คงไม่สายเกินไปนัก ถ้าวันนี้จะมาเสาะหาว่า ทำไมพรรคเพื่อไทยต้องเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เพราะหากจะเลือกหรือไม่เลือกใครสักคนแล้ว ก็ควรที่จะดู "ภูมิหลัง" หรือที่มาที่ไปกันบ้าง อย่างไรก็ตาม ประวัติการรับราชการตำรวจของ พล.ต.อ.พงศพัศ นั้น คงไม่ต้องไปขุดค้น เพราะดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับงาน "อาสา" ในการเป็น "ตัวแทน" ของประชาชนที่ได้จากการเลือกตั้ง ก่อนหน้านี้แทบไม่มีใครรู้ว่า พล.ต.อ.พงศพัศ จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ว่าในระดับใดๆ มีเพียงเสียงกระเซ้าเย้าแหย่ว่า ทำงานแบบนี้น่าไปลงผู้แทนฯ ...อะไรทำนองนั้น เป็นที่รู้กันว่า ในพรรคเพื่อไทยนั้นบรรดา ส.ก.-ส.ข. ส่วนใหญ่เทเสียงหนุน "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานภาค กทม. แม้จะมีเรื่องมีราวหลายอย่าง ก็ยังหนุน แต่ในวันที่ เจ๊หน่อย ร้างลาพรรคไปนาน ด้วยเพราะติดโทษแบน 5 ปี ในคราวกระโน้น ดุลอำนาจในพรรคเพื่อไทยก็วัฒนาการไปไม่หยุดยั้ง จนว่ากันว่า หากจะชั่งน้ำหนักกันแล้ว ระหว่าง เจ๊หน่อย กับ "ตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดงแล้ว หากให้เดาใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คงจะชี้ไปทาง "ตู่" จตุพร มากกว่า ไม่ใช่ว่า "เก่า-เหลาเหย่" หากแต่ตัวเจ๊หน่อยเองนั้นอยู่ในข่ายที่ว่า "ทำดีแต่อย่าเด่น จะเป็นภัย" บรรดาขาใหญ่ในพรรคนั้นก็ว่ากันมาอีก ไม่ว่าจะเป็น "หญิงอ้อ-น้องปู" ยาวไปจนถึง "อาเหลิม" ไม่มีใครปลื้ม เจ๊หน่อย สักคน อย่าได้ถามไถ่ว่า ด้วยเหตุผลกลใดมาเลยเชียว ก่อนหน้านี้ เจ๊หน่อย ได้ชื่อว่ามีบุคลิกภาพผู้นำสูง แถมยังรู้จัก "อ่อน" ในยามที่ควรอ่อน "แข็ง" ในจังหวะที่ควรจะแข็ง แต่บุคลิกแบบนี้ ทำให้ภายในพรรคเพื่อไทย มีทั้งคนรักและคนชังเจ๊หน่อย แล้วก็คงจะด้วยบุคลิกเช่นนั้น ทำให้ ส้มหล่นปุ๊ ลงที่ตัก พล.ต.อ.พงศพัศ ! เพราะหาก พ.ต.ท.ทักษิณ เคาะไปที่เจ๊หน่อย ที่โพลล์ก็ชี้ว่า ถ้าลงเมื่อไหร่ คุณชายสุขุมพันธุ์ บริพัตร จะมาเดินลอยชายแวะซอยนั้นซอยนี้ไม่ได้แน่ ขนาดยังไม่ตัดสินใจลงสมัคร โพลล์ยังชี้ว่าสูสี ถ้าได้ลงไม่ทิ้งขาดกระจุยเลยหรือ แต่ก็อย่างว่า เมื่อภาพความขัดแย้งภายในมันปรากฏชัด มือบริหารระดับ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปดึงดันให้มันแตกหักกันไปทำไม ถึงจะมีตัวเลือกอีกคนคือ ประภัสร์ จงสงวน ที่ตอนนี้ยังเป็นผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. แต่ก็โดนทักท้วงว่า เคยพ่ายมาแล้ว ตำแหน่ง ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. ก็เลยเป็นที่ที่เหมาะสมสำหรับ ประภัสร์ คนที่ดูเหมือนจะยิ้มแก้มบานมากกว่าใคร น่าจะเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เพราะคุมเรื่องปราบยาเสพติด และคุม พล.ต.อ.พงศพัศ อยู่แต่ก่อนแล้ว การเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. ทำให้ราศีฉายจับ ร.ต.อ.เฉลิม ตั้งแต่ยังไม่ทันออกแรง บรรดา ส.ก.-ส.ข. ทั้งหลาย ที่ก่อนหน้านี้ดูจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับ เจ๊หน่อย จากนี้ไปอย่างน้อยๆ ก็ต้องฟังกันบ้าง เพราะต้องประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ถ้าหากจับพลัดจับผลู พล.ต.อ.พงศพัศ เกิดได้ลุ้นหายใจรดต้นคอ คุณชายสุขุมพันธุ์ ขึ้นมา ดุลอำนาจในพื้นที่ กทม. ก็อาจจะเปลี่ยนมือไปเลยก็ได้ นับจากวินาทีนี้ ฐานเสียงที่เคยเลือกพรรคเพื่อไทยนั้นมีประมาณ 6 แสน เลือกประชาธิปัตย์ราว 9 แสน แต่นั่นยังไม่นับรวม "สีกากี" ที่ว่ากันว่า "แดง" เกือบ 100% เป็น "ทุนใหม่" ให้ได้ลุ้นมาเสริมกำลังอีก เป็นสีกากีที่ไม่ธรรมดา เพราะไม่มีใครรู้ว่า เมื่อใดปฏิบัติหน้าที่ หรือเมื่อใดเป็นช่วงฝักใฝ่การเมือง เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ "สีกากี" จึงกลายเป็นอีกปัจจัยที่ไม่อาจละสายตาได้ เพราะอาจมีผลต่อคะแนนของผู้สมัคร ในแง่ของ "เสียง" หรืออาจจะรวมถึงในแง่ของการปฏิบัติหน้าที่ แต่นั่นคือผลพลอยได้ เพราะการเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ นั้นคือ ผลที่ต้องการสยบความขัดแย้งภายในพรรค จึงไม่แปลกที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเอางานผูก เจ๊หน่อยให้ช่วย พล.ต.อ.พงศพัศ หาเสียง ส่วน พล.ต.อ.พงศพัศ นั้น แม้จะ "ไม่ใช่" ในตอนแรก แต่เมื่อวันนี้ "ใช่" ก็ต้องเล่นไปตามบท ถึงสุดท้ายจะพ่ายแพ้ ก็ไม่ได้ถือว่า เสียหน้า แถมยังมีตำแหน่ง เลขาฯ ป.ป.ส. นอนรอให้หวนคืน ...................... (หมายเหตุ : เลือก'พงศพัศ'สยบความขัดแย้งในเพื่อไทย : ขยายปมร้อน โดยศรุติ ศรุตา)
