Saturday, April 17, 2010

สรรเสริญแจงมาร์คตั้งอนุพงษ์คุมศอฉ.สุเทพยังนั่งผอ.

สรรเสริญแจงมาร์คตั้งอนุพงษ์คุมศอฉ.สุเทพยังนั่งผอ.



คมชัดลึก : "สรรเสริญ" ชี้ อนุพงษ์ เรียกผบ.พัน-ผู้การกรม-ผบ.พล ประชุม เพื่อเช็คความรู้สึก พร้อมยันทหารไม่แค้น และไม่เคยคิดเสื้อแดงเป็นศัตรู พร้อมแจง สุเทพ ยังเป็นผอ.เหมือนเดิม แต่ให้อนุพงษ์คุมใช้กำลัง ตร.-ทหาร แจงเพื่อการบังคับบัญชาที่สั้นขึ้น วอนปชช.ออกจากราชประสงค์เร็วที่สุด เพื่อจัดการกับผู้ก่อการร้าย เผยศอฉ.ออกหมายเรียกผจก.-พนง. รร.เอสซีปาร์คเพิ่ม หลังให้ที่พักพิงแกนนำนปช. เมิน"ชัชจ์"ประกาศไม่มารายงานตัว ชี้ครบเวลาไม่เจอหมายเรียก








(17เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ( ศอฉ.) พร้อมด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผอ.ศอฉ. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. พล.อ.ธีระวัฒน์ บุญยะประดับ ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผช.ผบ.ทบ. พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสธ.ทบ เป็นต้น จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบสถานการณ์ ได้เรียกประชุมหน่วยปฏิบัติระดับคุมกำลังของทหารในระดับผู้บังคับกองพันขึ้นไปถึงระดับ ผู้บัญชาการกองพล เพื่อซักซ้อมการปฏิบัติงาน
 พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. กล่าวถึงการประกาศแต่งตั้งหัวหน้ารับผิดชอบสถานการณ์คนใหม่เป็น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ว่า การนำเสนอข้อมูลของสื่อคลาดเคลื่อน เพราะคนรับผิดชอบศอฉ.ในภาพรวมทั้งหมดยังคงเป็นนายสุเทพ นอกจากนี้ จะมีผู้กำกับการปฏิบัติ ก็ยังคงเป็น นายสุเทพ อยู่ ซึ่งในศอฉ.เป็นภาพที่มีฝ่ายข้าราชการประจำ และการเมือง คนที่เป็นผอ.ศอฉ.จะเป็นผู้กำหนดแนวทางและนโยบายโดยภาพรวม โดยประสานงานกับภาครัฐเพื่อให้ทราบแนวทางนโยบายของรัฐบาล และ นำมาแปลงเป็นรายละเอียด เป็นนโยบายที่จะสั่งการลงไปใน ศอฉ. ในส่วนของผู้กำกับการปฏิบัติซึ่งก็ยังเป็น นายสุเทพ อยู่ รายละเอียดการปฏิบัติของหน่วยต่างใน ศอฉ. ที่มีทั้งหน่วยกำลัง หน่วยส่งกำลัง หน่วยพิมพ์กฎหมาย ที่ปรึกษา การรักษาพยาบาล ในส่วนของ พล.อ.อนุพงษ์ ที่เป็นหัวหน้ารับผิดชอบจะเป็นผู้สั่งการในการใช้กำลัง เพื่อให้การควบคุมการสั่งการมีสายการบังคับบัญชาที่สั้นขึ้น อย่างไรก็ตาม ในการปฏิบัติการกำกับในภาพรวมและ ในฐานะ ผอ.ศอฉ. นายสุเทพ ยังต้องรับผิดชอบในภาพรวมเหมือนเดิม
 พ.อ.สรรเสริญ ยังกล่าวถึงการขอคืนอาวุธที่ถูกยึดไปว่า การแจ้งความเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ที่หายไป ในส่วนยานพาหนะได้คืนแล้ว ส่วนอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เคยไปตั้งในเวทีการชุมนุม ขณะนี้ยังไม่ได้รับคืน เป็นสิ่งที่เราเป็นห่วงจะมีผู้ไม่หวังดี พยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง ฉวยเอาอาวุธเหล่านี้ไปใช้และ โยนความผิดไปเจ้าหน้าที่ของรัฐส่วนหนึ่ง และคนเสื้อแดงส่วนหนึ่ง จึงอยากให้แกนนำของคนเสื้อแดงนำอาวุธมาคืนเจ้าหน้าที่โดยด่วน ซึ่งได้แจ้งความไปแล้ว เรื่องอาวุธสงครามถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่โดยตรง มีการเอาไปเก็บสะสมไว้มีความผิด ส่วนการเผยแพร่ข่าวสารว่าเจ้าหน้าที่มีความเจ็บแค้นต่อผู้ชุมนุม ทางเจ้าหน้าที่ทุกคนทั้งทหารและ ตำรวจมีหัวใจ มีความรู้สึก เป็นธรรมดาที่จะต้องมีความเสียใจ ต่อกรณีที่เพื่อนร่วมอาชีพ บาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกนายไม่ได้มีความเจ็บแค้น เราจะเจ็บแค้นกับประชาชนไม่ได้ จึงได้มีการทำความเข้าใจในที่ประชุม ซึ่งทุกคนเห็นตรงกันว่ามีความรู้สึกกับผู้ชุมนุมทุกคนเหมือนเดิม ว่าคนเสื้อแดงไม่ใช่ศัตรูของทหาร และเจ้าหน้าที่ทุกนาย เรามองเสื้อแดงทุกคนเป็นคนไทย และอยากให้คนเสื้อแดงมองเห็นเราเป็นคนไทยเช่นกัน
 โฆษกศอฉ. กล่าวว่า อยากฝากไปถึงญาติผู้ชุมนุม ให้สื่อสารกับผู้ชุมนุมเพื่อออกจากพื้นที่แยกราชประสงค์ ถ้าออกเร็วเท่าไหร่ก็จะจัดการกับผู้ก่อการร้ายได้ ถ้ายังอยู่ก็ถือว่าปกป้องผู้ก่อการร้าย และสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเมือง และเศรษฐกิจ ตัวแปรอยู่ที่ผู้ชุมนุม ถ้าออกเร็ว บ้านเมืองก็จบเร็ว ส่วนการขอคืนพื้นที่นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการบังคับใช้กฎหมาย คนที่ทำผิดต้องรับผิด ทุกอย่างต้องทำ แต่จะเป็นเท่าไหร่เท่านั้น ซึ่งขณะนี้เรากำลังเตรียมการในทุกเรื่อง ส่วนเรื่องความรับผิดชอบนั้น กำลังพลทุกนายในศอฉ. มีส่วนรับผิดชอบด้วยกันหมดทุกคน เพียงแต่สถานะความรับผิดชอบแต่ละคนแตกต่างกัน เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานคนสุดท้ายต้องรับผิดชอบ ถ้าทำเกินคำสั่ง โฆษกฯเองก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าชี้แจงไม่ตรงกับ ศอฉ.ต้องการ หัวหน้ารับผิดชอบ ผู้กำกับการปฏิบัติ ผอ.ศอฉ.รับผิดชอบร่วมกันทั้งหมดตามภาระหน้าที่
 พ.อ.สรรเสริญ บอกว่า วันนี้ ศอฉ.ได้ออกหมายเรียกมาให้ผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก 2 คนจากที่ออกหมายเรียกไปแล้ว 51 คน โดย 2 คนที่เรียกมานั้น เป็น มีความผิดฐานให้ที่พักพิงกับผู้ที่ถูกออกหมายจับ โดยคนแรกเป็นเจ้าของโรงแรม ส่วนอีกคนเป็นพนักงานที่ทำหน้าที่ให้การรับเข้าพัก ส่วนนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล นั้นเดินทางไปต่างประเทศ ต้องให้เวลาให้เขามารายงานตัว ซึ่งต้องอยู่ที่เหตุผลของเจ้าตัวในการผ่อนผันว่ามีความหนักแน่นพอหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ทาง ศอฉ.อาจจะขยายเวลาให้ผู้ที่ถูกออกหมายเรียกออกไปอีก 7 วัน สำหรับกรณีที่ พล.ต.อ.ชัชจ์ กุลดิลก ประกาศที่จะไม่มารายงานตัวนั้น ก็เป็นเรื่องของเขา แต่หากไม่มาจริงทางเจ้าพนักงานสามารถออกหมายจับได้ตามขั้นตอน
 








ข่าวที่เกี่ยวข้องทนายแดงโร่พบตำรวจขอแกนนำมอบตัว15พ.ค.มาร์คตั้งอนุพงษ์คุมศอฉ.อัษฎางค์มองปัดรับผิดชอบ"ชัยสิทธิ์"เห็นด้วย"อนุพงษ์"คุมศอฉ.ตามรอยอาชญา : สองคดีวัดมาตรฐานสังคมพ.อ.สรรเสริญรับศอฉ.อาจจะไม่ทันเกมการเมือง

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive