Monday, April 22, 2013

มาร์คดักทางโภคินจ่อออกแถลงการณ์ ต้านอำนาจศาล รธน.

มาร์คดักทางโภคินจ่อออกแถลงการณ์ ต้านอำนาจศาล รธน.
อภิสิทธิ์ ดักทาง โภคิน จ่อออกแถลงการณ์ต้านอำนาจ ศาล รธน. ตอกย้ำ “ทักษิณ” ยกปัญหาตัวเองขึ้นเป็นปัญหาชาติ รับ ตอบยาก ใกล้ยุบสภาฯ หากเป็นจริงก็ทำเพื่อ นายใหญ่วันที่ 22 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงกรณีที่ นายโภคิน พลกุล ประธานคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมมาตรา 291 จะออกจดหมายเปิดผนึก ค้านอำนาจศาลรัฐธรรมนูญที่รับคำร้อง เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า ทุกคนมีขอบเขตอำนาจหน้าที่ของตนเอง ศาลรัฐธรรมนูญก็มีหน้าที่เฉพาะในการดูแลพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ซึ่งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่มีผู้ไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีการยกคำร้องไปแล้ว ซึ่งในครั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ เพิ่งจะรับคำร้อง แต่กลับมีการคัดค้าน แล้วก็ดูกระไรอยู่ เพราะหากเริ่มตั้งคำถามซึ่งกันและกันก็จะเป็นปัญหา เนื่องจากเป็นการเพิ่มความขัดแย้งระหว่าง ฝ่ายนิติบัญญัติ และตุลาการมากขึ้น โดยเห็นว่า ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องการที่จะผลักดันไปสู่เป้าหมายที่ไม่ว่า จะฝ่ายนิติบัญญัติ ตุลาการ หรือทุกๆ ฝ่ายจะต้องอยู่ภายใต้ฝ่ายบริหารเกือบหมด ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย จึงคิดว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่เป็นความพยายามที่จะนำไปสู่การล้มอำนาจ ตุลาการ เพราะมีการท้าทายอำนาจตุลาการมาโดยตลอด หากตัดสินถูกใจก็เฉยๆ แต่ถ้าไม่พอใจคำตัดสิน ก็จะสร้างกระแสเข้ามาล้มระบบตรงนี้ ซึ่งอันตราย  นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณี ที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สไกป์มาในการประชุม ส.ส.ว่า หากแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ จะมีการยุบสภา จะทำให้ดีกรีทางการเมืองร้อนแรงขึ้นหรือไม่นั้น ก็ชัดเจนว่า เป็นเป้าหมายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ปักธงไว้ว่า จะกลับบ้านมาโดยไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเหมือนกับคนอื่น โดยรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ก็วนเวียนอยู่ตรงนี้ ผ่านมาเกือบสองปีแล้ว ทั้งที่มีหน้าที่ต้องไปทำในเรื่องอื่นมากกว่า แต่ก็ทำให้ปัญหาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการนิรโทษกรรมกลับมาเป็นปัญหา ของชาติอีกครั้ง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เอาปัญหาของตัวเองมาเป็นปัญหาของประเทศอยู่ตลอด ส่วนพรรคประชาธิปัตย์เอง ก็พยายามที่จะให้ประชาชนทราบความจริงให้ได้มากที่สุด และเตือนรัฐบาลว่า อย่าสร้างปมความขัดแย้งซ้ำเลย เมื่อได้อำนาจมาแล้ว ควรใช้อำนาจเพื่อแก้ปัญหาของชาติ ที่มีเรื่องใหญ่รอการแก้ไขมากมายที่ต้องทำ ทั้งเรื่องการเตรียมประเทศ ให้มีความพร้อมต่อประชาคมอาเซียน หรือการตั้งเป้าปี 2020 ก็ควรจะมุ่งไปที่จุดนั้น ทำไมถึงจะให้บ้านเมืองยุ่งวุ่นวายอยู่กับปัญหาคดีความ ของคนไม่กี่คนเมื่อถามต่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการยุบสภาในระยะเวลาอันใกล้นี้ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอบยาก แต่ส่วนตัวคิดว่า สิ่งที่สำคัญคือ ถ้าพูดอย่างนี้ พรรคเพื่อไทยก็จะดำรงอยู่เพียงเพื่อเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น ส่วนจะเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความมั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้ง จึงนำเรื่องการยุบสภามาเป็นเงื่อนไขสุดท้ายหรือไม่นั้น ตนอยากให้มองว่า ในการเลือกตั้งซ่อมที่เชียงใหม่ ก็มีการตั้งเป้าว่า จะได้คะแนนเป็นแสนเพื่อสร้างความชอบธรรมด้วยซ้ำ แต่ผลก็ไม่ได้ออกมาอย่างนั้น.

มาร์คออกโรงขวางรัฐแก้ม.190 ลั่นต้องผ่านสภาฯ เท่านั้น

มาร์คออกโรงขวางรัฐแก้ม.190 ลั่นต้องผ่านสภาฯ เท่านั้น
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ย้ำ ขวางรัฐ แก้ ม.190  ยันต้องผ่านสภาฯ เท่านั้น ชี้นับวันแปรญัตติ แก้ รธน. 15 วัน ส่วนตัว เชื่อมีปัญหาแน่ แต่ขอเวลาตรวจสอบก่อน...วันที่ 22 เม.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่อยู่ในระหว่างการแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการ ว่า หากนับวันแปรญัตติ 15 วัน ตามที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภากำหนดให้นับตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 2556 ก็ครบกำหนดแล้ว แต่ตนยังไม่ได้ตรวจสอบว่า มียอด ส.ส.แปรญัตติกี่คนและมีใครจะแปรญัตติหลังจากนี้อีกหรือไม่ เพราะอาจมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับกระบวนการในส่วนนี้ เนื่องจากบางส่วนเห็นว่าควรนับวันแปรญัตติ จากวันที่มีการประชุมรัฐสภาวันที่ 18 เม.ย. 2556 ที่มีการลงมติในญัตติแปรญัตติ 60 วัน หลังจากที่ญัตตินี้ค้างอยู่ เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบจากการประชุมในวันที่ 4 เม.ย. จึงคิดว่าอาจจะมีปัญหาตามมา แต่คงต้องดูก่อนว่าจะมีช่องทางในการโต้แย้ง อย่างไร เพราะเป็นเรื่องข้อบังคับเป็นหลัก ทั้งนี้ ในส่วนของตนได้แปรญัตติเกี่ยวกับมาตรา 190 แล้ว โดยตนยืนยันว่าข้อตกลงที่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม อย่างกว้างขวาง ต้องผ่านกระบวนการของสภาฯ เพียงแต่ทำกระบวนการให้มีความกระชับขึ้นเท่านั้น.

อภิสิทธิ์ซัดรัฐเน้นการตลาดแก้ไฟใต้ ตั้งโต๊ะถกล้มเหลว

อภิสิทธิ์ซัดรัฐเน้นการตลาดแก้ไฟใต้ ตั้งโต๊ะถกล้มเหลว
อภิสิทธิ์ ห่วงไฟใต้ยังอยู่ในภาวะพูดไปฆ่าไป ชี้จุดอ่อนไม่สามารถดึงฝ่ายต่างๆ ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ให้ยอมรับ มีคำตอบให้คนในพื้นที่ว่าจะลดความรุนแรงอย่างไร หากทำไม่ได้ไร้ประโยชน์ที่จะคุย...เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2556 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีการนำป้ายผ้าคัดค้านการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มบีอาร์เอ็น ไปติดไว้ในหลายพื้นที่ภาคใต้ ว่า รัฐบาลยังต้องเดินหน้าเกี่ยวกับการเจรจาต่อ แต่ต้องเดินไปสู่จุดที่เรียกร้องฝ่ายที่มาพูดคุยว่าจะจัดการอย่างไรกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วดูคำตอบเพื่อนำมาประเมินอีกครั้ง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่า กระบวนการพูดคุยยังมีจุดอ่อนคือ ไม่สามารถดึงฝ่ายต่างๆ ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ให้ยอมรับหรือเข้ามาร่วมได้ ถือเป็นโจทย์ใหญ่ในการพูดคุยให้เกิดความสำเร็จ ถ้า พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ประเมินว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเรียกร้องความสนใจของกลุ่มที่ต้องการเข้าร่วมเจรจาด้วย ก็ต้องไปดำเนินการให้กลุ่มเหล่านี้เข้ามามีส่วนร่วม ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เห็นว่ากลุ่มที่ก่อเหตุในพื้นที่มีหลากหลาย การจะสรุปว่ามีเพียงแค่ความคิดเดียวคงไม่ได้ แต่ที่สำคัญคือ การพูดคุยจะได้ผลต้องดึงทุกฝ่ายเข้ามา และต้องเริ่มมีข้อตกลงที่ชัดเจน เพราะคงไม่มีประโยชน์ที่จะคุยไปเรื่อยๆ ในขณะที่มีแต่ความสูญเสียและความรุนแรงอยู่ทุกวัน ทั้งนี้ ในการทำงานของรัฐบาลก็ต้องมีความเป็นเอกภาพ ทั้งในส่วนของนโยบายและ ฝ่ายปฏิบัติ ไม่ใช่ต่างคนต่างคิดต่างคนต่างทำ เพราะจะทำให้ประสบความสำเร็จยาก นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการเจรจา โดยทุกคนมีสิทธิเรียกร้องจากการเจรจาของทั้งสองฝ่ายว่า ต้องมีคำตอบให้คนในพื้นที่ว่าจะลดความรุนแรงได้อย่างไร ซึ่งรัฐบาลควรจะลดเรื่องการตลาดที่นำมาใช้ในงานด้านความมั่นคงลง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากคิดถึงเรื่องการตลาด และการเมืองมากเกินไป จนมองข้ามความละเอียดอ่อนของปัญหา วันนี้ก็ต้องพยายามที่จะแก้ไขจุดนี้ให้ได้ โดยในการเจรจาที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 เม.ย.นี้ จะต้องนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรอบเดือนมาเป็นตัวตั้งเพื่อประเมินและหาคำตอบร่วมกัน.

Blog Archive