Thursday, April 11, 2013

กอ.รมน.ภาค4 สรุปผลดับไฟใต้6เดือน โวทำงานได้ผล

กอ.รมน.ภาค4 สรุปผลดับไฟใต้6เดือน โวทำงานได้ผล
กอ.รมน.ภาค 4 สรุปผลดับไฟใต้ 6 เดือน โวทำงานได้ผล เบรกโจรผลิต แนวร่วม” รุ่นใหม่ ทำคนใต้เลิกระแวง จนท. ต่อต้านโจรใต้ใช้ความรุนแรง คุยยึดปืน-กระสุน-ระเบิด-ยาเสพติดได้เพียบ... เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2556 พล.ท.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวสรุปผลการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ว่า การแก้ไขปัญหาได้ดำเนินการงานด้านความมั่นคง งานพัฒนา และงานยุติธรรมควบคู่กันไป โดยการรักษาความปลอดภัย ชีวิตและทรัพย์สิน และภัยแทรกซ้อนได้มีการบูรณาการงานการข่าว รวบรวมหลักฐานและเก็บสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) จำนวน 478 ครั้ง สามารถนำประกอบสำนวนคดี 603 คดี และสามารถตรวจยึดอาวุธปืน 68 กระบอก ยึดเครื่องกระสุน อุปกรณ์ประกอบระเบิด ยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังรักษาความปลอดภัยเป้าหมายเชิงสัญลักษณ์ เช่น ชุมชนเมือง รถไฟ เส้นทางหลัก วัด พระ ครู โรงเรียนและชุมชนไทยพุทธ นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มกล้องซีซีทีวี และระบบด่านตรวจในพื้นที่ ลาดตระเวนตรวจสอบจุดล่อแหลม ตลอดจนประชาสัมพันธ์ไม่ให้มีการจอดรถทุกชนิดบนไหล่ทาง และฝึกอบรมเยาวชนกลุ่มเสี่ยง เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง พล.ท.ดิฏฐพร กล่าวว่า สำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ดำเนินการในด้านสุขภาพด้วยการจัดแพทย์และชุดทันตกรรมเคลื่อนที่ หมอเดินเท้า ด้านการส่งเสริมรายได้นั้นได้จัดตั้งร้านค้าประจำอำเภอสามารถสร้างรายได้ในพื้นที่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ของรายได้เฉลี่ยต่อคน และยังมีการดำเนินการตามโครงการศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและฟาร์มประจำตำบล ส่วนการอำนวยความยุติธรรมสามารถขับเคลื่อนการดำเนินการตามมาตรา 21 พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ได้เรียบร้อยแล้ว 2 ราย โดยผู้ผ่านกระบวนการนี้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ปัจจุบันมีผู้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ 1 ราย และอยู่ในขั้นการสอบสวน 1 ราย โฆษก กอ.รมน.กล่าวต่อว่า ด้านสิทธิมนุษยชนและสร้างความเข้าใจ ได้จัดชุดวิทยากรการเมืองเคลื่อนที่เข้าให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ด้วยการเปิดเวทีชาวบ้าน 26 ครั้ง ใน 26 ชุมชน ส่งผลให้ประชาชนออกมาต่อต้านการใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 แจ้งข่าวสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และจำนวนเรื่องร้องเรียนเจ้าหน้าที่รัฐลดลงร้อยละ 20 ส่วนการสกัดกั้นการบ่มเพาะในสถานศึกษา 48 โรงเรียน ได้จัด 4 กิจกรรมหลัก และ 9 กิจกรรมเสริม “สรุปผลการดำเนินการในภาพรวม บุคลากรและเยาวชนในสถานศึกษามีทัศนคติที่ดีขึ้น ความหวาดระแวงลดลง และเข้าใจการดำเนินงานของหน่วย ซึ่งน่าจะสามารถจำกัดการจัดตั้ง หรือผลิตสมาชิกรุ่นใหม่ พล.ท.ดิฏฐพร กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ เรายังมีโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ร่วมเสริมสร้างสันติภาพ โดยการนำผู้ที่เข้ารายงานตัวตามโครงการพาคนกลับบ้าน จำนวน 257 คน มาดำเนินกรรมวิธีและอบรม เพื่อจัดตั้งเป็นแกนนำในการชักจูงผู้ที่ยังหลบหนีให้กลับเข้ามารายงานตัว ซึ่ง กอ.รมน.ขอย้ำว่า การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในด้านต่างๆ ดังกล่าว จะต้องดำเนินการควบคู่กันไป โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชน.

นิด้าโพลเผยยังไม่มีใครเหมาะสมนั่งนายกฯคนต่อไป

นิด้าโพลเผยยังไม่มีใครเหมาะสมนั่งนายกฯคนต่อไป
นิด้าโพล เผยคนส่วนใหญ่ 53.51 % ยังไม่เห็นใครเหมาะสมเป็นนายกฯคนต่อไป หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง มีแค่ 8.87 % มองว่า เหลิม ตามมาด้วยพงศ์เทพและเจ๊แดง ด้านนักวิชาการชี้ไทยยังไม่ประชาธิปไตยอย่างเต็มที่ ทำให้คนที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศต้องเป็นเจ้าของพรรคเท่านั้น...เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2556 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง อุบัติเหตุทางการเมืองกับนายกคนต่อไป ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4 – 5 เม.ย. จากประชาชนทั่วประเทศ ทุกภูมิภาค จำนวน 1,252 หน่วยตัวอย่าง กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ ค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานไม่เกินร้อยละ 1.4 โดยความคิดเห็นของประชาชนต่อบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.51 ระบุว่า ยังไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป รองลงมาร้อยละ 8.87 เป็นร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง  ร้อยละ 4.71 เป็นนายพงศ์เทพ  เทพกาญจนา ร้อยละ 4.23 เป็นนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ร้อยละ 3.67 เป็น พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต  ร้อยละ 1.12 เป็น นายจารุพงศ์  เรืองสุวรรณ  ร้อยละ 1.68 เป็นใครก็ได้  (ฝ่ายรัฐบาล/สมาชิกพรรคเพื่อไทย) ที่สามารถทำให้ประเทศชาติเจริญ และร้อยละ 22.20 ไม่ทราบ ไม่แน่ใจ ด้านศ.ดร.บรรเจิด  สิงคะเนติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับผลการสำรวจในครั้งนี้เพิ่มเติมว่า จากผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า ในระบอบการเมืองไทยนั้นยังไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง การที่ใครจะขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศได้นั้น จะต้องเป็นเจ้าของพรรค ซึ่งผู้นำไม่ได้เกิดขึ้นมาจากระบบการเติบโต จึงควรจะต้องมาจากการแข่งขันจากความสามารถมากกว่า จึงทำให้ประชาชนยังมองไม่เห็นผู้ที่จะสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศได้ ส่วนคะแนนความนิยมคนอื่นๆ ถือว่าน้อยมาก

ยะใสชี้ไฟใต้ส่อคล้ายปมไทย-กัมพูชา แนะปัดฝุ่นข้อเสนอ กอส.

ยะใสชี้ไฟใต้ส่อคล้ายปมไทย-กัมพูชา แนะปัดฝุ่นข้อเสนอ กอส.
ยะใส ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ชี้ไฟใต้ส่อคล้ายปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จวกเจรจาเหลว ซ้ำกลายเป็นเงื่อนไขใหม่ของความรุนแรง แนะปัดฝุ่นข้อเสนอ กอส. ก่อนทุกอย่างจะสายเกินแก้...วันที่ 11 เม.ย. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ตนเห็นว่าระดับความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นกว่าสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตั้งแต่ปี 47 ที่เหตุการณ์เสียชีวิตรายวันไม่ลดลง แต่ยังขยายวงกว้างขึ้น ดูเหมือนระดับการก่อความรุนแรงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนให้เห็นว่า การเจรจานอกจากจะไม่บรรลุผลแล้ว ยังกลายเป็นเงื่อนไขใหม่ของความรุนแรง และชัดเจนว่ามาเลเซียไม่ได้ใส่ใจต่อแผนเจรจาเท่าที่ควร เอาเรื่องนี้ไปโยงกับการเลือกตั้ง ขาดความแน่นอน และความต่อเนื่อง เช่นเดียวกับทางการไทย ที่ทำให้การเจรจาขาดความน่าเชื่อถือ เพราะฝ่ายการเมืองขาดเจ้าภาพ หรือผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ไร้ความสามารถ นายกฯ ก็ไม่มีความรู้ หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปอย่างนี้ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จะซ้ำรอยปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ถืออำนาจอธิปไตยในนามเท่านั้นนายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน แผนการเจรจาถ้ายังไม่สามารถขยายวงได้มากกว่ากลุ่มบีอาร์เอ็น เมื่อการเจรจาก็ไม่มีความหวังอะไร พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. เป็นได้แค่หนังหน้าไฟของความล้มเหลว รับหน้ายื้อสถานการณ์ไปวันๆ ความล้มเหลวของรัฐบาลชุดนี้ผิดตั้งแต่โครงสร้าง ครม. ที่ไม่ได้รองรับการแก้ปัญหาไฟใต้ มองเรื่องนี้เป็นปัญหาปลายแถว และปล่อยให้คนที่เป็นจำเลยสร้างปัญหา อย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ มามีบทบาทในการเจรจา ทำให้ทุกอย่างล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ดังนั้นแนวทางคลี่คลายสถานการณ์เฉพาะหน้านอกจากต้องปลด ร.ต.อ.เฉลิม รัฐบาลควรทบทวนยุทธศาสตร์การแก้ปัญหา เอารายงานข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) กลับมาทบทวน และทำเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้.

Blog Archive