Saturday, March 20, 2010

ชี้นักการเมืองต่างโทษฝ่ายตรงข้ามเหตุวิกฤตปท.

ชี้นักการเมืองต่างโทษฝ่ายตรงข้ามเหตุวิกฤตปท.



คมชัดลึก :วงเสวนาวิกฤตการเมืองไทย"นักการเมืองต่างโทษฝ่ายตรงข้ามเหตุวิกฤตประเทศ เห็นตรงกันครั้งนี้ร้ายแรงในประวัติศาสตร์การเมืองประเทศ พีรพันธ์ ป้อง เสื้อแดง ชุมนุมต้องการประชาธิปไตย ปัด"แม้วแค่สัญลักษณ์ ขณะที่โฆษก ปชป.โยนสื่อต้นตอวิกฤตขยายปม ตอบโต้ นักการเมือง ด้านพงษ์เทพ แนะ แก้ปัญหาให้ทุกฝ่ายไม่ใช้ความรุนแรง ยึดประโยชน์ประเทศ หม่อมปลื้ม ชี้ ต้องยอมรับระบบทุนหนุนพรรคการเมือง เพราะเป็นหลักสากล โต้ เลือกตั้งคือทางออก






(20ก.พ.) ที่คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ มีการอภิปรายสาธารณะ เรื่อง “วิกฤตการเมืองไทย แก้ไขอย่างไร” โดยมีนายพีรพันธ์ พาลุสุข ส.ส.จังหวัดยโสธร พรรคเพื่อไทย นายบุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายพงษ์ เทพ เทพกาญจนา อดีตรมว.ยุติธรรม หนึ่งในบ้านเลขที่ 111 นายประพันธ์ คูณมี ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.
 นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า ปัญหาการเมืองเกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ยุคการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จนถึงการรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 โดยระบบอำมาตย์ที่มาครอบงำ ปัจจุบันนี้ประชาชนกำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ เพราะเห็นว่า รัฐบาลไม่ได้มาจากกระบวนการประชาธิปไตยแม้ว่ารัฐบาลจะยืนยันว่ามาจากการเลือกตั้งก็ตาม มีประชาชนในพื้นที่สอบถามตนเสมอว่า เมื่อไรจะมีการเลือกตั้งใหม่ โดยเขาเห็นว่า มี ส.ส.บางคนทรยศต่อประชาชน หาเสียงเลือกตั้งอีกอย่างเมื่อได้รับเลือกตั้งกลับทำอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้นเราจึงเห็นว่ามีประชาชนส่วนหนึ่งชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ถูกกล่าวหาว่า ต้องการโค่นล้มรัฐบาลชุดนี้ อย่างไรก็ตามยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อาจเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่คนเสื้อแดงบางส่วนไม่ได้ต่อสู้เพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ พวกเขาสู้เพื่อเรียกร้องเอาประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง พวกเขาเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาขณะนี้คือการปกครองบังคับใช้กฎหมายแบบ 2 มาตรฐาน
 นายพีรพันธุ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นอยู่ในขณะนี้คือ ผู้ปกครองไม่สามารถปกครองประเทศไทยได้ เนื่องจากถูกปฏิเสธการยอมรับจากประชาชน ไปไหนก็โดนประชาชนโห่ขับไล่ อีกทั้งรัฐบาลชุดนี้ก็ไม่ได้เป็นที่ยอมรับของหลายประเทศ ทั้งนี้ตนยืนยันว่าวิกฤติการเมืองเกิดขึ้นจากการปฏิวัติรัฐประหาร หากตนเจอหรือพบหน้าพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน จะถามท่านว่า ยึดอำนาจทำไม ยึดไปแล้วได้อะไรประเทศไทยได้อะไร ยึดแล้วแก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง เมื่อยึดอำนาจไปแล้วประเทศชาติดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าท่านจะตอบไม่ได้ตอบได้แค่มีคนสั่งให้ยึด ตนเห็นว่าหากไม่มีการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49 ปัจจุบันไทยคงเดินหน้าพัฒนาประเทศไปได้ไกลแล้ว
 นายบุรณัชย์ กล่าวว่า วิกฤตการเมืองไทย ได้ดึงความหลากหลายและความแตกต่างกลับมาเป็นความแตกแยก ความเปลี่ยนแปลงช่วง 3-4 ปี ที่ผ่านมาทุกคนรู้สึกตรงกันว่า ใครไม่อยู่ข้างกันถือเป็นศัตรู ซึ่งสาเหตุบางคนคิดว่ามาจากการปฏิวัติ หรือเกิดขึ้นก่อนการปฏิวัติ แต่แท้ที่จริงตนมองว่าวิกฤตการเมืองไทยเกิดขึ้นมาจากนักการเมือง และกระบวนการในระบอบประชาธิปไตยทำหน้าที่ไม่เป็นไปตามหลักเท่าที่ควร กลไกการตรวจสอบแทบจะกลายเป็นหมัน สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้คือการแบ่งสีแบ่งข้าง แต่ตนก็เห็นว่าแม้จะเห็นต่างก็อยู่ร่วมกันในสังคม หากยอมรับและเคารพความเห็นของกันและกันและเคารพความคิดของกันและกัน นอกจากนี้สื่อยังมีส่วนเช่นกัน เพราะที่ผ่านมามีการเสนอข่าวที่เป็นความเห็นของทุกฝ่ายออกมาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นเหมือนการตอบโต้กันผ่านสื่อ และบางครั้งยอมรับว่าสื่อมีการเสนอเนื้อหาที่นำไปสู่ความขัดแย้งและเข้าใจผิดเกิดขึ้นในสังคม เช่นกรณีการนำเสนอข่าวคลิปเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ภาพการปะทะที่กระทรวงมหาดไทยของกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นต้น ซึ่งการเสนอข่าวที่บางครั้งผิดเพี้ยนจากข้อเท็จจริงจนกลายเป็นว่าสื่อตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองโดยไม่ได้ตั้งใจ
 นายพงษ์เทพ กล่าวว่า ขณะนี้คงไม่ใช่วิกฤตการเมืองไทย แต่เป็นวิกฤตประเทศไทยมากกว่า เพราะมันเข้าไปทุกหย่อมหญ้า ทุกครัวเรือน สามีภรรยาก็ไม่พูดกันเพราะอยู่คนละฝ่าย ซึ่งตั้งแต่ตนเกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นในยุคนี้ แล้วเรากล้าที่มองสาเหตุหรือกล้าวิเคราะห์กันหรือไม่ หรือพูดเฉพาะบางเรื่อง แต่มีสิ่งที่ไม่อาจพูดทั้งที่เป็นส่าเหตุหลักของวิกฤตบ้านเมือง จะทำอย่างไรให้ประชาชนกว่า 60 ล้านคนอยู่อย่างสบาย คนเกี่ยวข้องต้องมาคิดกัน สังคมแบบประชาธิปไตยขณะนี้ต้องเสมอภาคเท่าเทียม
 นายพงษ์เทพ กล่าวว่า ตนมองว่า การยึดอำนาจของพล.อ.สนธิ บุญยกลิน หัวหน้า คมช. ไม่ใช่ปัญหา แต่มีกระบวนการก่อนยึดอำนาจ เหตุการณ์หลายเรื่องในบ้านเมืองมีที่มาที่ไป ไม่ใช่จะเกิดขึ้นโดยทันที เช่น อดีตกกต. 3 คนต้องโทษจำคุก โดยไม่ได้รับการประกัน ที่มาของคตส. มีการปฏิบัติหลายมาตรฐาน พล.อ.สนธิ ตั้งกกต.และป.ป.ช. มากับมือ และมาเป็นหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ มาแข่งกับพรรคประชาธิปัตย์แล้วยังจะมีความน่าเชื่อถืออยู่หรือไม่ ตนมองว่าการแก้ปัญหานั้นทุกฝ่ายจะต้องไม่ใช้ความรุนแรง และหากต้องการกลับมาเป็นประชาชิปไตยใหม่ต้องกลับมาทบทวนใหม่ไม่คิดประโยชน์ส่วนตนหรือพรรค เพื่อให้ประชาชนกว่า 60 ล้านและประเทศเดินต่อไป ทุกองค์กรมีทั้งคนดีและไม่ดี แต่ต้องมาจัดระบบให้ดี ในส่วนขององค์กรอิสระ ใครที่รู้ตัวไม่เป็นกลางมีอคติ หรือมีส่วนได้ส่วนเสีย คนไม่เชื่อถือก็ให้ลาออก ถ้าหากเก่งจริงก็สามารถกลับเข้ามาใหม่ได้
 นายประพันธ์ กล่าวว่า วิกฤตการเมืองไทยเกิดขึ้นหลายครั้ง เกิดการสูญเสีย นองเลือด เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี 2475 ไล่มาตุลาวิปโยค พฤษภาทมิฬ ปี 2535 จนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งตนเห็นว่า เป็นวิกฤตการเมืองที่ร้ายแรง ดูอย่างสามีภรรยาไม่พูดคุยกัน นอนด้วยกันแต่เห็นดาวคนละดวง พรรคพวกเพื่อนฝูงมีความเห็นต่างกันก็ไม่พูดกัน เลิกคบกัน สาเหตุของวิกฤตการเมืองขณะนี้เกิดจากโครงสร้างการเมือง อำนาจทางการเมือง ที่ตกอยู่ที่นายทุน ขุนนางกังฉิน กลุ่มทุนนักธุรกิจ กลุ่มทุนขนาดใหญ่ ที่เข้ามาเล่นการเมืองเองหลังจากเป็นอีแอบอยู่หลังพรรคการเมือง โดยมาครอบงำประเทศทั้งหมดนักการเมืองอาวุโสบอกกับตนว่า นักการเมืองปัจจุบันเป็นแค่ลูกจ้างของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ดูได้จากการแต่งตั้งรัฐมนตรี ที่มีตัวแทนจากกลุ่มทุนมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นตัวอย่างของนักธุรกิจที่เข้ามาเล่นการเมือง แต่ต้องพ่ายแพ้ไปเพราะประชาชนไม่ยอมรับ
 “การเมืองไทยได้พัฒนาเป็นระบอบธนกิจการเมือง การเลือกตั้งจึงเป็นเพียงพิธีกรรมรองรับกลุ่มอำนาจนายทุน สภากลายเป็นเวทีตอบโต้วิวาทะ การเข้าสู่อำนาจทางการเมืองกลายเป็นตัวแทนกลุ่มทุนไม่ใช่ตัวแทนของปวงชนขาวไทย สิ่งที่ตอกย้ำวิกฤติการเมือง คือ การที่นักการเมืองกลุ่มทุนเข้ามาแล้วพ่ายแพ้ สูญเสียอำนาจ แต่ไม่ยอมแพ้ ใช้วิธีการป่วนประเทศ สร้างสังคมให้แตกแยก ที่ผ่านมายังไม่เคยผู้ที่ตกจากอำนาจไม่ว่า นายปรีดี พนมยงค์ จอมป.พิบูลสงครม หรือใครก็ตาม ไม่เคยมีศักยภาพทำให้สังคมและประเทศป่วนได้ขนาดนี้ ปัญหาขณะนี้ คือ ปัญหาโครงการสร้างและตัวบุคลที่ซ้อนกันอยู่ สร้างกระบวนการต่อรอง ไม่ใช่กระบวนการประชาธิปไตยที่แท้จริง” นายประพันธ์ กล่าว
 ม.ล.ณัฏฐกรณ์ กล่าวว่า ทุนสนับสนุนพรรคการเมือง เป็นระบบที่ประเทศทุนนิยมใช้กันทุกประเทศ โดยมีนายทุนมาบริจาคเงินให้กับพรรคการเมือง และพรรคการเมืองก็ตอบสนอง แต่เขาก็ทำเพื่อประชาชนด้วย แต่สังคมไทยมีความเหลือมล้ำเรื่องรายได้ นายทุนที่จัดสรรให้พรรคการเมืองมีไม่มาก ดังนั้นจะสกัดไม่ให้ใช้เงินมาใช้ในการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะผิดธรรมชาติหลักการเศรษฐกิจโลกทุนนิยม การตั้งโจทย์ไม่ให้คนเลือกตั้งรับเงินสนับสนุนจากนักธุรกิจจึงเป็นไปไม่ได้ วันใดที่สังคมเท่าเทียมในไทย เชื่อว่าจะพัฒนาไปถึงขั้นที่มีบริษัทที่มีศักยภาพในการให้เงินสนับพรรคการเมืองเป็นร้อยๆบริษัทไม่ใช่แค่กระจุกอยู่ที่บางบริษัท ซึ่งส.ส.ไม่ต้องรับเงินจากนายทุนคนเดียวแล้วมากำหนดทิศทางประเทศ แต่คนเหล่านี้ก็จะทำให้ประชาชนด้วย ปัญหาของประเทศไทยไม่ใช่อยู่ที่ทุนน้อยหรือมาก แต่อยู่ที่ไม่มีใครเรียกร้องให้ประชาชน ประชาชนไม่ได้เป็นใหญ่จริงๆ นอกจากนี้สิ่งที่เราขาดคือ สภาก็ไม่เป็นใหญ่ทั้งที่มาจากเลือกตั้ง นายกฯก็ไม่ได้เป็นใหญ่จริงๆ
 ม.ล.ณัฏฐกรณ์ กล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงชกไม่ผิดเป้า เพราะคู่กรณีไม่ใช่นายกฯ คนกลุ่มใหญ่ไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่ใช่เพราะพรรคประชาธิปัตย์ แต่เริ่มตั้งแต่เดือนปี 2548 ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกจากช่อง 9 ซึ่งมีการชุมนุมมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน ทางออกขณะนี้คือ ทุกคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่เข้ามายุ่งเกี่ยวต้องถอยออกไป ทุกอย่างจะจบด้วยการเลือกตั้งให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ บริหารประเทศต่อไป 2 ปี ถ้าทำดีก็ชนะการเลือกตั้งกลับเข้ามาใหม่ แต่ถ้าบริหารไม่ได้พรรคเพื่อไทยก็เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งคนที่พ.ต.ท.ทักษิณ เลือกจะได้เป็นนายกฯ และขอให้ยกเลิกวาทะกรรมที่บอกว่า การเลือกตั้งไม่ใช่ทางออก








ข่าวที่เกี่ยวข้องเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2553บิ๊กมท.เต้นแถลงปัดขายเก้าอี้ฉาวจี้จาดุรแจงศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2553

ประสิทธิ์เหน็บนักม็อบถ้าเก่งจริงให้ลงไปสู้โจรใต้ สุรเกียรติ์แนะให้นำองค์ความรู้แก้ไขขัดแย้ง

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive