Wednesday, May 5, 2010

กก.สมานฉันท์ฯเล็งถกนายกฯ-นปช.วางเป้าคลายวิกฤติ

กก.สมานฉันท์ฯเล็งถกนายกฯ-นปช.วางเป้าคลายวิกฤติ

ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์ ฯ เตรียมเข้าหารือ นายกรัฐมนตรี  นปช. หวังเป็นตัวกลางช่วยคลายวิกฤติชาติ...นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี อดีตประธานคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ตัวแทนคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ได้ทำหนังสือขอหารือกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 7 พ.ค. ในช่วงบ่ายที่รัฐสภา เพื่อพูดคุยแนวทางและข้อปฏิบัติที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายการปรองดองตามโรดแมป 5 ข้อที่นายกฯเสนอ โดยจะไปรับฟังว่านายกฯตั้งเป้าอะไร มีแนวทางอย่างไรให้บรรลุตามเป้านั้น และตัวแทนคณะกรรมการสมานฉันท์ฯจะมีข้อเสนอแนะให้ ซึ่งนายกฯเคยระบุว่า จะให้มีคณะกรรมการปฏิรูปประเทศที่มาจากทุกภาคส่วน คณะกรรมการสมานฉันท์ฯก็เห็นด้วย และคิดว่านอกจากจะให้ภาคสังคมเข้ามามีส่วนร่วมแล้ว ควรจะมีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าไปร่วมด้วย เพื่อให้เป็นคณะกรรมการที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ และจะหารือว่าก่อนถึงวันเลือกตั้งจะต้องทำอะไรบ้างตามลำดับความสำคัญก่อนและหลัง จากนั้นวันที่ 8 พ.ค. จะไปคุยกับแกนนำ นปช.ว่ามีแนวทางอย่างไร เป้าหมายเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันในรายละเอียดให้มากขึ้น เมื่อมีการเลือกตั้งจะได้ไม่มีปัญหา เป็นการเอาความคิดของทั้งสองฝ่ายมาหลอมรวมให้ไปในทางเดียวกัน ด้านข้อเสนอเรื่องการคืนสิทธิ นักการเมืองที่ถูกเพิกถอนสิทธิจะหารือด้วยหรือไม่ นายดิเรกกล่าวว่า จะไม่คุยเรื่องนี้แล้ว แต่รัฐบาลและนปช.จะคุยกันเอง แต่ตัวแทนคณะกรรมการสมานฉันท์ฯจะทำตามกรอบ 3 กรอบ ที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯเคยมีข้อเสนอไว้เท่านั้น ซึ่งข้อเสนอไม่ว่าจะเป็นกรอบ 1 การปรองดองที่ให้ทุกฝ่ายลดวิวาทะ ลดการใส่ร้าย ไม่สร้างเงื่อนไขใหม่ กรอบ 2 การปฏิรูปใหญ่ทางการเมือง และกรอบ 3 การแก้รัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น เป็นแนวทางปฏิบัติ ที่นายกฯสามารถนำไปใช้ได้ ซึ่งสอดคล้องกับโรดแมป 5 ข้อที่นายกฯเสนออยู่แล้ว

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ในหลวงทรงโบกพระหัตถ์ให้พสกนิกร

ในหลวงทรงโบกพระหัตถ์ให้พสกนิกร



คมชัดลึก :"ในหลวง"พระพักตร์แจ่มใส ทรงแย้มพระสรวล โบกพระหัตถ์ให้พสก นิกร ตลอดเส้นทางเสด็จฯ ไปทรงประกอบพระราชพิธีฉัตรมงคล ส่วนประชาชนยึด 2 ข้างทาง เฝ้ารับเสด็จเนืองแน่นตั้งแต่เช้าตรู่ ปลื้มปีติที่ได้เห็นในหลวงของปวงไทย






(5พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.50 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณสยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ จากอาคารเฉลิมพระเกียรติโรงพยาบาลศิริราช ในฉลองพระองค์เครื่องแบบขาวเต็มพระยศด้วยพระพักตร์แจ่มใส ประทับรถยนต์พระที่นั่งไปในการพระราชพิธีฉัตรมงคล ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง ทรงแย้มพระสรวล และโบกพระหัตถ์ให้แก่พสกนิกตลอดสองข้างทางเสด็จฯ 
 ระหว่างทางเสด็จฯ มีพสกนิกรรอเฝ้ารับเสด็จเป็นจำนวนมาก พร้อมเปล่งเสียงถวายพระพรทรงพระเจริญอย่างกึกก้อง และพร้อมใจกันร้องเพลงสดุดีมหาราชา หลายคนนำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ธงชาติ และธงพระปรมาภิไธย ภปร ขึ้นมาโบกสะบัดด้วยความปลื้มปีติ  
 เวลา 11.05 น. เสด็จฯ เข้าสู่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทางพระทวารเทเวศรรักษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ สมเด็จพระราชาคณะถวายศีล พระสงฆ์ 20 รูป ถวายพระพร จบแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา (พระสงฆ์ไปรับพระราชทานฉันที่หอนิเพทพิทยา)
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยบูชาเทพยดารักษานพปฎลมหาเศวตฉัตรสิริราชกกุธภัณฑ์ พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชนพปฎลมหาเศวตฉัตรสิริราชกกุธภัณฑ์ พนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร บัณเฑาะว์ และดุริยางค์แล้ว พราหมณ์เจิมนพปฎลมหาเศวตฉัตร โหรผูกผ้าสีชมพู ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระสุหร่ายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ และพระราชลัญจกร พระครุฑพ่าห์ทองคำประจำรัชกาล แล้วเสด็จฯ กลับ
 เวลา 12.00 น. ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 21 นัด 
 ทั้งนี้ ตลอดสองข้างทางเสด็จพระราชดำเนินกลับ พสกรนิกรทุกหมู่เหล่าที่มาเฝ้ารอรับเสด็จ ต่างโบกสะบัดธงชาติ ธงตราสัญลักษณ์ พร้อมเปล่งเสียง ทรงพระเจริญดังกึกก้อง สร้างความปลื้มปีติให้แก่ประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จเป็นอย่างยิ่ง บางรายถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตันใจ
  วันที่ 5 พฤษภาคม เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ โดยประกอบการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เปิดปราสาทพระเทพบิดร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง เพื่อให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการและประชาชน ได้ถวายบังคมสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ตั้งแต่เวลา 08.00 น.ไปจนถึงเวลา 17.00 น.
ทรงโบกพระหัตถ์เสด็จกลับศิริราช
 เมื่อเวลา 12.35 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ถึงยังอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ทรงโบกพระหัตถ์และทรงแย้มพระสรวล ท่ามกลางเสียงถวายพระพรทรงพระเจริญอย่างกึกก้องจากพสกนิกรที่มารอเฝ้ารับเสด็จอย่างเนืองแน่น
  นพ.โรจน์รุ่ง สุวรรณสุทธิ รองคณบดีฝ่ายคุณธรรมฯ หน่วยคุณภาพและจริยธรรม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมาเฝ้ารอรับเสด็จทุกครั้งที่ทราบข่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯ ลงจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า รู้สึกปลาบปลื้มปีติที่ทุกครั้งได้มาเฝ้ารับเสด็จ โอกาสนี้เป็นโอกาสมหามงคลที่ทรงบรมราชาภิเษกครบ 60 ปี
 "ซึ่งสิ่งสำคัญยิ่ง ณ เวลานี้คือ สุขภาพของพระองค์ท่านที่ได้ฟื้นฟูกลับมาเป็นสภาพปกติโดยลำดับ ก็รู้สึกดีใจในฐานะแพทย์คนหนึ่ง คิดว่าประชาชนคนไทยมีความรู้สึกเดียวกัน ในการที่ปรารถนาให้พระองค์ท่านทรงเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย อายุ วรรณะ สุขะ พละ และสิ่งที่ปรารถนามากที่สุดคือ อยากให้พระองค์มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญของปวงชนไทยทั่วกาลนาน" นพ.โรจน์รุ่ง เผยความรู้สึก 
ดาราสุดปลื้มเฝ้ารับเสด็จ
 ด้าน นางดวงตา ตุงคะมณี นักแสดงชื่อดัง ซึ่งวันนี้มาอยู่ในกลุ่มพสกนิกรหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติตั้งแต่เวลา 06.00 น. พร้อมเพื่อนนักแสดงกว่า 10 คน อาทิ น.ส.จินตหรา สุขพัฒน์ นางทัศวรรณ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา นางกาญจนาพร ปลอดภัย นางเพ็ญพักตร์  ศิริกุล นางไปรมา รัชตะ เป็นต้น กล่าวพร้อมน้ำตาคลอเบ้าที่ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ว่า เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพระองค์ท่านในระยะใกล้ขนาดนี้ เป็นบุญตาเพราะส่วนตัวรู้สึกว่าเมื่อพ่อของเราไม่สบาย ไม่ได้เห็นพระองค์ท่านออกตามสื่อต่างๆ มานานหลายเดือน วันนี้ได้เห็นพระพักตร์ที่สดชื่น จึงเป็นปลื้มจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ อยากให้พระองค์ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน
 นายโสภา สุรพินิจ อายุ 46 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งมาเฝ้าญาติที่มานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช จึงถือโอกาสมารอเฝ้ารับเสด็จด้วย บอกว่า ตื่นตั้งแต่ตีห้าและมารอด้านหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ วันนี้ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นครั้งแรกในชีวิต จากที่ปกติเคยเห็นจากสื่อต่างๆ รู้สึกมีความสุขมาก อยากให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความสุขกาย สบายใจ เพราะคิดว่าพระองค์ท่านไม่สบายพระราชหฤทัยกับสถานการณ์การเมืองที่วุ่นวาย จึงอยากให้คนไทยรักกันเพื่อถวายเป็นของขวัญแด่ในหลวงของเราทุกคน
 นางสมพร สุขเลิศ อายุ 53 ปี ชาวมุสลิม กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เมื่อทราบข่าวว่าในหลวงจะเสด็จฯ เพื่อไปประกอบพระราชพิธีฉัตรมงคล จึงมาเฝ้ารอรับเสด็จตั้งแต่ 6 โมงเช้า วันนี้มาพร้อมลูกชายและลูกสาว และเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสเห็นในหลวงในระยะใกล้ ที่ตั้งใจมาเพราะต้องการถวายพระพรให้มีพระพลานามัยแข็งแรง เพราะทรงเหน็ดเหนื่อยจากการทรงงานหนักมาตลอด อยากให้คนไทย ไม่ว่าเชื้อชาติศาสนาใดทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสบายพระราชหฤทัย จะได้ทรงอยู่เป็นมิ่งขวัญของคนไทยไปนานๆ
 ส่วนที่บริเวณประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง ก็มีพสกนิกรจำนวนมากมาเฝ้ารอรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตั้งแต่เช้ามืดเช่นกัน  โดยทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องการมารอเฝ้ารับเสด็จและอยากให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ตจว.ร่วมเฉลิมพระเกียรติแน่น
 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. วันเดียวกัน ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนในทุกจังหวัดภาคอีสาน รวมตัวกันประกอบพิธีเนื่องในวันฉัตรมงคลตามสถานที่ที่ทางจังหวัดกำหนดกันอย่างเนืองแน่น เช่น จ.นครราชสีมา นายประจักษ์ สุวรรณภักดี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำเหล่าหัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงพ่อค้าคหบดีใน จ.นครราชสีมา ถวายราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคล ประจำปี 2553 ซึ่งเป็นวันที่ระลึกในการครบรอบปีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับพระบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทยโดยสมบูรณ์ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้นำหัวหน้าส่วนราชการและผู้เข้าร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณที่จะปฏิบัติหน้าที่ในการเป็นข้าราชการ และประชาชนของแผ่นดิน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ประพฤติตนเป็นคนดี เสียสละเพื่อประเทศชาติ และจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
 ส่วนที่ จ.กาฬสินธุ์  ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา หน้าศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นำข้าราชการตำรวจ ทหาร พ่อค้าคหบดี ร่วมกันถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคล โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้นำถวายพานพุ่มดอกไม้สด ต่อพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งนำข้าราชการร่วมกันปฏิญาณตน ที่จะเป็นข้าราชการที่ดีที่จะถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 ที่ศูนย์อเนกประสงค์ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานพิธีถวายราชสดุดี เนื่องในวันฉัตรมงคล โดยมีข้าราชการพลเรือน ตุลาการ อัยการ ตำรวจ ทหาร ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำองค์กรเอกชน สมาคม และสโมสร ในจังหวัด เข้าร่วมพิธีวางพานพุ่มทอง-พุ่มเงิน เพื่อถวายราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกล่าวนำถวายราชสดุดี ร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมี
  นายอำนาจ กล่าวถวายราชสดุดีและปฏิญาณจะเป็นข้าราชการและประชาชนที่ดี ใช้สติปัญญาทุ่มเททั้งกำลังกายและกำลังใจ พากเพียรดำเนินงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทอย่างสุดความสามารถ และจะรักสามัคคี เพื่อถวายเป็นปฏิบัติบูชาแด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท และขอยึดมั่นตามแนวทางแห่งพระบรมราชปณิธานและพระบารมี ตราบชั่วกาลนาน
  ต่อมาเวลา 10.30 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังลานหน้าวัดเกษรศีลคุณ หรือ วัดป่าบ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี เป็นประธานพิธีปลูกหญ้าแฝกเฉลิมพระเกียรติ 4 หมื่นต้น บนพื้นที่ 200 ไร่ เพื่อแสดงถึงการรวมพลังใจ ถวายความภักดี เนื่องในโอกาสแห่งการบรมราชาภิเษก ปีที่ 60 และอภิลักขิตสมัยมหามงคลวันฉัตรมงคล
  เช่นเดียวกับพื้นที่ภาคเหนือ นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยข้าราชการตุลาการ ทหาร ตำรวจ อัยการ ข้าราชการพลเรือน และประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมงานเนื่องในพระราชพิธีฉัตรมงคล ประจำปี 2553 ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานเปิดกรวยดอกไม้ และวางพานพุ่มเงิน-ทอง ถวายราชสักการะ และนำข้าราชการทุกหมู่เหล่ากล่าวคำถวายอาเศียรวาทราชสดุดีแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  
  ที่ จ.ตาก พ.อ.ประสาน แสงศิริลักษณ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 อ.แม่สอด จ.ตาก ร่วมกับนายมานพ ยะเขียว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ปะ พร้อมด้วยประชาชน และทหารร่วมกันปลูกต้นไม้ ที่บริเวณข้างวัดเวฬุวัน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก เนื่องในวันฉัตรมงคล กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยประชาชนชาวตำบลแม่ปะ และทหาร รวมทั้งพระสงฆ์ ได้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
 ส่วนที่ จ.พิจิตร นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้ทำพิธีจุดธุปเทียนบูชาพระรัตนตรัย เนื่องในวันบรมราชาภิเษก ปีที่ 60 ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดพิจิตร หลังเดิม โดยมีข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา จำนวนมาก เข้าร่วมพิธี โดยได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์และถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายเครื่องราชสักการะ และร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี








ข่าวที่เกี่ยวข้องในหลวง-ราชินีเสด็จฯพิธีฉัตรมงคลพสกนิกรเฝ้ารับเปิด60อุทยานฉลอง60ปีบรมราชาภิเษกในหลวง เวทีไทฉลองบรมราชาภิเษกมหกรรมลูกทุ่ง5วันคมเลนส์ส่องพระประจำวันอาทิตย์ที่2พ.ค.53คอลัมน์-คลื่นคนวรรณกรรม-นนักเขียน...และแถลงการณ์แนวร่วมศิลปินประชาธิปไตย

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

วีระนำเสื้อแดงปฏิญาณจงรักภักดีในหลวง

วีระนำเสื้อแดงปฏิญาณจงรักภักดีในหลวง



คมชัดลึก :"วีระ" นำเสื้อแดงปฏิญาณจงรักภักดีในหลวง หลังท่านผู้หญิงวิริยา ยกเลิกนำจุดเทียนชัยถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคลที่สี่แยกราชประสงค์






(5พ.ค.) ที่สี่แยกราชประสงค์ เวลา 19.00 น. นายวีระ มุสิกพงษ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำคนเสื้อแดงถวายพานพุ่มสักการะ พร้อมทั้งกล่าวปฏิญาณตนแสดงความจงรักภักดีต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล จากนั้นร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชาและเพลงสรรเสริญพระบารมี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระ มุสิกพงษ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พยายามประสานงานให้ท่านผู้หญิงวิริยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร ชายแดนใต้ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ มาเป็นประธานพิธี แต่ได้รับการประสานจากท่านผู้หญิงวิริยาว่าขอยกเลิกการเดินทางมายังเวทีที่ราชประสงค์ โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้เป็นงานของเสื้อแดง ซึ่งนายวีระเป็นผู้นำเหมาะสมที่สุด แต่ได้มอบพระบรมฉายาลักษณ์และนำพานพุ่มดอกไม้มาตกแต่งเวที
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.47 น. เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าลัดวงจรอีกครั้งที่หลังเวทีการชุมนุมซึ่งสร้างความแตกตื่นให้กับผู้พบเห็นเหตุการณ์เป็นอย่างโดยถือเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหลังจากเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ได้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน 2 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน








ข่าวที่เกี่ยวข้องDSIไม่ยันคนร้ายใช้ตึกภปร.ยิงM79ใส่ศาลาแดง 'วีระ'ย้ำนายกฯระบุวันยุบสภาก็กลับบ้าน "ไกรศักดิ์"ผวากระสุนM79อาจสละสิทธิ์ลงส.ส. ศิริโชคยืนยันยุบสภาช่วง15-30ก.ย. รพ.จุฬาฯเปิดบริการ-ผู้ป่วยทยอยกลับแล้ว

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

นปช.ยันปักหลักอ้างรอความชัดเจนจากปชป.

นปช.ยันปักหลักอ้างรอความชัดเจนจากปชป.



คมชัดลึก :นปช.ยัน ปักหลักราชประสงค์ อ้างรอความชัดเจนจากปชป. ณัฐวุฒิ ข้องใจ ปรองดองแต่ตั้งข้อหาก่อการร้าย จตุพร อัด โรดแม็บแค่นามธรรม จี้ รัฐบาล-กกต.กำหนดวันเลือกตั้งให้ชัด เหวง เสนอ 5 ข้อย้อนเกล็ดอภิสิทธิ์ก่อนปรองดอง






(5พ.ค.) เวลา 18.04 น.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงว่า แนวทางของคนเสื้อแดงต่อแนวทางปรองดองถือว่าจบแล้วเราตอบรับเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการสูญเสียของเจ้าหน้าที่และประชาชน ยืนยันข้อสรุปนี้ไปจนถึงการยุติการต่อสู้ หมายความว่า ถ้าแผนปรองดองเดินหน้าก็เดินหน้าแต่ถ้าสะดุดหยุดลงเราก็ยืนยันแนวทางสันติไม่เปลี่ยนแปลง ท่าทีของเราที่แสดงออกไปเราประสงค์ให้พรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคร่วมรัฐบาลแสดงความชัดเจนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก่อนเราถึงจะศึกษาตามแนวทางของเรา
          “อยากให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นับหนึ่งให้เสร็จก่อนหลังจากมีท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะนายชวน หลีกภัย ซึ่งคาดว่าน่าจะมีข้อสรุปในวันที่ 6 พ.ค.ที่จะมีการประชุมพรรค ส่วนการคัดค้านโรดแมปของพันธมิตรฯเราไม่นับมาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณา ถ้าจบตรงนี้เราจะเริ่มนับสองแล้วจะมาประชุมแกนนำของเราเพื่อไปร่วมนับสามกับรัฐบาล หมายความว่า นายกฯคิดการยุบสภาอย่างไรว่ามา เราก็จะคิดหาทางออกตามแนวทางสันติวิธีอย่างไรก็ว่ากันไป นปช.ไม่ได้มีหน้าที่พิจารณาเฉพาะในสิ่งที่นายอภิสิทธิ์เสนอเท่านั้นเช่นเดียวกับนายอภิสิทธิ์ที่ไม่ต้องมาพิจารณาเฉพาะข้อเสนอของเราเช่นกัน ส่วนจะนำไปสู่ขั้นตอนปฎิบัติอย่างไรคงมีข้อสรุปอีกครั้ง ถ้าจะมองว่ายืดยาวหรือกระชับก็ได้ขึ้นอยู่กับว่านายกฯนับหนึ่งเสร็จเมื่อไหร” นายณัฐวุฒิ กล่าว
             เวลานี้สถานการณ์สำคัญของประชาธิปัตย์ไม่ได้อยู่ที่ยุบสภาแต่อยู่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะคนในประชาธิปัตย์เคยมีมติไม่แก้รัฐธรรมนูญไปแล้ว แต่เมื่อนายอภิสิทธิ์เสนอแนวทางปรองดองซึ่งมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย คงต้องรอดูว่าจะมีมติอย่างไร เชื่อว่าถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญจะมีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลอีก จึงเป็นตัวอธิบายว่าการนับหนึ่งของประชาธิปัตย์ยังไม่จบ ข้อสังเกตนี้ไม่ใช่การตั้งเงื่อนไขของนปช.อย่างไรก็ตามระหว่างที่ขั้นตอนการปรองดองดำเนินการอยู่เรายังไม่มีการกำหนดยุติการชุมนุมเวทีการต่อสู้ยังมีอยู่ ยังไม่มีการผ่อนคันเร่งไม่มีการเปลียนแปลงเส้นทาง
           “แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามแสดงท่าทีปรองดองสมานฉันท์แต่การปฎิบัติยังมีการคุกคามอยู่ ในวันเดียวกันที่นายอภิสิทธิ์แถลงแนวทางปรองดองนั้นทหารพยายามเข้าใกล้พื้นที่การชุมนุมตลอดเวลา สัญญาณนี้อธิบายรัฐบาลไม่เคยผ่อนคันเร่ง จึงเป็นสถานการณ์สู้รบกันอยู่ แต่เป็นความพยายามใช้สันติเข้ามาแก้ปัญหาเท่านั้น และแกนนำนปช.จะทำการคุยเรื่องการยุติการชุมนุมก็ต่อเมื่อมีความชัดเจนจากนายกฯในการกำหนดวันยุบสภาเท่านั้น” นายณัฐวุฒิ กล่าว
            นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การที่รัฐบาลให้ดีเอสไอให้คดีก่อการร้ายเป็นคดีพิเศษมีข้อสังเกตว่าสถานการณ์ในสามจังหวัดชายภาคใต้มีการจับตายมีผู้ต้องสงสัยนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีผู้ต้องหารายใดถูกตั้งข้อหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายใช่หรือไม่ ถ้าไม่มีรายใดถูกตั้งข้อกล่าวหา อยากถามว่าแกนนำนปช.ทั้ง 9 คนมีความรุนแรงมากกว่าผู้ต้องหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร เรื่องนี้ประเทศไทยต้องการคำอธิบาย ถ้าไม่มีคำอธิบายขอกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้ใช้ข้อกล่าวหาการก่อการร้ายเล่นงานประชาชนในประเทศของเขาเอง หวังว่านายกฯน่าจะแบ่งเวลาทำความเข้าใจเรื่องนี้
          สำหรับการรับมือกับฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ได้คุยกับฝ่ายสถานที่แล้วโดยจะทำฟูกที่นอนที่ทำจากไม้อัดสำหรับประชาชนที่พักค้างอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์เพื่อใช้ในการชุมนุมข่วงฤดูฝน เรามีมาตรการในการปรับสถานที่บริเวณที่ชุมนุมซึ่งจะเริ่มดำเนินการในวันที่6พ.ค.เพื่อเป็นเครื่องยืนยันการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
           นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.กล่าวว่า ทั้ง 5 ข้อของนายกฯไม่ได้เป็นโรดแมพแต่เป็นเพียงข้อเสนอที่ยังไม่มีรายละเอียดเป็นรูปธรรมเพราะมีหลายเรื่องที่ต้องคุยอย่างชัดเจน ประสำคัญ คือ การกำหนดวันยุบสภาฯเคยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งเมื่อปี 2549 เอาไว้ว่ารัฐบาลและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องร่วมมือกันในการกำหนดวันเลือกตั้ง
           “นอกจากนี้ มีข้อสงสัยมากมาย เช่น ถ้ามีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ก่อนยุบสภา และถ้าสรรหานายกฯในสภาใหม่ได้นายชวนเป็นนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์จะยังยืนยันให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย.หรือไม่ เช่นเดียวกับคดีความที่อยู่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เป็นกรรมการในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) อยากถามว่าจะยุติธรรมหรือไม่เพราะศอฉ.มีส่วนร่วมในการวางแผนทำร้ายประชาชนในวันที่10เม.ย.จะให้คนที่มีส่วนทำร้ายประชาชนมาเป็นผู้สอบสวนคดีนี้ได้อย่างไร“นายจตุพร กล่าว
            นายจตุพร กล่าวว่า การกำหนดวันเลือกตั้งมาจากมิติการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ.2554 ที่ใช้เวลาประมาณ 105 วันตามกฎหมายแต่เอาเข้าจริงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องซื้อโลงศพที่คนซื้อไม่ได้คนใช้ไม่ได้ซื้อ ควรให้รัฐบาลเข้ามาทำ พวกเราไม่ต้องการถูกหลอกอีกครั้ง ถ้าจะเอาเรื่องของนักการเมืองเป็นหลักไม่คุ้มค่าต่อการเสียชีวิตของประชาชน โดยเรื่องของนักการเมืองต้องเอาไว้สุดท้าย
           “เหมือนเป็นการกดดันให้คนเสื้อแดงยอมจำนน ยิ่งข่มเหงมากเท่าไหรการปรองดองจะไม่เกิดขึ้นเราไม่ยอมให้ถูกกดขี่ให้ยอมจำนน นายอภิสิทธิ์ต้องไปดูว่าต้องการปรองดองจริงหรือไม่ 5 ข้อนี้ยังเป็นนามธรรมต้องคุยให้เกิดขึ้นจริง ความชัดเจนต้องปรึกษากกต.ให้จบแถลงต่อสาธารณะแล้วค่อยมาว่ากันว่า 5 ข้อจะดำเนินการอย่างไร” นายจตุพร กล่าว
           นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช.กล่าวว่า ตอนนี้บรรยากาศยังไม่เหมาะที่จะมีการดำเนินการในเรื่องการปรองดองเพราะมีสัญญาณหลายอย่างที่ยังเป็นการคุกคามประชาชนอยู่ เช่น พบว่ามีทหารติดอาวุธครบมือประจำการอยู่บริเวณท่าเรือคลองแสนแสบหลายจุดโดยรอบบริเวณที่ชุมนุมจึงข้อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้ ได้แก่ 1.ยกเลิกพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานกาณ์ฉุกเฉิน 2.รัฐบาลต้องมีคำสั่งถอนทหารและตำรวจกลับที่ตั้งให้หมด 3.ยุติการใส่ร้ายป้ายสีนปช. 4.ต้องอนุญาติให้เราเปิดสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนลและสื่อของเราได้ตามปกติ 5.อย่าสร้างหลักฐานเท็จ ถึงจะมาพูดเรื่องการปรองดอง ภายใต้บรรยากาศแบบนี้จะช่วยให้การเดินหน้าเพื่อสร้างปรองดองทำได้ดีมากขึ้น








ข่าวที่เกี่ยวข้อง"วีระ"นำเสื้อแดงปฏิญาณจงรักภักดีในหลวง DSIไม่ยันคนร้ายใช้ตึกภปร.ยิงM79ใส่ศาลาแดง 'วีระ'ย้ำนายกฯระบุวันยุบสภาก็กลับบ้าน "ไกรศักดิ์"ผวากระสุนM79อาจสละสิทธิ์ลงส.ส. ศิริโชคยืนยันยุบสภาช่วง15-30ก.ย.

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ม็อบชุมนุมต่อ!จี้นายกฯประกาศวันยุบสภา

ม็อบชุมนุมต่อ!จี้นายกฯประกาศวันยุบสภา

แกนนำ นปช.ยืนยัน จะชุมนุมต่อไปจนกว่านายกฯจะประกาศวันยุบสภาที่ชัดเจน ขณะที่การชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์แกนนำยังคงขึ้นปราศรัยอย่างต่อเนื่อง....เมื่อวันที่ 5 พ.ค.การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ในช่วงบ่าย ยังคงมีการปราศรัยของแกนนำ อาทิ นายวีระ มุกสิกพงษ์ ประธาน นปช. นายแพทย์ เหวง โตจิราการ สลับกับการแสดงดนตรีตามปกติ ทั้งนี้ นายณัฐวุติ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.เปิดเผยว่า การหาทางออกโดยยึดหลักสันติวิธียังคงเป็นแนวทางของกลุ่ม นปช. ถึงแม้ว่าแผนการปรองดองที่นายกรัฐมนตรีเสนอมาจะสะดุด แต่ขณะนี้สิ่งที่ต้องการเห็นคือความชัดเจนและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อมีความชัดเจนแล้ว กลุ่ม นปช.ก็จะร่วมหารือเพื่อกำหนดแผนต่อไปซึ่งขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้เวลาดำเนินการนานเท่าไร ส่วนการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ยังคงยืนยันจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องวันยุบสภา.


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

กก.สมานฉันท์ฯเล็งถกนายกฯ-นปช.วางเป้าคลายวิกฤติ

กก.สมานฉันท์ฯเล็งถกนายกฯ-นปช.วางเป้าคลายวิกฤติ

ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์ ฯ เตรียมเข้าหารือ นายกรัฐมนตรี  นปช. หวังเป็นตัวกลางช่วยคลายวิกฤติชาติ...นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี อดีตประธานคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ตัวแทนคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ได้ทำหนังสือขอหารือกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 7 พ.ค. ในช่วงบ่ายที่รัฐสภา เพื่อพูดคุยแนวทางและข้อปฏิบัติที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายการปรองดองตามโรดแมป 5 ข้อที่นายกฯเสนอ โดยจะไปรับฟังว่านายกฯตั้งเป้าอะไร มีแนวทางอย่างไรให้บรรลุตามเป้านั้น และตัวแทนคณะกรรมการสมานฉันท์ฯจะมีข้อเสนอแนะให้ ซึ่งนายกฯเคยระบุว่า จะให้มีคณะกรรมการปฏิรูปประเทศที่มาจากทุกภาคส่วน คณะกรรมการสมานฉันท์ฯก็เห็นด้วย และคิดว่านอกจากจะให้ภาคสังคมเข้ามามีส่วนร่วมแล้ว ควรจะมีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าไปร่วมด้วย เพื่อให้เป็นคณะกรรมการที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ และจะหารือว่าก่อนถึงวันเลือกตั้งจะต้องทำอะไรบ้างตามลำดับความสำคัญก่อนและหลัง จากนั้นวันที่ 8 พ.ค. จะไปคุยกับแกนนำ นปช.ว่ามีแนวทางอย่างไร เป้าหมายเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมาเจรจากันในรายละเอียดให้มากขึ้น เมื่อมีการเลือกตั้งจะได้ไม่มีปัญหา เป็นการเอาความคิดของทั้งสองฝ่ายมาหลอมรวมให้ไปในทางเดียวกัน ด้านข้อเสนอเรื่องการคืนสิทธิ นักการเมืองที่ถูกเพิกถอนสิทธิจะหารือด้วยหรือไม่ นายดิเรกกล่าวว่า จะไม่คุยเรื่องนี้แล้ว แต่รัฐบาลและนปช.จะคุยกันเอง แต่ตัวแทนคณะกรรมการสมานฉันท์ฯจะทำตามกรอบ 3 กรอบ ที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯเคยมีข้อเสนอไว้เท่านั้น ซึ่งข้อเสนอไม่ว่าจะเป็นกรอบ 1 การปรองดองที่ให้ทุกฝ่ายลดวิวาทะ ลดการใส่ร้าย ไม่สร้างเงื่อนไขใหม่ กรอบ 2 การปฏิรูปใหญ่ทางการเมือง และกรอบ 3 การแก้รัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น เป็นแนวทางปฏิบัติ ที่นายกฯสามารถนำไปใช้ได้ ซึ่งสอดคล้องกับโรดแมป 5 ข้อที่นายกฯเสนออยู่แล้ว

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ในหลวงทรงโบกพระหัตถ์ให้พสกนิกร

ในหลวงทรงโบกพระหัตถ์ให้พสกนิกร



คมชัดลึก :"ในหลวง"พระพักตร์แจ่มใส ทรงแย้มพระสรวล โบกพระหัตถ์ให้พสก นิกร ตลอดเส้นทางเสด็จฯ ไปทรงประกอบพระราชพิธีฉัตรมงคล ส่วนประชาชนยึด 2 ข้างทาง เฝ้ารับเสด็จเนืองแน่นตั้งแต่เช้าตรู่ ปลื้มปีติที่ได้เห็นในหลวงของปวงไทย






(5พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.50 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณสยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ จากอาคารเฉลิมพระเกียรติโรงพยาบาลศิริราช ในฉลองพระองค์เครื่องแบบขาวเต็มพระยศด้วยพระพักตร์แจ่มใส ประทับรถยนต์พระที่นั่งไปในการพระราชพิธีฉัตรมงคล ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง ทรงแย้มพระสรวล และโบกพระหัตถ์ให้แก่พสกนิกตลอดสองข้างทางเสด็จฯ 
 ระหว่างทางเสด็จฯ มีพสกนิกรรอเฝ้ารับเสด็จเป็นจำนวนมาก พร้อมเปล่งเสียงถวายพระพรทรงพระเจริญอย่างกึกก้อง และพร้อมใจกันร้องเพลงสดุดีมหาราชา หลายคนนำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ธงชาติ และธงพระปรมาภิไธย ภปร ขึ้นมาโบกสะบัดด้วยความปลื้มปีติ  
 เวลา 11.05 น. เสด็จฯ เข้าสู่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทางพระทวารเทเวศรรักษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ สมเด็จพระราชาคณะถวายศีล พระสงฆ์ 20 รูป ถวายพระพร จบแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา (พระสงฆ์ไปรับพระราชทานฉันที่หอนิเพทพิทยา)
 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยบูชาเทพยดารักษานพปฎลมหาเศวตฉัตรสิริราชกกุธภัณฑ์ พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชนพปฎลมหาเศวตฉัตรสิริราชกกุธภัณฑ์ พนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร บัณเฑาะว์ และดุริยางค์แล้ว พราหมณ์เจิมนพปฎลมหาเศวตฉัตร โหรผูกผ้าสีชมพู ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระสุหร่ายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ และพระราชลัญจกร พระครุฑพ่าห์ทองคำประจำรัชกาล แล้วเสด็จฯ กลับ
 เวลา 12.00 น. ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 21 นัด 
 ทั้งนี้ ตลอดสองข้างทางเสด็จพระราชดำเนินกลับ พสกรนิกรทุกหมู่เหล่าที่มาเฝ้ารอรับเสด็จ ต่างโบกสะบัดธงชาติ ธงตราสัญลักษณ์ พร้อมเปล่งเสียง ทรงพระเจริญดังกึกก้อง สร้างความปลื้มปีติให้แก่ประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จเป็นอย่างยิ่ง บางรายถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตันใจ
  วันที่ 5 พฤษภาคม เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ โดยประกอบการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เปิดปราสาทพระเทพบิดร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง เพื่อให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการและประชาชน ได้ถวายบังคมสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ตั้งแต่เวลา 08.00 น.ไปจนถึงเวลา 17.00 น.
ทรงโบกพระหัตถ์เสด็จกลับศิริราช
 เมื่อเวลา 12.35 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ถึงยังอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ทรงโบกพระหัตถ์และทรงแย้มพระสรวล ท่ามกลางเสียงถวายพระพรทรงพระเจริญอย่างกึกก้องจากพสกนิกรที่มารอเฝ้ารับเสด็จอย่างเนืองแน่น
  นพ.โรจน์รุ่ง สุวรรณสุทธิ รองคณบดีฝ่ายคุณธรรมฯ หน่วยคุณภาพและจริยธรรม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมาเฝ้ารอรับเสด็จทุกครั้งที่ทราบข่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จฯ ลงจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า รู้สึกปลาบปลื้มปีติที่ทุกครั้งได้มาเฝ้ารับเสด็จ โอกาสนี้เป็นโอกาสมหามงคลที่ทรงบรมราชาภิเษกครบ 60 ปี
 "ซึ่งสิ่งสำคัญยิ่ง ณ เวลานี้คือ สุขภาพของพระองค์ท่านที่ได้ฟื้นฟูกลับมาเป็นสภาพปกติโดยลำดับ ก็รู้สึกดีใจในฐานะแพทย์คนหนึ่ง คิดว่าประชาชนคนไทยมีความรู้สึกเดียวกัน ในการที่ปรารถนาให้พระองค์ท่านทรงเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย อายุ วรรณะ สุขะ พละ และสิ่งที่ปรารถนามากที่สุดคือ อยากให้พระองค์มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญของปวงชนไทยทั่วกาลนาน" นพ.โรจน์รุ่ง เผยความรู้สึก 
ดาราสุดปลื้มเฝ้ารับเสด็จ
 ด้าน นางดวงตา ตุงคะมณี นักแสดงชื่อดัง ซึ่งวันนี้มาอยู่ในกลุ่มพสกนิกรหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติตั้งแต่เวลา 06.00 น. พร้อมเพื่อนนักแสดงกว่า 10 คน อาทิ น.ส.จินตหรา สุขพัฒน์ นางทัศวรรณ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา นางกาญจนาพร ปลอดภัย นางเพ็ญพักตร์  ศิริกุล นางไปรมา รัชตะ เป็นต้น กล่าวพร้อมน้ำตาคลอเบ้าที่ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ว่า เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพระองค์ท่านในระยะใกล้ขนาดนี้ เป็นบุญตาเพราะส่วนตัวรู้สึกว่าเมื่อพ่อของเราไม่สบาย ไม่ได้เห็นพระองค์ท่านออกตามสื่อต่างๆ มานานหลายเดือน วันนี้ได้เห็นพระพักตร์ที่สดชื่น จึงเป็นปลื้มจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ อยากให้พระองค์ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน
 นายโสภา สุรพินิจ อายุ 46 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งมาเฝ้าญาติที่มานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช จึงถือโอกาสมารอเฝ้ารับเสด็จด้วย บอกว่า ตื่นตั้งแต่ตีห้าและมารอด้านหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ วันนี้ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นครั้งแรกในชีวิต จากที่ปกติเคยเห็นจากสื่อต่างๆ รู้สึกมีความสุขมาก อยากให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความสุขกาย สบายใจ เพราะคิดว่าพระองค์ท่านไม่สบายพระราชหฤทัยกับสถานการณ์การเมืองที่วุ่นวาย จึงอยากให้คนไทยรักกันเพื่อถวายเป็นของขวัญแด่ในหลวงของเราทุกคน
 นางสมพร สุขเลิศ อายุ 53 ปี ชาวมุสลิม กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เมื่อทราบข่าวว่าในหลวงจะเสด็จฯ เพื่อไปประกอบพระราชพิธีฉัตรมงคล จึงมาเฝ้ารอรับเสด็จตั้งแต่ 6 โมงเช้า วันนี้มาพร้อมลูกชายและลูกสาว และเป็นครั้งแรกที่มีโอกาสเห็นในหลวงในระยะใกล้ ที่ตั้งใจมาเพราะต้องการถวายพระพรให้มีพระพลานามัยแข็งแรง เพราะทรงเหน็ดเหนื่อยจากการทรงงานหนักมาตลอด อยากให้คนไทย ไม่ว่าเชื้อชาติศาสนาใดทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสบายพระราชหฤทัย จะได้ทรงอยู่เป็นมิ่งขวัญของคนไทยไปนานๆ
 ส่วนที่บริเวณประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง ก็มีพสกนิกรจำนวนมากมาเฝ้ารอรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตั้งแต่เช้ามืดเช่นกัน  โดยทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องการมารอเฝ้ารับเสด็จและอยากให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ตจว.ร่วมเฉลิมพระเกียรติแน่น
 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. วันเดียวกัน ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนในทุกจังหวัดภาคอีสาน รวมตัวกันประกอบพิธีเนื่องในวันฉัตรมงคลตามสถานที่ที่ทางจังหวัดกำหนดกันอย่างเนืองแน่น เช่น จ.นครราชสีมา นายประจักษ์ สุวรรณภักดี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำเหล่าหัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงพ่อค้าคหบดีใน จ.นครราชสีมา ถวายราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคล ประจำปี 2553 ซึ่งเป็นวันที่ระลึกในการครบรอบปีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับพระบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทยโดยสมบูรณ์ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้นำหัวหน้าส่วนราชการและผู้เข้าร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณที่จะปฏิบัติหน้าที่ในการเป็นข้าราชการ และประชาชนของแผ่นดิน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ประพฤติตนเป็นคนดี เสียสละเพื่อประเทศชาติ และจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
 ส่วนที่ จ.กาฬสินธุ์  ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา หน้าศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นำข้าราชการตำรวจ ทหาร พ่อค้าคหบดี ร่วมกันถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคล โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้นำถวายพานพุ่มดอกไม้สด ต่อพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งนำข้าราชการร่วมกันปฏิญาณตน ที่จะเป็นข้าราชการที่ดีที่จะถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 ที่ศูนย์อเนกประสงค์ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานพิธีถวายราชสดุดี เนื่องในวันฉัตรมงคล โดยมีข้าราชการพลเรือน ตุลาการ อัยการ ตำรวจ ทหาร ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำองค์กรเอกชน สมาคม และสโมสร ในจังหวัด เข้าร่วมพิธีวางพานพุ่มทอง-พุ่มเงิน เพื่อถวายราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกล่าวนำถวายราชสดุดี ร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมี
  นายอำนาจ กล่าวถวายราชสดุดีและปฏิญาณจะเป็นข้าราชการและประชาชนที่ดี ใช้สติปัญญาทุ่มเททั้งกำลังกายและกำลังใจ พากเพียรดำเนินงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทอย่างสุดความสามารถ และจะรักสามัคคี เพื่อถวายเป็นปฏิบัติบูชาแด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท และขอยึดมั่นตามแนวทางแห่งพระบรมราชปณิธานและพระบารมี ตราบชั่วกาลนาน
  ต่อมาเวลา 10.30 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังลานหน้าวัดเกษรศีลคุณ หรือ วัดป่าบ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี เป็นประธานพิธีปลูกหญ้าแฝกเฉลิมพระเกียรติ 4 หมื่นต้น บนพื้นที่ 200 ไร่ เพื่อแสดงถึงการรวมพลังใจ ถวายความภักดี เนื่องในโอกาสแห่งการบรมราชาภิเษก ปีที่ 60 และอภิลักขิตสมัยมหามงคลวันฉัตรมงคล
  เช่นเดียวกับพื้นที่ภาคเหนือ นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยข้าราชการตุลาการ ทหาร ตำรวจ อัยการ ข้าราชการพลเรือน และประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมงานเนื่องในพระราชพิธีฉัตรมงคล ประจำปี 2553 ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานเปิดกรวยดอกไม้ และวางพานพุ่มเงิน-ทอง ถวายราชสักการะ และนำข้าราชการทุกหมู่เหล่ากล่าวคำถวายอาเศียรวาทราชสดุดีแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  
  ที่ จ.ตาก พ.อ.ประสาน แสงศิริลักษณ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 อ.แม่สอด จ.ตาก ร่วมกับนายมานพ ยะเขียว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ปะ พร้อมด้วยประชาชน และทหารร่วมกันปลูกต้นไม้ ที่บริเวณข้างวัดเวฬุวัน ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก เนื่องในวันฉัตรมงคล กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยประชาชนชาวตำบลแม่ปะ และทหาร รวมทั้งพระสงฆ์ ได้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
 ส่วนที่ จ.พิจิตร นายสุวิทย์ วัชโรทยางกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้ทำพิธีจุดธุปเทียนบูชาพระรัตนตรัย เนื่องในวันบรมราชาภิเษก ปีที่ 60 ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดพิจิตร หลังเดิม โดยมีข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา จำนวนมาก เข้าร่วมพิธี โดยได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์และถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายเครื่องราชสักการะ และร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี








ข่าวที่เกี่ยวข้องในหลวง-ราชินีเสด็จฯพิธีฉัตรมงคลพสกนิกรเฝ้ารับเปิด60อุทยานฉลอง60ปีบรมราชาภิเษกในหลวง เวทีไทฉลองบรมราชาภิเษกมหกรรมลูกทุ่ง5วันคมเลนส์ส่องพระประจำวันอาทิตย์ที่2พ.ค.53คอลัมน์-คลื่นคนวรรณกรรม-นนักเขียน...และแถลงการณ์แนวร่วมศิลปินประชาธิปไตย

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

วีระนำเสื้อแดงปฏิญาณจงรักภักดีในหลวง

วีระนำเสื้อแดงปฏิญาณจงรักภักดีในหลวง



คมชัดลึก :"วีระ" นำเสื้อแดงปฏิญาณจงรักภักดีในหลวง หลังท่านผู้หญิงวิริยา ยกเลิกนำจุดเทียนชัยถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคลที่สี่แยกราชประสงค์






(5พ.ค.) ที่สี่แยกราชประสงค์ เวลา 19.00 น. นายวีระ มุสิกพงษ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำคนเสื้อแดงถวายพานพุ่มสักการะ พร้อมทั้งกล่าวปฏิญาณตนแสดงความจงรักภักดีต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล จากนั้นร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชาและเพลงสรรเสริญพระบารมี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระ มุสิกพงษ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พยายามประสานงานให้ท่านผู้หญิงวิริยา ชวกุล ประธานกรรมการเลขาธิการมูลนิธิบำรุงขวัญทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร ชายแดนใต้ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ มาเป็นประธานพิธี แต่ได้รับการประสานจากท่านผู้หญิงวิริยาว่าขอยกเลิกการเดินทางมายังเวทีที่ราชประสงค์ โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้เป็นงานของเสื้อแดง ซึ่งนายวีระเป็นผู้นำเหมาะสมที่สุด แต่ได้มอบพระบรมฉายาลักษณ์และนำพานพุ่มดอกไม้มาตกแต่งเวที
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.47 น. เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าลัดวงจรอีกครั้งที่หลังเวทีการชุมนุมซึ่งสร้างความแตกตื่นให้กับผู้พบเห็นเหตุการณ์เป็นอย่างโดยถือเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหลังจากเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ได้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน 2 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน








ข่าวที่เกี่ยวข้องDSIไม่ยันคนร้ายใช้ตึกภปร.ยิงM79ใส่ศาลาแดง 'วีระ'ย้ำนายกฯระบุวันยุบสภาก็กลับบ้าน "ไกรศักดิ์"ผวากระสุนM79อาจสละสิทธิ์ลงส.ส. ศิริโชคยืนยันยุบสภาช่วง15-30ก.ย. รพ.จุฬาฯเปิดบริการ-ผู้ป่วยทยอยกลับแล้ว

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

นปช.ยันปักหลักอ้างรอความชัดเจนจากปชป.

นปช.ยันปักหลักอ้างรอความชัดเจนจากปชป.



คมชัดลึก :นปช.ยัน ปักหลักราชประสงค์ อ้างรอความชัดเจนจากปชป. ณัฐวุฒิ ข้องใจ ปรองดองแต่ตั้งข้อหาก่อการร้าย จตุพร อัด โรดแม็บแค่นามธรรม จี้ รัฐบาล-กกต.กำหนดวันเลือกตั้งให้ชัด เหวง เสนอ 5 ข้อย้อนเกล็ดอภิสิทธิ์ก่อนปรองดอง






(5พ.ค.) เวลา 18.04 น.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงว่า แนวทางของคนเสื้อแดงต่อแนวทางปรองดองถือว่าจบแล้วเราตอบรับเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการสูญเสียของเจ้าหน้าที่และประชาชน ยืนยันข้อสรุปนี้ไปจนถึงการยุติการต่อสู้ หมายความว่า ถ้าแผนปรองดองเดินหน้าก็เดินหน้าแต่ถ้าสะดุดหยุดลงเราก็ยืนยันแนวทางสันติไม่เปลี่ยนแปลง ท่าทีของเราที่แสดงออกไปเราประสงค์ให้พรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคร่วมรัฐบาลแสดงความชัดเจนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก่อนเราถึงจะศึกษาตามแนวทางของเรา
          “อยากให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นับหนึ่งให้เสร็จก่อนหลังจากมีท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะนายชวน หลีกภัย ซึ่งคาดว่าน่าจะมีข้อสรุปในวันที่ 6 พ.ค.ที่จะมีการประชุมพรรค ส่วนการคัดค้านโรดแมปของพันธมิตรฯเราไม่นับมาเป็นเงื่อนไขในการพิจารณา ถ้าจบตรงนี้เราจะเริ่มนับสองแล้วจะมาประชุมแกนนำของเราเพื่อไปร่วมนับสามกับรัฐบาล หมายความว่า นายกฯคิดการยุบสภาอย่างไรว่ามา เราก็จะคิดหาทางออกตามแนวทางสันติวิธีอย่างไรก็ว่ากันไป นปช.ไม่ได้มีหน้าที่พิจารณาเฉพาะในสิ่งที่นายอภิสิทธิ์เสนอเท่านั้นเช่นเดียวกับนายอภิสิทธิ์ที่ไม่ต้องมาพิจารณาเฉพาะข้อเสนอของเราเช่นกัน ส่วนจะนำไปสู่ขั้นตอนปฎิบัติอย่างไรคงมีข้อสรุปอีกครั้ง ถ้าจะมองว่ายืดยาวหรือกระชับก็ได้ขึ้นอยู่กับว่านายกฯนับหนึ่งเสร็จเมื่อไหร” นายณัฐวุฒิ กล่าว
             เวลานี้สถานการณ์สำคัญของประชาธิปัตย์ไม่ได้อยู่ที่ยุบสภาแต่อยู่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะคนในประชาธิปัตย์เคยมีมติไม่แก้รัฐธรรมนูญไปแล้ว แต่เมื่อนายอภิสิทธิ์เสนอแนวทางปรองดองซึ่งมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย คงต้องรอดูว่าจะมีมติอย่างไร เชื่อว่าถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญจะมีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลอีก จึงเป็นตัวอธิบายว่าการนับหนึ่งของประชาธิปัตย์ยังไม่จบ ข้อสังเกตนี้ไม่ใช่การตั้งเงื่อนไขของนปช.อย่างไรก็ตามระหว่างที่ขั้นตอนการปรองดองดำเนินการอยู่เรายังไม่มีการกำหนดยุติการชุมนุมเวทีการต่อสู้ยังมีอยู่ ยังไม่มีการผ่อนคันเร่งไม่มีการเปลียนแปลงเส้นทาง
           “แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามแสดงท่าทีปรองดองสมานฉันท์แต่การปฎิบัติยังมีการคุกคามอยู่ ในวันเดียวกันที่นายอภิสิทธิ์แถลงแนวทางปรองดองนั้นทหารพยายามเข้าใกล้พื้นที่การชุมนุมตลอดเวลา สัญญาณนี้อธิบายรัฐบาลไม่เคยผ่อนคันเร่ง จึงเป็นสถานการณ์สู้รบกันอยู่ แต่เป็นความพยายามใช้สันติเข้ามาแก้ปัญหาเท่านั้น และแกนนำนปช.จะทำการคุยเรื่องการยุติการชุมนุมก็ต่อเมื่อมีความชัดเจนจากนายกฯในการกำหนดวันยุบสภาเท่านั้น” นายณัฐวุฒิ กล่าว
            นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การที่รัฐบาลให้ดีเอสไอให้คดีก่อการร้ายเป็นคดีพิเศษมีข้อสังเกตว่าสถานการณ์ในสามจังหวัดชายภาคใต้มีการจับตายมีผู้ต้องสงสัยนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีผู้ต้องหารายใดถูกตั้งข้อหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายใช่หรือไม่ ถ้าไม่มีรายใดถูกตั้งข้อกล่าวหา อยากถามว่าแกนนำนปช.ทั้ง 9 คนมีความรุนแรงมากกว่าผู้ต้องหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร เรื่องนี้ประเทศไทยต้องการคำอธิบาย ถ้าไม่มีคำอธิบายขอกล่าวหาว่ารัฐบาลชุดนี้ใช้ข้อกล่าวหาการก่อการร้ายเล่นงานประชาชนในประเทศของเขาเอง หวังว่านายกฯน่าจะแบ่งเวลาทำความเข้าใจเรื่องนี้
          สำหรับการรับมือกับฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ได้คุยกับฝ่ายสถานที่แล้วโดยจะทำฟูกที่นอนที่ทำจากไม้อัดสำหรับประชาชนที่พักค้างอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์เพื่อใช้ในการชุมนุมข่วงฤดูฝน เรามีมาตรการในการปรับสถานที่บริเวณที่ชุมนุมซึ่งจะเริ่มดำเนินการในวันที่6พ.ค.เพื่อเป็นเครื่องยืนยันการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
           นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.กล่าวว่า ทั้ง 5 ข้อของนายกฯไม่ได้เป็นโรดแมพแต่เป็นเพียงข้อเสนอที่ยังไม่มีรายละเอียดเป็นรูปธรรมเพราะมีหลายเรื่องที่ต้องคุยอย่างชัดเจน ประสำคัญ คือ การกำหนดวันยุบสภาฯเคยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งเมื่อปี 2549 เอาไว้ว่ารัฐบาลและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องร่วมมือกันในการกำหนดวันเลือกตั้ง
           “นอกจากนี้ มีข้อสงสัยมากมาย เช่น ถ้ามีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ก่อนยุบสภา และถ้าสรรหานายกฯในสภาใหม่ได้นายชวนเป็นนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์จะยังยืนยันให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย.หรือไม่ เช่นเดียวกับคดีความที่อยู่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เป็นกรรมการในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) อยากถามว่าจะยุติธรรมหรือไม่เพราะศอฉ.มีส่วนร่วมในการวางแผนทำร้ายประชาชนในวันที่10เม.ย.จะให้คนที่มีส่วนทำร้ายประชาชนมาเป็นผู้สอบสวนคดีนี้ได้อย่างไร“นายจตุพร กล่าว
            นายจตุพร กล่าวว่า การกำหนดวันเลือกตั้งมาจากมิติการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ.2554 ที่ใช้เวลาประมาณ 105 วันตามกฎหมายแต่เอาเข้าจริงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องซื้อโลงศพที่คนซื้อไม่ได้คนใช้ไม่ได้ซื้อ ควรให้รัฐบาลเข้ามาทำ พวกเราไม่ต้องการถูกหลอกอีกครั้ง ถ้าจะเอาเรื่องของนักการเมืองเป็นหลักไม่คุ้มค่าต่อการเสียชีวิตของประชาชน โดยเรื่องของนักการเมืองต้องเอาไว้สุดท้าย
           “เหมือนเป็นการกดดันให้คนเสื้อแดงยอมจำนน ยิ่งข่มเหงมากเท่าไหรการปรองดองจะไม่เกิดขึ้นเราไม่ยอมให้ถูกกดขี่ให้ยอมจำนน นายอภิสิทธิ์ต้องไปดูว่าต้องการปรองดองจริงหรือไม่ 5 ข้อนี้ยังเป็นนามธรรมต้องคุยให้เกิดขึ้นจริง ความชัดเจนต้องปรึกษากกต.ให้จบแถลงต่อสาธารณะแล้วค่อยมาว่ากันว่า 5 ข้อจะดำเนินการอย่างไร” นายจตุพร กล่าว
           นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช.กล่าวว่า ตอนนี้บรรยากาศยังไม่เหมาะที่จะมีการดำเนินการในเรื่องการปรองดองเพราะมีสัญญาณหลายอย่างที่ยังเป็นการคุกคามประชาชนอยู่ เช่น พบว่ามีทหารติดอาวุธครบมือประจำการอยู่บริเวณท่าเรือคลองแสนแสบหลายจุดโดยรอบบริเวณที่ชุมนุมจึงข้อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้ ได้แก่ 1.ยกเลิกพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานกาณ์ฉุกเฉิน 2.รัฐบาลต้องมีคำสั่งถอนทหารและตำรวจกลับที่ตั้งให้หมด 3.ยุติการใส่ร้ายป้ายสีนปช. 4.ต้องอนุญาติให้เราเปิดสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนลและสื่อของเราได้ตามปกติ 5.อย่าสร้างหลักฐานเท็จ ถึงจะมาพูดเรื่องการปรองดอง ภายใต้บรรยากาศแบบนี้จะช่วยให้การเดินหน้าเพื่อสร้างปรองดองทำได้ดีมากขึ้น








ข่าวที่เกี่ยวข้อง"วีระ"นำเสื้อแดงปฏิญาณจงรักภักดีในหลวง DSIไม่ยันคนร้ายใช้ตึกภปร.ยิงM79ใส่ศาลาแดง 'วีระ'ย้ำนายกฯระบุวันยุบสภาก็กลับบ้าน "ไกรศักดิ์"ผวากระสุนM79อาจสละสิทธิ์ลงส.ส. ศิริโชคยืนยันยุบสภาช่วง15-30ก.ย.

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

ม็อบชุมนุมต่อ!จี้นายกฯประกาศวันยุบสภา

ม็อบชุมนุมต่อ!จี้นายกฯประกาศวันยุบสภา

แกนนำ นปช.ยืนยัน จะชุมนุมต่อไปจนกว่านายกฯจะประกาศวันยุบสภาที่ชัดเจน ขณะที่การชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์แกนนำยังคงขึ้นปราศรัยอย่างต่อเนื่อง....เมื่อวันที่ 5 พ.ค.การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ในช่วงบ่าย ยังคงมีการปราศรัยของแกนนำ อาทิ นายวีระ มุกสิกพงษ์ ประธาน นปช. นายแพทย์ เหวง โตจิราการ สลับกับการแสดงดนตรีตามปกติ ทั้งนี้ นายณัฐวุติ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.เปิดเผยว่า การหาทางออกโดยยึดหลักสันติวิธียังคงเป็นแนวทางของกลุ่ม นปช. ถึงแม้ว่าแผนการปรองดองที่นายกรัฐมนตรีเสนอมาจะสะดุด แต่ขณะนี้สิ่งที่ต้องการเห็นคือความชัดเจนและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อมีความชัดเจนแล้ว กลุ่ม นปช.ก็จะร่วมหารือเพื่อกำหนดแผนต่อไปซึ่งขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้เวลาดำเนินการนานเท่าไร ส่วนการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ยังคงยืนยันจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องวันยุบสภา.


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

Blog Archive