Monday, May 31, 2010

เพื่อไทย จี้ สำนึกนายกฯ ต้องมาก่อนรับผิดทาง กม.

เพื่อไทย จี้ สำนึกนายกฯ ต้องมาก่อนรับผิดทาง กม.

อภิปรายวันที่สอง ส.ส.พท.ตามขย่ม จี้ สำนึกการเมืองนายกฯ ต้องมาก่อนความรับผิดทางกฎหมาย “ฐิติมา”จวก “มาร์ค”เอาแต่ใช้โวหารแก้ตัวไปวันๆ ทำ ส.ส.ปชป.ฉุนประท้วงจนถูกไล่ออกจากห้องประชุม... เมื่อเวลา 08.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญนัดพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เป็นวันที่ 2 ทั้งนี้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้สั่งพักการประชุมในวันแรกลงเมื่อเวลา 02.11 น. และเลื่อนการประชุมมาต่อวันนี้ โดยมีนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ซึ่งได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าการอภิปรายวันแรกใช้เวลาไป 16 ชั่วโมง 17 นาที แบ่งเป็นฝ่ายค้าน 9 ชั่วโมง 17 นาที รัฐมนตรีชี้แจง 3 ชั่วโมง 14 นาที และเวลาในการการหารือ ประท้วงและชี้แจงพาดพิง 3 ชั่วโมง 46 นาที โดยในการอภิปรายต่อในช่วงแรก ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทยอยนำภาพนิ่งกรณีการสลายการชุมนุม มาประกอบการอภิปราย อาทิ นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน นำภาพนิ่งกรณีเหตุการณ์ 10 เม.ย. 14-19 พ.ค. มาอภิปรายพร้อมตำหนิว่าตอนนี้นายกฯไม่สง่างามแล้ว ไปไหนก็จะมีคำถามติดตัวว่า มีส่วนปราบปรามประชาชน 100 ศพ จึงไม่ขอไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งต่อไป ขอให้ผู้นำรัฐบาลมีสำนึกทางการเมือง แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองตามที่ได้เคยพูดไว้ ส่วนความรับผิดชอบทางกฎหมายเป็นเรื่องที่จะต้องมีการตรวจสอบและเอาผิดกับผู้ที่ก่อความรุนแรงทุกฝ่ายต่อไป ทั้งนี้ นายสถาพร ยังนำผ้าคาดปากซึ่งมีสัญลักษณ์ของกลุ่มนปช.มาปิดปากขณะอภิปราย พร้อมนำผ้าพันคอของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เขียนว่า “ยุบสภา” และหนังสติ๊กที่เป็นเครื่องมือป้องกันตัวเองของผู้ชุมนุมมาประกอบด้วย ทำให้นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วง จึงมีการปะทะคารมกัน นายสถาพร กล่าวว่าน่าจะนำผ้านี้ไปปิดปาก นายบุญยอด จะได้หยุดประท้วงต่อมานางฐิติมา ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การบริหารราชการของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ทำให้มีคนตายและเจ็บจำนวนมาก หลายคนไม่เกี่ยวข้องแต่โดนลูกหลง คนเหล่านี้ให้ข้อมูลว่า ทหารยิง ทั้งนี้เมื่อมีคนมาเรียกร้องเรือนแสน นายกฯก็ควรทำตามคำพูดที่เคยให้ไว้สมัยเป็นผู้นำฝ่ายค้าน คือการยุบสภาตามวิถีประชาธิปไตย แต่รัฐบาลกลับตัดสินใจปราบปราม และมาแก้ตัวว่าสถานการณ์วันนี้เป็นคนละสถานการณ์กับในอดีต ขอถามว่ากรณีนี้ ต่างกับกลุ่มพันธมิตรฯออกมาชุมนุมตรงไหน นอกจากนี้รัฐบาลใช้สื่อปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังเหมือนวิทยุยานเกราะสมัย 6 ต.ค.19 มือหนึ่งบอกว่าปรองดอง แต่อีกมือกลับไล่ล่ายัดเยียดข้อหาก่อการร้ายให้ฝ่ายตรงข้าม ทั้งที่แต่ละศพที่ตายไม่มีอาวุธเลย แต่คดีก่อการร้ายของพันธมิตรฯกลับช้ามาก นี่คือ 2 มาตรฐาน นายอภิสิทธิ์ ยังแก้ตัวว่าเป็นรัฐบาลแรกที่เปิดการเจรจาและอีกฝ่ายเลิกเจรจาเอง ขอเตือนความจำว่าการเจรจาจะล้มเหลวกี่ครั้ง ไม่สูญเสียเท่ากับการลั่นกระสุนใส่ประชาชนแม้เพียงนัดเดียว นางฐิติมากล่าวต่อว่า ผู้นำแบบนี้ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง แก้ตัวไปวันๆ ดีแต่ใช้ใช้โวหาร พอจับได้ไล่ทันก็อ้างว่าคนละสถานการณ์ แต่ความจริงคือไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง ทำให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วง ซึ่งนางฐิติมา ยอมถอนคำพูด พร้อมระบุว่าสมัยนี้ชายหญิงเท่าเทียมกัน แต่ต่อไปภาพผู้เสียชีวิตจะตามหลอกหลอนทั้งนี้ นางฐิติมา ได้พาดพิงการดำเนินการสองมาตรฐาน ของรัฐบาล โดยเฉพาะการดำเนินคดีของกลุ่มพันธมิตรฯที่ยึดสนามบิน ทำให้นางพจนารถ แก้วผลึก ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงอย่างมีอารมณ์ พร้อมกล่าวพาดพิงอีกฝ่ายว่าไม่จงรักภักดี ทำให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยประท้วงให้ถอนคำพูด แต่นางพจนารถ ยืนยันว่าไม่ถอน เพราะไม่ได้ระบุถึงใคร ทำให้นายสามารถ ต้องสั่งให้นางพจนารถ ออกนอกห้องประชุม


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive