Saturday, December 22, 2012

นิด้าโพลชี้คนกรุงยังเลือก สุขุมพันธุ์ นั่งผู้ว่าฯ

นิด้าโพลชี้คนกรุงยังเลือก สุขุมพันธุ์ นั่งผู้ว่าฯ
นิด้าโพล เผยผลสำรวจชาวกรุงต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ระบุร้อยละ 31.42 ยังเลือก สุขุมพันธุ์ ด้าน พงศพัศ ตามมาเป็นอันดับสอง ที่ร้อยละ 25.32  ในขณะที่ร้อยละ 28.55 ยังไม่ตัดสินใจ ส่วนหลักที่จะใช้ตัดสินใจ สูงสุดร้อยละ 38.60 คือความรู้ ความสามารถ ส่วนร้อยละ 18.42 เลือกจากตัวบุคคล …ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “คนกรุง กับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 20–21 ธ.ค. 2555 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) จำนวน 1,254 หน่วยตัวอย่าง กระจายทั้ง 50 เขต ทุกระดับการศึกษาและทุกกลุ่มอาชีพ จากการสำรวจพบว่า ต่อคำถาม หากวันนี้เป็นการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ท่านจะเลือกใคร คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 31.42 จะเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รองลงมาร้อยละ 25.36 จะเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ร้อยละ 13.32 จะเลือก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส และร้อยละ 28.55 ยังไม่ตัดสินใจ ส่วนคำถามว่า หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินใจเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. กลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจ ร้อยละ 38.60 ระบุว่า ตัดสินจากความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ รองลงมา ร้อยละ 25.28 เป็นตัวบุคคล ร้อยละ 18.42 เป็นนโยบายของผู้สมัคร และอีกร้อยละ 13.96 เป็นพรรคการเมืองที่สังกัด.

ปชป.จี้นายกฯเอาจริงปราบคอรัปชันในประเทศ

ปชป.จี้นายกฯเอาจริงปราบคอรัปชันในประเทศ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยกข้อมูลไทยฟอกเงินผิดก.ม. ลำดับ 13 ของโลก เร่งนายกฯ เอาจริงปราบทุจริตเริ่มที่ ครม.ก่อน ....เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาการทุจริตคอรัปชันว่า จากกรณีที่นายเรย์มอนด์ เบเกอร์ ประธานองค์การเพื่อความซื่อสัตย์ มั่นคงทางการเงินแห่งโลก (จีเอฟไอ) ยืนยันว่าได้มีเงินสกปรกไหลออกจากประเทศต่างๆ ไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วรวมถึง เกาะต่างๆ ที่เป็นสวรรค์แห่งการฟอกเงิน ซึ่ง 1 ในเกาะที่อยู่ในรายงานของจีเอฟไอคือ หมู่เกาะที่เคยมีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าไปเกี่ยวข้อง พร้อมระบุว่า ประเทศไทยติดอันดับที่ 13 โดยเงินที่ไหลออกมาจากการก่ออาชญากรรม การเลี่ยงภาษี และการทุจริตคอรัปชัน โดยรายงานตั้งแต่ปี 2543-2553 เงินสกปรกเหล่านี้ ไหลออกปีละ 199,206 ล้านบาท รวม 10 ปี เป็นจำนวน 1,992 ล้านล้านบาทนายองอาจ กล่าวว่า ทั้งนี้ เงินสกปรกจะดำเนินการโดยใครก็ตาม แต่เงินที่ทุจริตของนักการเมืองต้องยอมรับว่า เกิดจากนักการเมืองที่เลวร่วมมือกับข้าราชการที่มีโอกาสโกงกินกอบโกยไปแล้ว ก็จะนำกลับประเทศเพื่อยึดอำนาจกลับมาสู่มือตัวเองได้ภายหลัง จึงขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีให้เอาจริงเอาจังกับการปราบปรามการทุจริตใน 3 เรื่อง คือ 1.นายกฯและรัฐมนตรี และรัฐมนตรีในครม. ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในความซื่อสัตย์สุจริต 2.หากพบว่ามีการทุจริตหรือส่อทุจริตก็ต้องจัดการกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง หากเป็นคนในรัฐบาล แม้ทางกฎหมายจะเอาผิดในทางกฎหมายไม่ได้ นายกฯก็ต้องจัดการในเชิงบริหาร 3.ขจัดเงื่อนไขและอุปสรรคในการป้องกันและปราบปราบการทุจริตคอรัปชัน โดยนายกฯ จะต้องมองว่าเป็นปัญหาที่ประเทศจะต้องแก้ไข.

ตร.รุดสอบปมราเมศที่ทำการพรรคปชป.

ตร.รุดสอบปมราเมศที่ทำการพรรคปชป.
รองผบช.น.-ผกก.บางนา บุกปชป. สอบคดี ราเมศ ด้าน นิพิฏฐ์ ดักคอ ตร. ชี้ปมส่วนตัวแจ้งให้ชัดเรื่องอะไร แนะ เหลิม หุบปาก อย่าชี้นำ หวั่นรัฐตำรวจเฟื่อง หยาม อดุลย์ ถ้าเป็น ผบ.ตร.จับมือทุบได้ใน 5 วัน...เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.กัญชล อินทราราม ผกก.สน.บางนา และฝ่ายสอบสวน จากกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้เข้าพบ และสอบปากคำ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กรณี นายราเมศ รัตนเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง โดยภายหลังนายนิพิฏฐ์ เปิดเผยว่า ในวันนี้เป็นการสอบปากคำถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนกับนายราเมศ ในสมัยที่ตนเป็นหัวหน้าฝ่ายกฎหมายของพรรคและเคยทำงานในฝ่ายกฎหมายด้วยกันมา อีกทั้งยังทำคดียุบพรรคด้วยกันและสนิทสนมกันมาเป็นเวลา 4-5 ปีที่แล้วนายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้สอบถามว่า นายราเมศเคยทำคดีใดบ้าง สำหรับสาเหตุนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร แต่คิดว่าน่าจะมาจากการทำหน้าที่ทางการเมืองให้กับพรรค อย่างไรก็ตาม วันนี้ได้มีพี่สาวและพี่ชายของนายราเมศร่วมอยู่ด้วย ซึ่งทั้งคู่ก็ยืนยันว่าโดยส่วนตัวนายราเมศไม่มีความขัดแย้งกับใคร นอกจากมาทำงานด้านการเมืองเมื่อถามว่าเบื้องต้นตำรวจระบุว่าสาเหตุมาจากเรื่องส่วนตัว นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ถ้ารู้แล้วว่าเป็นเรื่องส่วนตัวก็ดี ไม่ต้องมาสอบเราอีก ถ้าเรื่องส่วนตัวก็ต้องบอกให้ชัดว่าเป็นเรื่องอะไร แต่เรารู้ว่านายราเมศไม่มีเรื่องส่วนตัวกับใคร แต่ถ้าตำรวจคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวก็ให้สอบไปเมื่อถามว่าทางพรรคต้องการให้ ผบ.ตร.ลงมาดูคดีนี้เอง นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องคุยกับหัวหน้าพรรคก่อน คิดว่าเย็นนี้ต้องคุยกัน ส่วนตัวอยากขอกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ถือว่ามากเกินไปว่า ให้นายกฯ และ ผบ.ตร.ได้พูดในเรื่องนี้สัก 1-2 ประโยค ส่วนร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องพูดอีก เพราะท่านเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ทราบว่านายกฯ รู้หรือยังว่ารองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ถูกทำร้าย อาการสาหัส และอยากให้แสดงความเห็นว่ามีความรับผิดชอบและมีหน้าที่ในการป้องกันคุกคาม ข่มขู่เหล่านี้ที่เกิดขึ้นกับฝ่ายค้านอย่างไรบ้าง เพราะท่านเป็นนายกฯ เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อ 2502-2503 สมัยจอมพล ป.พิบูลย์สงคราม แล้วก็มาเกิดอีกครั้งในสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์“ความรู้สึกของผมก็คิดว่านายราเมศมาทำงานให้พรรคแล้วถูกทำร้าย แต่เรื่องอื่นไม่คิดว่าจะมี ไม่เห็นว่าจะมีสาเหตุกับใคร ส่วนจะเป็นการเมืองเรื่องใด ผมไม่รู้ เป็นเรื่องที่ตำรวจต้องสอบต่อไป ผมไม่หวังว่าจะจับตัวใครได้ พูดมาหลายครั้งแล้ว แต่ถ้าเปลี่ยนให้ผมเป็น ผบ.ตร. 5 วัน จับได้แน่นอน ส่วนเรื่องที่นายศิริโชคระบุว่าคนร้ายเป็นอดีตตำรวจ ผมไม่มีข้อมูล” นายนิพิฏฐ์ กล่าว.

Blog Archive