คราบเลือด ความสูญเสีย...คนสีลม
คมชัดลึก : ถนนสีลมที่เคยคลาคล่ำไปด้วยรถราเช้านี้กลับมีหัวนอต ลูกแก้ว และเศษกระจกแตกเกลื่อนกลาดมาแทนที่ กองเลือดเป็นหย่อมๆ บ่งบอกให้รู้ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง กระนั้นพนักงานทำความสะอาดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็กุลีกุจอทำความสะอาดเก็บกวาดประจักษ์พยาน ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์การเมืองอีกหน้าที่ต้องบันทึกไว้ว่า คนไทยวันนี้เข่นฆ่ากันเอง ?!!
ผู้คนและยวดยานที่สัญจรผ่านแยกศาลาแดงรับรู้ข่าวเศร้าแวะดูร่องรอยความเสียหายและสูญเสียจากเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 22 เมษา 53 รอยสะเก็ดระเบิดเป็นรูฝังอยู่กับผนังตึกดูโดดเด่นไม่เข้ากันกับสถาปัตยกรรมบนถนนเศรษฐกิจ "ณัฐกานต์ ทองวัน" สาวออฟฟิศบนถนนสีลม วัย 28 ปี หยุดวางดอกกุหลาบแดง 1 ช่อลงกับพื้นที่ปรากฏรอยเลือดจางๆ ยืนสงบนิ่งไว้อาลัยแด่ผู้จากไป
ช่วงกลางวันกับเย็นหลังเลิกงานเธอกับเพื่อนๆ ในออฟฟิศร่วม 20 คนก็ออกมาร่วมรณรงค์ต่อต้านม็อบแดงที่แยกศาลาแดง พอสลายตัวก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ไม่คิดว่าหลังจากนั้นจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นถึงขนาดใช้อาวุธสงครามยิงใส่กัน
"เมื่อคืนรู้ข่าวตกใจมาก คนไทยด้วยกันคุยกันด้วยเหตุด้วยผลก็น่าจะเข้าใจได้ ไม่น่าใช้กำลังฆ่ากันเองเลย"
ณัฐกานต์ ยอมรับว่า รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นพี่น้องคนไทยบาดเจ็บล้มตาย จึงอยากให้รัฐบาลออกมาจัดการปัญหาอย่างเด็ดขาด อย่าปล่อยให้มีคนบาดเจ็บล้มตายไปมากกว่านี้เลย
"เจริญ คล้ายแก้ว" เจ้าของแผงขายซีดีบนถนนสีลม วัย 32 ปี อยู่ในเหตุการณ์คืนสยองนั้นด้วย รับรู้และได้เห็นการยั่วยุของคนทั้ง 2 ฝ่าย เข้าใจว่าต่างฝ่ายต่างมีจุดประสงค์ตรงข้ามกัน เมื่อสถานการณ์ตึงเครียดประกอบกับอากาศร้อนและแรงยั่วยุ สุดท้ายก็มีการลงไม้ลงมือกัน แต่การใช้อาวุธสงครามยิงใส่นี่มันมากเกินไป
"เสียใจที่คนไทยมาทำร้ายกันเอง เราคนไทยด้วยกัน คุยภาษาเดียวกันตกลงกันได้ อย่าให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำให้ใครเดือดร้อน คนสีลมไม่เคยทำให้คนเสื้อแดงเดือดร้อน แล้ววันนี้ทำไมคนเสื้อแดงจึงจะมาทำให้พวกเราเดือดร้อนด้วย"
ขณะที่ "สมบูรณ์" ผู้ประกอบการร้านค้าย่านสีลมเฝ้ามองสถานการณ์ความขัดแย้งที่แยกศาลาแดงด้วยความไม่สบายใจ ยิ่งมีคนบาดเจ็บล้มตายลงเรื่อยๆ แม้แต่ชาวต่างชาติก็ยังถูกลูกหลงบาดเจ็บ ทำให้ภาพลักษณ์เมืองไทยเสียหายไปหมดในสายตาชาวต่างชาติ
"เชื่อว่านักท่องเที่ยวคงหวาดกลัวสีลมไปอีกนาน ไม่รู้จะมีคนตกงานอีกกี่คน ถ้ายังปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป" สมบูรณ์ พ้อพลางส่ายหัว
ด้านหนุ่มพนักงานโอบองแปงรายหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์และประตูกระจกของร้านแตกเสียหาย เล่าว่า ตอนเกิดเหตุเขากำลังให้บริการลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าขาจรและกลุ่มผู้ชุมนุมที่แวะมาซื้อน้ำและกินขนม กระทั่งเวลา 2 ทุ่มได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 3 ครั้งบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ศาลาแดง จึงรีบไปปิดหน้าร้านและบอกให้ลูกค้าออกจากร้านให้หมด
ระหว่างที่ลูกค้าเริ่มทยอยออกจากร้าน และไปยืนออกันริมทางเท้าหน้าร้าน บางคนส่งเสียงเชียร์ไปกับกลุ่มผู้ชุมนุมสีลม โดยผู้หญิงยืนอยู่บนฟุตบาท ส่วนผู้ชายยืนอยู่บนผิวถนน พนักงานหนุ่มหันหลังให้ผู้ชุมนุมก้มหน้าเก็บข้าวของในร้านเท่านั้น ก็เกิดระเบิดดังกึกก้องหน้าร้านเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พอหันไปก็เห็นผู้หญิงและผู้ชายที่เคยยืนอยู่บริเวณนั้นกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง เขารีบก้มหมอบลงกับพื้น แต่สายตาก็ยังมองเห็นเหตุการณ์ต่อไปเป็นลำดับ
"ผมเห็นคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมาช่วยคนเจ็บ ลากตัวขึ้นไปบนฟุตบาท ผมเห็นคนหนึ่งบาดเจ็บที่ศีรษะกะโหลกฉีก ตอนนั้นมันโกลาหลวุ่นวายมาก แล้วก็ได้รับโทรศัพท์จากเจ้านายให้รีบออกจากร้านให้เร็วที่สุด ผมเลยรีบออกทางด้านหลังร้าน มารู้ข่าวอีกทีไม่นานว่าคนร้ายยิงระเบิดตกเข้ามาในร้าน แต่โชคดีระเบิดไม่ทำงาน"
แม้จะเกิดเหตุร้ายขึ้น แต่วันนี้กลุ่มคนสีลมก็ยังรวมตัวชุมนุมเหมือนเคย มีการแจกผ้าพันคอระบุข้อความ "ไทยนี้รักสงบ" อีกทั้งประสาน กทม.ให้ดับไฟถนนสีลมบางส่วน ป้องกันไม่ให้ผู้ไม่หวังดีใช้อาวุธยิงเข้าไปในถนนสีลม ส่วนบริษัทห้างร้านตลอดถนนสีลมวันนี้ได้ปล่อยพนักงานกลับบ้านเร็วกว่าปกติ
ข่าวที่เกี่ยวข้องใกล้แล้ว...สงครามกลางเมืองพิสูจน์ใครยิงเอ็ม79ด้วยหลักฐานไม่มาร์คกั๊กเจรจาแดงไม่เลิกแรงไม่คุย
ในหลวง-ราชินีทรงห่วงเหยื่อบึ้มสีลมรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์"ปทีป"หนักใจคุมม็อบ2ฝ่ายปัดตอบตร.เกียร์ว่าง
NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6
Friday, April 23, 2010
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
Blog Archive
-
▼
2010
(450)
-
▼
April
(115)
-
▼
Apr 23
(8)
- ศาลแพ่งชี้ถ้าจำเป็นก็สลายได้
- แม่น้ำ5สายไหลรวมเสื้อหลากสีบึ้มถล่ม!จุดไฟสงครามกลา...
- คราบเลือด ความสูญเสีย...คนสีลม
- แดงยอมเจรจารบ.เงื่อนไข30วันยุบสภา
- เพื่อไทยเชิญทูต แจงเหตุสลายม็อบ 10เม.ย.
- ชุมนุมหลากสี ต้านแดง จี้แม้วหยุดป่วน
- หลากสีแปดริ้วโผล่บอกสุดทนเห็นไทยฆ่าไทยไม่ไหว
- ปลุกแดงสู้เผยหมาก30วันยุบสภาแค่เกมส์ปิดฉาก
-
▼
Apr 23
(8)
-
▼
April
(115)
No comments:
Post a Comment