Friday, April 23, 2010

แม่น้ำ5สายไหลรวมเสื้อหลากสีบึ้มถล่ม!จุดไฟสงครามกลางเมือง

แม่น้ำ5สายไหลรวมเสื้อหลากสีบึ้มถล่ม!จุดไฟสงครามกลางเมือง



คมชัดลึก : ระเบิดเอ็ม 79 ที่ถล่มกลางวงคนเสื้อหลากสีตรงแยกศาลาแดง ซึ่งเป็นเขตชายแดนกั้นระหว่างคนเสื้อหลากสีกับคนเสื้อแดง ทำให้วิกฤติของประเทศยกระดับไปอีกขั้น






 สถานการณ์วันนี้กำลังจะพัฒนาไปเป็น "สงครามประชาชน" ที่มีคนเขียนบทเอาไว้ล่วงหน้า!!
 การวางเฉยของตำรวจและท่าทีที่ฝากความหวังไม่ได้ของทหาร โดยเฉพาะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ทำให้คนเริ่มสิ้นศรัทธาในกองทัพมากขึ้นเรื่อยๆ
 ถ้าสภาวการณ์ยังคงอึมครึม โดยที่ทหารไม่ตัดสินใจทำอะไรเลย ประเทศไทยอาจจะไม่ใช่สยามเมืองยิ้มอย่างที่เรารู้จักคุ้นเคยอีกต่อไป แต่จะกลายเป็น "รวันดา" แห่งที่สองที่คนในชาติเดียวกันลุกขึ้นมาฆ่ากันเอง
 ถ้าปล่อยให้สถานการณ์ไปไกลถึงขั้นนั้น การดึงสหประชาชาติส่งกำลังเข้ามารักษาสันติภาพ และนำไปสู่รัฐบาลแห่งชาติ หรือถึงขั้น "นิรโทษกรรม" ให้ใครบางคน ก็จะเดินไปตามสเตปของกุนซือฝ่ายตรงข้ามเป๊ะๆ
 นายทหารระดับสูงรายหนึ่ง กล่าวพลางถอนใจว่า การออกมาของคนเสื้อหลากสีทำให้สถานการณ์ซับซ้อนยุ่งยากขึ้น โดยเฉพาะคนที่เคลื่อนไหวตรงแยกศาลาแดงในช่วงกลางคืน
 "ฝ่ายตรงข้ามเขารอจังหวะ และต้องการให้สถานการณ์รุนแรงอยู่แล้ว การก่อเหตุเช่นนี้เป็นไปได้ทั้งมือที่ 1 ที่ต้องการความรุนแรงถึงขีดสุด และมือที่ 3 ที่กดดันให้ทหารเร่งปราบปราม"
 ภาวะเช่นนี้ทหารจึงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะถ้าลุยเข้าไป ฝ่ายตรงข้ามก็พร้อมที่จะให้เกิดความสูญเสียร้ายแรงอยู่แล้ว
 ขณะที่บิ๊กทหารอีกราย มองกลับกันว่า ที่ทหารยังไม่ลุยเข้าไปสักที เพราะกลัวจะต้องรับผิดชอบ โดยนายทหารบางคนต้องการเกษียณอย่างมีความสุข ไม่มีคดีติดตัวเหมือนนายทหารรุ่นพี่
 เขาให้ข้อมูลด้วยว่า จุดที่ยิงเอ็ม 79 ไปยังคนเสื้อหลากสีมี 2 จุด คือ อาคารโรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งยิงไปตกบนหลังคารถไฟฟ้าบีทีเอส อีกจุด คือ ในสวนลุมพินี ซึ่งเป็นไปได้ทั้งลานพระบรมรูป ร.6 และในสวนลุมพินี
 "ก่อนเกิดเหตุช่วงกลางวัน มีคนเห็นนายทหารในราชการคนหนึ่งไปป้วนเปี้ยนแถวตึกผู้ป่วย รพ.จุฬาฯ ก่อนที่ช่วงค่ำจะเกิดเหตุระเบิดขึ้น"
 เมื่อพิจารณาจากมุมมองของนายทหารระดับสูงทั้งสองท่าน แม้จะมองต่างกันในบางมุม แต่ก็ตรงกันในประเด็นความต้องการยกระดับสถานการณ์ความรุนแรงของคนบางกลุ่ม
 หลังจากแผนแรก คือ การใช้ศพของคนเสื้อแดงที่แยกคอกวัว และถนนดินสอ "จุดไม่ติด" อย่างที่คิด เนื่องจากมีคลิปวิดีโอที่ชัดเจนว่า วิถีกระสุนมาจากหลังแนวของคนเสื้อแดงเอง
 นั่นจึงนำมาสู่ "แผนสอง" ที่เหี้ยมเกรียมไม่ต่างจากแผนแรก แต่เปลี่ยนเป้ามาเป็นคนเสื้อหลากสีเพื่อเร่งเชื้อไฟแทน เพราะพลังของเสื้อหลากสีที่ใช้ยุทธวิธี "แยกกันเดิน-รวมกันตี" กับคนเสื้อเหลือง มีพลังอำนาจเข้มแข็งขึ้นทุกวัน
 หากจะเอกซเรย์เนื้อในความเป็นเสื้อหลากสีในวันนี้จะพบว่า มีจุดกำเนิดมาจาก "พลังเงียบ" ในสังคม โดยอินเทอร์เน็ต ในเว็บไซต์ "เฟซบุ๊ก" ที่ชักชวนออกมารวมตัวกันครั้งแรกที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไม่กี่ร้อยคน
 ก่อนจะ "จุดติด" เป็นพัน เป็นหมื่น และตั้งเป้าให้ได้เกิน 1 แสนคนที่ลานพระบรมรูปทรงม้าในวันที่ 23 เมษายนนี้
 ส่วนผู้ที่รวบรวมพลังที่กระจัดกระจายให้เป็นกลุ่มก้อนอย่างเป็นระบบ คือ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แกนนำเสื้อชมพูที่ต่อต้านการยุบสภา และพิทักษ์สถาบันที่จุฬาฯ และสวนลุมพินี มาก่อน
 แม้จะปฏิเสธว่า การเคลื่อนไหวของเสื้อชมพูไม่เกี่ยวข้องกับเสื้อเหลือง หรือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่ นพ.ตุลย์ ก็เคยขึ้นเวทีเสื้อเหลืองมาก่อน
 การเคลื่อนไหวของนพ.ตุลย์ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกมองว่ามีเงาสีเหลืองทาบทออยู่เบื้องหลัง!
 ชัดเจนยิ่งขึ้นในวันที่เสื้อหลากสีเดินทางไปให้กำลังใจทหาร และนายกรัฐมนตรี ที่ราบ 11 ซึ่งมีแกนนำ และทนายเสื้อเหลืองอย่าง พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย และ นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายพันธมิตรไปแจมด้วย
 ฉะนั้น ถ้าจะจำแนกไพร่พลของเสื้อหลากสีจริงๆ ก็จะพบว่า มี 2 กลุ่มหลัก คือ 1.พลังเงียบจริงๆ ซึ่งไม่ (เคย) มีสี แต่ไม่ชอบเสื้อแดง 2.เสื้อเหลืองที่เข้ามาสวมเสื้อชมพู และเสื้อหลากสีด้วย
 เมื่อแกนของเสื้อหลากสีถูกก่อร่างขึ้นอย่างแน่นหนา จึงมีแนวร่วมส่วนอื่นเข้ามาร่วมอย่างรวดเร็วทั้ง 1.ชุมชนต่างๆ รอบกรุงเทพฯ และ 2.คนทำมาหากินที่เดือดร้อนจากการชุมนุมของเสื้อแดง
 มวลชนส่วนใหญ่ของเสื้อหลากสีจึงมารวมตัวกันโดยธรรมชาติ แต่ก็มีแนวร่วมบางส่วนที่ยังคลุมเครือถึงที่มา คือ กลุ่มที่เข้ามาป่วนในตอนกลางคืน ซึ่งมีข่าวว่าเป็น "ม็อบจัดตั้ง" ของนักการเมือง และบางส่วนก็เป็น "คนมีสี" แฝงเข้ามา
 แต่ไม่ว่าจะมีที่มาจากไหน กลุ่มเสื้อหลากสีที่มาจากแม่น้ำหลายสายก็ได้สร้างแรงกดดันอย่างใหญ่หลวงต่อการดำรงอยู่คนเสื้อแดง และมีพลังมากพอที่จะยิงระเบิดเข้าไปสร้าง "จุดเปลี่ยน" เพื่อเร่งเชื้อไปสงครามกลางเมือง ซึ่งเป็นที่ถวิลหายิ่งใครคนนั้น 
ทีมข่าวความมั่นคง








ข่าวที่เกี่ยวข้องใกล้แล้ว...สงครามกลางเมือง"เอ็ม" ศิรประภา จีระพันธุ์
ถักนิตติ้งเติมเต็มหญิงรุ่นใหม่
หลากสีแปดริ้วโผล่บอกสุดทนเห็นไทยฆ่าไทยไม่ไหว"ปทีป"หนักใจคุมม็อบ2ฝ่ายปัดตอบตร.เกียร์ว่าง หลากสีนัดชุมนุมเสาร์-อาทิตย์นี้ร้องแดง-แม้วยุติ

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive