Thursday, December 6, 2012

เสธ.ทบ.ค้านข้อเสนอครูไทยพุทธออกนอกพื้นที่ 3 จว.ใต้

เสธ.ทบ.ค้านข้อเสนอครูไทยพุทธออกนอกพื้นที่ 3 จว.ใต้
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสธ.ทบ. ค้านข้อเสนอให้ครูไทยพุทธออกนอกพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ลั่นแผ่นดินไทย ทุกศาสนาต้องอยู่ร่วมกันได้ หวังปรับแผนแล้วสถานการณ์ดีขึ้น... วันที่ 6 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมประชุมความมั่นคงว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ นายกฯ ในฐานะผอ.รมน. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรอง ผอ.รมน. ก็ได้พยายามแก้ปัญหาเต็มที่ ส่วนกรณีที่มีการจะขอปิดโรงเรียนในพื้นที่เพิ่มอีกนั้น ก็พยายามจะปรับแผนที่ ยังมีช่องว่างอยู่ โดย กอ.รมน.จะพยายามดูแลให้ดีที่สุด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางราชการที่เกี่ยวข้องก็กังวลทั้งหมด เมื่อเกิดความไม่เรียบร้อยเราก็เสียใจ พยายามแก้ไขต่อไปให้ดีขึ้น และต้องแก้ปัญหาร่วมกัน กระทรวงศึกษาฯ ได้ร่วมกับทหารทำความเข้าใจกับครูในพื้นที่ว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร ให้เกิดความปลอดภัย ไม่ว่าแผนของเจ้าหน้าที่จะออกมาดีอย่างไร จะประสบความผลสำเร็จ ก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของผู้ออกแผนและผู้ปฏิบัติ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อมีความเข้าใจและมีการปรับแผนกันแล้วจะส่งผลที่ดีขึ้นต่อไป เมื่อถามว่าแผนเบื้องต้นเฉพาะหน้า จะสร้างความมั่นใจให้กับครูได้อย่างไร เพราะขณะนี้ ยังไม่มีการเปิดการเรียนการสอน พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจกันต่อไป การจะเดินทางไปไหน ก็ต้องประสานกัน เพื่อที่จะดูแลกันได้โดยทั่วถึง กรณีที่มีการเสนอให้ย้ายครูที่เป็นไทยพุทธออกจากพื้นที่นั้น กอ.รมน.ก็มีความเป็นห่วง แต่การนำครูไทยพุทธออกจากพื้นที่ ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะผืนแผ่นดินก็เป็นแผ่นดินไทยอยู่แล้ว ศาสนาใดก็ต้องอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นไทยพุทธ หรือไทยมุสลิม ก็ทำงานร่วมกันในพื้นที่ได้ พล.อ.อุดมเดช กล่าว.

กรณ์FB อัดดีเอสไอตั้งข้อหามาร์ค-สุเทพต้องการ บีบรับ ก.ม.นิรโทษฯ

กรณ์FB อัดดีเอสไอตั้งข้อหามาร์ค-สุเทพต้องการ บีบรับ ก.ม.นิรโทษฯ
กรณ์ โพสต์ FB ตั้งข้อสงสัย ดีเอสไอ แจ้งข้อหา อภิสิทธิ์ -สุเทพ เป็นเหตุผลการเมือง โบ้ย ทักษิณ ต้องการบีบให้ ปชป.ยอมรับ ก.ม.นิรโทษกรรม ลั่นไม่มีทางยอมแน่...วันที่ 7 ธ.ค. นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (Korn Chatikavanij) โดยระบุว่า การชุมนุมเสื้อแดงปี 2553 นั้น ศาลได้ชี้ไปแล้วว่าการชุมนุมในขณะนั้นผิดกฎหมาย ขัดรัฐธรรมนูญ คำสั่งโดยคุณอภิสิทธิ์ และคุณสุเทพ ในฐานะประธาน และรองประธาน ศอฉ. ดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายทุกประการ และมีวัตถุประสงค์ที่จะนำพาบ้านเมืองเข้าสู่ความสงบเรียบร้อยตามหน้าที่ของทั้งสองท่าน ในฐานะผู้นำรัฐบาลความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ ถ้าแกนนำและผู้ที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้มีความสูญเสียเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ข้อกล่าวหา คุณอภิสิทธิ์ และคุณสุเทพ โดย DSI มีเป้าหมายทางการเมืองทั้งสิ้น และจะนำไปสู่ความแตกแยกเพิ่มเติมในสังคมคุณทักษิณพยายามที่จะใช้อำนาจรัฐบีบให้ คุณอภิสิทธิ์ คุณสุเทพ และพรรคประชาธิปัตย์ ยินยอมการออกกฎหมายนิรโทษกรรมตัวเองและพวก หลังจากไม่ประสบความสำเร็จในการพยายามต่อรองกับทั้งสองท่านเรามองว่าการออกกฎหมายลักษณะนั้น จะเป็นบรรทัดฐานที่อันตรายต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง คนชั่ว แต่มีอำนาจจะอยู่เหนือกฎหมายตลอดไป เราจึงขอประกาศสู้กับกระบวนการนี้ร่วมกับประชาชนที่รักความยุติธรรมทุกคน

โพลตอกย้ำ คนกทม.88% เห็น รบ.ยิ่งลักษณ์ มีปัญหาคอรัปชันมากที่สุด

โพลตอกย้ำ คนกทม.88% เห็น รบ.ยิ่งลักษณ์ มีปัญหาคอรัปชันมากที่สุด
กรุงเทพฯ โพลล์ พบคน กทม. 88% เห็นว่าความรุนแรงของการคอรัปชันในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ขณะที่ 79% ขยาดประชานิยมของ รบ.ระบุ ไม่ต้องการ หากมาพร้อมกับการคอรัปชัน วันที่ 7 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ประเทศไทยถูกจัดอันดับการมีภาพลักษณ์ความโปร่งใสของ องค์กรเพื่อความโปร่งใสสากล หรือ Transparency International ประจำปี 2012 อยู่อันดับที่ 88 จากการสำรวจทั้งหมด 176 ประเทศทั่วโลก และวันที่ 9 ธ.ค. ที่จะถึงนี้ เป็นวันต่อต้านการทุจริตและคอรัปชันสากล ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) จึงได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “ความเห็นของคนกรุงต่อการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชันยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น จำนวน 1,039 คน พบว่า คนกรุงเทพฯ 88.0% เห็นว่า ระดับความรุนแรงของการทุจริตคอรัปชันในสังคมไทย อยู่ในระดับค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ขณะที่ 12.0% เห็นว่า อยู่ในระดับน้อยถึงน้อยที่สุด โดยเมื่อถามต่อว่า ต้นเหตุสำคัญที่ทำให้สังคมไทยมีปัญหาเรื่องทุจริตคอรัปชันอยู่ในปัจจุบัน 62.9% ระบุว่า คือ นักการเมืองระดับชาติ (ส.ส.,ส.ว.) รองลงมา 57.5% ระบุว่า คือ นักการเมืองท้องถิ่น (อบต., อบจ., ส.ก., ส.ข.) และ 50.1% ระบุว่าคือ ตัวกฎหมายมีช่องโหว่ล้าสมัย ส่วนความเห็นต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชันมากน้อยเพียงใด 64.2% เห็นว่าให้ความสำคัญค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะที่ 35.8% ให้ความสำคัญค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ทั้งนี้เมื่อถามต่อว่าพอใจต่อการแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชันของรัฐบาลชุดปัจจุบันมากน้อยเพียงใด 69.9% พอใจค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะที่ 30.1% พอใจค่อนข้างมากถึงมากที่สุด เมื่อถามว่า “หากการมีนโยบายประชานิยมของรัฐบาลต้องมาพร้อมกับการทุจริตคอรัปชันแล้ว ยังต้องการนโยบายดังกล่าวหรือไม่” คนกรุงเทพฯ 79.1% ระบุว่า ไม่ต้องการ ขณะที่ 20.9% ระบุว่าต้องการ โดยเมื่อถามต่อว่าโครงการของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่มีปัญหาการทุจริตคอรัปชันมากที่สุดอันดับแรกคือ โครงการรับจำนำข้าว (51.8%) รองลงมาคือ โครงการฟื้นฟูภัยพิบัติและบริหารจัดการน้ำ (19.3%) และโครงการแท็บเล็ต ป.1 (8.9%) สุดท้ายเมื่อถามว่า “หากประเทศไทยยังไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชันได้ จะเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของต่างประเทศมากน้อยเพียงใดหากมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)” คนกรุงเทพฯ 83.7% เห็นว่าค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ขณะที่ 16.3% เห็นว่าค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ส่วนนักการเมืองไทยในปัจจุบันที่มีภาพลักษณ์ของความซื่อสัตย์สุจริตมากที่สุดอันดับแรกคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (35.0%) รองลงมาคือ นายชวน หลีกภัย (32.3%) และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (14.6%)

Blog Archive