Sunday, February 10, 2013

ปปง.ยึดอายัดตัดวงจรเงิน(ดำ)

ปปง.ยึดอายัดตัดวงจรเงิน(ดำ)
                คำสั่งอายัดที่ดินบ่อนเตาปูนมูลค่า 10.8 ล้านบาท ของ "สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน" (ปปง.) ทำเอาคอการเมืองวิจารณ์กันให้แซดว่า เป็นการใช้ ปปง.ให้เป็นเครื่องมือเล่นงานกันในทางการเมือง หวังผลต่อฐานคะแนนเสียงในชุมชนเตาปูน                 หลายคนสงสัยต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ ปปง. หลังจากปฏิบัติการ "ยึดอายัดทรัพย์" โดย ปปง.หายไปหลายปี ส่วนหนึ่งเพราะปปง.ไม่มี "เลขาธิการและคณะกรรมการธุรกรรม"                 หลังจากผ่านมาหลายรัฐบาลก็ยังไม่มีการตั้ง "เลขาธิการ" และบอร์ด ปปง." จนกระทั่งวันที่ 17 พฤษภาคม 2554 จึงมี "กรรมการธุรกรรมครบ 5 คน" การประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2555 จึงมีคำสั่งยึดครั้งแรกแต่เป็นคดียาเสพติด จากนั้นปปง.ก็เริ่มมีผลงานยึดอายัดทรัพย์คดีค้ามนุษย์ และก่อการร้าย ตามมาอย่างต่อเนื่อง                 แต่ที่โด่งดังและกล่าวถึงมากคือ กรณี "บ่อนเตาปูน" เพราะถูกหยิบมาโยงเรื่องการเมืองในช่วงที่มีการเลือกตั้ง "ผู้ว่าฯ กทม." ด้วยนั่นเอง                 หากมองในแง่การใช้ "หน่วยงานของรัฐ" ที่มีทำหน้าที่ตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น "กรมสอบสวนคดีพิเศษ" (ดีเอสไอ) หรือ "ปปง." ไปกระตุกขา "ฝ่ายตรงข้าม" ย่อมส่งผลต่อการทำงาน อย่างน้อยก็ต้องเสียเวลาในการเตรียมตัวเตรียมเอกสารเข้าชี้แจง                 จึงไม่แปลก ที่ผ่านมาหลายคดี ที่ "ดีเอสไอ" ดูเหมือนเร่งดำเนินการจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องเป็นเครื่องมือของฝ่ายรัฐบาล                 จนบางครั้งดูเหมือนทำหน้าที่ "แก้ต่าง" ให้ฝ่ายการเมือง                 และเมื่อมาถึงคราว "ปปง." จึงถูกจับตามองเรื่องการทำคดีช่วงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เสมือนการ "ตัดท่อน้ำเลี้ยง" ของฝ่ายตรงข้าม                 หรืออีกนัยหนึ่งก็เสมือนเป็นการ "เชือดไก่ให้ลิงดู"                 เพราะจากการให้สัมภาษณ์ของ "พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์" เลขาธิการ ปปง.เตรียมจะสั่งอายัดบ่อนพนันใหญ่ๆ อีก 2-3 แห่ง                 ดังนั้นบ่อนใหญ่และดัง เช่น บ่อนกิ่งเพชร, บ่อนบางนา, บ่อนบางบอน ก็ให้ระมัดระวัง เพราะถ้าดูจากวิดีโอที่ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" หัวหน้าพรรครักประเทศไทย นำมาอภิปรายในสภาก็อาจจะอยู่ในข่ายตามกฎหมายฟอกเงิน                 "สีหนาท" ยืนยันว่า คำสั่งอายัดที่ดินบ่อนเตาปูนเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องการเมือง!                 ก่อนหน้านี้มีการเสนอเรื่องให้ "คณะกรรมการธุรกรรม" อนุมัติให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินตั้งแต่ต้นปี 2555 เนื่องจากการบุกทลายบ่อนเตาปูน จับกุมนักพนันในบ่อนได้กว่า 100 คน จึงถือเป็นมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่กำหนดให้ความผิดเกี่ยวกับการพนัน เฉพาะความผิดเกี่ยวกับการเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีจำนวนผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นแต่ละครั้งเกินกว่า 100 คน หรือมีวงเงินในการกระทำความผิดรวมกันมีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป                 เมื่อการตรวจสอบวิเคราะห์เส้นทางการเงินพบธุรกรรมการเงินต้องสงสัย จึงนำเรื่องกลับเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมอีกครั้ง จนกระทั่งมีมติให้อายัดที่ดิน                 "สีหนาท" ชี้แจงว่า กรณีบ่อนเตาปูนเป็นเพียงการอายัดที่ดินไว้ 90 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้ นายสามารถ สิงห์จำนง ซึ่งมีอาชีพขายอาหารตามสั่งในชุมชนเตาปูน ซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง นำหลักฐานเข้าชี้แจงแสดงที่มาของทรัพย์สินภายใน 30 วัน หากชี้แจงได้ว่าเป็นเจ้าของที่ดินตัวจริง ไม่ใช่ถือครองแทนใคร และทรัพย์สินที่มีไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ก็เพิกถอนอายัด แต่ถ้าชี้แจงไม่ได้ ปปง.จะส่งสำนวนให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งให้ยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป                 สำหรับการอายัดที่ดิน "โรงเรียนญีฮาดวิทยา" หรือ "ปอเนาะญีฮาด" ตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน หมู่ 3 ต.ตะโล๊ะกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เนื้อที่ 14 ไร่ ราคาประเมิน 5.9 แสนบาท จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจและดีเอสไอ พบพฤติการณ์สนับสนุนการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และก่อนหน้านี้ ปปง.ได้สั่งอายัดทรัพย์โรงเรียนอิสลามบูรพา หรือปอเนาะสะปอม จ.นราธิวาส มูลค่า 3 ล้านบาท โดยอนุญาตให้เปิดสอนได้ แต่ห้ามใช้โรงเรียนเป็นสถานที่ฝึกอาวุธ                 หากฝ่ายการเมืองไม่อยากถูกเช็กบิลด้วยกฎหมายฟอกเงิน คำแนะนำคือ ต้องบริสุทธิ์ผุดผ่อง หรือทำผิดอย่าให้ถูกจับได้ โดยเฉพาะความผิดตาม 21 มูลฐานของกฎหมายฟอกเงินฉบับใหม่ ซึ่งขยายเพิ่มจาก 9 ฐานความผิด ที่เคยกำหนดไว้ในกฎหมายฉบับเก่า เช่น                 (1) ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (2) ความผิดเกี่ยวกับการค้าประเวณี (3) ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง (4) การยักยอก (5)ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ (6) รีดเอาทรัพย์ที่กระทำโดยอ้างอำนาจอั้งยี่ หรือซ่องโจร (7) การลักลอบหนีศุลกากร (8) การก่อการร้าย (9) ความผิดเกี่ยวกับการพนันตามกฎหมายว่าด้วยการพนัน เฉพาะความผิดเกี่ยวกับการเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีจำนวนผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นแต่ละครั้งเกินกว่า 100 คน หรือมีวงเงินในการกระทำความผิดรวมกันมีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป (10) การเป็นสมาชิกอั้งยี่                 (11) การรับของโจรอันมีลักษณะเป็นการค้า (12) การแปลงเงินตรา (13) การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาลักษณะเป็นการค้า (14) การปลอมเอกสารสิทธิ บัตรอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการค้า (15) ความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม โดยการใช้ ยึดถือ หรือครอบครองลักษณะเป็นการค้า (16) ความผิดเกี่ยวกับการประทุษร้ายต่อชีวิตหรือร่างกาย เพื่อให้ได้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สิน (17) การหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น เพื่อเรียกหรือรับผลประโยชน์ (18) การลักทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ (19) การกระทำอันเป็นโจรสลัด (20) การกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ (21) ความผิดเกี่ยวกับอาวุธหรือเครื่องมืออุปกรณ์ของอาวุธที่ใช้หรืออาจนำไปใช้ในการรบ                 ตัวอย่างทั้ง 21 ฐานความผิดนี้ หากทำตรงไปตรงมา ถือเป็นการตัดวงจรธุรกิจสีเทาแทบทุกประเภท โดยเฉพาะธุรกิจบางประเภทที่เป็นทุนสนับสนุนการเมืองไทยในทางลับ เพื่อทำสิ่งผิดกฎหมาย หากสามารถตัดเส้นทางไม่ให้เงินดำถูกส่งไปหว่านซื้อเสียงผ่านการเลือกตั้ง น่าเชื่อว่าจะเป็นใบเบิกทางสู่ถนนประชาธิปไตยได้อีกทางหนึ่ง    .................. (หมายเหตุ : ภารกิจ ปปง. 'ยึด-อายัด' ตัดวงจรเงิน(ดำ)หนุนการเมือง : ขยายปมร้อน โดยปิยะนุช ทำนุเกษตรไชย)

สุกำพลรับ3เหตุใต้พลาดทางยุทธวิธี

สุกำพลรับ3เหตุใต้พลาดทางยุทธวิธี
               11 ก.พ.56 พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยเเลนด์ทางสปริงนิวส์กรณีเหตุรุนเเรงสามจุดครั้งล่าสุดในจังหวัดชายเเดนภาคใต้ว่า รายงานล่าสุดทราบว่าเจ้าหน้าที่พลาด เเละคงไม่ระบุในตรงนี้ เเต่ตนคุยกับเเม่ทัพภาคที่สี่เเล้ว ขอเรียนว่าในพื้นที่คนปฏิบัติงานมีเยอะ หากชี้เเนะไปบางครั้งอาจมีพลาดกันบ้าง เพราะข้อเเนะนำมีเยอะเหมือนครูสอนนักเรียนหลายเรื่อง นักเรียนยังทำพลาดเลย ย้ำว่า เหตุที่เกิดขึ้นเพราะผิดพลาดทางยุทธวิธี ไม่ใช่ผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ เเนวทางในการปฏิบัตินั้นมีการทบทวนเเละถูกต้อง เเละมันก็ต้องทบทวนตัวเอง ทหารรู้ดีว่าหากพลาดจะตายเเละต้องทำงานเต็มที่ บางอย่างต้องมีจุดเปลี่ยนเเละเดินผ่านไปให้ได้ ไม่ใช่ระเบิดเกิดขึ้นครั้งหนึ่งก็เปลี่ยนเเผนครั้งหนึ่ง บางครั้งตนท้อเช่นกันเพราะตนไม่ใช่คนทำ หากเปลี่ยนนโยบายทุกวัน ฝ่ายปฏิบัติจะทำอย่างไร                 ส่วนเเนวคิดการประกาศเคอร์ฟิวนั้นจะควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ รมว.กลาโหม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องคุยกับหลายฝ่าย น้ำหนักที่ตนมองนั้นต้องคุยผู้คนในพื้นที่เเละฝ่ายปฏิบัติงานเพราะอยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์ เเล้วค่อยตัดสินใจร่วมกันเพราะมีทั้งข้อดี-ข้อไม่ดี ทุกอย่างมีข้อจำกัด ส่วนการประกาศเคอร์ฟิวที่จะประกาศห้ามประชาชนออกจากเคหะสถานในยามกลางคืนจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นอย่างไร รมว.กลาโหม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องคุยกับหลายฝ่ายเพราะตนไม่มีอำนาจฟันธง ส่วนเหตุรุนเเรงในช่วงหลายเดือนนั้นมักเกิดช่วงกลางวันเเละอุกอาจ หากประกาศเคอร์ฟิวจะช่วยอะไรได้บ้าง รมว.กลาโหมกล่าวว่า คำถามนี้่จบเเล้วเพราะตนตอบไปข้างต้นเเล้ว ส่วนเหตุยิงครูช่วยสอนทำนานั้น ถามว่า กรณีนี้ในวันนั้นอยู่ในการดูเเลของเจ้าหน้าที่หรือไม่ เรื่องเเบบนี้ตนตอบเเบบจริงใจเเละไม่เสเเสร้งเเละควรเห็นใจ                  "นายกฯ"เรียกประชุมสมช. ติดตามสถานการณ์ไฟใต้                 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเรียกหน่วยงานและเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคงเข้าหารือ เพื่อติดตามการทำงานและสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายเเดนภาคใต้ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเวลาประมาณ 10.30 น. ว่า เป็นการติดตามงาน รวมทั้งอยากจะขอฟังปัญหาในพื้นที่ด้วย ซึ่งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ก็ยังทำงานอยู่เหมือนเดิมภายใต้การกำกับดูแลของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็จะมีการเรียกประชุมในช่วงบ่ายอยู่แล้ว โดยตนอยากจะสอบถามรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่ด้วย                ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการตัดสินใจใดๆ หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ไม่มี โดยเรื่องทั้งหมดนั้นยังอยู่ภายใต้คณะกรรมการเหมือนเดิม เพียงแต่ตนอยากพูดคุยว่าจากที่เรามีการบูรณาการกันในเนื้องาน ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณหรือการประสานงานก็อยากจะถามว่าปัญหาอุปสรรคเป็นอย่างไร มีอะไรจะได้ช่วยกันสนับสนุน แต่ทั้งหมดนี้ก็จะมีการติตามผ่านกลไกของคณะกรรมการเหมือนเดิม                เมื่อถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าเหมือนเป็นการถอยหลัง นายรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่างที่เรียนว่า เรายังไม่ได้สรุป ซึ่งทั้งหมดอยู่ในคณะกรรมการ ทั้งนี้พื้นที่ไหนที่มีความสงบเราก็ไม่อยากจะใช้อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง เมื่อถามว่า ส่วนพื้นที่ที่มีความจำเป็นอย่างพื้นที่สีแดงนั้นต้องประกาศใช้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเราประกาศแล้วคิดว่าจุดนี้สามารถที่จะดูแลควบคุมความไม่สงบได้ เราก็ค่อยประกาศเพราะเราไม่อยากให้พี่น้องประชาชนใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นปกติ ฉะนั้นหลักคือเจ้าหน้าที่ต้องทำทุกอย่างอย่างเต็มที่แล้วถึงจะมีมาตราการในแต่ละขั้นต่อไป ซึ่งต้องขอให้คณะกรรมการทำงานในเนื้อหาก่อน อย่างเช่นจำนวนคน อุปกรณ์ต่างๆ                  “แต่หากเราคิดว่าสุดความสามารถก็ต้องขอความร่วมมือประชาชนเพื่อให้พื้นที่มีความสงบ ไม่ได้อยู่ๆ ว่าจะมาประกาศ ทั้งนี้ก็ต้องรับฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ด้วย เพราะว่าเราต้องทำงานร่วมกับพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด รวมทั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต) ซึ่งขอยืนยันว่าจะไม่มีการประกาศอะไรที่บุ่มบ่าม”นายกรัฐมนตรี กล่าว                เมื่อถามว่า จะเป็นการกลับสู่ระบบโซนนิ่งในพื้นที่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่อของรายละเอียดขออนุญาตไม่ชี้แจง แต่เรามองว่าในเรื่องของลักษณะพื้นที่ (area base)เป็นสิ่งสำคัญ การเก็บข้อมูลการติดตามประสานงานตรงนี้จะใช้หลักของพื้นที่ ส่วนการจะกำหนดความสำคัญของพื้นที่แต่ละพื้นที่ก็เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง เราก็จะไม่ขอประกาศว่าพื้นที่ไหนเรียกว่าอะไร เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน     "ผบ.ทบ."ห่วงไฟใต้รุนแรง-ยันพร้อมหากประกาศเคอร์ฟิว                พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งขณะนี้ เดินทางไปเยือนออสเตรเลียอย่างเป็นการ ได้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ และเกาะติดสถานการณ์ ที่เกิดเหตุร้ายอยู่ตลอดเวลา                พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่ลูกน้องเสียชีวิตไปหลายคน แต่ก็ต้องทำงานอยู่ที่นี่ จะกลับถึงประเทศไทย วันที่ 15 ก.พ.นี้ แม้จะไม่ทันการประชุม ศปก.กปต. แต่ส่งตัวแทนไปร่วมแล้ว ส่วนเรื่องการประกาศ เคอร์ฟิวใต้ ก็พร้อมหากรัฐบาลไฟเขียว ซึ่งคงจะประกาศในบางพื้นที่และบางเวลาเท่านั้น  

โอ๊คอัดคุณชายพูดไม่เหมาะสม

โอ๊คอัดคุณชายพูดไม่เหมาะสม
               11 ก.พ.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.15 น.นายพานทองเเท้ ชินวัตร โพสต์ข้อความล่าสุดในเฟสบุ๊กส่วนตัวใจความว่า "แข่งขันกันดุเดือดในแนวหยาบคายแบบนี้ คนที่จะชนะได้เป็นผู้ว่าฯกทม. "ไม่ใช่หมู" ครับ               ผมเห็นในเฟสบุ๊กของ มรว.สุขุมพันธุ์ โพสต์ไว้เมื่อวานนี้ว่า "มีคนนำคำพูดตอนปราศรัยไปตัดทอน ทำให้คนเข้าใจผิด" โดยในตอนท้ายได้ออกตัวไว้ว่า"ต้องขออภัย หากทำให้บางท่านคิดว่า ใช้คำพูดไม่เหมาะสม"               อ่านแล้วผมสงสัยว่า มีใครนำคำพูดของคุณชายไป "ตัดทอนหรือตัดต่ออย่างไร" จึงทำให้ "บางท่านคิดว่า ใช้คำพูดไม่เหมาะสม" ผมจึงได้ให้ทีมงานไปหาในยูทูปดูว่า จริงๆแล้วคุณชายใช้คำพูด ไม่เหมาะสมจริงตามที่เป็นข่าว หรือพูดแบบสุภาพตามที่ได้โพสต์ไว้ในเฟสบุ๊กกันแน่ครับ               ผมได้ลองฟังดูอยู่เป็น 10 รอบ ยังไม่เห็นมีคำพูดสุภาพๆ อย่างที่ได้โพสต์ไว้เลยครับ ยกตัวอย่างให้ดูก็ได้                1. เฟสบุ๊กคุณชายเขียนว่า "อย่าดูถูกความเชื่อมั่นที่พรรคมีให้ผม"แต่เสียงในคลิปคุณชายกลับพูดว่า "ทำไมถามอย่างนี้ ดูถูก....เลย"               2. เฟสบุ๊กคุณชายเขียนว่า "อย่าดูถูกความตั้งใจที่เราทำงานร่วมกันมา"แต่เสียงในคลิปคุณชายกลับพูดว่า "คิดอย่างนี้ พูดอย่างนี้ ดูถูก....เลย"               3. เฟสบุ๊กคุณชายเขียนว่า "อย่าดูถูกความรักที่ผมมีต่อพรรค"แต่เสียงในคลิปคุณชายกลับพูดว่า "อย่าดูถูก... เพราะ...คือ คนของพรรคประชาธิปัตย์"               สิ่งที่ผมเขียนนี้คือ ข้อเท็จจริงครับ ข้อความในเฟสบุ๊กที่ลงไว้ก็ตามรูปที่ผมโพสต์นี้ คลิปที่คุณชายพูดก็หาดูได้ใน youtube และผมก็ได้ตรวจสอบแล้วว่ามิได้มีการตัดทอน แต่งเติมประการใด เสียงพูดก็เสียงคุณชาย ปากก็ขยับตรงกับเสียงพูดทุกประการ ใครไม่เชื่อหรือยังไม่เคยฟัง ลองเข้าไปดูตาม Link นี้ครับ               ผมว่าการที่จะเป็นผู้ว่ากทม. ซึ่งถือว่าเป็นพ่อเมืองของคนกรุง โดยที่คนกรุงพร้อมใจกันเลือกถึง 2 สมัย ผมว่า "ไม่ใช่หมูๆ" นะครับ น่าจะต้องสร้างความประทับใจ ให้กับคนกรุงเทพฯมากพอสมควร โดยเฉพาะพ่อเมืองย่อมควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกๆ หลานๆ เอาแค่เด็กๆ ในโรงเรียนของกทม. ก็ปาเข้าไปเท่าไหร่แล้ว วุฒิภาวะในการควบคุมอารมณ์ ควรจะต้องนิ่งและเป็นที่น่าเชื่อถือมากกว่านี้ การแทนตัวเองว่า "กู" หลายครั้ง การหลุดคำว่า "ฉิบหาย" หลายครั้ง บนเวทีปราศรัย ไม่ควรเกิดขึ้นกับผู้สมัครผู้ว่าฯ โดยเฉพาะคนเป็นแชมป์เก่า อดีตผู้ว่าฯกทม. ครับ               ยิ่งอ้างว่าเป็นการ "พูดอย่างจริงใจ ไม่จำเป็นต้องสร้างภาพ" ผมว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีครับ ผู้ว่าฯแสดงความจริงใจด้วยการพูดคำหยาบคายแบบนี้ ผู้ปกครองของเด็กๆ ในกทม. เขาจะอบรมลูกหลานได้อย่างไร ว่า คำพูดแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่ดี แถมด้วยในเฟสบุ๊กยังเขียนกลบเกลื่อน ด้วยคำสุภาพๆ ที่ไม่มีจริงในคำพูดอีก ยิ่งไปกันใหญ่ สอนเด็ก "โตไป ไม่โกง"แล้ว ต้องสอนด้วยว่า "โตไป ไม่โกหก"ครับ               สิ่งที่ผมพูดนี้อยู่บนสมมุติฐานที่ว่า คุณชายไม่ได้เมาไวน์ แล้วขึ้นไปปราศรัยนะครับ เพราะเมื่อนักข่าวถาม คุณชายก็ยืนยันกับนักข่าวแล้วว่า "ไม่ได้ดื่ม" ผมเชื่อคำพูดคุณชายครับ และถือว่าเป็นความตั้งใจของคุณชาย ที่จะพูดคำหยาบบนเวที โดยที่ไม่มีฤทธิ์แอลกอฮอลล์เข้ามาเกี่ยวข้อง               เขียนมาจนจบแล้ว เชื่อผมไหมครับ ว่าเลือกตั้งครั้งนี้ อย่างที่ผมจั่วหัว ไว้ในตอนต้น.....                แข่งขันกันดุเดือดในแนวหยาบคายแบบนี้ คนที่จะชนะได้เป็นผู้ว่าฯกทม. "ไม่ใช่หมู" ครับ                }^%#%{*เอื๊อกกก....ผม....ม่ายย...มาววว..%%#+{$*?"                ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองเเท้เเนบการชี้เเจงของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ทางเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่าน มาประกอบการโพสต์ครั้งนี้ของนายพานทองเเท้ด้วย โดยการโพสต์ครั้งนี้ของนายพานทองเเท้สืบเนื่องจากการหาเสียงของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีการเผยเเพร่คลิปดังกล่าวทางโซเชียลมีเดียกันกว้างขวาง

ปูทำบุญ 3 วัด ช่วยพงศพัศหาเสียง

ปูทำบุญ 3 วัด ช่วยพงศพัศหาเสียง
นายกรัฐมนตรี ทำบุญ 3 วัด เสริมสิริมงคลเทศกาลตรุษจีน พร้อมลงพื้นที่ช่วย พงศพัศ หาเสียง เชื่อเจ้าตัวแจงคดีโรงพักได้...เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 10 ก.พ. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 9 พรรคเพื่อไทย เดินทางไปหาเสียงที่ย่านฝั่งธนบุรี โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำทีมรัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รมช.คมนาคม นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย และนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.โดยนายกฯ พร้อมคณะได้เข้ากราบสักการะพระธรรมเจดีย์ เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ซึ่งเจ้าอาวาสได้ให้พรนายกฯ และคณะให้บริหารประเทศได้สำเร็จตามต้องการ ขอพรสิ่งใดก็สมปรารถนา จากนั้นได้ไปไหว้ศาลเจ้าซำปอกง หรือเจิ้งเหอ และเดินลอดซุ้มประตูสวรรค์ นำของมงคลไปเซ่นไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือไฉ่ซิ้งเอี้ย เพื่อความเป็นสิริมงคลในเทศกาลตรุษจีนจากนั้นได้ลงเรือที่ท่าวัดกัลยาฯ ไปทำบุญไหว้พระที่วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เข้าไปกราบไหว้พระประธานหลวงพ่อโต และร่วมกันเคาะระฆังจำนวน 15 ใบ และไปไหว้พระทำบุญที่วัดอรุณราชวราราม ทำพิธีไหว้ฟ้าดิน สักการะองค์พระปรางค์ และศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน เข้ากราบนมัสการพระศากยปุตะติยะวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณฯ ซึ่งได้มอบหมอนชินบัญชร ยันตร์วัดอรุณฯ รูปหล่อสมเด็จพระเจ้าตาก และของดีคู่วัดอรุณฯ ให้กับนายกฯและผู้สมัคร พร้อมกล่าวให้พรว่า ให้หมอนชินบัญชรจะได้นอนมา ทั้งนี้ทุกวัดที่นายกฯ และผู้สมัครลงพื้นที่ประชาชนที่มาร่วมทำบุญเนื่องในเทศกาลตรุษจีนได้ขอถ่ายรูป และมอบดอกกุหลาบให้กับนายกฯ และพล.ต.อ.พงศพัศเป็น จำนวนมากจากนั้นนายกฯ พร้อมผู้สมัครมารับประทานก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใสหน้าวัดอรุณฯ และเดินทักทายประชาชนย่านอรุณอัมรินทร์ ก่อนเดินทางกลับบ้านพักซอยโยธินพัฒนา 3 ต่อมาเมื่อเวลา 11. 50 น. ที่วัดอรุณราชวราราม น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงให้กับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 9 พรรคเพื่อไทยว่า ต้องขอขอบคุณที่เสียงตอบรับจากประชาชน รวมถึงการตอบรับในตัวของ พล.ต.อ.พงศพัศ ถือเป็นกำลังใจในการลงพื้นที่ ส่วนการตัดสินใจทั้งหมดจะไปปรากฏในวันที่ 3 มี.ค.นี้ ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.พงศพัศตกเป็นเป้าทางการเมืองหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะกรณีการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนทั่วประเทศ 396 แห่ง และโครงการก่อสร้างแฟลตตำรวจ 163 หลังนั้น ตนเชื่อว่า พล.ต.อ.พงศพัศ จะชี้แจงหลายๆ เรื่องได้ เพราะตลอดเวลาที่ พล.ต.อ.พงศพัศปฏิบัติหน้าที่เป็นไปได้ด้วยดี การทำงานมีประสิทธิภาพเมื่อถามว่าจะส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมที่กำลังดีขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าเป็นเรื่องของข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้ เรื่องทั้งหมดเราต้องการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ เวลา 16.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเฝ้าฯ รับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงเป็นประธานในพิธีเปิดงานตรุษจีนเยาวราช 2556 ณ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร และซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ถนนเยาวราช กรุงเทพฯ.

จูดี้แจงดีเอสไอ ไม่เกี่ยวTORเหมาเจ้าสร้างโรงพัก

จูดี้แจงดีเอสไอ ไม่เกี่ยวTORเหมาเจ้าสร้างโรงพัก
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ แสดงความบริสุทธิ์ใจ รุดยื่นเอกสารให้ข้อมูลดีเอสไอ ปัดไม่เกี่ยวข้องโครงการโรงพักทดแทน ด้านธาริต รับลูกจ่อสอบสวนต่อ กัน เพรียวพันธ์-อดุลย์ เป็นผู้เสียหาย...วันนี้ (10 ก.พ.56) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย และในฐานะอดีตรอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมายื่นเอกสารหลักฐานให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ผู้แสดงความบริสุทธิ์ใจ ภายหลังถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดหาโครงการก่อสร้างอาคาร ที่ทำการสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 หลัง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเป็นประธานคณะกรรมการกำหนดขอบเขตของงาน (ทีโออาร์) โดย พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวภายหลัง การเข้ายื่นเอกสารหลักฐานว่า การกล่าวหาในลักษณะดังกล่าว เข้าข่ายเป็นการให้ร้ายต่อผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จึงมามอบเอกสาร ที่เกี่ยวข้องต่อดีเอสไอ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ และขอยืนยันว่า จะไม่ฟ้องร้องใคร ด้านหากมีการตอบโต้ จากทีมของพรรคนั้น ตนก็ได้กำชับไปแล้วว่า อย่าไปพาดพิงใครขณะที่ นายธาริต กล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานแล้ว ไม่พบว่า พล.ต.อ.พงศพัศ มีส่วนเกี่ยวข้องในการกำหนดขอบเขต ของงานทีโออาร์ ที่มีการจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคาร ที่ทำการสถานีตำรวจทดแทน แบบเหมารวมเจ้าเดียว ที่กำลังมีปัญหาแต่อย่างใด เพราะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้นได้เห็นชอบยกเลิก การดำเนินการแยกการเสนอราคาเป็นรายภาค และอนุมัติให้จัดจ้างก่อสร้างทุกอาคารรวมกันในครั้งเดียว ไปเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2552อย่างไรก็ตาม กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะได้ทำการสอบสวนต่อไป รวมถึงจะมีการเชิญ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.คนปัจจุบัน มาสอบถามเพราะอาจจะเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายในเรื่องดังกล่าวด้วย. 

มาร์ค ไม่ห่วง ปชป. ถูกทิ้งปมนิรโทษฯ

มาร์ค ไม่ห่วง ปชป. ถูกทิ้งปมนิรโทษฯ
“มาร์ค” ไม่ห่วง ปชป. ถูกทิ้งปมนิรโทษฯ ยันมีจุดยืนเหมือนเดิม ทั้งเสนอแนวทางชัดเจนแล้วให้นิรโทษกรรมจำกัดขอบเขต เฉพาะคนที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ...วันที่ 10 ก.พ. ที่อาคารชายชล สวนหลวง ร.9 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาฯ เชิญตัวแทนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หารือร่วมกับตัวแทนกลุ่ม นปช. เกี่ยวกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมว่า เรื่องนี้ไม่คิดว่าจะเป็นการโดดเดี่ยวพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อกล่าวหาพรรคว่าขัดขวางเรื่องนี้เพียงฝ่ายเดียว และไม่คิดว่าจะเป็นตัวบีบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคมีจุดยืนเหมือนเดิมอีกทั้งตนได้เสนอแนวทางอย่างชัดเจนแล้วว่าให้มีการนิรโทษกรรมจำกัดขอบเขต เฉพาะคนที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งตัวแทนพันธมิตรฯ ก็ไม่มีความคิดแตกต่างจากตน แต่ปัญหาอยู่ที่มีการเอาคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมโดยสงบ แต่ทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นตัวประกัน เพราะรัฐบาลไม่ยอมนิรโทษให้ เนื่องจากต้องการพ่วงบรรดาผู้เผา ผู้ฆ่า คนโกงเข้าไปด้วย จึงทำให้เรื่องหยุดชะงัก ซึ่งปัญหาไม่ได้อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ แต่ทุกคนต้องตั้งคำถามกับรัฐบาลว่า มีความเชื่อในเรื่องการปรองดองว่าจะช่วยประชาชนคนธรรมดาอย่างไร ไม่ใช่เอาเงื่อนไขนี้มาบังหน้าล้างผิดให้คนโกง และตนไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องพูดถึงการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อีกฉบับหนึ่งเพื่อนิรโทษให้กับแกนนำ โดยให้มีคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาว่า ใครสมควรได้รับการนิรโทษ เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้ง แต่ควรเริ่มต้นจากจุดร่วมที่ถ้าเห็นว่าประชาชนที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สมควรได้รับการนิรโทษกรรมก็ทำเรื่องนี้ด้วยกัน แต่ถ้าจะเอาเรื่องของคนอื่นพ่วงด้วยก็ขัดแย้งต่อ.

Blog Archive