Thursday, March 18, 2010

อภิสิทธิ์แถลงพร้อมเจรจากลุ่มเสื้อแดง

อภิสิทธิ์แถลงพร้อมเจรจากลุ่มเสื้อแดง



คมชัดลึก :นายก"อภิสิทธิ์" แถลงพร้อมเจรจาสมานฉันท์กลุ่มเสื้อแดง ในเงื่อนการอยู่ภายใต้กติกา ชุมนุมโดยสงบ ด้านเครือข่ายสันติวิธีนั่งรถไฟฟ้าจากสถานีหมอชิตไปสถานีอ่อนนุช รณรงค์ไม่ใช้ความรุนแรง






(18มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เเละนางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเเห่งชาติ ร่วมกันเเถลงข่าวหลังการหารือ 2 ชั่วโมงโดยมีข้อสรุปว่า หลังจากที่คณะกรรมการสิทธิฯได้รับฟังความเห็นของเเกนนำผู้ชุมนุมคนเสื้อเเดงที่เสนอว่าอยากเจรจากับรัฐบาล โดยคณะกรรมการสิทธิฯได้นำข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุมมาเสนอรัฐบาลเเล้ว รัฐบาลพร้อมที่จะเจรจาในเงื่อนไขการอยู่ภายใต้กติกา ชุมนุมโดยสงบ
 นางอมรา แถลงว่า กรรมการสิทธิขอแสดงความชื่นชมรัฐบาลที่อดทนในการดูแลสถานการณ์บ้านเมือง เคารพเสรีภาพในการชุมนุมที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นการชุมนุมของผู้ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล แต่รัฐบาลใช้ความพยายามดูแลความปลอดภัยของผู้ชุมนุมโดยตลอดและประสานกับผู้ชุมนุมเป็นระยะ แต่ผู้ชุมนุมยังกังวลและฝากกรรมการมาคุยกับรัฐบาลว่าอยากมีพื้นที่ในการคุยกันด้วย จึงถือโอกาสมาคุยกับนายกฯและคณะรัฐบาลใช้ความอดทนในการดูแลสถานการณ์และกังวลว่ากลุ่มผุ้ชุมนุมมีหลายกลุ่มและวิธีการนำของผู้ชุมนุมมีหลายรูปแบบไม่มีเอกภาพทำให้การดูแลผู้ชุมนุมนั้นยากลำบากสักหน่อยในด้านความปลอดภัยและความสงบ   
 กรรมการได้นำข้อเสนอเชิงข้อตกลงระหว่างรัฐบาลกับผู้ชุมนุมหลักคือจะชุมนุมโดยสงบ รัฐบาลจะดูแลด้วยความสงบเรียบร้อย และมีข้อตกลงร่วมกันคือการไม่ปิดล้อมสถานที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและรัชทายาท รวมทั้งสถานที่ราชการโรงพยาบาล สนามบิน สถานทูตหรือยูเอ็น แต่รัฐบาลขอเพิ่มว่าน่าจะมีการตกลงว่าต้องไม่มีการปิดล้อมบ้านพักของนายกฯ และของพรรคประชาธิปัตย์และใครก็ตามเพราะการปิดล้อมบ้านพักของบุคคลย่อมละเมิดสิทธิ
 นางอมราแถลงว่า รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ใช้พ.ร.ก.บริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือหากจะใช้ต้องในกรณีที่จำเป็นจริงๆและจะไม่กระทบหลักสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ดำเนินการตามหลักสากลและคำวินิจฉัยของศาลปกครอง ตรงนี้เป็นข้อสัญญาที่รัฐบาลให้ไว้    รัฐบาลพร้อมเปิดให้มีการเจรจาหากการเจรจานั้นจะนำไปสู่ข้อยุติทางการเมืองและความสงบโดยต้องมีการเคารพกติกากันทุกฝ่าย คณะกรรมการสิทธิฯและรัฐบาลเห็นพ้องกันว่าการพูดยั่วยุให้เกิดความรุนแรง การข่มขู่คุกคามส่งเสริมให้ผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรงถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานด้วย สุดท้ายในนามคณะกรรมการสิทธิฯจะพยายามทำหน้าที่ในการเป็นตัวเชื่อมกับรัฐบาลและผู้ชุมนุมและฝ่ายต่างๆในสังคม หวังว่ากระบวยการทำงานเหล่านี้จะนำไปสู่สันติภาพในสังคมโดยเร็ว  
 จากนั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอบคุณคณะกรรมการสิทธิฯที่ถือเป็นเรื่องสำคัญในสถานการณ์ตอนนี้ ที่จะมีบทบาทในการช่วยดูแลสิทธิพื้นฐานและความปลอดภัยของทุกคนซึ่งหมายถึงการช่วยกันดูแลให้บ้านเมืองของเรามีความสงบเรียบร้อยท่ามการความคิดเห็นที่แตกต่างและความเคลื่อนไหวทางการเมิองซึ่งเกี่ยวข้องกับคนจำนวนค่อนข้างมาก ตนคงไม่จำเป็นต้องกล่าวซ้ำในสิ่งที่นางอมรากล่าวมาแล้วเพราะเป็นจุดยืนของรัฐบาลมาโดยตลอดว่ารัฐบาลมองว่าหน้าที่คืออำนวยความสะดวกและดูแลความสงบเรียบร้อยในสถานการณ์การชุมนุมและพร้อมตลอดเวลาที่จะเชื่อมต่อประสานงานเพื่อปรึกษาหารือในกรณีที่มีข้อห่วงใยว่าจะเกิดความตึงเครียดหรือความไม่เข้าใจหรือความสุ่มเสี่ยงต่อเหตุการณ์ความรุนแรงแ ละเป็นแนวทางที่ยืนยันจะปฏิบัติต่อไปรวมทั้งขั้นตอนการตัดสินใจการใช้กฎหมายพิเศษและขั้นตอนการใช้และคงไม่ต้องพูดซ้ำในเรื่องเหล่านี้แล้ว
 นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สิ่งที่อยากเรียนคือขอบคุณคณะกรรมการสิทธิฯที่ได้ลองทำกติกาในการชุมนุมและในการบริหารสถานการณ์ท่ามกลางการชุมนุมของฝ่ายผู้ชุมนุมและรัฐบาลซึ่งยืนยันหลักการพื้นฐานว่าการชุมนุมโดยสงบสันตินั้นต้องดำเนินการอย่างไร ขอเรียนว่าในหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยแต่มีหลายจุดที่เป็นความห่วงใยของรัฐบาลคือ 1.การเคลื่อนไหวบางลักษณะเช่น ปัญหาการเจาะเลือด การเทเลือด การขว้างปา หากจะพูดอย่างเคร่งครัดถือว่าไม่ได้ถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมดแต่รัฐบาลจะดำเนินการในการบังคับใช้กฎหมายในลักษณะที่ไม่เพิ่มความตึงเครียดแต่จะรักษามหลักเอาไว้ จะเห็นว่าได้พยายามทุกวิถีทางในการแสดงออกถึงความหยืดหยุ่นและความอดทนอดกลั้น แต่จะละเลยเสียทั้งหมดคงไม่ได้ เช่น การขว้างปา คงต้องดำเนินการตามปกติของกฎหมาย เป็นต้น
 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 2 .การปิดล้อมสถานที่ต่างๆในส่วนของการปิดล้อมขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลและราชการโดยรวมนั้นที่จริงแล้วมีคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางอยู่แล้ว อยากย้ำอีกครั้งว่าการกระทำลักษณะดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญตามคำวิสนิจฉัยของศาลแต่ประเด็นเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นและบังเอิญเกิดขึ้นกับตนบ้านพักอาศัยส่วนตัวนั้นขอเรียนว่าตนใช้สิทธิ์ในฐานะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้องเรียนคณะกรรมการสิทธิฯด้วย แต่สิ่งสำคัญคือสถานที่ของส่วนบุคคลหรือเอกชนทั้งหมดต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิเช่นเดียวกัน จึงร้องขอคณะกรรมการสิทธิฯได้ช่วยพิจารณาประเด็นนี้ด้วยเพราะว่าหลายคนได้ถ่ายทอดความรู้สึกมาที่ตน แต่ว่าคงไม่มีใครรู้สึกเท่ากับคนที่อาศัยในบ้านหรือเป็นเจ้าของบ้านซึ่งตนเข้าใจดีเพราะมีทั้งคนที่โกรธเคืองและแสดงความเห็นใจเข้ามา   แต่ตนไม่เอาเรื่องความรู้สึกมาเป็นหลักแต่อยากจะให้เราเคารพสิทธิของกันและกันมากกว่าตนคิดว่าหากลองพิจารณาย้อนกลับไปว่าหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับใครจะรู้สึกอย่างไรและการแสดงออกกับบุลคลอื่นในลักษณะเช่นนี้คงเป็นเรื่องยากที่จะตอบว่าเป็นเรื่องของสันติหรือเคลื่อนไหวตามสิทธิโดยปกติ จึงขอบคุณที่คณะกรรมการสิทธิฯเข้าใจเรื่องนี้
 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 3 .การชุมนุมนั้นทราบดีว่า การปลุกเร้าอารมณ์เพื่อดึงผู้ชุมนุมให้อยู่ในการมีอารมณ์ร่วมและสนใจที่จะต่อสู้เพื่อเป้าหมายร่วมกันมันเป็นธรรมชาติและแม้ตนไม่สนับสนุน แต่สมมติจะด่าทอด้วยคำถูกหยาบคายตนพอเข้าใจได้และมีความยืดหยุ่นในการรับสิ่งเหล่านี้พอสมควร แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคำหยาบคายคือถ้อยคำที่ไม่อาจตีความเป็นอย่างอื่นได้นอกจากการข่มขู่คุกคามหรือยั่วยุให้เกิดความรุนแรง แม้จะใช้คำสุภาพแต่คงจะไม่เหมาะสมและไม่เอื้อต่อการทำให้การเคลื่อนไหวต่างๆอยู่ในความสันติและสงบได้ เช่น คำพูดที่บอกว่าดีที่นายอภิสิทธิ์ไม่อยู่ในบ้าน ถ้าอยู่ในบ้านจะเอาเลือดจากศรีษะนายอภิสิทธิ์มาล้างเท้า ไม่ต้องเป็นตนหรอกจะเป็นชื่อใครก็ตามไม่อาจตีความได้ว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบสันติ    ตรงนี้เป็นตัวอย่างที่ตนคิดว่า ในส่วนของผู้เสียหายคงต้องใช้สิทธิตามกฎหมายกันไปแต่เป็นส่วนสำคัญของกติกาในการที่จะให้การชุมนุมอยู่ในกรอบ
 นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า   หากว่าทุกฝ่ายเคารพและชุมนุมในกรอบโดยที่มีแกนนำกลุ่มหนึ่งคือนายวีระ   มุสิกพงศ์ นพ.เหวง โตจิราการ   นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ได้ยื่นข้อเสนอที่คณะกรรมการสิทธิฯนำมาถ่ายในวันนี้เกี่ยวกับการเจรจา ที่ไม่ใช่ลักษณะการประสานงานตามที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯทำอยู่   ตนตอบไปว่าหากการเคลื่อนไหวชุมนุมอยู่ในกติกาที่พูดมาทั้งหมดนี้รัฐบาลไม่ขัดข้องที่จะมีการพูดคุยเพราะประเด็นทางการเมืองและจะหาคำตอบทางการเมือง รัฐบาลยอมรับกระบวนการการมีส่วนร่วมและรับฟังทุกฝ่ายอยู่แล้ว   จึงได้แจ้งกับคณะกรรมการสิทธิฯไปแล้วว่า   สามารถนำคำตอบนี้พูดคุยกับผู้ชุมนุมได้แต่ในชั้นนี้   อย่าคาดคั้นรูปแบบของการพูดคุยนั้นต้องเป็นใคร โดยใคร อย่างไร เพื่อประโยชน์ในการที่จะทำให้กระบวนการเกิดขึ้นได้   หากเราคาดคั้นรายละเอียดมากเกินไปในตอนนี้มันจะเป็นปัญหาสำหรับคนทำงาน
 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมีความจริงใจในการแลกเปลี่ยนพูดคุยด้วยเหตุผล   และบนเงื่อนไขการชุมนุมภายใต้กติกา   หากเป็นการชุมนุมนอกกติกา   ตนไม่อาจเข้าสู่กระบวนการพูดคุยได้ เพราะตนไม่อาจทำให้สังคมต้องอยู่ภายใต้หรือเดินตามการข่มขู่คุกคาม   แต่สังคมเห็นการมาของประชาชนจำนวนมากที่อยู่บนแนวสันติ รัฐบาลมีหน้าที่น่าที่รับฟังเพราะตนเคยพูดเรื่องนี้สมัยที่เป็นฝ่ายค้าน วันนี้มาเป็นรัฐบาลก็ยืนยันแนวคิดเดิมและพร้อมปฏิบัติ จึงเรียนให้คณะกรรมการสิทธิทราบฯและคากว่ากรรมการสิทธิฯจะสื่อสารเรื่องนี้ไปยังผู้ชุมนุมต่อไป
ก่อนหน้านั้นที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต นายวีรพงษ์ เกรียงสินยศ เครือข่ายสันติวิธี ได้นำอาสาสมัคร 99 คน พร้อมทั้งคนตาบอดเข้าร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์บนรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อแสดงออกสันติวิธีที่สามารถใช้เป็นเป้าหมายและวิธีการในการแก้วิกฤติทางการเมือง และขอให้ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นในสันติวีธี
 นอกจากนี้กลุ่มสันติวิธี เชิญชวนประชาชนที่สนใจปัญหาบ้านเมืองเข้าร่วมกิจกรรมที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ ตั้งแต่เวลา 17.00 น. -19.00 น. โดยก่อนที่จะเริ่มรณรงค์นายวีรพงษ์ได้กำชับกับอาสาสมัครว่า หากถูกตำหนิระหว่างการรณรงค์ก็ไม่ให้ตอบโต้
 นางนารี เจริญผลพิริยะ เปิดเผยว่าการรณรงค์ครั้งนี้เพื่อให้ประชาชนคนเสื้อแดง เจ้าหน้าที่รัฐ ที่กำลังเผชิญหน้าในภาวะการขัดแย้งให้มีสติ โดยอาสาสมัครจะนั่งรถไฟฟ้าจากหมอชิต ไปถึงสถานีอ่อนนุช ซึ่งได้รับอนุญาตจากรถไฟฟ้าบีทีเอสให้ใช้ฟรี 1 โบกี้ ในการรณรงค์ครั้งนี้
 นอกจากนี้เครือข่ายจะเปิดให้ผู้ที่มีความข้องใจในบรรยากาศทางการเมือง ได้มาเขียนระบายออกถึงความรู้สึกได้ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ และพื้นที่การชุมนุมได้มีกลุ่มสันติอาสาสักขีพยานเข้าไปทำงานในพื้นที่ตลอดทุกวัน
 








ข่าวที่เกี่ยวข้องบิ๊กหอยเตรียมนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค"พรรคพลังคนกีฬา"บอลไทยลีกเลื่อนอีกมาร์ค"กร้าวฟ้องหมิ่น"แม้ว-สามเกลอ" สื่อแคนาดาฟันธงม็อบเสื้อแดงไม่มีทางชนะ แดงลั่นไล่บี้"มาร์ค"ระดมพลปิดล้อมทุกที่

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive