในเวลานี้หลายพื้นที่ยังไม่สงบ ส่งผลกระทบต่อท้องถิ่นทำให้การท่องเที่ยวซบเซา ท้องถิ่นมีรายได้ลดลง บางแห่งเทศบาลถูกเผา รถเทศบาลถูกทำลาย ต้องเอาเงินภาษีประชาชนมาจัดซื้อและสร้างใหม่ ”
 นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่มีความต้องการเห็นประเทศเดินหน้า มีความสงบและสันติ ให้มีการฟื้นฟูสังคมและจิตใจก่อ แผนนปรองดอง 5 ข้อ อปท.มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดขึ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และส่งเสริมสวัสดิการให้กับชุมชน แต่บางคนยังเข้าใจผิด ว่าการปรองดองคือการเอาคนผิดมาทำให้ถูก ปรองดองต้องอิงหารเมือง คำว่าการปรองดองคือการเอาจุดแข็งที่มีอยู่มาหลอมรวม ระดมสรรพกำลังที่มีทางสังคมและจิตใจมาหลอมรวม เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนให้ประเทศชาติเดินหน้า
 นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ตนยอมรับว่าสื่อในปัจจุบันทั้งในท้องถิ่นและส่วนกลางมีบทบาทมาก ให้วงการสื่อช่วยกัน 2 เรื่องคือให้ทุกสื่อเป็นสื่อแท้จริง ไม่ตั้งขึ้นเพื่อการเมือง ยุยงให้ใช้ความรุนแรง บิดเบือนข้อเท็จจริงและให้เกิดเกลียดชังฝ่ายตรงกันข้าม และประการสุดท้ายให้องค์กรสื่อกำหนดบทบาทและหน้าที่สื่อให้ชัดเจน
 “มีคำกล่าวว่าปัญหาของประเทศทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาจากการเมือง ดังนั้นนักการเมืองทุกคนผิด นายกและสมาชิกสภาเทศบาลและ สส.มาจากการเลือกตั้ง ก็เป็นนักการเมืองผิด มาทบทวนว่าการเมืองที่ก่อให้เกิดความแตกแยก ให้เกิดความเสียหายและที่สุดนำไปสู่ความเสื่อมความศรัทธา ซึ่งเป็นสิ่งที่ฟื้นฟูอยากที่สุด คือความศรัทธานักการเมือง มาช่วยกันสร้างการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย การเลือกตั้งต้องโปร่งใส มีความรับผิดชอบและไม่เอาความรุนแรง นักการเมืองมาทุกคนมากอบกู้วิกฤตเพื่อให้ประเทศพ้นวิกฤต ”
 








ข่าวที่เกี่ยวข้องมาร์คย้ำไม่ปรองดองกับผู้ก่อการร้ายอภิสิทธิ์แจงเป็นเรื่องศอฉ.นิรโทษฯเสื้อแดงทนายทักษิณโจมตีรบ.ไม่น่าเชื่อถือสอบสลายม็อบ ปฏิรูปสื่อปูทางไปสู่เผด็จการหรือ"อภิสิทธิ์"? มาร์คชี้แผนปรองดองคนไทยเกิน95%ต้องร่วมมือ

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เสธ.หนั่นส่งเมียให้กำลังใจไพฑูรย์ แก้วทอง

เสธ.หนั่นส่งเมียให้กำลังใจไพฑูรย์ แก้วทอง



คมชัดลึก : เสธ.หนั่น ส่งเมีย ตัวแทน ให้กำลังใจไพฑูรย์ แก้วทอง พ้นเก้าอี้รมว.แรงงาน ขณะที่คนพิจิตร กลุ่มแรงงาน แห่มอบดอกไม้งานเลี้ยงสังสรรค์ แน่นรร.ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ ฯ ฉวีวรรณ ขจรประศาสน์หยอดคำหวาน เสธ.หนั่น พร้อมหนุนไพฑูรย์ ส่วนเจ้าตัว ย้ำไม่น้อยใจ ชี้เข้าใจการเมืองแค่ตำแหน่งหมุนเวียน ปัดเสธ.ทาบร่วมพรรค กั๊ก อนาคตค่อยว่ากันหนุน ปชป. เสธ.หนั่น






(13 มิ.ย.) ที่ห้องจัดเลี้ยงธนบุรี โรงแรมริเวอร์ไซด์ บางพลัด กทม. วันที่ 13 มิ.ย.53 เวลา 12.00 น. สมาคมชาวพิจิตร และกลุ่มสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์กลุ่มต่างๆ กว่า 200 คน ร่วมงานเลี้ยง “ มุทิตาจิต รัฐมนตรีในดวงใจ ” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อการสังสรรค์ ขอบคุณและให้กำลังใจนายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมว.แรงงาน และ ส.ส.พิจิตร 11 สมัย หลังพ้นจากตำแหน่ง รมว.แรงงาน โดยเป็นการจัดเลี้ยงอาหารบุฟเฟต์ มีวงดนตรีร้องเพลงขับกล่อมบนเวที ซึ่งชาวพิจิตร และตัวแทนกลุ่มแรงงานต่างๆ ได้นำดอกกุหลาบสีแดง สีชมพู รวมทั้งกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงกำลัง มามอบให้เป็นกำลังนายไพฑูรย์จำนวนไม่น้อย
 ขณะที่งานเลี้ยงครั้งนี้มีนางฉวีวรรณ ขจรประศาสน์ ที่ปรึกษาสมาคมชาวพิจิตร ภริยา พล.ต.สนั่น รองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา นำกระเช้าดอกไม้มาร่วมให้กำลังใจนายไพฑูรย์ด้วย รวมทั้งกลุ่มเอกชนบริษัทจ้างงาน และข้าราชการรัฐวิสาหกิจ อาทิ นายอดิศร เกียรติโชควิวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ( กฟภ.)
 โดยนางฉวีวรรณ กล่าวบนเวทีว่า วันนี้เดินทางมาเป็นตัวแทนของ เสธ.หนั่น ซึ่งติดภารกิจต่างจังหวัด โดย เสธ.หนั่น มีความรักต่อนายไพฑูรย์ เหมือนพี่ น้อง วันนี้ เสธ.หนั่น จะคอยให้กำลังนายไพฑูรย์เป็นคนแรก ซึ่งคนพิจิตรมีความรักต่อกัน อย่างการเลือกตั้ง เสธ.หนั่น นายไพฑูรย์ และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ต่างก็ดูแลพื้นที่ของตนเอง ส่วนเรื่องที่นายไพฑูรย์ ถูกปรับออกจากตำแหน่ง รมว.แรงงาน คนพิจิตรก็เข้าใจเรื่องของสถานการณ์การเมือง ก็ไม่เป็นไรโดยวันนี้ตนเป็นตัวแทน เสธ.หนั่นมาให้กำลังใจนายไพฑูรย์แล้ว เพราะนายไพฑูรย์ เป็นนักการเมืองที่คนพิจิตรรักมากเหมือน เสธ.หนั่น
 ด้านนายไพฑูรย์ กล่าวขอบคุณทุกกลุ่มที่เดินทางมาให้กำลัง พร้อมระบุว่า แม้การเมืองจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ตนไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไรที่ต้องถูกปรับออกจากตำแหน่ง รมว.แรงงาน เพราะตนไม่ได้ยึดติดอำนาจ วาสนา ตำแหน่งก็มักจะมีการหมุนเวียนกันไป ซึ่งตนอายุร่วม 70 ปีแล้วทำงานกับใครก็ไม่มีปัญหา อย่างนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.แรงงานคนใหม่ ก็ได้พูดคุยกันยังเรียกตนว่าพ่อเลย ขณะที่นโยบายการทำงาน นายเฉลิมชัยประกาศไว้แล้วว่า จะสานต่อนโยบายที่ตนเคยทำไว้ จึงคิดว่าจะไม่มีปัญหาอะไรมาก อย่างไรก็ดีในการทำงานก็ต้องช่วยกันใน ครม. และต้องใช้เวลา โดยการทำงานของรัฐบาลจะเป็นที่พอใจหรือไม่ สุดท้ายเมื่อมีการเลือกตั้งจะเป็นเครื่องชี้วัด สำหรับคนพิจิตรเองราก็รักกันเหมือนพี่น้อง ซึ่งแม้ว่าตนจะไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังคงสถานะ ส.ส.พิจิตร ก็ต้องทำหน้าที่นี้ต่อไปในสภา ส่วนอนาคตการเมืองจะเป็นอย่างไร ต่อไปก็ต้องรอดูความเคลื่อนไหว
 ทั้งนี้นายไพฑูรย์ ยังให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ตนไม่รู้สึกน้อยใจ วันนี้ก็ถือเป็นการเลี้ยงสังสรรค์กลุ่มบุคคลที่ตนเคยร่วมทำงานด้วยและให้กำลังใจกัน ส่วนอนาคตการเมืองนั้น จากนี้ตนก็ลงพื้นที่ตามปกติ ซึ่งอนาคตจะไปร่วมงานกับพล.ต.สนั่น หากมีการทาบทาม หรือยังจะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์นั้น อนาคตค่อยมาพูดกันเวลานี้ไม่มีอะไร การที่นางฉวีวรรณ ภริยา พล.ต.สนั่น เดินทางมาวันนี้ ก็มาให้กำลังกันในฐานะคนพิจิตร ไม่มีการทาบทามอะไร
 เมื่อถามว่า ในการลงเลือกตั้งอนาคตนั้นจะมีความลำบากหรือไม่ หากยังไม่ได้ตัดสินใจอยู่ร่วมกับ พล.ต.สนั่น ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ด้วย นายไพฑูรย์ กล่าวว่า ก็ยอมรับว่าประชาชนอาจสับสนบ้างที่พื้นที่มี ส.ส.หลายกลุ่ม แต่ที่ผ่านมาคนพิจิตร เห็นแล้วว่าสามารถมี ส.ส.4 คน ที่อยู่ 3 พรรคได้








ข่าวที่เกี่ยวข้องพท.ปูดปชป.'เหนือ-ตะวันออก'จับมือฝ่ายค้าน คณิตยันนายกฯไว้ใจพร้อมทำหน้าที่ไม่หวั่นเสียงต้านพุธที่ 9 มิถุนายน 2553

ครม.คนรักมาร์ค เทพเทือกมั่นใจ7เสียงพผ.ยกมือผ่านงบฯ54แน่

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

บัวแก้วเตรียมเชิญองค์กรสิทธิฯฟังแผนปรองดอง

บัวแก้วเตรียมเชิญองค์กรสิทธิฯฟังแผนปรองดอง



คมชัดลึก : บัวแก้วแจงองค์การนิรโทษกรรมสากล ชูคณิตการันตีเป็นกลาง โปร่งใส






 (13มิ.ย.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ แถลงว่า เมื่อวันที่ 11มิ.ย.องค์การนิรโทษกรรมสากลทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ เรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์การชุมนุม โดยให้เป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นกลาง ไม่มีการแทรกแซง และผู้เป็นกรรมการควรเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ เชี่ยวชาญด้านการสอบสวน และสาระการสอบสวนต้องครบถ้วน แต่ไม่ได้ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการสอบสวน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจงว่า สาระต่าง ๆ ที่องค์การนิรโทษกรรมสากลเสนอมา เป็นเรื่องที่ตรงกับความตั้งใจของรัฐบาล ทั้งคนที่เป็นกลาง มีความรู้ความสามารถในการสืบสวนสอบสวน เช่นนายคณิต ณ นคร และมีอิสระในการตั้งกรรมการมาสอบ
 นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า ส่วนขั้นตอนการดำเนินงานในแผนปรองดองนั้น กระทรวงการต่างประเทศจะเชิญสื่อต่างชาติ คณะทูตานุทูต เข้ารับฟังการชี้แจง โดยเริ่มจากในสัปดาห์หน้า จะเชิญองค์กรสิทธิมนุษยชน เอ็นจีโอ เข้ามารับทราบรายละเอียด ส่วนในปลายเดือน มิ.ย. จะเชิญองค์การนิรโทษกรรมสากล คณะองค์กรระหว่างประเทศ องค์การสิทธิมนุษยชน มาชี้แจงต่อไป
 








ข่าวที่เกี่ยวข้องสุเทพเตรียมดำเนินคดี"ตู่"กล่าวหาตั้งมวลชนต้านมาร์คชี้อานันท์ไม่ปฏิเสธร่วมปฏิรูปไทยมาร์คย้ำไม่ปรองดองกับผู้ก่อการร้าย"จตุพร"ขู่แดงลุกฮือรอบ3ถ้ารัฐไม่หยุดไล่ล่าแดงสุมไฟแค้นกองใหม่

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

มาร์คไม่อยากเห็นปชต.แค่เลือกตั้งม็อบวอนอปท.ช่วยปรองดอง

มาร์คไม่อยากเห็นปชต.แค่เลือกตั้งม็อบวอนอปท.ช่วยปรองดอง



คมชัดลึก : "อภิสิทธิ์ ชี้วิกฤตประเทศ นักการเมืองผิด ศรัทธาลด ไม่อยากเห็นประชาธิปไตยมีแค่การเลือกตั้ง และการเดินขบวน วอน อปท.นำแผนปรองดองไปสู่ท้องถิ่น






 เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 13 มิ.ย.2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี , นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย พร้อมคณะได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดการประชุมสามัญครั้งที่ 53 ประจำปี 2553 ของสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย(สทท.) ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(มอ.)อ.หาดใหญ่ โดยมีนายกเทศมนตรีและปลัดเทศบาลทั่วประเทศประมาณ 4,500 คนร่วมประชุม
 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เทศบาลเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบหนึ่ง ที่มีพันธกิจและบทบาทครอบคลุมเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นกลไกลในระดับท้องถิ่น ใกล้ชิดกับประชาชน และมีการทำงานสนองตอบประชาชนด้านการบริการสาธารณะ โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นรากฐานของประชาธิปตย จึงเป็นองค์กรที่สำคัญต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน
 นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจมาตลอด ถึงแม้รัฐบาลบริหารประเทศได้ประมาณ 1 ปีเศษๆ ได้มีการผลักดันกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการปกครองส่วนท้องถิ่น ยังล่าช้าไปมาก เพราะสถานการณ์การเมืองที่ไม่นิ่ง กฏหมายที่เกี่ยวกับท้องถิ่นที่ค้างอยู่ 4 ฉบับ ตนพยายามเร่งรัดให้เข้าสภาให้หมด ก่อนที่รัฐบาลจะหมดวาระ เช่น กฏหมายการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยการวางรากฐานของประชาธิปไตยให้แข็งแกร่ง ให้ประชาชนเข้าใจว่า ประชาธิปไตยที่มีมากกว่าการลงคะแนนเสียง และการเดินขบวน เมื่อไม่พอใจเท่านั้น
 นายอภิสิทธิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การออกฏกหมายปกครองรูปแบบพิเศษเพิ่มมากขึ้น โดยในในเร็วๆนี้จะยกฐานะเทศบาลเมืองแม่สอด ให้เป็นการปกครองในรูปแบบพิเศษ เหมือนกับ กทม.และเมืองพัทยา เพราะเมืองการค้าชายแดนและลักษณะเศรษฐกิจเฉพาะ ให้อำนาจท้องถิ่นเพิ่มขึ้น เพื่อให้ท้องถิ่นเดินหน้าไม่หยุด
 อย่างไรก็ตาม ถือว่าโชคไม่ดีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้ามาบริหารประเทศในช่วงที่วิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลมีงบประมาณไม่พอ เก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้า 2 แสนล้านบาท ส่งผลให้เกิดอุปสรรคและปัญหาเรื่องงบประมาณที่จัดสรรให้กับท้องถิ่น จนส่งผลกระทบต่อการบริหารงานของท้องถิ่น
 นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2554 สถานะการเงินการคลังของประเทศดีขึ้น มีการเก็บภาษีได้เกินกว่าเป้า การจัดสรรงบประมาณให้กับท้องถิ่นดีกว่าปี 2553 จะจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นเกินกว่าร้อยละ 25  นอกจากนี้เรื่องที่ตนจะฝากให้กับ อปท.คือเรื่องแผนฟื้นฟู ปรองดอง และการปฏิรูปประเทศ รัฐบาลยังมีวาระบริหารประเทศอีก 1 ปีกว่าๆ หากเหตุการณ์ทางการเมืองสงบ อาจจะมีการจัดการเลือกตั้งเร็วขึ้น แต่ตอบคำถามเกิดขึ้นว่า เมื่อเลือกตั้งให้เร็วขึ้นแล้ว ประเทศชาติได้อะไร หากขณะและหลังการเลือกตั้งยังมีความรุนแรง เกิดมีการยุบพรรค หรือกรรมการถูกตัดสิทธิทางการเมือง จะต้องมีการออกมาโววาย กล่าวหาคนโน้มคนนี้และนำไปสู่การชุมนุมประท้วงขึ้นอีก การเลือกตั้งไม่ได้แก้ปัญหาความขัดแย้ง
 “นักการเมืองไม่กระทบ นักการเมืองไม่ได้สูญเสียงชีวิต มีแต่ประชาชนที่มาชุมนุมทางการเมืองโดยบริสุทธิ์ ได้รับความเดือดร้อนทั้งด้านจิตใจ เศรษฐกิจและชีวิต แม้แต่ในเวลานี้หลายพื้นที่ยังไม่สงบ ส่งผลกระทบต่อท้องถิ่นทำให้การท่องเที่ยวซบเซา ท้องถิ่นมีรายได้ลดลง บางแห่งเทศบาลถูกเผา รถเทศบาลถูกทำลาย ต้องเอาเงินภาษีประชาชนมาจัดซื้อและสร้างใหม่ ”
 นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่มีความต้องการเห็นประเทศเดินหน้า มีความสงบและสันติ ให้มีการฟื้นฟูสังคมและจิตใจก่อ แผนนปรองดอง 5 ข้อ อปท.มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดขึ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และส่งเสริมสวัสดิการให้กับชุมชน แต่บางคนยังเข้าใจผิด ว่าการปรองดองคือการเอาคนผิดมาทำให้ถูก ปรองดองต้องอิงหารเมือง คำว่าการปรองดองคือการเอาจุดแข็งที่มีอยู่มาหลอมรวม ระดมสรรพกำลังที่มีทางสังคมและจิตใจมาหลอมรวม เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนให้ประเทศชาติเดินหน้า
 นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ตนยอมรับว่าสื่อในปัจจุบันทั้งในท้องถิ่นและส่วนกลางมีบทบาทมาก ให้วงการสื่อช่วยกัน 2 เรื่องคือให้ทุกสื่อเป็นสื่อแท้จริง ไม่ตั้งขึ้นเพื่อการเมือง ยุยงให้ใช้ความรุนแรง บิดเบือนข้อเท็จจริงและให้เกิดเกลียดชังฝ่ายตรงกันข้าม และประการสุดท้ายให้องค์กรสื่อกำหนดบทบาทและหน้าที่สื่อให้ชัดเจน
 “มีคำกล่าวว่าปัญหาของประเทศทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาจากการเมือง ดังนั้นนักการเมืองทุกคนผิด นายกและสมาชิกสภาเทศบาลและ สส.มาจากการเลือกตั้ง ก็เป็นนักการเมืองผิด มาทบทวนว่าการเมืองที่ก่อให้เกิดความแตกแยก ให้เกิดความเสียหายและที่สุดนำไปสู่ความเสื่อมความศรัทธา ซึ่งเป็นสิ่งที่ฟื้นฟูอยากที่สุด คือความศรัทธานักการเมือง มาช่วยกันสร้างการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย การเลือกตั้งต้องโปร่งใส มีความรับผิดชอบและไม่เอาความรุนแรง นักการเมืองมาทุกคนมากอบกู้วิกฤตเพื่อให้ประเทศพ้นวิกฤต ”
 








ข่าวที่เกี่ยวข้องมาร์คย้ำไม่ปรองดองกับผู้ก่อการร้ายอภิสิทธิ์แจงเป็นเรื่องศอฉ.นิรโทษฯเสื้อแดงทนายทักษิณโจมตีรบ.ไม่น่าเชื่อถือสอบสลายม็อบ ปฏิรูปสื่อปูทางไปสู่เผด็จการหรือ"อภิสิทธิ์"? มาร์คชี้แผนปรองดองคนไทยเกิน95%ต้องร่วมมือ

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

นายกฯวอนอปท.ร่วมสร้างรากฐานประชาธิปไตย

นายกฯวอนอปท.ร่วมสร้างรากฐานประชาธิปไตย

นายกรัฐมนตรี เปิดงานประชุมใหญ่สันนิบาตทั่วประเทศ ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อ้อนนายกเล็ก ร่วมแผนปรองดอง สร้างรากฐานประชาธิปไตยที่ถูกให้กับประชาชนในประเทศ...เมื่อเวลาประมาณ 13.10 น. วันที่ 13 มิ.ย.2553ที่หอประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานการประชุมใหญ่สันติบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 53 มีผู้ร่วมติดตาม เช่น นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นายศิริโชค โสภา โดยมีนายวิญญู ทองสกุล ผวจ.สงขลา นายประภัสร์ ภู่เจริญ นายกสมาคมสันนิบาตแห่งประเทศไทย นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และคณะผู้บริหารเทศบาลทั่วประเทศประมาณ 3,000 คน ให้การต้อนรับ  นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวบรรยายพิเศษในเรื่องการกระจายอำนาจรัฐไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ว่า ตนเองเป็นผู้ให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจ มาตลอด และส่งเสริมการปกครองโดยประชาธิปไตยไปสู่ฐานราก นอกจากนั้นยังตั้งใจที่จะผลักดันกฎหมายที่มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนา อปท.มากขึ้น คือ การให้ประชาชนมีส่วนร่วมในของประชาชนในการบริหาร อปท. เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในส่วนของ อปท.มากที่สุด และการจะทำให้ประชาธิปไตยฝังลึกได้นั้น ประชาชนต้องมีส่วนร่วมมากขึ้น ไม่ใช่ว่าจะมีแต่มาเลือกตั้ง และก็มาชุมนุมเดินขบวนเวลาได้รับความเดือดร้อน และ การเริ่มต้นในการจัด อปท.รูปแบบพิเศษ ที่มีความต้องการเฉพาะในเขตพิเศษในการบริหารเศรษฐกิจตามแนวชายแดน ท้องถิ่นจะสามารถใช้อำนาจพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ โดยให้ทางรัฐบาลกลางโอนอำนาจผ่านมาให้ โดยไม่ต้องออกแก้ไขเป็น พรบ. ส่วนเรื่องการจัดสรรงบประมาณนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าช่วงที่ตนเองเข้ามาบริหารประเทศ ต้องเจอกับปัญหาเศรษฐกิจ รัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาอย่างดีที่สุด ข้อจำกัดของงบประมาณ มีมาจากปัญหาเมื่อปลายที่ 2551 ซึ่งตอนนี้งบสำรองของรัฐบาลเหลืออยู่ประมาณ 7,000 พันล้านบาท ซึ่งจะต้องเก็บไว้เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนให้มากที่สุด และขอให้มั่นใจว่าการจัดสรรงบประมาณในปลาย 2554 น่าจะดีขึ้นแน่นอน ซึ่งได้มีการชี้แจงให้กับคณะกรรมาธิการในส่วนของรัฐบาลและของพรรคทราบแล้ว เพื่อให้ช่วยสนับสนุนแล้ว แต่ตอนนี้ก็กังวลในเรื่องของการแปรญัตติในสภาผู้แทนราษฎร แต่ให้มั่นใจว่ารัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจแต่จะไม่ให้กระเทือนกับ อปท. ส่วนเรื่องการขับเคลื่อนแผนการฟื้นฟูประเทศ การปฏิรูป และแผนการปรองดองในชาติ นายกรัฐมตรี กล่าวว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องของการเมือง หากสถานการณ์บ้านเมืองมีความสงบ มีความเหมาะสม และการเลือกตั้งจะเป็นการช่วยเดินหน้า หรือการแก้ไขปัญหาของประเทศได้ เป็นการตนเองไม่ปฏิเสธที่จะเลือกตั้งเร็วขึ้น มันต้องตอบคำถามได้ว่า ทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติหรือไม่ หากมีการเลือกตั้งแล้วมีความรุนแรง ก็จะเป็นการทำลายกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศ เลือกตั้งแล้วยังมีความขัดแย้ง ในเรื่องของกฎหมายเลือกตั้ง ยังมีการโต้แย้งกันอยู่ เราก็ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร ดังนั้นการตัดสินใจในทางการเมืองของรัฐบาล ไม่ได้คิดถึงเรื่องผลทางการเมืองในระหว่างพรรค แต่คิดว่าจะทำยังไงให้บ้านเมืองเราเดินไปข้างหน้า ในลักษณะที่สงบ สันติ มีการยอมรับทุกฝ่าย เพราะที่สุดเมื่อเกิดความวุ่นวายทางการเมือง ความเสียหาย ความสูญเสียก็จะเกิดขึ้นกับประชาชน ไม่ได้เกิดกับนักการเมือง ล่าสุดต้องมีการสูญเสียถึงแก่ชีวิตก็เป็นประชาชน ท้องถิ่นก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ตนเองมั่นใจ100 เปอร์เซ็นต์ ว่าความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ อยากเห็นว่าทำอย่างไรประเทศไทยจะเดินหน้าได้ และให้มีความสงบ สันติ ทำอย่างไรให้ทุกอย่างเป็นปกติ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวอีกว่า รัฐบาลถูกมองว่าเป็นคู่กรณี และหากว่าปัญหาเกิดจากการเมือง นักการเมืองทั้งหมดต้องรับผิดชอบ แผนปรองดอง แผนฟื้นฟู แผนการปฏิรูป ยืนยันว่าไม่ใช่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นความพยายามที่จะรักษาการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นการเมืองที่ต้องมีรัฐสภา มีนิติรัฐ นิติธรรม แผนปรองดองทั้ง 5 ข้อ นั้น จะสำเร็จได้ ต้องไม่ใช่นายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาล แต่จะสำเร็จได้ก็ต้องเป็นประชาชนทุกภาคส่วน และไม่ได้อยู่แค่เพียง 5 ข้อ ประชาชนสามารถนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นได้ ซึ่งก็อยากจะฝากให้ทาง อปท.ช่วยกันสอดส่องดูแล อย่าให้ใครมาทำการยุยง ปลุกปั่น บิดเบือนข้อมูลต่าง ๆ แล้วก็นำไปเผยแพร่ ให้เกิดความเข้าใจผิดและขัดแย้งกัน อย่างเช่นมีอยู่ในบางพื้นที่  สุดท้ายนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า หากปัญหาทั้งหมดมีการบอกว่ามาจากการเมือง ผู้บริหาร อปท.ทั้งหมด ก็มาจากการเมือง ดังนั้นต้องมาช่วยกันทบทวนว่า การเมืองแบบไหนที่ทำให้ประเทศ สังคมเดินหน้าได้ แบบไหนสร้างความรุนแรง เสียหายให้กับประเทศ และตนเองเชื่อว่า อปท.มีแนวความคิดที่ดีอีกเยอะ ที่จะสามารถช่วยรัฐบาลได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้อยู่ที่ศรัทธาของประชาชน คือสิ่งที่ยากที่สุดที่แก้ไขได้ เรานักการเมืองทุกภาคส่วนต้องมาร่วมกัน ที่จะต้องกอบกู้ ฟื้นฟูศรัทธาของประชาชน ที่จะปฏิรูปเพื่อที่จะให้ประเทศเดินหน้าได้ และมีการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยโปร่งใส มีความรับผิดชอบ และเป็นการเมืองที่ไม่ใช้ความรุนแรง อันจะนำมาซึ่งความสงบสันติ เพื่อให้ประเทศพ้นจากวิกฤต ตนเองจึงขอความร่วมมือในฐานะเพื่อนนักเมืองด้วยกัน เพื่อให้ความสมานฉันท์ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เพื่อสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ ที่เป็นประชาธิปไตยอยู่ในขณะนี้ และเพื่อให้เป็นไปตามแผนปรองดองที่รัฐบาลมีความตั้งใจดำเนินการต่อไป หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี ก็ได้เดินทักทายผู้เข้าร่วมประชุม ก่อนจะเดินทางกลับโดยมีการคุ้มกันเข้มงวด


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

มาร์คชี้ปชต.ไม่ใช่แค่เลือกตั้งก่อม็อบ

มาร์คชี้ปชต.ไม่ใช่แค่เลือกตั้งก่อม็อบ



คมชัดลึก : "อภิสิทธิ์ ชี้วิกฤตประเทศนักการเมืองผิด ศรัทธาลด ไม่อยากเห็นประชาธิปไตยมีแค่การเลือกตั้ง และการเดินขบวน วอน อปท.นำแผนปรองดองไปสู่ท้องถิ่น






 เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 13 มิ.ย.2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี , นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย พร้อมคณะได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดการประชุมสามัญครั้งที่ 53 ประจำปี 2553 ของสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย(สทท.) ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(มอ.)อ.หาดใหญ่ โดยมีนายกเทศมนตรีและปลัดเทศบาลทั่วประเทศประมาณ 4,500 คนร่วมประชุม
 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เทศบาลเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบหนึ่ง ที่มีพันธกิจและบทบาทครอบคลุมเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นกลไกลในระดับท้องถิ่น ใกล้ชิดกับประชาชน และมีการทำงานสนองตอบประชาชนด้านการบริการสาธารณะ โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นรากฐานของประชาธิปตย จึงเป็นองค์กรที่สำคัญต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน
 นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจมาตลอด ถึงแม้รัฐบาลบริหารประเทศได้ประมาณ 1 ปีเศษๆ ได้มีการผลักดันกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการปกครองส่วนท้องถิ่น ยังล่าช้าไปมาก เพราะสถานการณ์การเมืองที่ไม่นิ่ง กฏหมายที่เกี่ยวกับท้องถิ่นที่ค้างอยู่ 4 ฉบับ ตนพยายามเร่งรัดให้เข้าสภาให้หมด ก่อนที่รัฐบาลจะหมดวาระ เช่น กฏหมายการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยการวางรากฐานของประชาธิปไตยให้แข็งแกร่ง ให้ประชาชนเข้าใจว่า ประชาธิปไตยที่มีมากกว่าการลงคะแนนเสียง และการเดินขบวน เมื่อไม่พอใจเท่านั้น
 นายอภิสิทธิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การออกฏกหมายปกครองรูปแบบพิเศษเพิ่มมากขึ้น โดยในในเร็วๆนี้จะยกฐานะเทศบาลเมืองแม่สอด ให้เป็นการปกครองในรูปแบบพิเศษ เหมือนกับ กทม.และเมืองพัทยา เพราะเมืองการค้าชายแดนและลักษณะเศรษฐกิจเฉพาะ ให้อำนาจท้องถิ่นเพิ่มขึ้น เพื่อให้ท้องถิ่นเดินหน้าไม่หยุด
 อย่างไรก็ตาม ถือว่าโชคไม่ดีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้ามาบริหารประเทศในช่วงที่วิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลมีงบประมาณไม่พอ เก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้า 2 แสนล้านบาท ส่งผลให้เกิดอุปสรรคและปัญหาเรื่องงบประมาณที่จัดสรรให้กับท้องถิ่น จนส่งผลกระทบต่อการบริหารงานของท้องถิ่น
 นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2554 สถานะการเงินการคลังของประเทศดีขึ้น มีการเก็บภาษีได้เกินกว่าเป้า การจัดสรรงบประมาณให้กับท้องถิ่นดีกว่าปี 2553 จะจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นเกินกว่าร้อยละ 25  นอกจากนี้เรื่องที่ตนจะฝากให้กับ อปท.คือเรื่องแผนฟื้นฟู ปรองดอง และการปฏิรูปประเทศ รัฐบาลยังมีวาระบริหารประเทศอีก 1 ปีกว่าๆ หากเหตุการณ์ทางการเมืองสงบ อาจจะมีการจัดการเลือกตั้งเร็วขึ้น แต่ตอบคำถามเกิดขึ้นว่า เมื่อเลือกตั้งให้เร็วขึ้นแล้ว ประเทศชาติได้อะไร หากขณะและหลังการเลือกตั้งยังมีความรุนแรง เกิดมีการยุบพรรค หรือกรรมการถูกตัดสิทธิทางการเมือง จะต้องมีการออกมาโววาย กล่าวหาคนโน้มคนนี้และนำไปสู่การชุมนุมประท้วงขึ้นอีก การเลือกตั้งไม่ได้แก้ปัญหาความขัดแย้ง
 “นักการเมืองไม่กระทบ นักการเมืองไม่ได้สูญเสียงชีวิต มีแต่ประชาชนที่มาชุมนุมทางการเมืองโดยบริสุทธิ์ ได้รับความเดือดร้อนทั้งด้านจิตใจ เศรษฐกิจและชีวิต แม้แต่ในเวลานี้หลายพื้นที่ยังไม่สงบ ส่งผลกระทบต่อท้องถิ่นทำให้การท่องเที่ยวซบเซา ท้องถิ่นมีรายได้ลดลง บางแห่งเทศบาลถูกเผา รถเทศบาลถูกทำลาย ต้องเอาเงินภาษีประชาชนมาจัดซื้อและสร้างใหม่ ”
 นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่มีความต้องการเห็นประเทศเดินหน้า มีความสงบและสันติ ให้มีการฟื้นฟูสังคมและจิตใจก่อ แผนนปรองดอง 5 ข้อ อปท.มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดขึ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และส่งเสริมสวัสดิการให้กับชุมชน แต่บางคนยังเข้าใจผิด ว่าการปรองดองคือการเอาคนผิดมาทำให้ถูก ปรองดองต้องอิงหารเมือง คำว่าการปรองดองคือการเอาจุดแข็งที่มีอยู่มาหลอมรวม ระดมสรรพกำลังที่มีทางสังคมและจิตใจมาหลอมรวม เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนให้ประเทศชาติเดินหน้า
 นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ตนยอมรับว่าสื่อในปัจจุบันทั้งในท้องถิ่นและส่วนกลางมีบทบาทมาก ให้วงการสื่อช่วยกัน 2 เรื่องคือให้ทุกสื่อเป็นสื่อแท้จริง ไม่ตั้งขึ้นเพื่อการเมือง ยุยงให้ใช้ความรุนแรง บิดเบือนข้อเท็จจริงและให้เกิดเกลียดชังฝ่ายตรงกันข้าม และประการสุดท้ายให้องค์กรสื่อกำหนดบทบาทและหน้าที่สื่อให้ชัดเจน
 “มีคำกล่าวว่าปัญหาของประเทศทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาจากการเมือง ดังนั้นนักการเมืองทุกคนผิด นายกและสมาชิกสภาเทศบาลและ สส.มาจากการเลือกตั้ง ก็เป็นนักการเมืองผิด มาทบทวนว่าการเมืองที่ก่อให้เกิดความแตกแยก ให้เกิดความเสียหายและที่สุดนำไปสู่ความเสื่อมความศรัทธา ซึ่งเป็นสิ่งที่ฟื้นฟูอยากที่สุด คือความศรัทธานักการเมือง มาช่วยกันสร้างการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย การเลือกตั้งต้องโปร่งใส มีความรับผิดชอบและไม่เอาความรุนแรง นักการเมืองมาทุกคนมากอบกู้วิกฤตเพื่อให้ประเทศพ้นวิกฤต ”
 








ข่าวที่เกี่ยวข้องมาร์คย้ำไม่ปรองดองกับผู้ก่อการร้ายอภิสิทธิ์แจงเป็นเรื่องศอฉ.นิรโทษฯเสื้อแดงทนายทักษิณโจมตีรบ.ไม่น่าเชื่อถือสอบสลายม็อบ ปฏิรูปสื่อปูทางไปสู่เผด็จการหรือ"อภิสิทธิ์"? มาร์คชี้แผนปรองดองคนไทยเกิน95%ต้องร่วมมือ

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

Monday, May 31, 2010

เทือกปัดข่าวพผ.ฟรีโหวตรมต.ถูกซักฟอก

เทือกปัดข่าวพผ.ฟรีโหวตรมต.ถูกซักฟอก



คมชัดลึก :สุเทพ ปัดข่าว พผ. เตรียม ฟรีโหวต ให้ รมต. ที่ถูก ซักฟอก เชื่อแค่ข่าวลือ ยัน พรรคร่วมฯ ต้องโหวตทิศทางเดียวกัน ขวาง ปรับครม. อ้าง ภาพรวม ยังใช้ได้ เผย ยังไม่มีพรรคไหนแจ้งความจำนง






(1พ.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความมั่นใจในคะแนนเสียงโหวตไว้วางใจจากพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ตนเชื่อมั่นว่าหลังจากที่สมาชิกส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร ได้ฟังคำอภิปรายแล้วก็คงจะยกมือสนับสนุนรัฐบาลเหมือนอย่างเดิม และเสียงสนับสนุนรัฐบาลก็คงจะเรียบร้อยดีไม่มีปัญหา
 ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวออกมาทำนองว่าเสียงพรรคร่วมรัฐบาล อาจจะแตกในบางประเด็นโดยเฉพาะเสียงของพรรคเพื่อแผ่นดิน รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ยินว่าเป็นอย่างนั้น คิดว่าน่าจะเรียบร้อย
 ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามรายงานข่าวระบุว่าทางพรรคเพื่อแผ่นดิน แจ้งท่าทีมาแล้วว่าจะขอฟังเหตุผลการอภิปรายก่อน จนทำให้ท่านค่อนข้างเครียดเป็นกังวล เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า “ผมก็เป็นคนแก่แล้ว ก็ขี้กังวลไปเรื่อยเป็นธรรมดา ” 
 ผู้สื่อข่าวถามว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วต้องนัดหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่จำเป็นต้องพูดคุยอะไรกัน เพราะว่าแต่ละคนก็ทำหน้าที่ของตัวเอง และแต่ละคนก็มีความรู้สึกรับผิดชอบของตัวเองอยู่แล้ว ภายหลังการอภิปรายเสร็จแล้วก็ไม่คิดว่าแกนนำพรรคร่วมจะต้องมาคุยกันมันเหนื่อยแล้วเสร็จอภิปรายสองวันก็กลับบ้านนอน
 ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าเสียงคะแนนโหวตลงมติของรัฐมนตรี ที่ถูกอภิปรายแต่ละคนจะเท่ากันหรือไม่ หรือจะมีเสียงแตกในบางประเด็น รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะมีเสียงแตก
 ผู้สื่อข่าวถามว่า อะไรที่ทำให้ท่านมั่นใจว่าเสียงจะไม่แตก เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นว่ามีประเด็นอะไรที่เป็นข้อน่าเคลือบแคลงสงสัยในการอภิปราย และสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลแต่ละท่านก็ทราบดีว่า ที่เรามารวมตัวกันเป็นรัฐบาลเพราะว่าเราอาสาที่จะมารับหน้าที่ ในการแก้ไขปัญหาวิกฤติการณ์ของบ้านเมือง เพราะฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกันทำหน้าที่
 ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า การลงมติเสียงทุกคนต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกันหรือไม่ นายสุเทพ การพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น
 ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่มีข่าวมาว่าพรรคเพื่อแผ่นดินอาจจะไม่ลงมติให้ หรือโหวตสวนในการโวตลงมตินายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า “อย่าเพิ่งไปฟังข่าวลือ ผมยังคิดว่าเป็นข่าวลืออยู่”
 ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าพรรคเพื่อแผ่นดินอ้างเป็นเอกสิทธิของส.ส.ปล่อยลูกพรรคฟรีโหวต แกนนำรัฐบาลรับได้หรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทั้งลูกพรรคและผู้บริหารพรรคก็ต้องมีความรับผิดชอบ
 ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ในพรรคเพื่อแผ่นดินมีหลายกลุ่ม จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะลงมติไปในแนวทางเดียวกัน นายสุเทพ กล่าวว่า ตนก็ไปเดาใจใครแต่ละคนไม่ได้ เพียงแต่ว่าตนพูดไปตามหลักการ และด้วยความเชื่อมั่นว่าแต่ละท่าน ก็เป็นผู้ที่มีความรู้มีประสบการณ์ มีความเข้าใจเรื่องการเมืองเป็นอย่างดี
 ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นการทุจริตที่จะมีการเปิดโปงในการอภิปรายวันที่ 2 กังวลหรือไม่ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า เท่าที่ดูไม่น่าจะมีอะไรที่ต้องกังวลใจ
 ผู้สื่อข่าวถามว่า ผ่านการอภิปรายฯไปแล้วจำเป็นต้องมีการปรับครม.ยกเครื่องครม.ใหม่หรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ
 ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้นายกฯระบุไว้ว่าจะมีการหารือถึงการปรับครม. หลังการอภิปรายฯ นายสุเทพ กล่าวว่า หลังอภิปรายฯเสร็จแล้วค่อนมาคุยกัน ยังไม่ได้คุยกัน
 ผู้สื่อข่าวถามว่า โดยส่วนตัวท่านเมื่อผ่านมาปีกว่าแล้ว ตรงไหนที่ควรต้องปรับปรุงหรือไม่ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า สำหรับตนก็โอเค ทั้งภาพโดยส่วนรวมใช้ได้ อย่างไรก็ตามทางพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่มีการแจ้งความจำนงที่จะขอปรับครม.ภายในพรรคมาที่ตนแต่อย่างใด








ข่าวที่เกี่ยวข้องเทพเทือกชี้ยูเอ็นแทรกแซงไทยไม่ได้ ซักฟอกเดือดไล่ส.ส.ปชป.ออกห้องประชุมฯวิปรัฐฯโต้ฝ่ายค้านประท้วงน้อยกว่ารบ.ชุดก่อน"อภิสิทธิ์"ยันชี้แจงข้อหาได้ทุกประเด็น บึ้ม!สนั่นห้องเช่าราม53ดับ1สาหัส3ราย

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เพื่อไทย จี้ สำนึกนายกฯ ต้องมาก่อนรับผิดทาง กม.

เพื่อไทย จี้ สำนึกนายกฯ ต้องมาก่อนรับผิดทาง กม.

อภิปรายวันที่สอง ส.ส.พท.ตามขย่ม จี้ สำนึกการเมืองนายกฯ ต้องมาก่อนความรับผิดทางกฎหมาย “ฐิติมา”จวก “มาร์ค”เอาแต่ใช้โวหารแก้ตัวไปวันๆ ทำ ส.ส.ปชป.ฉุนประท้วงจนถูกไล่ออกจากห้องประชุม... เมื่อเวลา 08.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญนัดพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เป็นวันที่ 2 ทั้งนี้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้สั่งพักการประชุมในวันแรกลงเมื่อเวลา 02.11 น. และเลื่อนการประชุมมาต่อวันนี้ โดยมีนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ซึ่งได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าการอภิปรายวันแรกใช้เวลาไป 16 ชั่วโมง 17 นาที แบ่งเป็นฝ่ายค้าน 9 ชั่วโมง 17 นาที รัฐมนตรีชี้แจง 3 ชั่วโมง 14 นาที และเวลาในการการหารือ ประท้วงและชี้แจงพาดพิง 3 ชั่วโมง 46 นาที โดยในการอภิปรายต่อในช่วงแรก ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทยอยนำภาพนิ่งกรณีการสลายการชุมนุม มาประกอบการอภิปราย อาทิ นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน นำภาพนิ่งกรณีเหตุการณ์ 10 เม.ย. 14-19 พ.ค. มาอภิปรายพร้อมตำหนิว่าตอนนี้นายกฯไม่สง่างามแล้ว ไปไหนก็จะมีคำถามติดตัวว่า มีส่วนปราบปรามประชาชน 100 ศพ จึงไม่ขอไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งต่อไป ขอให้ผู้นำรัฐบาลมีสำนึกทางการเมือง แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองตามที่ได้เคยพูดไว้ ส่วนความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นเรื่องที่จะต้องมีการตรวจสอบและเอาผิดกับผู้ที่ก่อความรุนแรงทุกฝ่ายต่อไป ทั้งนี้ นายสถาพร ยังนำผ้าคาดปากซึ่งมีสัญลักษณ์ของกลุ่มนปช.มาปิดปากขณะอภิปราย พร้อมนำผ้าพันคอของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เขียนว่า “ยุบสภา” และหนังสติ๊กที่เป็นเครื่องมือป้องกันตัวเองของผู้ชุมนุมมาประกอบด้วย ทำให้นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วง จึงมีการปะทะคารมกัน นายสถาพร กล่าวว่าน่าจะนำผ้านี้ไปปิดปาก นายบุญยอด จะได้หยุดประท้วงต่อมานางฐิติมา ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การบริหารราชการของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ทำให้มีคนตายและเจ็บจำนวนมาก หลายคนไม่เกี่ยวข้องแต่โดนลูกหลง คนเหล่านี้ให้ข้อมูลว่า ทหารยิง ทั้งนี้เมื่อมีคนมาเรียกร้องเรือนแสน นายกฯก็ควรทำตามคำพูดที่เคยให้ไว้สมัยเป็นผู้นำฝ่ายค้าน คือการยุบสภาตามวิถีประชาธิปไตย แต่รัฐบาลกลับตัดสินใจปราบปราม และมาแก้ตัวว่าสถานการณ์วันนี้เป็นคนละสถานการณ์กับในอดีต ขอถามว่ากรณีนี้ ต่างกับกลุ่มพันธมิตรฯออกมาชุมนุมตรงไหน นอกจากนี้รัฐบาลใช้สื่อปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังเหมือนวิทยุยานเกราะสมัย 6 ต.ค.19 มือหนึ่งบอกว่าปรองดอง แต่อีกมือกลับไล่ล่ายัดเยียดข้อหาก่อการร้ายให้ฝ่ายตรงข้าม ทั้งที่แต่ละศพที่ตายไม่มีอาวุธเลย แต่คดีก่อการร้ายของพันธมิตรฯกลับช้ามาก นี่คือ 2 มาตรฐาน นายอภิสิทธิ์ ยังแก้ตัวว่าเป็นรัฐบาลแรกที่เปิดการเจรจาและอีกฝ่ายเลิกเจรจาเอง ขอเตือนความจำว่าการเจรจาจะล้มเหลวกี่ครั้ง ไม่สูญเสียเท่ากับการลั่นกระสุนใส่ประชาชนแม้เพียงนัดเดียว นางฐิติมากล่าวต่อว่า ผู้นำแบบนี้ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง แก้ตัวไปวันๆ ดีแต่ใช้ใช้โวหาร พอจับได้ไล่ทันก็อ้างว่าคนละสถานการณ์ แต่ความจริงคือไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง ทำให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วง ซึ่งนางฐิติมา ยอมถอนคำพูด พร้อมระบุว่าสมัยนี้ชายหญิงเท่าเทียมกัน แต่ต่อไปภาพผู้เสียชีวิตจะตามหลอกหลอนทั้งนี้ นางฐิติมา ได้พาดพิงการดำเนินการสองมาตรฐาน ของรัฐบาล โดยเฉพาะการดำเนินคดีของกลุ่มพันธมิตรฯที่ยึดสนามบิน ทำให้นางพจนารถ แก้วผลึก ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงอย่างมีอารมณ์ พร้อมกล่าวพาดพิงอีกฝ่ายว่าไม่จงรักภักดี ทำให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยประท้วงให้ถอนคำพูด แต่นางพจนารถ ยืนยันว่าไม่ถอน เพราะไม่ได้ระบุถึงใคร ทำให้นายสามารถ ต้องสั่งให้นางพจนารถ ออกนอกห้องประชุม


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

เทพเทือกซัดยูเอ็นห้ามจุ้นตั้ง กก.สอบสลายม็อบ

เทพเทือกซัดยูเอ็นห้ามจุ้นตั้ง กก.สอบสลายม็อบ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณสุเทพ กร้าว ซัดยูเอ็นห้ามจุ้นบี้ รบ.ประกันอิสระ กก.สอบเหตุรุนแรงในไทย สับ ทักษิณดิ้นจ้างเซียน กม.ฟ้องรัฐบาลไร้ผลยิ่งทำประเทศชาติเสียหาย...เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายเหตุการณ์การเข้ากระชับพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง จะสร้างความสับสนให้ประชาชนหรือไม่หลังผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว ว่า ฝ่ายค้านอภิปรายวกไปวนมาไปหน้าถอยหลังอยู่เรื่อยและอภิปรายกันหลายคน พี่น้องประชาชนอาจะติดตามฟังยากลำบากนิดหน่อย ส่วนการชี้แจงของพวกตนก็จำเป็นต้องไปที่ประเด็นที่เขาเปิดอภิปราย การชี้แจงก็อาจกระโดดไปมาบ้างเหมือนกัน ก็เป็นเรื่องที่เป็นห่วงอยู่ แต่เชื่อว่าประชาชนที่ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด คงจะได้รับฟังคำอธิบายเพิ่มเติมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนรัฐบาลจะมีการจัดทำเอกสารชี้แจงเพิ่มเติมกับประชาชนอีกหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คิดอยู่ว่าก็น่าจะทำ ด้านการที่ทางพรรคเพื่อไทยเตรียมจะจัดทำซีดี และจัดนิทรรศการเกี่ยวกับภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้น นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ส่วนในกรณีของผู้เสียชีวิต รัฐบาลพร้อมที่จะแยกแยะอย่างชัดเจนหรือไม่ว่า มีกลุ่มก่อการร้ายที่กระทำการกี่คนอย่างไรและมีประวัติอย่างชัดเจน นายสุเทพ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่เขากำลังแยกแยะอยู่แล้ว เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ก็เอารายชื่อบางส่วนมาให้ตนดูตนก็ได้ชี้แจงต่อสภาฯไปแล้ว กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าจ้างทีมงานด้านกฎหมายคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ เพื่อจะฟ้องร้องดำเนินคดีกล่าวหารัฐบาลไทยใช้กำลังปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค.นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเข้าใจ เขามีเงินเยอะ จ้างล็อบบี้ยิสต์จ้างฝ่ายประชาสัมพันธ์ แต่เราก็เอาความจริงเข้าสู้ และเมื่อ 2-3 วันก่อนที่นายกฯ ชี้แจงต่อทูตและชาวต่างประเทศก็ได้ผลดีมาก ความสูญเสียที่เกิดขึ้นในประเทศวันนี้ ไม่มีใครได้ประโยชน์ ทุกคนเสียหายด้วยกันทั้งนั้น แม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เองที่คิดว่าตัวเองน่าจะสะใจที่ทำร้ายประเทศไทย ทำร้ายคนไทยได้ก็ไปเข้าใจผิดว่าคนไทยและประเทศไทยไปกลั่นแกล้งเขา ๆ ก็ไม่ได้อะไรมีแต่เสียลงไปทุกวัน ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามเอาเวทีโลกมายุ่งเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นผลอะไร อันนั้นยิ่งเป็นการทำร้ายประเทศไทยหนักขึ้นไปอีก เขาก็จะยิ่งเสียหายมากขึ้นไปอีก เมื่อถามว่า ทางนางเนวี พิลเลย์ หัวหน้าคณะกรรมาธิการข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้รัฐบาลประกันความเป็นอิสระขององค์กรอิสระตรวจสอบเหตุรุนแรง ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เพื่อหาผู้รับผิดชอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนรัฐบาลจะประกันได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า “ยูเอ็นมาแทรกแซงไม่ได้หรอกครับ”.


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

หมอตุลย์ลั่นคนหลากสีไม่อยู่ใต้อาณัติใคร

หมอตุลย์ลั่นคนหลากสีไม่อยู่ใต้อาณัติใคร



คมชัดลึก :หมอตุลย์ โต้ ฝ่ายค้าน ถูกอภิปรายพาดพิง ลั่นคนหลากสีไม่เคยอยู่ใต้อาณัติใคร แถมปัดไม่เคยรับเงินเพื่อเคลื่อนไหว และไม่เคยเป็นนอมินีเสื้อเหลืองปัดจ้าง ปชช. ร่วมลงชื่อ ถอด 3ส.ส. พท.






(1พ.ค.) นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี แถลงข่าวตอบโต้กรณีนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. นางสาวอรุณี ชำนาญยา ส.ส.พะเยา และนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยกล่าวพาดพิงถึงตน ด้วยข้อความเท็จจนทำให้เกิดความเสียหาย ว่า จากการที่นายวิชาญกล่าวหาตนว่ามอบเช็คจำนวน 1 แสนบาท เพื่อชักจูงครอบครัวของอาสาสมัครที่เสียชีวิต ลงชื่อในแบบถอดถอน 3 ส.ส. ซึ่งหลังเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา ที่ได้มีทหารเสียชีวิต 5 นาย และมีผู้บาดเจ็บอีกนับร้อยราย ก็ได้มีประชาชนที่เห็นอกเห็นใจกับครอบครัวที่เสียชีวิต และบาดเจ็บทั้งทหารและประชาชน จึงได้เรียกร้องให้ตนทำการเปิดบัญชี ซึ่งตนก็ได้เปิดบัญชีออมทรัพย์ของสภากาชาดไทย เพื่อรวบรวมเงินบริจาค เมื่อได้เงินบริจาคจำนวน 3 ล้านบาทเศษ ก็ได้มอบโดยแบ่งเงินจำนวนดังกล่าวให้กับครอบครัวทหาร และประชาชนที่บาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งหมด จึงขอยืนยันว่าไม่มีการนำเงินบริจาคมาชักจูงให้ประชาชนร่วมลงชื่อถอดถอน 3 ส.ส. อย่างแน่นอน
 แกนนำกลุ่มคนเสื้อหลากสี กล่าวว่า กรณีที่นางสาวอรุณีกล่าวหาว่าตน ไปร่วมตรวจค้นคนเสื้อแดงที่จะกลับบ้าน ทั้งที่ความจริงตนไม่ได้ไปร่วมตรวจค้น แต่นำอาสาสมัครไปมอบน้ำดื่มให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะกลับบ้าน อย่างไรก็ตาม การที่นายไพจิตกล่าวหาว่ากลุ่มคนเสื้อหลากสี เป็นนอมินีกับแกนนำเสื้อเหลือง หรือได้รับการว่าจ้างจากรัฐบาลโดยรับเงินมาเป็นร้อยล้านบาท ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะการชุมนุมของคนเสื้อหลากสี เป็นการชุมนุมโดยอิสระไม่ได้อยู่ใต้อาณัติใคร








ข่าวที่เกี่ยวข้องบึ้ม!สนั่นห้องเช่าราม53ดับ1สาหัส3ราย เทือกปัดข่าวพผ.ฟรีโหวตรมต.ถูกซักฟอกเทพเทือกชี้ยูเอ็นแทรกแซงไทยไม่ได้ ซักฟอกเดือดไล่ส.ส.ปชป.ออกห้องประชุมฯวิปรัฐฯโต้ฝ่ายค้านประท้วงน้อยกว่ารบ.ชุดก่อน

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

มาร์คเปิดคลิปแฉไอ้โม่งดำแฝงตัวม็อบ

มาร์คเปิดคลิปแฉไอ้โม่งดำแฝงตัวม็อบ



คมชัดลึก :นายก"อภิสิทธิ์"โต้กลับฝ่ายค้าน เปิดคลิปแฉไอ้โม่งชุดดำ แฝงตัวก่อการร้ายใช้อาวุธสงคราม รับมีคนตายในวัดปทุมฯจริง แต่วิถีกระสุนไม่ได้ยิงจากที่สูง แต่ยิงแนวราบ พร้อมตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย







(1มิ.ย.) ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งภายหลังจากที่นางฐิติมา ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย อภิปรายจบ
 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงว่า ที่ฝ่ายค้านกล่าวหาตน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯและกองทัพ เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก หากเป็นจริง ตนก็ไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้ แต่ขอยืนยันว่า ตลอดการทำงานการเมือง โดยเฉพาะช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งยากลำบากที่สุดในการตัดสินใจ ตนตัดสินใจบนทางที่ดีที่สุดของบ้านเมืองและชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทั้งนี้ ถ้ามองเหตุการณ์เพียงบางส่วนอาจไม่เห็นภาพทั้งหมดจึงไม่เข้าใจ จึงต้องมองภาพรวมด้วย ซึ่งรัฐบาลนี้เข้ามาไม่ได้เริ่มความขัดแย้งการเมือง แต่ความขัดแย้งเริ่มมานานแล้ว บางฝ่ายบอกว่าเริ่มเมื่อรัฐประหาร 19 กันยายน 49 แต่บางฝ่ายบอกว่า เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จากการที่มีรัฐบาลละเมิดรัฐธรรมนูญ 40 หลายเรื่อง ละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพประชาชน พูดกันถึงว่า ยุคนั้นเป็นยุคที่มีประชาชนเสียชีวิตมากสุด เช่น กรณีตากใบ กรือเซะ นโยบายฆ่าตัดตอนเป็นพันศพ แต่ทุกรัฐบาลก็มีปัญหาแบบนี้ ตอนนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯขณะนั้นบอกว่า คือการรักษากฎหมาย ฉะนั้นไม่ต้องลาออกและต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงก่อน
 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่อภิปรายกันว่ารัฐใช้กำลังเอาชนะประชาชน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างความสงบ ตนเห็นด้วย และตนให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในอดีต แต่กรณีเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา ถ้าไม่มีกองกำลังติดอาวุธ ตนมั่นใจว่า จะไม่มีใครเสียชีวิต ตนทราบดีว่า ปัญหาความขัดแย้งเป็นปัญหาใหญ่ ที่ผ่านมาจึงพยายามหลีกเลี่ยงสร้างความขัดแย้งทุกกรณี เช่น ตอนแถลงนโยบาย แต่ต่อมาก็มีการปลุกระดมให้มาต่อต้าน อย่างไรก็ดี ตนเข้าใจได้ในเรื่องที่หลายคนชอบนโยบายของพ.ต.ท.ทักษิณ และอยากให้กลับมามีอำนาจ เพราะเป็นเรื่องปกติของผู้นำทางการเมืองที่มีคนชอบ แต่เมื่อมีการปลุกเร้า มีกองกำลังติดอาวุธแทรกเข้ามา ตัวพ.ต.ท.ทักษิณ วีดีโอลิงก์ปลุกระดม ก็ทำให้เกิดเหตุเมษายน 52 ที่การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนพัทยา และในกทม. จากนั้นตนก็ให้เปิดประชุมร่วมรัฐสภา มีกรรมการศึกษาแนวทางแก้ปัญหา ก็มีการเสนอแก้รัฐธรรมนูญแต่ฝ่ายค้านก็ถอนตัวภายหลัง ทั้งนี้ ก่อนการชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ ตนก็เสนอเงื่อนไขหลายครั้งว่า พร้อมยุบสภา ถ้าทำให้เศรษฐกิจ บรรยากาศทางการเมืองสันติ กติกาเลือกตั้งยอมรับกัน ซึ่งสมาชิกหลายส่วนก็ร่วมมือ
 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ดี มีสมาชิกบางส่วน ไม่สนใจที่จะร่วมสร้างกระบวนการปรองดอง มีขบวนการสร้างข้อมูลบิดเบือนความจริงผลิตซ้ำยาวนาน เช่น เมษายน 52 มีการทุบรถที่กระทรวงมหาดไทย นายสุพร อัตถาวงศ์ พาคนมา ผมก็แปลกใจทำไมเกลียดชังจนถึงจะทำร้ายกันขนาดนี้ มาทราบภายหลังว่า มีคนไปพูดบิดเบือนว่า รถนายกฯชนคนเสื้อแดงบ้าง การ์ดนายกฯยิงบ้าง หรือนายจตุพร พรหมพันธุ์ ยังกล้าพูดความเท็จว่า ที่กระทรวงมหาดไทยเลขาธิการนายกฯบาดเจ็บเองไม่ได้โดนคนเสื้อแดงทำร้าย ทั้งนี้ ขบวนการสร้างความเกลียดชังมีต่อเนื่อง ผมเบื่อแล้วที่จะฟ้องร้อง เฉพาะนายจตุพรมีหลายคดีมาก และยังมีตัดต่อคลิปเสียงจากรายการเชื่อมั่นประเทศไทยอีก จากนั้นการชุมนุมของคนเสื้อแดงมีต่อเนื่องหลายครั้ง แต่รัฐบาลก็ช่วยดูแล ในกลุ่มเสื้อแดงก็มีหลายส่วน บางส่วนก็เกินกว่าข้อเรียกร้องของแดงกลุ่มใหญ่ เช่นกลุ่มแดงสยาม ต่อมาช่วงการชุมนุมครั้งนี้ ก็มีระเบิดต่อเนื่อง นี่คือเงื่อนไขที่ทำให้แตกต่างกับกรณี 14 ตุลา 16 6 ตุลา 19 พฤษภา 35 เพราะในอดีตไม่มีระบบการ์ด ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ นี่คือความยาก
 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลักที่รัฐบาลใช้คือ ยึดตามหลักศาลนั่นคือ ความชอบด้วยรัฐธรรมนูญในการชุมนุมซึ่งระบุว่า หากไปปิดเส้นทางคมนาคมสำคัญหรือกระเทือนต่อการประกอบธุรกิจการดำรงชีวิตอย่างมีนัยสำคัญถือว่าเกินเลยขอบเขตสิทธิการชุมนุม แต่รัฐบาลก็ไม่ได้อ้างเพื่อเข้าไปสลายชุมนุม แต่ได้ฟังเสียงข้อเรียกร้อง เรื่องรัฐธรรมนูญพยายามแล้วแต่ถูกปฏิเสธ เรื่องความเหลื่อมล้ำก็เสนอแนวทางแล้ว บางเรื่องก็เริ่มทำมาก่อนหน้านี้ เช่น เบี้ยยังชีพต่างๆ เรื่องนโยบายของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประชาชนชอบ รัฐบาลนี้ก็ต่อยอดเพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้าน รัฐบาลคิดถึงการแก้ปัญหาทางการเมืองตลอดในการชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ตั้งแต่มีนาคม แต่มีกรณีคู่ขานเช่น ยิงเอ็ม 79 คู่ขนานเป็นระยะ ส่วนการชุมนุมก็ยกระดับเข้ารุกสถานที่ราชการเช่น กกต.หรือไทยคม เมื่อมีการแบ่งชุมนุมเป็น 2 ส่วน คือที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์ วันที่ 10 เมษายน ก็ดำเนินการที่ผ่านฟ้า แต่ความสูญเสียก็เกิดขึ้นช่วงถอนกำลัง บางคนบอกรัฐบาลสร้างสถานการณ์เรื่องคนชุดดำ จึงขอเปิดคลิป
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายอภิสิทธิ์ เปิดคลิปแรก ซึ่งเป็นคลิปวันที่ 10 เมษายน ที่แยกคอกวัว และระบุว่า ภาพเคลื่อนไหวนี้ ยืนยันว่า มีคนกลุ่มหนึ่งติดอาวุธปะปนกับผู้ชุมนุม และผู้ชุมนุมทั่วไปหลายคนไม่รู้ แต่บางคนรู้ ในคลิปยังมีชายชุดดำมีปืนเอเค แต่ใส่เสื้อที่มีความเชื่อมโยงกับการ์ดนปช. นี่คือข้อยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้แต่งขึ้นมา และภาพเหล่านี้ปรากฏสู่สาธารณะไปแล้ว ฉะนั้นจึงเกิดความสูญเสียของประชาชนและเจ้าหน้าที่
 จากนั้นนายอภิสิทธิ์ เปิดคลิปที่สอง เป็นเหตุวันที่ 10 เมษายน ที่เป็นรถกระบะขนทหารบาดเจ็บไปโรงพยาบาลแต่มีคนเสื้อแดงอาวุธไล่ตีไล่จับ โดยนายอภิสิทธิ์ ระบุว่า ถ้าไม่มีคนชุดดำ และการปลุกระดมสร้างความเกลียดชัง เรื่องแบบนี้ไม่เกิน ทั้งนี้ ตนไม่โทษผู้ชุมนุม แต่ปัญหาเกิดจาก คนที่แทรกซึมใช้อาวุธและทำให้ผู้ชุมนุมเข้าใจผิดว่า เจ้าหน้าทำ แต่ก็มีผู้ชุมนุมที่รู้ว่า คนที่ทำไม่ใช่เจ้าหน้าที่ จากนั้น นายกฯได้เปิดคลิปที่ 3 ที่เป็นผู้ชุมนุมให้สัมภาษณ์ช่วงเกิดเหตุว่า มีคนชุดดำที่ไม่ใช่ทหารยิงประชาชน
 จากนั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากคลิปดังกล่าว วันนี้อย่างเพิ่งปรักปรำว่าใครทำเพราะเหตุการณ์ซับซ้อนกว่านั้นเยอะ เมื่อผ่านเหตุ 10 เมษายน ตนก็ยิ่งทราบว่า สถานการณ์ยิ่งยากขึ้น เพราะมีคนติดอาวุธทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่ จึงมีการสืบสวนและจับกุม และการหาแนวทางปรองดอง แต่ตอนนั้นก็มีการยกระดับชุมนุมต่อเนื่อง ที่ราชประสงค์ชุมนุมต่อเนื่องหลายสัปดาห์ เริ่มมีการพูดว่า จะเคลื่อนต่อไปสีลมหรือที่ต่างๆ รัฐบาลจึงส่งทหารตำรวจไปคุ้มกัน ประชาชนที่สีลมก็ขอบคุณ แต่เหตุการณ์ก็ไม่หยุด เหตุการณ์ 22 เมษายน ที่มีการยิงเอ็ม 79 ที่รถไฟฟ้าศาลาแดง สีลม จนมีผู้เสียชีวิต อีกด้านหนึ่งมีประชาชนไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงเริ่มออกมาต่อต้าน ตนก็เกรงว่าจะเกิดม็อบชนม็อบ ช่วงนั้นก็มียิงระเบิดใส่ประชาชนที่ชุมนุมต่อต้านคนเสื้อแดงอีก เหล่านี้เป็นแรงกดดันต่อการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีการบุกโรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งท่ามกลางสงครามยังไม่มีการทำกัน ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ตนยังตัดสินใจเสนอแผนปรองดอง 5 ข้อ ให้เลือกตั้งใหม่ 14 พฤศจิกายน เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม
 นายกฯ กล่าวต่อว่า ตน นายสุเทพ ผบ.ทบ. โดนกดดันมากจากทุกฝ่ายว่า จะทำอย่างไรให้เลิกชุมนุม แต่เมื่อเสนอแผนไปแล้ว สุดท้ายแกนนำผู้ชุมนุมก็ปฏิเสธ รัฐบาลจึงมาคิดว่า จะทำอย่างไร แต่ต้องบนฐานไม่ให้ใช้กำลังปะทะ และไม่ให้เกิดความสูญเสีย จึงใช้มาตรการกดดันปิดล้อม ไม่ให้เอาผู้ชุมนุมเข้าไปเพิ่ม และตัดไฟตัดน้ำ ตั้งด่าน 4 ด้าน โดยไม่ได้เข้าไปในพื้นที่ชุมนุมหลักเลย และตั้งห่างพอจะไม่ให้โดนเอ็ม 79 จากการที่ทราบทางการข่าว แต่ชุดดำ กองกำลังติดอาวุธ และมีการระดมมวลชนจากข้างนอก มาซ้อนไว้อีกเป็นขนมชั้น ดินแดงราชปรารภ คลองเตยบ่อนไก่ สะพานเหลือง คนชุดดำชุดนี้ ตนยืนยันว่า มาใช้กำลัง เอเชียไทม์ เพิ่งตีพิมพ์บทความสำคัญ ชื่อ เปิดหน้ากากชุดดำ มีสื่อ 2 คน เข้าไปอยู่ด้วยเมื่อคืนวันที่ 15 พฤษภาคม แต่ถ่ายรูปออกมาไม่ได้ ได้เขียนบทความยืนยันว่า ชุดดำมีจริง มีอาวุธออกไปปฏิบัติการณ์ ทั้งเอ็ม 16 เอ็ม 79 ระเบิดแสวงเครื่อง มีเยอะไปหมด เวลานั้น ศอฉ.ก็ได้รับการเตือนว่า ปฏิบัติการของคนกลุ่มนี้จะไม่ทำร้ายเพียงเจ้าหกน้าที่รัฐเท่านั้น ศอฉ.จึงออกเตือนผู้สื่อข่าว อาสาสมัคร
 จากนั้นเปิดคลิปที่ 4 ซึ่งเป็นภาพคนชุดดำซุ่มยิงเอ็ม 16 ที่สวนลุมพินี บ่อนไก่ และมีภาพเด็กอยู่บนบังเกอร์ยางรถยนต์ โดยนายอภิสิทธิ์ บรรยายว่า เป็นการนำคนบริสุทธิ์มาเป็นโล่ นอกจากนี้ยังมีภาพชายคลุมหน้าถือปืน ชายแต่งกายคล้ายทหารแต่มีสัญลักษณ์ของฝ่ายผู้ชุมนุม รูปการสั่งการแบบมีแบบแผน ภาพการยิงเอ็ม 79 แต่รัฐบาลก็พยายาม ส.ว.เข้ามา และประสานว่า ทั้งสองฝ่ายจะหยุดยิงหลัง 18.00 น. แต่ข้อเสนอไม่เป็นจริง คืนวันที่ 18 พฤษภาคม ยังมีการยิงเอม 79 อยู่ ช่วงกระชับวงล้อมมียิงเอม 79 กว่าร้อยลูก แกนนำเสนอมาว่า จะเอาผู้ชุมนุมจากทุกที่มารวมที่ราชประสงค์ที่เดียว แบบนี้ไม่ได้แกปัญหา เช้ามืดวันที่ 19 พฤษภาคม จึงบีบพื้นที่เข้าไปอีก ในที่สุดแกนนำประสานมาว่า จะยอมมอบตัว
 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลห่วงเหมือนกันว่า จะบริหารจัดการการยุติการชุมนุมอย่างไร เมื่อผู้ชุมนุมบอกยุติ รัฐบาลก็ให้ทหารอยู่กับที่เพราะกลัวว่าจะเข้าใจผิดและปะทะกับประชาชนที่กำลังจะกลับบ้าน แต่ก่อนชุมนุมก็มีสัญญาณแล้วว่า เมื่อมอบตัว การปฏิบัติการของกลุ่มก่อการร้ายจะไม่ยุติจริง ซึ่งคำพูดบนเวทีของแกนนำตั้งแต่ปีที่แล้วหลาๆยเวทีพูดมาตอดลว่า จะมีการเผา การวางเพลิง การใช้ระเบิดเพลง นอกจากนี้ การชุมนุมครั้งนี้มีการจับกุมชาวอังกฤษ 1 ราย ซึ่งพบในคลิปยูทูบ 1 วันก่อนยุติชุมนุมระบุว่า ถ้ารถถังเข้ามา จะเข้าไปเผาทำลาย ขโมยของในเซ็นทรัลเวิล์ด ต่อมาหลังเซ็นทรัลเวิล์ดโดนเผา ชายคนนี้ ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ บอกว่า อยู่ที่ช่อง 3 เห็นการเผาอย่างเป็นระบบ และยังบอกว่า ต่อไปอีก 1 เดือนคงมีชุมนุมอีก ซึ่งสอดคล้องกับอดีตนายกฯ ฉะนั้น ที่รัฐบาลระบุว่า มีการก่อการร้ายน่าจะชัดเจนแล้วว่า มีการใช้ประชาชนผู้บริสุทธิ์มาเป็นโล่ และต้องการทำให้นานาชาติเห็นว่า ประเทศไทยเป็นรัฐล้มเหลว
 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับเหตุที่วัดปทุมวนาราม มีผู้ประสานมาให้เป็นเขตอภัยทาน ก็ตกลงกัน และตนกำชับศอฉ.ตลอดว่า พื้นที่นั้นต้องปลอดจากอาวุธจริงๆ และเมื่อมีการยุติการชุมนุม ตอนแรกก็ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาทางทิศสยามสแควร์ เพราะเกรงว่า จะเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุม สุดท้ายต้องเอาเข้ามาป้องกันเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ทำให้มีการปะทะกัน มีรอยกระสุนหลายแห่งที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม ต่อมามีข่าวซึ่งมีทั้งตรงและไม่ตรงกับที่ส.ส.ฝ่ายค้านนำมาอภิปราย เรื่องแก๊สน้ำตาไปหลังวัดให้คนออกมาหน้าวัด ไม่มีแน่ แต่มีผู้เสียชีวิตน่าวัดและเต็นท์พยาบาลจริง ซึ่งไม่น่าเกิดขึ้น ซึ่งต้องสอบสวน วันนี้ความเชื่อของแต่ละคนแตกต่างกันไป แต่ขอความเป็นธรรมให้กับศอฉ.ว่า มีเหตุผลอะไรที่เจ้าหน้าที่จะไปดำเนินการกับคนในวัด เพราะการชุมนุมยุติลงแล้ว ส่วนเรื่องทหารบนรางรถไฟฟ้า นายสุเทพ ก็ชี้แจงไปแล้ว
 นอกจากนี้นายกฯยังแสดงภาพที่คนในวัดปทุมโดนยิง พร้อมกับภาพผลการชันสูตวิถีกระสุน โดยนายกฯ ระบุว่า จุดที่กระสุนปืนเข้าไปส่วนใหญ่จะเข้าที่บริเวณช่วงตัว ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยิงจากมุมสูง แต่เป็นการยิงจากแนวราบ เพียงแต่อริยาบทของผู้ถูกยิงแตกต่างกัน โดยจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกันต่อไป แต่ฝ่ายนปช.และอดีตนายกฯ ไม่เห็นด้วยกับการใช้กลไกกรรมการสิทธิ แต่ฝ่ายค้านได้ยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.สอบแล้วก็จะเป็นอีกทางที่คู่ขนานและรัฐบาลจะตั้งกรรมการที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายมาสอบ และยืนยันจะเดินหน้าแผนปรองดอง 5 ข้อ ไม่รวมเรื่องวันเลือกตั้งใหม่ ทั้งนี้จะไม่นำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และขอเชิญชวนประชาชนทุกกลุ่ม รวมถึงที่มาชุมนุม อยากให้เข้ามาร่วมในกระบวนการปรองดองให้มากที่สุด สมาชิกฝ่ายค้านจะมีบทบาทสำคัญ ซึ่งผู้แทนของต่างประเทศ ยุโรป สหรัฐอเมริกา ก็เห็นตามนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายช่วยกันเดินหน้าโดยไม่มีการใช้ความรุนแรง และประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้สื่อข่าว และเรียกร้องให้ฝ่ายค้านมาเข้าร่วมกระบวนการปรองดอง รัฐบาลขอยืนยันตั้งใจ สำนึกถึงความรับผิดชอบที่ต้องมี ผลการตรวจสอบของกระรมการอิสระที่จะตั้งขึ้นจะออกมาอย่างไร ตนพร้อมรับผิดชอบ
 นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนมี 2 ประเด็นที่อยากชี้แจง คือ 1. กรณีทีมีการพาดพิงถึงกองทัพ และทหาร ตนคงบอกไม่ได้ว่าพ้นที่ทุกส่วนจะมีการปฏิบัติอย่างไร แต่กำลังพบได้แสดงความอดทน มีระเบียบวินัย บางภาพเห็นชัดเจนว่าขนาดมีอาวุธอยู่ในมือ เขาก็ยังไม่ใช้แม้โดนทำร้ายก็ไม่ใช้อาวุธตอบโต้ 2. การพาดพิงถึงผบ.ทบ. แม้จะโดนตำหนิว่า ทำไมไม่ใช้กำลังบุกเข้าไป แต่ผบ.ทบ.ก็มีจุดยืนเดียวกับตนและนายสุเทพ ที่จะหาทางให้ไม่ให้สูญเสีย หรือสูญเสียน้อยที่สุด
 








ข่าวที่เกี่ยวข้องหมอตุลย์ลั่นคนหลากสีไม่อยู่ใต้อาณัติใคร บึ้ม!สนั่นห้องเช่าราม53ดับ1สาหัส3ราย เทือกปัดข่าวพผ.ฟรีโหวตรมต.ถูกซักฟอกเทพเทือกชี้ยูเอ็นแทรกแซงไทยไม่ได้ ซักฟอกเดือดไล่ส.ส.ปชป.ออกห้องประชุมฯ

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

Blog Archive