Wednesday, March 31, 2010

ผลเจรจาเพื่อไทยทดท้อปชป.คึก

ผลเจรจาเพื่อไทยทดท้อปชป.คึก



คมชัดลึก :แม้ว่านายใหญ่ ทักษิณ ชินวัตร จะมีบัญชาให้เกมนอกสภายื้อออกไปอีก 5 วัน เพื่อลุยให้เสร็จสรรพ ไม่สนใจว่า กำลังอันอ่อนล้าของคนเสื้อแดง ที่โรยทั้งแรงกายและแรงใจที่ชุมนุมเท่าใดก็มองเห็นเป้าหมายที่ลอยห่างไปทุกที







  พลพรรคเพื่อไทยหลายกลุ่มหลายก๊ก ต่างก็เหน็ดเหนื่อยกับการระดมพลมาร่วมชุมนุมครั้งแล้วครั้งเล่า
 คำสั่งระดมคนครั้งสุดท้ายกลายเป็นคำสั่งที่ออกไปหลายครั้ง แต่การระดมคนเมื่อเข้าสู่ครั้งที่ 4 แล้ว คนเสื้อแดงก็ร่อยหรอ เหมือนกับทุนในกระเป๋า ที่บางคนถึงกับต้องหยิบยืมจากพวกพ้องเพื่อมาหล่อเลี้ยงการชุมนุม
 แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อคาดหวังว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า น่าจะต้องมีช่อตนเองปรากฏในทำเนียบผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค และหยิบยืมใบหน้าสี่เหลี่ยมของทักษิณ ชินวัตร ไปขายกับพี่น้องประชาชน
 เมื่อมีคำสั่งให้ระดมคน ก็จะต้องก้มหน้าเดินตามคำสั่งนั้น
 ทั้งที่ในความเป็นจริง ในการประเมินที่สัตย์ซื่อกับตัวเองแล้ว การหันหัวเรือบ่ายหน้าสู่เวทีสภา ด้วยการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 19 เมษายน อย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีนั้น น่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด
 เพราะยิ่งกระหายในชัยชนะจากท้องถนนมากเท่าใด ก็ยิ่งทดท้อใจมากขึ้นเท่านั้น
 แม่แต่ ชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำแท็กซี่เอง ถึงแม้จะพูดไม่ออก แต่แค่มองตาก็รู้แล้วว่า ท้อเสียยิ่งกว่าท้อ
 เสียงบ่นพึมพำในพรรคเพื่อไทยในยามนี้ก็คือ เงื่อนไขที่แกนนำเสื้อแดงไปเจรจากับรัฐบาลนั้นมันเป็นเงื่อนไขที่เป็นไปไม่ได้
 "15 วันมันจะเป็นไปได้อย่างไร 3 เดือน หรือ 6 เดือนน่าจะเป็นไปได้มากกว่า ใครเป็นรัฐบาลเขาก็ต้องคิดถึงตรงนี้ 3 เกลอไปเสนออย่างนี้มันก็จบ"
 เสียงบ่นที่เต็มไปด้วยความเกรงอกเกรงใจ ทักษิณ ที่แม้ไม่ได้ปรากฏตัวอยู่ที่พรรค แต่ทุกคนต่างรับรู้ว่า ทักษิณ ยังคงอยู่ทุกซอกทุกมุมในพรรค
 ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น การเจรจาครั้งนี้ พวกเขาเชื่อว่าเป็นผลดีต่อพรรคและนายกรัฐมนตรี ที่ได้โอกาสชี้แจงแกนนำคนเสื้อแดง หลังจากคนเสื้อแดงขึ้นเวทีถล่มมากว่า 2 สัปดาห์
 อย่างไรก็ตาม เมื่ออภิสิทธิ์ ลั่นวาจาไปแล้วว่า จะต้องทำงานอย่างไร สิ้นสุดวันไหน ก็เหลือแค่ว่า จะต้องจัดวางตารางให้ชัดเจน
 เพราะเมื่อก้าวมาถึงจุดนี้แล้ว ถึงแม้คนเสื้อแดงไม่มารุกไล่ แต่เมื่อได้ลั่นวาจาไปแล้ว ก็ไม่อาจบิดพลิ้วไปทางอื่นได้อีก
 ประชาธิปัตย์คาดว่า กำหนดยุบสภาน่าจะเป็นปลายเดือนพฤศจิกายน เพื่อไปเลือกตั้งในเดือนมกราคม 2554
 ทั้งหมดนั้นเป็นผลมาจากการเจรจา
 อย่างไรก็ตาม ในการเจรจาของ 3 เกลอนั้น ภายในพรรคก็แอบให้คะแนนซึ่งปรากฏว่า จตุพร พรหมพันธุ์ ได้ 8 คะแนน เหวง โตจิราการ ได้ 6 คะแนน ส่วน วีระ สอบตก ด้วยเหตุที่แสดงอาการ "พยักหน้า" และเรียก "ท่านนายกฯ" ในทุกครั้ง
 อย่างไรก็ตาม ผลการเจรจาของทั้งสองฝ่ายนั้น เมื่อมองผ่านสาย "นักวิชาการ" แล้วส่วนใหญ่เชื่อว่า การเจรจาถ่ายทอดสดผ่านสื่อไม่สามารถหาข้อยุติได้
 "ดร.ถวิลวดี บุรีกุล" ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า มองว่า การเจรจาหาทางออกร่วมกันไม่ควรให้คนดูทั้งประเทศ เพราะเหมือนเป็นการอภิปรายมากกว่า เมื่อถูกโจมตีอีกฝ่ายก็ต้องตอบโต้ เนื่องจากเกิดความเสียหาย บางครั้งไม่ตอบโต้ก็ไม่ได้หากอีกฝ่ายนำเรื่องเท็จมาพูดต่อหน้าสาธารณะ
 ควรเจรจานอกรอบไม่จำเป็นต้องผ่านสื่อ แต่ควรมีคนกลาง ซึ่งทั้งสองฝ่ายอาจเสนอมาแล้วคัดเลือก หลังจากได้ข้อยุติจึงออกมาแถลงข่าวร่วมกัน โดยมีคนกลางเป็นพยานในเรื่องผลสรุปที่แต่ละฝ่ายนำมาแถลง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแถลงข้อมูลเท็จ ซึ่งการเจรจาลักษณะนี้จะทำให้แต่ละฝ่ายกล้าพูดข้อมูลเชิงลึก
 "ผศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์" รองคณบดีฝ่ายวิชาการ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต มองว่า การเจรจา 2 วันเป็นการถ่ายทอดสด รัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นนักพูดจึงได้ประโยชน์มากที่สุด การที่นายกฯ อภิสิทธิ์ยอมมาเจรจาเนื่องจากมั่นใจในการพูดของตัวเอง ขณะที่ฝ่ายเสื้อแดงก็ส่งนักพูดอย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งมีบุคลิกดุดัน เพราะเป็นฝ่ายรุก
 "ทั้งหมดมีการวางตัวโชว์มาเป็นแพ็กเป็นทีมหากเป็นเรียลิตี้จะโหวตออกเป็นรายบุคคลไม่ได้ต้องโหวตออกหมดทั้งทีม มีการนัดแนะกันแล้วจะเห็นว่าเวลาคุณจตุพร สรุปไม่รับข้อเสนอ 9 เดือนของฝ่ายรัฐบาล คุณวีระ หรือหมอเหวง ก็ไม่ได้คัดค้านคำพูดของคุณจตุพร แสดงว่าทั้งสามมีแนวทางเดียวกัน ไม่มีใครพูดขัดขากันแต่มองว่าการเจรจาน่าจะดำเนินต่อไป แต่คาดผลเจรจาไม่ได้ การเจรจาครั้งต่อไปทั้งสองฝ่ายสามารถหาจุดจบได้บนเงื่อนไขของแต่ละฝ่ายได้ ท่ามกลางสถานการณ์สังคมที่กดดันทั้งสองฝ่าย ดังนั้นการยุบสภาเลือกตั้งใหม่เป็นเกมที่ดีที่สุดของสถานการณ์การเมืองในขณะนี้" 
 "ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม" หัวหน้าศูนย์ให้คำปรึกษาสุขภาพจิต มศว ประสานมิตร กล่าวว่า บุคลิกของนายกฯ อภิสิทธิ์ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ แต่ในสายตาของประชาชนคนไทยถูกสร้างกรอบว่า คนที่มีบุคลิกภาพ ลักษณะท่าทางที่ดี แต่งตัวดี จะมีความเหนือชั้นมากกว่า ส่วนท่าทางของนายวีระ เทียบกันไม่ได้เลยในทางกายภาพ อาจเป็นผลสืบเนื่องจากการขึ้นเวทีของกลุ่ม นปช.
 ถ้ามีการเจรจาเกิดขึ้นควรมีคนกลาง จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก และควรจะมีการเสนอกรอบการเจรจาก่อนที่จะมีการพูดคุย แต่เชื่อว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีอำนาจการตัดสินใจได้อย่างแท้จริง
สมถวิล เทพสวัสดิ์ / ณยา ใจกาวัง








ข่าวที่เกี่ยวข้องเสื้อแดงมิใช่คนไทยทั้งชาติบนโต๊ะเจรจาเรียลิตี้โชว์ศัพท์ฮอตฮิต...ติดกระแส 'รัฐ-ม็อบแดง'อินไซด์ตำรวจประจำวันที่31มี.ค.

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive