Monday, February 25, 2013

นายกฯ ถกนักธุรกิจฮ่องกง ชวนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

นายกฯ ถกนักธุรกิจฮ่องกง ชวนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำทีมเศรษฐกิจหารือกับนักลงทุนฮ่องกง ยันประเทศมีเสถียรภาพ ชวนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน  วันที่ 26 ก.พ. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสุรพงศ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงการคลัง และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมรับประทานอาหารเช้ากับผู้บริหารระดับสูงด้านการธนาคารและการลงทุนของฮ่องกงและต่างชาติ เพื่อย้ำถึงโอกาสการลงทุนของไทย ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ เพื่อดึงดูดนักลงทุนชั้นนำและนักการเงินต่างชาติจากฮ่องกง และความพร้อมของไทย ที่จะเป็นจุดเชื่อมในภูมิภาค ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเชื่อมต่อกับฮ่องกง เนื่องจากฮ่องกงมีท่าอากาศยานและท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ และเป็นจุดขนส่งสินค้าที่สำคัญ ที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าเป็นอันดับต้นของโลก ณ โรงแรมที่พัก Island Shangri-La โดยการพบปะครั้งนี้ จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่มี เสถียรภาพมากขึ้น ภายหลังการประสบอุทกภัย เศรษฐกิจไทยได้เจริญเติบโตมาอย่างเข้มแข็ง แม้ว่าจะชะลอตัวกับบางประเทศ โดยในปี 2012 เศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 6.4 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 0.1 และในปี 2013 ตั้งเป้าว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 –6.0สำหรับการลงทุนในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน มีแผนสำคัญ ได้แก่ แผนการลงทุนสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ตั้งเป้าส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน งบประมาณ 2 ล้านล้านบาท ดำเนินงานโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 7 ปี(2013 -2019)โดยจะเน้นด้านการคมนาคมและเครือข่ายโลจิสติกส์ ได้แก่ เส้นทางรถไฟ ถนน เส้นทางเดินเรือ และสาธารณูปโภคตามแนวชายแดน โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ งบประมาณ 350,000 ล้านบาท ดำเนินการระยะเวลา 6 ปี (2012 - 2017) เพื่อป้องกันอุทกภัยและสนับสนุนระบบชลประทานทั่วประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลมีความคิดริเริ่มและแรงจูงใจในการลงทุน โดยได้กำหนดมาตรการสำคัญรองรับด้วยนายกรัฐมนตรี ยังย้ำถึงโอกาสการลงทุนของไทยภายใต้แผนยุทธศาสตร์ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ว่า จะเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การจัดทำโซนนิ่งเกษตรและการส่งเสริม SMEs และ OTOP นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำผ่านการพัฒนาระบบการศึกษาและสาธารณสุข ให้ทั่วถึง โดยการสร้างความเจริญเติบโต ต้องยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม. 

No comments:

Post a Comment

Blog Archive