Sunday, June 13, 2010

นายกฯวอนอปท.ร่วมสร้างรากฐานประชาธิปไตย

นายกฯวอนอปท.ร่วมสร้างรากฐานประชาธิปไตย

นายกรัฐมนตรี เปิดงานประชุมใหญ่สันนิบาตทั่วประเทศ ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อ้อนนายกเล็ก ร่วมแผนปรองดอง สร้างรากฐานประชาธิปไตยที่ถูกให้กับประชาชนในประเทศ...เมื่อเวลาประมาณ 13.10 น. วันที่ 13 มิ.ย.2553ที่หอประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานการประชุมใหญ่สันติบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 53 มีผู้ร่วมติดตาม เช่น นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นายศิริโชค โสภา โดยมีนายวิญญู ทองสกุล ผวจ.สงขลา นายประภัสร์ ภู่เจริญ นายกสมาคมสันนิบาตแห่งประเทศไทย นายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และคณะผู้บริหารเทศบาลทั่วประเทศประมาณ 3,000 คน ให้การต้อนรับ  นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวบรรยายพิเศษในเรื่องการกระจายอำนาจรัฐไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ว่า ตนเองเป็นผู้ให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจ มาตลอด และส่งเสริมการปกครองโดยประชาธิปไตยไปสู่ฐานราก นอกจากนั้นยังตั้งใจที่จะผลักดันกฎหมายที่มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนา อปท.มากขึ้น คือ การให้ประชาชนมีส่วนร่วมในของประชาชนในการบริหาร อปท. เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในส่วนของ อปท.มากที่สุด และการจะทำให้ประชาธิปไตยฝังลึกได้นั้น ประชาชนต้องมีส่วนร่วมมากขึ้น ไม่ใช่ว่าจะมีแต่มาเลือกตั้ง และก็มาชุมนุมเดินขบวนเวลาได้รับความเดือดร้อน และ การเริ่มต้นในการจัด อปท.รูปแบบพิเศษ ที่มีความต้องการเฉพาะในเขตพิเศษในการบริหารเศรษฐกิจตามแนวชายแดน ท้องถิ่นจะสามารถใช้อำนาจพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ โดยให้ทางรัฐบาลกลางโอนอำนาจผ่านมาให้ โดยไม่ต้องออกแก้ไขเป็น พรบ. ส่วนเรื่องการจัดสรรงบประมาณนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าช่วงที่ตนเองเข้ามาบริหารประเทศ ต้องเจอกับปัญหาเศรษฐกิจ รัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาอย่างดีที่สุด ข้อจำกัดของงบประมาณ มีมาจากปัญหาเมื่อปลายที่ 2551 ซึ่งตอนนี้งบสำรองของรัฐบาลเหลืออยู่ประมาณ 7,000 พันล้านบาท ซึ่งจะต้องเก็บไว้เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนให้มากที่สุด และขอให้มั่นใจว่าการจัดสรรงบประมาณในปลาย 2554 น่าจะดีขึ้นแน่นอน ซึ่งได้มีการชี้แจงให้กับคณะกรรมาธิการในส่วนของรัฐบาลและของพรรคทราบแล้ว เพื่อให้ช่วยสนับสนุนแล้ว แต่ตอนนี้ก็กังวลในเรื่องของการแปรญัตติในสภาผู้แทนราษฎร แต่ให้มั่นใจว่ารัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจแต่จะไม่ให้กระเทือนกับ อปท. ส่วนเรื่องการขับเคลื่อนแผนการฟื้นฟูประเทศ การปฏิรูป และแผนการปรองดองในชาติ นายกรัฐมตรี กล่าวว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องของการเมือง หากสถานการณ์บ้านเมืองมีความสงบ มีความเหมาะสม และการเลือกตั้งจะเป็นการช่วยเดินหน้า หรือการแก้ไขปัญหาของประเทศได้ เป็นการตนเองไม่ปฏิเสธที่จะเลือกตั้งเร็วขึ้น มันต้องตอบคำถามได้ว่า ทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติหรือไม่ หากมีการเลือกตั้งแล้วมีความรุนแรง ก็จะเป็นการทำลายกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศ เลือกตั้งแล้วยังมีความขัดแย้ง ในเรื่องของกฎหมายเลือกตั้ง ยังมีการโต้แย้งกันอยู่ เราก็ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร ดังนั้นการตัดสินใจในทางการเมืองของรัฐบาล ไม่ได้คิดถึงเรื่องผลทางการเมืองในระหว่างพรรค แต่คิดว่าจะทำยังไงให้บ้านเมืองเราเดินไปข้างหน้า ในลักษณะที่สงบ สันติ มีการยอมรับทุกฝ่าย เพราะที่สุดเมื่อเกิดความวุ่นวายทางการเมือง ความเสียหาย ความสูญเสียก็จะเกิดขึ้นกับประชาชน ไม่ได้เกิดกับนักการเมือง ล่าสุดต้องมีการสูญเสียถึงแก่ชีวิตก็เป็นประชาชน ท้องถิ่นก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ตนเองมั่นใจ100 เปอร์เซ็นต์ ว่าความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ อยากเห็นว่าทำอย่างไรประเทศไทยจะเดินหน้าได้ และให้มีความสงบ สันติ ทำอย่างไรให้ทุกอย่างเป็นปกติ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวอีกว่า รัฐบาลถูกมองว่าเป็นคู่กรณี และหากว่าปัญหาเกิดจากการเมือง นักการเมืองทั้งหมดต้องรับผิดชอบ แผนปรองดอง แผนฟื้นฟู แผนการปฏิรูป ยืนยันว่าไม่ใช่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นความพยายามที่จะรักษาการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นการเมืองที่ต้องมีรัฐสภา มีนิติรัฐ นิติธรรม แผนปรองดองทั้ง 5 ข้อ นั้น จะสำเร็จได้ ต้องไม่ใช่นายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาล แต่จะสำเร็จได้ก็ต้องเป็นประชาชนทุกภาคส่วน และไม่ได้อยู่แค่เพียง 5 ข้อ ประชาชนสามารถนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นได้ ซึ่งก็อยากจะฝากให้ทาง อปท.ช่วยกันสอดส่องดูแล อย่าให้ใครมาทำการยุยง ปลุกปั่น บิดเบือนข้อมูลต่าง ๆ แล้วก็นำไปเผยแพร่ ให้เกิดความเข้าใจผิดและขัดแย้งกัน อย่างเช่นมีอยู่ในบางพื้นที่  สุดท้ายนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า หากปัญหาทั้งหมดมีการบอกว่ามาจากการเมือง ผู้บริหาร อปท.ทั้งหมด ก็มาจากการเมือง ดังนั้นต้องมาช่วยกันทบทวนว่า การเมืองแบบไหนที่ทำให้ประเทศ สังคมเดินหน้าได้ แบบไหนสร้างความรุนแรง เสียหายให้กับประเทศ และตนเองเชื่อว่า อปท.มีแนวความคิดที่ดีอีกเยอะ ที่จะสามารถช่วยรัฐบาลได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้อยู่ที่ศรัทธาของประชาชน คือสิ่งที่ยากที่สุดที่แก้ไขได้ เรานักการเมืองทุกภาคส่วนต้องมาร่วมกัน ที่จะต้องกอบกู้ ฟื้นฟูศรัทธาของประชาชน ที่จะปฏิรูปเพื่อที่จะให้ประเทศเดินหน้าได้ และมีการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยโปร่งใส มีความรับผิดชอบ และเป็นการเมืองที่ไม่ใช้ความรุนแรง อันจะนำมาซึ่งความสงบสันติ เพื่อให้ประเทศพ้นจากวิกฤต ตนเองจึงขอความร่วมมือในฐานะเพื่อนนักเมืองด้วยกัน เพื่อให้ความสมานฉันท์ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เพื่อสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ ที่เป็นประชาธิปไตยอยู่ในขณะนี้ และเพื่อให้เป็นไปตามแผนปรองดองที่รัฐบาลมีความตั้งใจดำเนินการต่อไป หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี ก็ได้เดินทักทายผู้เข้าร่วมประชุม ก่อนจะเดินทางกลับโดยมีการคุ้มกันเข้มงวด


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive