Saturday, May 22, 2010

มาร์คกั๊กเจรจาแดงไม่เลิกแรงไม่คุย

มาร์คกั๊กเจรจาแดงไม่เลิกแรงไม่คุย




คมชัดลึก :"อภิสิทธิ์"พูดไม่ชัดรับหรือไม่รับเจรจา นปช. หลังตั้งเงือนไข 30 วันยุบสภาดีเดย์วันนี้ ยันต้องเคารพกฎหมาย ลั่นหากแก้ปัญหาไม่ได้ก็ไม่อยู่






เมื่อเวลา 18.00 น.ที่เวทีราชประสงค์นายวีระ มุสิกพงษ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ( นปช.) ได้ขึ้นเวทีอ่านประกาศข้อเสนอของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.แดงทั้งแผ่นดิน)เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียแก่ประชาชนเพิ่มเติม
1 .หลังจากเหตุการณ์ 10 เม.ย. 2553 นปช.ซึ่งต่อสู้ทางการเมืองดด้วยสันติวิธีต้องผิดหวังยิ่งขึ้นเมื่อมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอาวุธของบุคคลไม่ทราบฝ่ายขึ้นอีกในวันที่ 22 เม.ย. อีกทั้งยังไม่มีหลักประกันอีกว่า จะไม่มีเหตุการณ์สลดใจขึ้นอีกในอนาคต
2 .ด้วยความตระหนักในวิธีการสันติ อหิงสา และเพื่อป้องกันมิให้มีความสูญเสียขึ้นอีกไม่ว่าฝ่ายใด นปช.จึงยินดีเปิดการเจรจากับรัฐบาลภายใต้เงื่อนไขใหม่
3 .เงื่อนไข 1 .รัฐฐาลยุติการคุกคามทุกรูปแบบ
2 .มีกรรมการอิสระเป็นกลางสอบสวนเหตุการณ์ 10 เมษายน และ 22 เมษายนโดยรัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบ
3 .นปช.ยินดียืดเวลาสำหรับการยุบสภาจากเดิมไปเป็นยุบสภาภายใน 30 วันเพื่อรัฐบาลจะได้ตระเตรียมการเท่าที่จำเป็น
 ขณะที่บรรยากาศบริเวณแยกศาลาแดง กลุ่มคนเสื้อแดงยังคงปราศัยสลับกับการเปิดเพลงเพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมคลายเครียด ขณะที่ฝั่งสีลมบริเวณหน้าโรงแรมดุสิตธานี ยังคงมีกลุ่มคนสีลมออกมายืนโบกธงชาติ พร้อมทั้งตะโกนด่าทอและโห่ไล่คนปราศัยบนเวทีคนเสื้อแดง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจราจลอย่างเข้มงวด
 ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถควบคุมผู้ต้องขังจำนวน 5 คัน มาจอดปิดกั้นบริเวณแยกศาลาแดง เพื่อป้องกันไม่ให้ทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกันเหมือนเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งการทำเช่นนี้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าจะสามารถลดการเผชิญหน้าได้ไม่มากก็น้อย ส่วนการจราจรยังคงดำเนินไปอย่างปกติ รถยนต์สามารถเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ซึ่งสภาพโดยรวมยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงหรือมีวี่แววว่าจะมีการปะทะกันเกิดขึ้น
"สมชาย"ชี้6เดือนยุบสภาน่าจะคุยกันได้ 
 เมื่อเวลา 16.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่พรรคเพื่อไทย ถึงเหตุระเบิดที่สีลม ช่วงคืนวันที่ 21 เมษายนว่า เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจที่เกิดเหตุรุนแรงขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งถ้าใครไม่โดนไม่รู้และใครที่เป็นผู้ทำก็ถือว่าใจดำมาก ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลต้องหาตัวคนทำให้ได้ เพราะเบื้องต้นทราบว่ามีหลักฐานบ้างแล้ว แต่ทางตำรวจคาดว่าเป็นการยิงมาจากตึกของโรงพยาบาลจุฬาฯ  ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีระบุว่าเป็นการยิงมาจากบริเวณลานพระรูป ร.6 ซึ่งเมื่อเหตุการณ์มาถึงขั้นนี้ ก็ยังไม่ถือว่าเลยที่ทุกฝ่ายจะหันมาเจรจากัน หากมีความจริงใจ ซึ่งการเจรจายังถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด ส่วนเรื่องระยะเวลาการยุบสภานั้น ก็สามารถคุยกันได้จะเหลือเท่าไรทั้งรัฐบาลและแกนนำคนเสื้อแดง ก็ต้องไปคุยกันว่าเหลือสัก 6 เดือน จะพอดีสำหรับทั้งสองฝ่ายหรือไม่ หากทั้งสองฝ่ายยังตั้งกำแพงอยู่ที่จุดเดิม คือ รัฐบาลบอกว่า 9 เดือน ส่วนคนเสื้อแดงยังอยู่ที่ 15 วัน ก็คงต้องไปหาคนที่สามารถทำลายกำแพงได้มาเป็นคนกลางในการเจรจา
 ทูต5ประเทศเยี่ยมแดงราชประสงค์อยากเห็นไทยสงบ
 เมื่อเวลา 17.35 น. นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้เชิญและนำเอกอัครราชทูต เข้าฟังการชี้แจงสถานการณ์ในประเทศไทย โดยเฉพาะเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่บริเวณถนนราชดำเนิน โดยมีทูต 5 ประเทศ คือ เดนมาร์ค เบลเยียม ออสเตรีย เปรู และอาเจนตินา ร่วมเดินทางเข้าเยี่ยมการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่บริเวณหลังเวทีราชประสงค์ มีนายวีระ มุสิกพงษ์ ประธาน นปช. นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.ให้การต้อนรับหารือร่วมพูดคุยเล่าถึงสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง โดยทูตได้แสดงความเป็นห่วงต้องการให้แต่ละฝ่ายได้เปิดเจรจาเพื่อหาข้อยุติให้เกิดความสงบเรียบร้อยเกิดขึ้น
 โดยนายวีระ กล่าวว่า การเดินทางมาเยี่ยมของทูตในที่ชุมนมุของคนเสื้อแดงวันนี้นับว่าเป็นเกียรติอย่างมาก แต่ทางทูตเองก็ต้องมีความระมัดระวังยึดหลักการธรรมเนียมทางการทูต เพราะตามความเป็นจริงเขาต้องเกรงใจทางรัฐบาลอยู่เช่นกัน ทั้งนี้เมื่อมวลมิตรอารยะประเทศเขาต้องการเห็นการเจรจาไม่อยากให้มีการสูญเสีย อยากให้มีความเป็นเอกภาพสงบในประเทศเรา ตรงนี้ล้วนเป็นความเห็นของทูตทั้งหมด
"จตุพร”ขึ้นเวทีปลุกเสื้อแดงร่วมม็อบสู้เป้าหมายปชต.
 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ขึ้นเวทีปราศรัยระบุว่า นปช.ยินดีพร้อมที่จะถอยทุกอย่างเพื่อไม่ให้มีคนตายเกิดอีกแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าเราจะกลัวตาย ซึ่งสิ่งที่ยอมไม่ได้ก็คือการต้องเอาผิดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในข้อหาฆ่าคนตาย
 “ผมเรียนพี่น้อง วันนี้บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ปกติ แต่มีคนแอบสั่งการอยู่ข้างหลังมีการเข้าล้อมจับปราบ ดังนั้นอยากบอกว่า ภารกิจยังไม่จบเราต้องเป็นมิตรร่วมตายเป้าหมายเรายังเหมือนเดิม นั่นคือประชาธิปไตยที่ไม่มีเหลืออยู่อีก ดังนั้นคงมีเราที่ต้องคอยเดินเคียงข้างกันต่อไป” แกนนำ นปช. ระบุ
"อภิสิทธิ์"เสียใจเหตุยิงเอ็ม79บึ้มสีลม 
เมื่อเวลา 20.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่แหล่งสมาคมนายทหาร กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ถึงกรณีที่มีคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79เข้าใส่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสศาลาแดง จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บจำนวนมากว่า ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่เกี่ยวข้อง ยืนยันได้ว่าพวกเราทุกคนที่ทำงานที่นี่ได้ติดตามเหตุการณ์และรู้สึกเป็นทุกข์ พยายามตลอดเวลาในการที่จะแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สิ่งที่เราพยายามมากที่สุดวันนี้คือป้องกันไม่ให้มีเหตุในลักษณะดังกล่าว แต่เมื่อมีข้อจำกัดก็ต้องเร่งขจัดกันต่อไป อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการดำเนินการของภาครัฐไม่สามารถดำเนินการได้ตามใจชอบ
 "เป็นเรื่องยากครับ ในการต่อสู้กับคนที่ใช้นอกรูปแบบ คนที่ใช้วิธีผิดกฎหมาย แต่รัฐบาลไม่มีสิทธิ์ที่จะไปทำอะไรที่ผิดกฎหมายแบบเดียวกัน แต่ยืนยันว่าจะต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องที่จะแก้ไขปัญหาให้ได้” นายกฯ กล่าว รับถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ก็พร้อมจะไป
 เมื่อถามต่อว่า เวลานี้อารมณ์ของคนไปไกลแล้ว นายกฯ กล่าวว่า ทราบดี เป็นเรื่องที่เข้าใจ และคงไม่อาจที่จะไปบอกได้ว่า เขาไม่มีเหตุผล หรือไม่มีสิทธิที่จะคิดหรือรู้สึกอย่างนั้น ตนเพียงแต่บอกว่า การแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะถ้าจะแก้ไขปัญหาให้สามารถที่จะทำให้สังคมมีความสงบสุขได้อย่างยั่งยืน บางครั้งไม่สามารถที่จะใช้วิธีการอย่างที่เรานึกหรือชอบได้อย่างเดียว ต้องคำนึงถึงปัจจัย ผลกระทบที่จะตามมาด้วย แต่ยืนยันว่า เราจะบริหารไม่ให้ความรู้สึกของประชาชนจำนวนมาก นำไปสู่การปะทะกัน หรือการใช้ความรุนแรงเข้าใส่กันและกัน
ลั่นต้องเคารพกม.แก้ปัญหาไม่ได้ไม่อยู่
 ผู้สื่อข่าวถามว่า วันหนึ่งถ้าเขารู้สึกว่าพึ่งพาอำนาจรัฐไม่ได้ แล้วต้องลุกขึ้นจัดการเองจะเกิดอะไรขึ้น นายกฯ กล่าวว่า “คงไม่ให้ถึงจุดนั้น และผมต้องยืนยันว่า ผมคงปล่อยไปถึงจุดนั้นไม่ได้ และถ้าผมทำไม่ได้ ผมก็ไม่ควรอยู่” 
 ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่นายกฯ ระบุว่า ถ้าทำไม่ได้ก็อยู่ไม่ได้ หมายความว่าอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ตนมีหน้าที่แก้ปัญหา ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ก็ไม่ควรอยู่ แต่ขณะนี้มีการติดตามและมีแนวทางอยู่ ซึ่งมันอาจจะไม่ตรงกับความคิดของหลายๆ คน และจะต้องพยายามไม่ให้เกิดความเสียหายมากกว่านี้
 เมื่อถามว่า นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. เสนอให้มีการเจรจารอบสาม นายกฯ กล่าวว่า ที่อ้างว่าจะมีการเจรจาในคืนนี้ เข้าใจว่าเป็นความพยายามนัดหมายโดยกลุ่มสันติวิธี แต่เข้าใจว่าไม่ได้มีการพบกัน ส่วนที่ยื่นเงื่อนไขให้ยุบสภาภายใน 30 วันนั้น เบื้องต้นขณะนี้สิ่งสำคัญคือ การที่ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย และทุกคนต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดขึ้น ส่วนปัญหาทางการเมืองเป็นหน้าที่ฝ่ายการเมืองที่จะต้องแก้ไขกันต่อไป
 เมื่อถามว่า ทำไมที่ทุกครั้งเขายื่นเงื่อนไขเจรจาจะมาด้วยความรุนแรงและความสูญเสีย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อันนี้ต้องสอบถามทางฝ่ายโน้น ยืนยันว่า การจะหาคำตอบทางการเมือง ต้องไม่ใช่ลักษณะที่เป็นผลมาจากใช้วิธีการข่มขู่ อันนี้เป็นไปไม่ได้ กรมสุขภาพจิตชี้การเมืองทำคนมีอารมณ์โกรธแค้น
 นพ.ชาตรี บานชื่น  อธิบดีกรมสุขภาพจิต  เปิดเผยว่า จากการสำรวจอารมณ์ทางการเมืองของประชาชนไทย รอบที่ 3 ระหว่างวันที่ 20-22 เม.ย. ในทุกภาคของประเทศไทย พบว่า ส่วนใหญ่มีอารมณ์ทางการเมืองอยู่ในระดับปกติ ร้อยละ 39.44 ส่วนอารมณ์ทางการเมืองระดับรุนแรงพบร้อยละ 27.84 ซึ่งใกล้เคียงกับการสำรวจรอบแรกร้อยละ 29.89 แบ่งเป็นเพศชายร้อยละ 31.33 และเพศหญิงร้อยละ 25.73  อย่างไรก็ตามเมื่อแยกเป็นภูมิภาคพบตัวเลขที่น่าสนใจ  ว่าประชาชนในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอารมณ์ทางการเมืองอยู่ในระดับรุนแรงมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 39.40 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการสำรวจรอบก่อนหน้านั้นพบเพียงร้อยละ 19.87 เช่นเดียวกับประชาชนในเขตกรุงเทพฯ ที่มีการเพิ่มขึ้นของอารมณ์รุนแรงจากเดิมร้อยละ 24.24 เป็นร้อยละ 34  และในภาคเหนือพบเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 22.49 เพิ่มเป็นร้อยละ 24.44 นอกจากนี้ยังพบว่าเพศชายที่ติดตามข่าวการเมืองทุกวันมีอารมณ์ทางการเมืองอยู่ในระดับรุนแรงเพิ่มจากเดิมร้อยละ 33.45 เป็นร้อยละ 42.21 ส่วนเพศหญิงเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30.43 เป็นร้อยละ 37.41   ขณะที่คำถามถึงสถานการณ์การเมืองพบว่า ประชาชนภาคใต้ ตอบคำถามว่า เบื่อหน่ายไม่อยากรับรู้ สูงสุดกว่าประชาชนภาคอื่น คิดเป็นร้อยละ68  เฉยๆไม่รู้สึกอะไรร้อยละ 47 และข่าวการเมืองไม่มีผลกระทบต่อครอบครัวร้อยละ 88   
 “เราเป็นห่วงมาก เพราะแนวโน้มอารมณ์ทางการเมืองที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในบางเขต เช่น คนกทม.จะไปเร้าสมองส่วนอารมณ์มากกว่าเหตุผล ทำให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว ถ้ามีแนวโน้มสูงขึ้นในขณะที่การเมืองยังมีฝักฝ่ายแบบนี้เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง  ซึ่งเรากำลังมองข้ามไปถึงความขัดแย้งในสังคมที่จะเพิ่มมากขึ้น  อย่างไรก็ตามจากตัวเลขที่พบคนภาคอีสานและกทม.มีอารมณ์ทางการเมืองสูงขึ้น อาจเกี่ยวข้องกับสถานที่ชุมนุมและมีบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมชุมนุม เช่น มีญาติมาชุมนุม  ซึ่งกรมสุขภาพจะเฝ้าติดตามและซับน้ำตาคนไทยต่อไป โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุการณ์ปะทะที่ถนนสีลมเมื่อคืนที่ผ่านมา” อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว  
 พญ.อัมพร  เบญจพลพิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสุขภาพจิต  กล่าวถึงการเข้าเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การเมืองว่า   ผู้ที่มีความรุนแรงของอารมณ์ จะง่ายต่อการถูกเร้าซึ่งขึ้นอยู่ความรุนแรง และความสูญเสียที่ได้รับ อย่างไรก็ตามการจากที่ทีมงานของกรมสุขาพจิตเข้าไปเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อวันที่ 12 มี.ค.เป็นต้นมา พบสิ่งที่น่าสังเกตว่า จากประสบการณ์ของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติภัยจะพบว่า มีความกลัว ความเศร้า และวิตกกังวล แต่ครั้งนี้กลับพบว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบมีอุณหภูมิใจจากเดิมไปสู่ความโกรธรุนแรงพุ่งพล่าน ผู้ได้รับบาดเจ็บบางคนต้องการกลับไปร่วมชุมนุมอีก ซึ่งสังคมทุกฝ่ายต้องช่วยกันลดการถูกเร้าหรือไปร่วมชุมนุม  นอกจากนี้ผู้บาดเจ็บบางรายมีความกังวลต่ออนาคตของตนเองซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ มีความรู้สึกท้อแท้เสียใจ  มี 1 รายที่มีอาการซึมเศร้า และไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 จะมีบาดแผลทางจิตใจรุนแรง หากไม่ดูแล 1 เดือนต่อจากนี้อาจมีภาวะฝันร้ายนอนไม่หลับ บางรายมีอาการหวาดระแวงรู้สึกไม่ปลอดภัย จนเกิดภาวะสร้างสังคมสมมติจนเกิดความเหนี่ยวแน่นกับผู้ที่เกิดเหตุการณ์ แต่เป็นภาวะหนึ่งไม่ใช่โรค เมื่อปัญหาคลี่คลายภาวะนี้จะหายไปเอง
 นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ หัวหน้ากลุ่มที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวว่า อารมณ์รุนแรงอย่างต่อเนื่องจะมีผลทำให้เกิดอารมณ์โกรธ ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพจิตของตนเองและบุคคลอื่นเทียบเท่ากับความเครียดรุนแรง  ซึ่งอารมณ์ทางการเมืองที่รุนแรงจะกระทบต่อบุคคลได้ง่าย ยิ่งเข้าไปในที่ชุมนุมจะแสดงออกอย่างรุนแรง ดังนั้นผู้ที่รู้สึกว่าเกิดอารมณ์ทางการเมืองรุนแรงเทียบเท่ากับการมีความเครียดระดับสูง ต้องลดการรับรู้ข่าวสารด้านเดียวอย่างต่อเนื่องยาวนาน ควรรับรู้ข่าวสารสองด้านและไม่ต่อเนื่องยาวนาน  รู้จักสงบอารมณ์ของตัวเองกลับมาใช้ชีวิตปกติ   ซึ่งบุคคลรอบข้างที่ยังไม่มีอารมณ์รุนแรงต้องช่วยกันรับฟัง หรือสามารถโทรเข้ามาปรึกษาสายด่วนกรมสุขภาพจิต หมายเลข 1323 
 








ข่าวที่เกี่ยวข้องปลุกแดงสู้เผยหมาก30วันยุบสภาแค่เกมส์ปิดฉากหลากสีแปดริ้วโผล่บอกสุดทนเห็นไทยฆ่าไทยไม่ไหวหลากสีนัดชุมนุมเสาร์-อาทิตย์นี้ร้องแดง-แม้วยุติ"ปฐมพงษ์"เชื่อมือยิงเอ็ม79ถล่มสีลมมีมากกว่าหนึ่ง ปลัดกห.แนะอภิสิทธิ์อย่ายุบสภาเชื่อไม่ใช่ทางออก

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive