Wednesday, March 31, 2010

ศอ.รส. ยัน จับมือบึมมูลนิธิเปรมได้แน่

ศอ.รส. ยัน จับมือบึมมูลนิธิเปรมได้แน่

ตำรวจนำซีซีทีวี “บึมมูลนิธิเปรม” โชว์ ศอ.รส.ยันจับภาพมือบึมได้ เตรียมเรียกพยานสอบหาหลักฐานเพิ่ม พ้อ “ระเบิดรายวัน” คุมยาก อ้างกทม.กว้าง กำลังจนท.รัฐน้อย... เมื่อเวลา 10.30 น. 31 มี.ค. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมศอ.รส. ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผอ.ศอ.รส. เป็นประธานการประชุม ซึ่งเน้นย้ำ 2 เรื่องคือ 1.มาตรการในการใช้อาวุธที่กำชับกำลังทหาร-ตำรวจ ที่พกพาอาวุธในการปฏิบัติหน้าที่ว่า ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของการใช้อาวุธ มีความระมัดระวัง จะใช้อาวุธโดยพละการไม่ได้ ใช้อาวุธในกรณีที่ไม่มั่นใจว่าผู้ที่จะเข้ามาทำร้ายเป็นใครอย่างนี้ไม่ได้ แต่ต้องดูในรายละเอียดให้ชัดเจนลงไปว่า เขามีจุดประสงค์ถึงแก่ชีวิต หรือประสงค์จะทำร้ายประชาชน ต้องดูให้ละเอียดรอบคอบ ส่วนเรื่องที่ 2 กรณีที่มีเหตุระเบิดเกิดขึ้น พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผบ.ตร. ได้นำภาพทีวีวงจรปิดมาให้ดู จากกรณีระเบิดหน้ามูลนิธิของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งป้องกันได้ลำบากมาก จะพูดว่าเป็นเหตุสุดวิสัยก็สามารถพูดได้ เนื่องจากผู้กระทำ จะมีการขี่จักรยานยนต์เหมือนกับประชาชนทั่วไปตามปกติ “ถนนยามค่ำคืนในเวลาที่เอาภาพวงจรปิดมาดู จะเห็นว่ามีรถวิ่งไปวิ่งมาตามปกติจนดูไม่ออก มีรถมาดูลาดเลาล่วงหน้าประมาณ 1 นาที หลังจากนั้นจะมีรถจักรยานยนต์ขี่ตามมา คนนั่งซ้อนท้ายก็หยิบวัตถุชนิดหนึ่งมาโยน เสร็จแล้วก็ขี่เลยไป ประมาณ 3 -4 วินาทีจะมีเสียงดังเกิดขึ้น ซึ่งลักษณะอยางนี้ เห็นได้ว่าผู้ที่พยายามก่อเหตุ ไม่ต้องเตรียมการมากก็สามารถก่อเหตุได้ ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นเรื่องที่เราป้องกันได้ลำบากมาก” พ.อ.สรรเสริญ กล่าว นอกจากนี้ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เน้นย้ำว่า เจ้าหน้าที่แต่ละจุดตรวจอาจมีประมาณ 3-4 คน เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์สร้างสถานการณ์ในช่วงเวลากี่โมง จะไปดูถนนตลอดเวลาเป็นไปไม่ได้ ผิดวิสัยมนุษย์ ท่านจึงแนะนำให้ผู้บังคับหน่วยและผู้บังคับโซน ต้องไปกำหนดมาตรการในรายละเอียดลงไปให้กำลังพล ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ยังเข้าใจถึงเหตการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ตำรวจเอาภาพวงจรปิดมาให้ดู แต่อย่างน้อยเหตุการณ์ที่มูลนิธิ จะมีหลักฐานเป็นข้อมูลภาพวงจรปิดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และมีผู้เห็นเหตุการณ์ ตำรวจคงติดต่อให้มาเป็นพยาน เมื่อถามว่าเหตุใดไม่มีการป้องกันการเกิดเหตุในสถานที่อันเป็นสัญลักษณ์ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ถ้าเอาเหตุการณ์ 24 จุด มาเรียง ทุกอย่างเป็นสัญลักษณ์ทั้งหมด ซึ่งสัญลักษณ์ในกรุงเทพไมใช่มี 7 แห่ง แต่เป็นได้ทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง หรือทางการโจมตีสถานที่ราชการ เราพยายามปรับพื้นที่อยู่ผู้สื่อข่าวถามว่า เป้าหมายผู้ก่อเหตุ พยายามเน้นที่พล.อ.เปรมเป็นการเฉพาะ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ทุกอย่างที่เป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้งในความคิดของบางกลุ่มบางฝ่าย ส่วนจะบ่งบอกถึงความไม่ปลอดภัยของบุคคลที่เป็นเจ้าของสัญลักษณ์นั้นหรือไม่ เราพยายามทำอย่างที่สุดในการป้องกัน รวมถึงพยายามเพิ่มจุดตรวจในสถานที่สำคัญ แต่พื้นที่กว้างและกำลังของเรามีน้อย ทั้งนี้ ตำรวจมีข้อมูลว่า จะเชื่อมโยงกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง สามารถนำตัวมาดำเนินคดีได้ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เมื่อถามว่า ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวข้องกับกลุ่มทหารจปร.20 หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่หากมีข้อมูลคงพูดคุยกันในกลุ่มของเจ้าหน้าที่ที่สืบสวนสอบสวนในเชิงการข่าว ซึ่งเราต้องแยก เพราะในสังคมมีคนอยู่ 3 กลุ่ม คือ ทหาร ตำรวจ และพลเรือน จะไปมองว่าเป็นทหาร ตำรวจ หรือพลเรือนไม่ได้ เป็นพวกที่ไม่รู้จักหน้าที่ของความเป็นคนไทย ส่วนที่มีความกังวลว่า สถานที่เกิดเหตุใกล้กับสถานที่การจัดงานกาชาดนั้น พื้นที่งานกาชาดเป็นพื้นที่ปิด การเข้าออกต้องตรวจด้วยเครื่องสแกน มั่นใจเรื่องความปลอดภัยได้ ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะมีการเพิ่มความเข้มข้นในการรักษาความปลอดภัยให้บ้านพล.อ.เปรมหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เราเข้มข้นทุกจุด ต้องเข้าใจบทบาทของทหารและตำรวจ ว่าการป้องกันไม่เรื่องง่าย การเกิดระเบิดจะมีการถ่วงเวลา ไม่ได้เกิดทันทีทันใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องตั้งสติก่อนว่า เสียงดังที่เกิดขึ้น เกิดจากอะไร เมื่อถามถึงการรักษาความปลอดภัยในการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 1 พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า จะแบ่งกำลังจาก ศอ.รส.ไปส่วนหนึ่ง ทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูง และเจ้าที่ระดับปฏิบัติ ส่วนจะทำให้กำลังพลเหนื่อยล้าหรือไม่นั้น จากการพูดคุยในที่ประชุมพบว่า ขวัญกำลังใจขอกำลังพลยังดีอยู่ ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยอย่างไรก็พร้อมจะทำงาน

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive