Saturday, November 17, 2012

เอเบคโพลล์ เผยคน 94%ค้าน หากม็อบจะนำพาประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย

เอเบคโพลล์ เผยคน 94%ค้าน หากม็อบจะนำพาประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย
เอเบคโพลล์ ชี้ 68.9% ม็อบเสธ.อ้ายชุมนุมกระทบความเชื่อมั่นต่างชาติต่อรัฐบาลไทย ขณะที่ 84.0% อยากขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ชุมนุมโดยสงบ เรียบร้อยวันที่ 18 พ.ย. ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง คำอธิษฐานของคนไทยต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เพชรบุรี ฉะเชิงเทรา นครปฐม สมุทรปราการ อุตรดิตถ์ ลำปาง เชียงราย มุกดาหาร หนองคาย สกลนคร ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ เลย ยะลา นราธิวาส และสงขลา จำนวนทั้งสิ้น 2,267 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 11 – 17 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น ที่สุ่มเลือกจังหวัด อำเภอ ตำบล ชุมชน ครัวเรือน และประชาชนที่ตอบแบบสอบถามระดับครัวเรือน ความคลาดเคลื่อนร้อยละ 7 พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.5 ทราบข่าวการนัดชุมนุมขับไล่รัฐบาลของกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยามซึ่งนำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.4 คิดว่าการนัดชุมนุมขับไล่รัฐบาลของกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยามเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่สามารถแสดงออกได้ทางการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.5 ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมที่จะนำพาประเทศไปสู่การปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย มีเพียงร้อยละ 5.5 เท่านั้นที่เห็นด้วยที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.9 คิดว่าการนัดชุมนุมขับไล่รัฐบาลของกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติต่อรัฐบาลไทย ถ้าเกิดความรุนแรงขึ้นในการชุมนุม ในขณะที่ร้อยละ 31.1 คิดว่าไม่กระทบ โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 67.4 คิดว่าการนัดชุมนุมขับไล่รัฐบาลครั้งนี้เป็นเรื่องการเมือง ในขณะที่ร้อยละ 32.6 คิดว่าไม่ใช่เรื่องการเมืองยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.7 คิดว่าถ้ามีการชุมนุมของคนจำนวนมากตามที่ประกาศไว้จะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ในขณะที่ร้อยละ 25.3 คิดว่าไม่ส่งผลกระทบที่น่าสนใจคือ คำอธิษฐานของประชาชนที่ถูกศึกษาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองในสถานการณ์การเมืองขณะนี้ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.0 อยากให้การชุมนุมวันที่ 24 พ.ย. เป็นไปด้วยความสงบ เป็นระเบียบเรียบร้อย รองลงมาคือ ร้อยละ 81.2 ขอให้ประชาชนคนไทยทุกคนมีจิตสำนึกรู้คุณแผ่นดิน ร้อยละ 73.8 อยากเห็นคนไทยรักกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีอะไรก็พูดจากัน ร้อยละ 67.8 อยากเห็นการปรองดองเกิดขึ้นอย่างแท้จริง และร้อยละ 67.2 อยากให้ผู้ชุมนุมทุกคนมีสติ ไม่ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มผู้นิยมความรุนแรง นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.8 ไม่คิดว่าการชุมนุมวันที่ 24 พ.ย.นี้จะยืดเยื้อผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า จากการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เจาะลึกพบว่า ส่วนใหญ่มีความกังวลต่อการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงจากมือที่สามเพื่อทำให้เกิดความวุ่นวายและการสูญเสีย และยังกังวลต่อปัญหาอาชญากรรม ปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเพราะความไม่เพียงพอของจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องตรวจตราท้องที่ในช่วงที่มีการชุมนุมใหญ่ จึงต้องการให้ผู้ใหญ่ในสังคมไทยที่มีหน้าที่บริหารจัดการปัญหาบ้านเมืองและฝ่ายการเมืองช่วยกันคิดหาทางออกที่เหมาะสมกับสถานการณ์การเมืองของประเทศ ในเวลานี้โดยไม่ทำให้ประเทศและประชาชนทั้งประเทศต้องเสียหายเดือดร้อน โดยขอให้ช่วยกันประคับประคองบ้านเมืองให้ก้าวไปข้างหน้าและเชื่อมั่นว่ากลุ่มนักการเมืองน้ำดีและกระบวนการยุติธรรมจะสามารถช่วยคลี่คลายปัญหาการเมืองที่กำลังเป็นบทพิสูจน์ความรักชาติบ้านเมืองที่แท้จริงของประชาชนคนไทยทุกคนในเวลานี้อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่เห็นด้วยกับการชุมนุมก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการเมืองที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลเพราะเล็งเห็นว่าไม่มีความสมดุลของจำนวนสมาชิกฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลในสภาฯ จึงต้องการให้มีการเมืองนอกสภาจากภาคประชาชนมาถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายการเมือง จึงน่าจะเป็นข้อมูลสำคัญให้ฝ่ายที่มีอำนาจไม่ประมาท ไม่ทำให้สาธารณชนรู้สึกว่ารัฐบาลกำลังใช้พวกมากในสภาฯ กอบโกยผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้องต่อไป

พท.อ้างจ้างหัวละ1.5พัน ร่วมม็อบพิทักษ์สยาม

พท.อ้างจ้างหัวละ1.5พัน ร่วมม็อบพิทักษ์สยาม
เพื่อไทย ปูดจ้างหัวละ 1,500 ร่วมม็อบกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม อ้างมีกลุ่มการเมืองหนุนหลัง เล็งติดกล้องซีซีทีวีเพิ่มส่องมือที่สาม จี้ “อภิสิทธิ์” ฟ้องศาลแทน ป.ป.ช.ปัดนายกฯ-เจ๊แดงไม่เกี่ยวเลือกผู้สมัครเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 พ.ย. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะประชุมในวันที่ 20 พ.ย.นี้ เพื่อเตรียมความพร้อมและซักซ้อมสมาชิกก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีช่วงวันที่ 25 – 27 พ.ย. ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลและการชี้แจงจากฝ่ายบริหารและรัฐมนตรี คาดว่าจะไม่มีปัญหาและไม่กังวลการอภิปรายของฝ่ายค้าน คาดว่าผู้เกี่ยวข้องจะชี้แจงได้ โดยจะมีการถ่ายทอดสดให้ประชาชนทราบ อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยกังวลกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองบางกลุ่ม ใช้เครือข่ายหัวคะแนนชักชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ที่นัดชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ทราบมาว่าใช้เงินต่อหัวสูงถึง 1,500 บาทต่อวัน ถือเป็นเล่นการเมืองแบบสองขา ทั้งนี้ มองว่าการชุมนุมดังกล่าวอาจขัด ม.68 ซึ่งพรรคจะรวบรวมข้อมูล หากพบว่านักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดเข้าไปเกี่ยวของ พรรคจะยื่นเรื่องเพื่อยุบพรรคต่อไป นายพร้อมพงศ์ กล่าว โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า พรรคมีความเป็นห่วงเรื่องมือที่สามว่าอาจจะสร้างสถานการณ์ ดังนั้น ขอฝากไปยังผู้ชุมนุมว่าขอให้สอดส่องบุคคลแปลกปลอม ขณะที่พรรคจะเสนอให้มีการติดตั้งกล้องซีซีทีวีเพิ่มเติมในที่ชุมนุมให้ ครอบคลุม เพื่อดูแลความปลอดภัยและป้องกันมือที่สาม เพราะอาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้ โดยจะเสนอต่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.จะเสนอใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในการดูแลการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม โดยส่วนตัวมองว่าควรมีกฎหมายพิเศษในการควบคุมผู้ชุมนุม เชื่อว่ารัฐบาลนี้จะใช้กฎหมายตามกรอบที่มี ไม่ใช้เพื่อสลายการชุมนุมจนมีคนเสียชีวิตเหมือนเหตุสลายการชุมนุมของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรคของพรรคประชาธิปัตย์ ออกมากล่าวหานายกฯ ว่าไม่ให้ความสำคัญกับการร่วมประชุมสภาฯ ว่า เป็นการกล่าวหาโดยไม่มีเหตุผล เพราะนายกฯ มีภารกิจเดินทางไปประชุมและประสานกับนานาประเทศ ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบและเอาผิด พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ที่ถอดยศและปลดออกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นแค่การยื่นฟ้องเพื่อเบี่ยงเบนข้อเท็จจริง แสดงธาตุแท้ออกมาปกป้องพวกเดียวกันเอง และเหตุใดนายอภิสิทธิ์ไม่ไปฟ้องศาลยุติธรรม เหมือนที่ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทนายจตุพร พรหมพันธุ์ แต่ศาลยกฟ้อง นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส. ส.ก. แล ส.ข.พรรคเพื่อไทย จะเข้าชื่อเพื่อเสนอให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคเพื่อไทย แต่นายกฯ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ไม่เห็นด้วยว่า ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ทั้งนายกฯ และนางเยาวภาไม่เกี่ยวข้อง เป็นการพิจารณาของกลุ่มโซน กทม.ทั้งสามโซน ที่ต้องไปหาข้อสรุป และเสนอชื่อให้กรรมการบริหารพรรคพิจารณา เชื่อว่าจะไม่มีความขัดแย้ง และเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยของพรรคที่ให้เกียรติ ส.ส.กรุงเทพฯ ทั้งสามโซนไปพิจารณา ทั้งนี้ ยืนยันว่าการเสนอตัวผู้ว่าฯ กทม.ทันอย่างแน่นอนก่อนที่จะไปสู่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งต่อไป.

ผบ.ตร. สั่งกำลัง 3,000 นาย รปภ.ผู้นำสหรัฐ

ผบ.ตร. สั่งกำลัง 3,000 นาย รปภ.ผู้นำสหรัฐ

Blog Archive