Wednesday, March 31, 2010

วิจารณ์ป้ายคู่สุวัจน์ลูกเจ๊เกียว

วิจารณ์ป้ายคู่สุวัจน์ลูกเจ๊เกียว



คมชัดลึก :ฮือฮาป้ายกลางเมืองโคราช "สุวัจน์" คู่ปรับ"ลูกเจ๊เกียว" ร่วมมือจัดงานตรุษจีน อ้างเพื่อความสามัคคี สมานฉันท์ในพื้นที่ ขณะที่นักสังเกตการณ์เผยมีความพยายามผนึกฐานระหว่างเจ๊เกียวกับสุวัจน์ เพื่อต่อรองกลุ่มอื่นที่นับวันจะแย่งพื้นที่เรื่อยๆ ชทพ.เตรียมนำ5พรรคร่วมฯยื่นญัตติแก้รธน.3 ก.พ.นี้








 (31ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณ 5 แยก หัวรถไฟเขตเทศบาลนครนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา  เทศบาลนครนครราชสีมาโดยนายสุรวุฒิ  เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ได้ติดตั้งป้ายขนาดความยาว 20 เมตร กว้าง 10  เมตร มีข้อความ ”ความร่ำรวย มั่งคั่ง  เกิดจากความประหยัด” และมีตัวอักษรภาษีจีนและมีข้อความ”ซิน เจีย ยู่ อี่ ซิน นี่ ฮวด ใช้ “ กำกับไว้ด้านล่างสุด
 แต่ที่สร้างความแปลกใจให้กับชาวโคราชคือด้านซ้ายสุดของป้ายเป็นรูปของนายสุรวุฒิบุตรชายนางสุจินดา เชิดชัย หรือเจ๊เกียว เจ้าของอู่ต่อรถทัวร์เชิดชัยและเจ้าของสัมปทานเดินรถโดยสารหลายสายทั่วประเทศและเป็นหัวหน้ากลุ่มการเมืองท้องถิ่น”กลุ่มประสานมิตร” ส่วนด้านขวาสุดของป้ายเป็นรูปของนายสุวัจน์  ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและเป็นแกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาและเป็นหัวหน้าทีการเมืองท้องถิ่น”กลุ่มโคราชชาติพัฒนา” ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญขับเคี่ยวต่อสู้กับกลุ่ม”ประสานมิตร”ของนางสุจินดาฯหรือเจ๊เกียว มาโดยตลอดทั้งสนามเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลนครนครราชสีมา ตลอดจนสนามเลือกตั้ง ส.ส.เขต 1  อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา จนเป็นที่รู้กันทั่วไปแก่ชาวโคราช
  นายสุรวุฒิเปิดเผยว่า ตนเป็นผู้สั่งให้จัดทำป้ายดังกล่าวไปติดตั้งเพื่อประชาสัมพันธ์งานเทศกาลตรุษจีนที่เทศบาลนครนครราชสีมาจะจัดขึ้นในวันที่ 13 ก.พ.นี้ เพราะตนเป็นผู้ไปเรียนเชิญนายสุวัจน์มาเป็นประธานเปิดงานตรุษจีนด้วยตนเอง ไม่ได้มีนัยทางการเมืองแต่อย่างใด การที่ตนไปเชิญนายสุวัจน์ฯเพราะนายสุวัจน์ เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้และได้ทำคุณประโยชน์ให้กับเมืองโคราชไว้มาก
 อย่างไรก็ตามสิ่งที่ตนทำลงไปก็เพื่อต้องการให้เมืองโคราชเจริญเพราะฉะนั้นถ้าสิ่งไหนทำแล้วชาวโคราชเกิดความรัก ความสามัคคี เกิดความสมานฉันท์เป็นประโยชน์ต่อเมืองย่าโม เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยตนก็พร้อมทำทุกเรื่องและไม่เฉพาะตนเท่านั้นทั้งครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ นางสุจินดา เชิดชัย และพี่ชาย นายอัสนี เชิดชัย ส.ส.สัดส่วน โซน 5 พรรคเพื่อไทยก็พร้อมจะทำเช่นกัน 
 ต่อข้อถามของผู้สื่อข่าวว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่นางสุจินดากับนายสุวัจน์ซึ่งเป็นคู่แข่งทางเมืองที่ จ.นครราชสีมา มาช้านานจะจับมือทำงานการเมืองร่วมกัน ในจ.นครราชสีมา นายสุรวุฒิ  ตอบว่า  ตนและครอบครัวเชิดชัย พร้อมร่วมมือตลอดเวลาถ้าทำแล้วสิ่งนั้นเกิดประโยชน์ เกิดความสมานฉันท์และคนโคราชรวมทั้งคนไทยได้ประโยชน์และบ้านเมืองเจริญก้าวหน้า เพราะถ้าทุกคนรักกันสามัคคีกันก็จะทำให้ประเทศชาติสงบสุขและตนเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายจะมาผนึกกำลังกันเพื่อให้เมืองโคราชเจริญต่อไป
  ด้านนายประเสริฐ  บุญชัยสุข  ส.ส.นครราชสีมา เขต 1 พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาและเป็นคนสนิทของนายสุวัจน์  กล่าวว่าป้ายดังกล่าวเป็นป้ายประชาสัมพันธ์งานตรุษจีน ที่นายสุรวุฒิมาเชิญนายสุวัจน์  ไปเป็นประธานเปิดงานในวันที่ 13 ก.พ. ที่ลานย่าโม  ทั้งนี้ถ้ามองในแง่ดีก็แสดงให้เห็นถึงความสมานฉันท์เกิดขึ้นในการเมืองท้องถิ่นโคราช ซึ่งตนก็เห็นด้วยเพราะเป็นการสนองพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระองค์ท่านต้องการให้คนไทยรู้รัก สามัคคี และร่วมกันสร้างชาติบ้านเมืองให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป
 ขณะที่แหล่งข่าวที่ติดตามการเมืองในพื้นที่จ.นครราชสีมา ตั้งข้อสังเกตว่า  ความพยายามร่วมมือระหว่างกลุ่มนายสุวัจน์ กับกลุ่มเจ๊เกียว มีมาอย่างน้อย 2 ครั้งแล้ว เนื่องจากทั้งสองฝ่ายประเมินว่าหากยังต่อสู้กันเองต่อไป ยิ่งจะทำให้ทั้งสองกลุ่มมีปัญหาที่ถูกโดเดี่ยว และถูกกลุ่มอื่นแย่งพื้นที่ไป ซึ่งไม่เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย โดยปัจจุบัน จ. นครราชสีมา มีส.ส.16 ที่นั่ง เป็นส.ส.พรรคเพื่อไทย 4 ที่นั่ง รวมใจไทยชาติพัฒนา ของนายสุวัจน์ 5 ที่นั่ง พรรคเพื่อแผ่นดิน กลุ่มว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี 4 ที่นั่ง และพรรคภูมิใจไทย กลุ่มนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ 2 ที่นั่ง และแนวโน้ม ส.ส.กลุ่มของนายสุวัจน์ ยังมีโอกาสเปลี่ยนขั้วไปอยู่พรรคอื่น วิธีการร่วมมือกับกลุ่มเจ๊เกียวของนายสุวัจน์ น่าจะเป็นทางออกในการผนึกสองกลุ่มเข้าด้วยกันเพื่อความเป็นต่อทางการเมืองในพื้นที่
"สุริยะใส"ชี้แก้ รธน.เกมต่อรองโควต้า รมต.ของพรรคร่วม
 นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ ( ก.ม.ม. ) กล่าวถึงกรณีที่มติพรรคประชาธิปัตย์ ( ปชป. ) ไม่ร่วมลงชื่อแก้รัฐธรรมนูญกับพรรคร่วมรัฐบาล อันนำไปสู่กระแสข่าวถึงการบั่นทอนเสถียรภาพของรัฐบาลว่า เป็นการสร้างกระแสข่าวเพื่อเข้ายุทธวิธีลับ ลวง พราง ของพรรคร่วมฯ โดยเฉพาะนายบรรหาร ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่ถนัดเกมการต่อรองเช่นนี้ มติของปชป.ที่ไม่ร่วมลงชื่อแก้รัฐธรรมนูญกับพรรคร่วมอาจทำให้มองได้ว่า เป็นความผิดหวังของพรรคร่วมฯ แต่แท้จริงแล้ว คือต้องการเพิ่มการต่อรองของพรรคร่วมฯในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
 “ ในสถานการณ์ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังเป็นไปได้ยาก สังคมอาจมองกันว่านี่คือการพ่ายแพ้ของพรรคร่วมฯ แต่จริงๆแล้วกลับไม่ใช่เลย นี่คือการกระชับอำนาจของพรรคร่วมฯ โดยเฉพาะนายบรรหารและนายเนวิน ที่จะลดบทบาทของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการฯปชป.ในการเป็นผู้จัดการรัฐบาล อันนำไปสู่การเพิ่มอำนาจต่อรองในโควต้าคณะรัฐมนตรี หากมีการปรับครม.ครั้งต่อไปหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ” นายสุริยะใส กล่าว
ชทพ.เตรียมนำ5พรรคร่วมฯยื่นญัตติแก้รธน.3 ก.พ.นี้
 นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเทพไทย เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถึงกรณีที่วิจารณ์การทำงานในฐานะโฆษกพรรคชทพ.กับโฆษกรัฐบาลต้องแยกกันให้ออกว่า ตนไม่ถือสานายเทพไท และไม่เห็นความสำคัญของนายเทพไทมากนัก เพราะทราบอยู่ว่านายเทพไทเป็นคนแบบไหน ดังนั้นการที่เขายิ่งมาพูดในแง่การวิจารณ์บุคคล แทนที่จะพูดหลักการ ทำให้ไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ประชาชน และการเมือง ทั้งนี้การที่ตนไม่ให้ความสำคัญต่อนายเทพไทนั้น เพราะตนจะมองที่โฆษกพรรค ปชป.หรือผู้บริหารท่านอื่นเป็นหลักมากกว่า เพราะถือเป็นสัญญาณหลักที่ออกมาจากพรรค ไม่ใช่จากตัวบุคคล เพราะการแสดงความคิดเห็นของนายเทพไทนั้น ล้วนเป็นการแสดงความเห็นส่วนบุคคล ซึ่งบางครั้งหาสาระไม่ได้
 นายวัชระ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายเทพไทกำลังสับสนบทบาทของตน ถึงกับไปบอกนายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ต้องควบคุมตนนั้น คิดว่านายเทพไทคงสับสน ตนยอมรับว่าสวมหมวก /2 ใบ แต่ทั้ง 2 ตำแหน่งถือเป็นตำแหน่งทางการทั้งสิ้น มีกฎระเบียบและกฎหมายรองรับ และทุกครั้งที่ตนให้สัมภาษณ์ก็รู้บทบาทรู้หน้าที่ของตัวเองดี ไม่ว่าจะให้สัมภาษณ์ในฐานะรองโฆษกรัฐบาล หรือโฆษกพรรค ชทพ. เพราะตนถือว่าทั้ง 2 ตำแหน่งล้วนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และการสัมภาษณ์แต่ละครั้งตนแยกบทบาทและหน้าที่ได้ชัดเจน หรือนายเทพไทจะลองถามายปณิธานก็ได้ว่าการทำหน้าที่รองโฆษกรัฐบาลของตนมีขาดตกบกพร่องอย่างไร เพราะทุกครั้งที่ตนปฏิบัติหน้าที่ก็ทำอย่างเต็มที่ มีผลงานให้สังคมได้ประจักษ์มาตลอด ไม่เคยวิจารณ์ตัวนายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาลในเชิงเสียหาย แต่ตรงกันข้ามเวลาเอยถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ตนแสดงความชื่นชมและเชียร์โดยตลอด ไม่ว่าในขณะนั้นกำลังพูดคุยกับสีอะไรก็ตาม
 นายวัชระ กล่าวอีกว่า ส่วนการเป็นโฆษกพรรค ชทพ.ย่อมมีการพูดคุยหรือแถลงถึงเรื่องการเมืองเป็นธรรมดา ซึ่งนายเทพไทที่เป็น ส.ส.มานาน ย่อมรู้ดีว่า การทำหน้าที่โฆษกพรรคการเมืองต้องปกป้องประโยชน์ของพรรค ดังนั้นเมื่อพรรคการเมืองมีความเห็นแตกต่างกันในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ(รธน.) แล้วจะให้ตนแถลงชื่นชมหรือเชียร์อีกฝ่ายหนึ่ง เพราะตนก็ต้องรักษาอุดมการณ์ของพรรค ชทพ. แต่นายเทพไทเองไม่ควรหยิบยกขึ้นมาพูด ควรต่างคนต่างทำหน้าที่ และตนมองว่าเป็นเรื่องประหลาดที่นายเทพไท เอาเรื่องการทำหน้าที่ของตนไปพูดคุยกับนายปณิธานเพื่อขอให้มาควบคุมดูแลการทำหน้าที่ของตน เพราะนั่นมันไม่เกี่ยวกับเรื่องการสนับสนุนแก้ไข รธน.
 ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายเทพไท ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ผิดสัญญาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายวัชระ กล่าวว่า ถึงวันนี้คงพิสูจน์ไม่ได้ แต่ถ้าพิสูจน์ก็คงง่าย ไม่ยาก ถ้าจะวัดจาก 5 พรรคร่วมรัฐบาลที่ได้มีความคิดเห็นตรงกัน แต่มีเพียงพรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียวที่พูดไม่เหมือนเพื่อน ถึงวันนี้เรารู้สึกเห็นใจนายสุเทพที่พยายามประนีประนอมและตนเห็นด้วยกับการที่นายแพทย์บุรณัติที่พยายามให้พรรคร่วมทำงานเพื่อให้รัฐบาลเดินต่อไปได้ เพราะเรามีเรื่องอื่นๆที่สำคัญต้องทำอยู่มากแต่เรื่องรัฐธรรมนูญก็เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นสัญญาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด จะมีอยู่จริงหรือไม่ จึงไม่ใช่เรื่องที่พิสูจน์ยาก เพราะถ้า 5 พรรคพูดเหมือนกันแต่มีเพียง 1 พรรคที่พูดไม่เหมือน แสดงว่าต้องมีฝ่ายหนึ่งเข้าใจผิดตั้งแต่วันที่ได้หารือตกลงในวันจัดตั้งรัฐบาล แต่อย่างไรก็ตามถึงวันนี้มันเลยไปแล้วที่จะมาพูดถึงว่ามีสัญญาหรือไม่ ต้องให้สังคมตัดสินเอาเอง แต่พรรค ชทพ.ต้องผลักดันให้มีการแก้ไข รธน.ให้ได้ ส่วนกรณีที่นายเพทไทระบุว่าให้ตนไปดูภูมิหลังของบางพรรคที่ถูกเรียกว่าปลาไหลนั้น ตนเชื่อว่านักการเมืองทุกคนทุกพรรคไม่มีคนไหนพรรคไหนที่จะดีหมดทุกเรื่อง ไม่เคยด่างพร้อยผิดพลาด ชทพ.ก็มี ปชป.ก็มี จึงป่วยการที่จะขุดอดีต ไปพูดแล้วถ้าตนขุดเรื่องสปก.4-01 ขึ้นมาอีก คงมีคนฟังมีคนดูหนังเรื่องนี้เหมือนกัน นายเทพไทเป็นนักการเมืองมานานก็ไม่น่าขุดหนังเก่ามาฉายซ้ำ อย่าให้ประชาชนเบื่อการเมือง ตนไม่เห็นประโยชน์ที่ไปเอาขุดเรื่องเก่ามาพูดเพราะมันย่างจะทำให้นายเทพไทเองถูกประชาชนมองว่าพูดเรื่องไม่มีประโยชน์
 “ผมขอพูดถึงคุณเทพไทครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร กลัวประชาชนเบื่อหน่ายและรังเกียจพรรคการเมืองมากขึ้นที่เอาประเด็นส่วนตัวมาขยาย แต่ก็อยากขอบคุณนายเทพไทที่มาสอนเรื่องมารยาทการเมืองให้กับผม ผมให้เกียรติ เพราะคุณเทพไทเป็นส.ส.มานานกว่า ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยเป็นส.ส.เลยก็ตาม แต่การเป็นส.ส.ไม่ใช่ว่าคนที่ได้เป็นแล้วจะเก่งที่สุดดีที่สุด อย่ามองคนที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ว่าอ่อนด้อยหรือโง่กว่าตัวเอง อย่ายกตนข่มท่าน เพราะถ้าคนที่เป็นส.ส.ได้แล้วคิดว่าตัวเองเก่งที่สุดดีที่สุด การเมืองไทยคงไม่เป็นอย่างนี้” นายวัชระ กล่าว
 ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทย จะนำรายชื่อมาส่งให้กับ ชทพ.ในวันจันทร์ที่ 1 ก.พ.53 นายวัชระ กล่าวว่า ทราบว่าการรวบรวมรายของแต่ละพรรคเสร็จเรียบร้อยแล้ว และคงนำมาส่งให้กับนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ชทพ.ในวันจันทร์ที่ 1 ก.พ.53 แต่ไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด เท่าที่รู้คือเสียงเพียงพอ 1ใน5 ที่จะเสนอขอแก้ไข รธน.อย่างแน่นอน และขอย้ำว่าทั้ง 5 พรรค ไม่หวั่นไหว ไม่เปลี่ยนแนวคิดเรื่องแก้รธน.แน่นอน
 เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวเนื่องจากมีความเห็นไม่ตรงกันกับพรรคปชป.กรณีการแก้ไข รธน. นายวัชระ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นเหตุผลที่จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลต้องถอนตัวด้วยสาเหตุดังกล่าว เพราะถึงวันนี้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวไปการแก้ไขรธน.ก็ไม่สามารถเดินต่อไปได้ แต่ตรงกันข้ามทั้ง 5 พรรคต้องพยายามโน้มน้าวพรรค ปชป.และสมาชิกสภาให้หันมาร่วมแก้ รธน. เพราะท่าจะถอนตัวคงไม่สามารถหาเหตุผลมาตอบให้กับสังคมได้ แต่จะกลับกลายเป็นการตีรวน ซึ่งการแก้ปัญหาให้กับประชาชนในการบริหารงานประเทศนั้น มันเป็นคนละเรื่องกัน
 นายวัชระ กล่าวว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าเรื่องการรวบรวมรายชื่อแล้ว โดยมีรายชื่อจากทั้ง 5 พรรคร่วมรัฐบาล ส่วนการยกร่างแก้ไขรธน.นั้น ขณะนี้ได้ส่งไปยัง 5 พรรค เพื่อให้พิจารณานั้นเรียบร้อยแล้ว และเชื่อว่าจะส่งกลับคืนมาพร้อมรายชื่อทั้งหมดในวันจันทร์นี้ ส่วนกรณีที่ปชป.ระบุว่ายังมีเวลาในการแก้ไข รธน.อยู่ และควรหารือกันภายหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแล้วนั้น คิดว่าการแก้ไขรธน.ควรเริ่มต้นกันได้แล้ว เพราะเรารอมานานกว่า 1ปีแล้ว ซึ่งยังเชื่อว่าสามารถคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ได้
 เมื่อถามว่าจะเปรตบหัวแล้วลูบหลังหรือไม่ นายวัชระ กล่าวว่า คิดว่า ปชป.คงไม่ทำเช่นนั้น ต่อข้อถามว่า การที่ระบุว่าควรไปพูดคุยกันภายหลังการอภิปรายไว้วางใจนั้นเป็นการซื้อเวลาหรือไม่ นายวัชระ กล่าวว่า ไม่คิดไปไกลขนาดนั้น ทุกอย่างอยู่ที่ข้อเท็จจริง การอภิปรายไม่ไว้วางใจขึ้นอยู่กับเหตุผลและหลักฐาน
 แหล่งข่าวระดับสูงจากพรรค ชทพ.เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 1 ก.พ.นี้ แกนนำของพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อแผ่นดิน จะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดให้กับนายชุมพล จากนั้นทาง ชทพ.จะดำเนินการรวบรวมรายชื่อก่อนที่จะนำไปแนบท้ายร่างขอแก้ไขรธน. 2 ประเด็น เพื่อยื่นเป็นญัตติต่อประธานรัฐสภา โดยจะยื่นในวันพุธที่ 3 ก.พ.53 โดยขณะนี้รายชื่อจาก 5 พรรคร่วมรวมกันได้จำนวน 111 รายชื่อ ได้แก่ ชทพ. 25 รายชื่อ ภูมิใจไทย 43 รายชื่อ เพื่อแผ่นดิน 29 รายชื่อ รวมใจไทยชาติพัฒนา 9 รายชื่อ และกิจสังคม 5 รายชื่อ
 










NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive