Saturday, March 20, 2010

พระพยอมฟันธงแดงเสื่อม เหตุเน้นภาพไสยศาสตร์เกินไป

พระพยอมฟันธงแดงเสื่อม เหตุเน้นภาพไสยศาสตร์เกินไป

กรีดสงคราม “ไสยศาสตร์” เป็นของเล่นของชาวพุทธอนุบาล พระนักเทศน์ พราหมณ์ระดับประเทศ และนักศึกษาธรรมะชื่อดัง เตือนประชาชนอย่างตื่นกลัวไสยศาสตร์ ดูเหมือนว่าปัจจุบันคำว่าไสยศาสตร์ดูเหมือนถูกพูดถึงมากในการชุมนุมของเสื้อแดงในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการที่มีอ้างตัวว่าเป็นพราหมณ์ทำพิธีใช้เลือดสีแดงฉานเป็นตัวเสื่อเพื่อกับสิ่งเร้นลับต่างๆ ไปสาดตามสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ประตูของทำเนียบรัฐบาล - พรรคประชาธิปปัตย์-ธรณีประตูและเสาบ้านนายกฯ ก่อนหน้านี้ในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็มีเหตุการณ์คล้ายการใช้ไสยศาสตร์อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทุบศาลท้าวมหาพรหมเพื่อเป็นการแก้เคล็ดตามคำแนะนำของหมอเขมร หรือการที่นักเคลื่อนไหวชื่อดังเอาผ้าอนมัยผู้หญิงที่ใช้แล้วจำนวน 6 ชิ้นไปวางไว้ที่บริเวณหน้าลาดพระรูป 5 โดยอ้างว่าต้องการป้องกันภูติผีแกะรอยไสยศาสตร์ เรื่องนี้ พระราชครูวามเทพมุณี หัวหน้าพราหมณ์สังกัดกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ให้ความรู้ผ่าน ไทยรัฐออนไลน์ เกี่ยวกับความหมายของไสยศาสตร์ว่า ไสยศาสตร์ คือวิชาที่ตามที่คนทั่วไปเข้าใจก็คือ การฝังรูป ฝังรอยต่างๆ ซึ่งถ้าปฏิบัติแล้วเป็นกุศลก็เป็นสิ่งดี แต่หากทำสิ่งใดที่ไม่เป็นกุศลก็จะไม่ดีพระราชครูวามเทพมุณี บอกว่าไสยศาสตร์ในทางไสยขาวก็มี เช่น การดูฤกษ์ดูยามเพื่อเอาไปทำในสิ่งดีๆ ดูฤกษ์ที่ใช้กับการบวช ขึ้นศาล ขึ้นบ้านใหม่ “แต่ถ้าเป็นไสยดำที่เกิดจากจิตไม่เป็นกุศลนั้นก็จะเกิดผลไม่ดี อันนี้เป็นหลักตามพระพุทธศาสนา ถามว่าจะแก้ไสยศาสตร์มนต์ดำได้อย่างไร การทำกุศลจะแก้ได้ การตักบาตรทำบุญสวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญ-กุศล เช่น ในวันสำคัญวันที่เป็นมลคลก็ไปสวดมนต์ไหว้พระ แล้วเราจะได้มีความสุข สันติเกิดในใจของตัวเอง และก็จะแพร่ไปสู่เพื่อนฝูง หรือคนที่อยู่รอบข้าง จะได้มีความสุขและปีติ เบิกบาน”ถามถึงความสำคัญของวันเสาร์ 5 ที่กลุ่มผู้ชุมนุมถือเป็นฤกษ์ดีที่จะเคลื่อนไหวทั่วกรุงเทพฯ นั้น พระราชครูวามเทพมุนี กล่าวว่า เสาร์ 5 ที่จะเกิดในวันนี้ถือว่าเป็นวันมงคลหนึ่งที่หายาก ส่วนใหญ่จะมีการสวดมนต์ไหว้พระกัน เพื่อให้จิตใจเบิกบาน “แต่ในทางพระพุทธศาสนาเขาจะมีการเข้ามาทำพิธีพุทธาภิเษก เพื่อจะได้เป็นมงคล ถามว่าเมื่อเอาวันมงคลไปทำในสิ่งที่ไม่ใช้วัตถุประสงค์ กระทำดีก็ได้ดี แต่กระทำไม่ดีก็ได้ไม่ดี อันนี้คือหลักศาสนา”“ซัด” ไสยศาสตร์ ของเล่นของชาวพุทธอนุบาลพระพิศาลธรรมวาที หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวถึงประเด็นเรื่องการเล่นสงครามไสยศาสตร์ในปัจจุบันว่า ไสยศาสตร์เป็นศาสตร์หนึ่งที่มีว่าด้วยสถิติ ซึ่งถ้าถูกมากคนก็เชื่อถือ แต่ถ้าถูกน้อยคนก็ไม่เชื่อถือ ดังนั้นไสยศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยความไม่แน่นอน “แต่บอกว่าไม่มีจริงก็ไม่ได้ หรือมีจริงและหลงไหลไปก็ไม่ถูก อาตมาแนะนำว่าอย่าไปเชื่อคำว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ มันถึงเชื่อก็ต้องศึกษา ต้องทำให้แจ่มแจ้งเข้าใจ เกี่ยวข้องอย่างไรถึงจะได้ประโยชน์มากกว่าที่จะหวาดผวา หรือหลัวไปเครียดไป”แต่สำหรับศาสนาพุทธพระพยอม บอกว่า ตามหลักพุทธศาสนา ไสยศาสตร์เราไม่สนใจ เป็นศาสตร์ที่ขัดขวางการบรรลุมรรคผล บางที่เรียกไสยศาสตร์ว่า “เดรัชฉานวิชา” แปลว่าวิชาที่มันนำพาความไม่หลุดพ้นเป็นอุปบกสรรคต่อนิพาน ดังนั้นคนที่อยากจะมุ่งมั่นในแนวพุทธศาสนา เรื่องดับทุกขก็จะไม่ไปสนใจไสยศาสตร์ แต่ถ้าพวกที่คลั่งมากถือว่าตั้งแต่ดังเดิมตั้งแต่บวช ชอบทำตัวเป็นพระไสยศาสตร์ จะเป็นไปเป็นมาก็เห็นไม่รอดหลายรายแล้ว“ไม่ว่าจะเป็น พระนิกร ก็ทำเป็นพระไสยศาสตร์อันนี้ก็เสร็จ เณรแอ ก็อยู่ในคุก จะสังเกตได้ว่าปลายทางของพระหรือคนที่ใช้หรือเล่นไสยศาสตร์มักจะไปไม่รอด คือส่วนใหญ่ไม่ตายก็ติดคุก ซึ่งยุคนี้คนหลงไสยศาสตร์กันเยอะ แต่อย่าลืมว่ายุค 3 จี นอกจากไสยศาสตร์มันไม่เกิดทุกคนแล้ว ถ้าเกิดขึ้นไม่นานมันก็หาย ก็เสื่อมไป เหมือนพวกเกจิอาจารย์ ที่ทายดวงแม่นดูหวยแม่น ไม่กี่งวดก็เสื่อมไปไม่เห็นมีใครให้แม่นจนกระทั่งตัวเองตาย”พระนักเทศน์ยังกล่าวถึงการที่หลายคนเน้นการไสยศาสตร์นำทางว่า ปัจจุบันคนเราไม่รู้จักดับทุกข์ ไม่สนใจเรื่องดับทุกข์ หรือสนใจก็แล้วแต่ก็แทงไม่ทะลุปรุโปร่ง ก็เลยมาวนอยู่กับเรื่องไสยศาสตร์ยิ่งยุคนี้ จะเอาชนะกันให้สัมฤทธิ์ผล ถ้ามันไม่สัมฤทธิ์ผลก็ทำไสยศาสตร์กัน“ทั้งนั้นไม่ว่าม็อบไหน ม็อบเหลืองก็ทำหนักกว่านี้ แกนนำทำตัวเสกน้ำมนต์พ่นน้ำหมาก เวลาต้องการจะชนะ เช่น การจะรบทัพจับศึกอะไรก็ตามไสยศาสตร์เป็นที่เพิ่งหรับเด็กๆ สำหรับชาวพุทธอนุบาลก็ต้องหาของเล่นไปเล่นไสยเวทย์กันไป”สาเหตุที่ปัจจุบันในยุค 3 จียังมีคนกลุ่มหนึ่งที่เชื่อและใช้เรื่องไสยศาสต์นั้น พระพยอมบอกว่า เป็นเรื่องที่น่าตกใจ แต่อย่างไรก็ดี ไสยศาสตร์ยุคนี้จะไม่ขลัง ยิ่งคนทำไม่มีศีลธรรมยิ่งไม่ขลัง เพราะว่าไสยศาสตร์มันต้องเป็นคนที่มีศีลธรรมด้วย เขาทำไว้สมัยก่อนต้องไม่ด่าพ่อล่อแม่ ต้องไม่เลวทรามแย่งผัวแย่งใครเพราะว่าวิชาที่มีมันจะเสื่อมหมด “อย่าว่าแต่ม็อบเสื้อแดงเลย ทุกๆ ม็อบก็เน้นใช้ไสยศาสตร์กันหมด ดังนั้นอาตมาเชื่อว่ามันจะเสื่อมกันหมด เหลืองวันนี้ก็แทบจะไม่มีเวทีเล่นแล้ว ม็อบแดงนี่อาตมาคิดว่าก็ไม่เกิน 3 ปีฝ่อหมด เพราะฉะนั้น ทุกๆ อย่างมีเกิด ตั้งอยู่ดับไป ไม่ควรจะไปหลงไกลจนเกินไป คนไม่มีศีลธรรมแล้วเล่นของมันจะกลับเข้าตัว ก็อยากจะฝากให้ทุกๆ คนเชื่อกฎแห่กรรม เชื่อในความพียร เชื่อว่าการกระทำดีและถูกต้องแล้วพยายามต่อไป จะช่วยเราได้มากกว่าศาสตร์ใดๆ ในโลก”พระพยอมบอกว่า พุทธศาสนาสอนให้เชื่อกรรมเชื่อการกระทำ พอเชื่อว่ากระทำสิ่งที่ดีที่งามแล้วทำเต็มที่ ไม่ว่าจะทำอะไรเจริญ แต่ถ้าคิดว่าไม่ถูกไม่ดีก็อย่าพยายามทำเพราะมันจะเป็นกรรมฝ่ายลบ “ที่จริง ถ้าคนเราใช้สติปัญญาแล้วไม่ต้องหวังจะเอาชนะมากไป ไม่ต้องทำขนาดไสยศาสตร์ หรือทำความรุนแรง ถ้ายอมแพ้กันสักหน่อย แค่ถอยคนละก้าว แต่นี่ม็อบก็ไม่ยอม รัฐบาลก็ไม่ยอม อำมาตย์ก็ไม่ยอม คนค้ำบัลลังก์ก็ไม่ยอม มันจะไปยอมตอนที่มันยุบยับเยินแล้ว เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันเตือนสติกันว่า อย่ามั่วแย่งอำนาจและผลประโยชน์กันจะดีที่สุด”ไสยศาสตร์กับมุมมองคนพุทธนายดนัย จันทร์เจ้าฉาย นักธุรกิจผู้ศึกษาธรรมะชื่อดัง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่อยากให้คนทั่วไปตื่นตระหนักกับข่าวการเล่นไสยศาสตร์ในระยะนี้ “ตามหลักศาสนาแล้วคนที่ประพฤติธรรม ธรรมะก็จะคุ้มครอง เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นไสยไหนเราไม่ต้องกลัว ไม่ต้องหวั่นไหว พึงระลึกถึงคุณงามความดี ให้ยึดหลักที่ว่า “อัตตาหิ อัตโนนาโถ” ตนเป็นที่เพ่งแห่งตนแล้ว เราก็จะมีสติสัมปชัญญะ อย่างอื่นแทรกมาไม่ได้ เวลาที่เราขาดสติ เราจะจิตอ่อน ปรมาณูของจิตเราอาจจะมีอย่างอื่นเข้ามาแทรกซึมได้ ถ้าเกิดเราทำให้ปรณูของจิตเราอยู่กับพุทโธ ตลอด คืออยู่กับพุทธคุณ คุณงามความดีของพระพุทธเจ้า ก็จะไม่มีอะไรมาทำร้ายได้เลย”.

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive