Monday, February 4, 2013

จูดี้ชูรถนร.ฟรีหาเสียงวัยโจ๋มากขึ้น

จูดี้ชูรถนร.ฟรีหาเสียงวัยโจ๋มากขึ้น
               4 ก.พ.56  พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์ว่า พื้นที่ชายขอบของกทม. ปัญหาสำคัญคือ เรื่องของการเดินทาง ประชาชนส่วนใหญ่เวลาจะเข้าเมืองมักไม่มีรถเมล์ ซึ่งส่วนมากจะใช้บริการรถตู้ซึ่งมีราคาแพงกว่า  ดังนั้น ตนต้องการบริหารจัดการใหม่ ให้มีรถเมล์ฟรี โดยให้รถเมล์จากในเมือง ออกมาให้บริการบริเวณชานเมือง เพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ จะได้มีรถเมล์ทั่วถึงทุกพื้นที่ของกทม. โดยไม่เสียค่าโดยสาร ซึ่งถือว่า เป็นบริการพื้นที่ชาวกทม.ควรได้รับ นอกจากนี้ ยังเป็นการลดจำนวนรถเมล์ในพื้นที่กลางเมือง  เพื่อคืนช่องจราจรให้รถส่วนบุคคล ลดความแออัด ด้านการจราจรในเมือง  ทั้งนี้จะจัดทำระบบแรปปิ้ง เพื่อให้มีระบบรถโรงเรียนขนาดเล็กวิ่งโดยรอบเป็นวงกลมโดยเฉพาะในชุมชน เพื่อให้นักเรียนไม่ว่าจะอยู่สถาบันใดก็สามารถใช้บริการได้  เชื่อว่าจะทำให้ปัญหาการจราจรลดลง โดยจะใช้งบประมาณส่วนเดียวกับรถเมล์ฟรีทั่วไป                     ส่วนผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน (โพลล์) ที่พบว่า ยังได้คะแนนนำ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคประชาธิปัตย์อยู่นั้น  พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ถือเป็นกำลังใจให้พวกเรา  แต่การลงพื้นที่ก็จะลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งนำเสนอให้ประชาชนเห็นว่า หากเลือกตนเป็นผู้ว่าฯกทม.จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง  ซึ่งยืนยันว่า จะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นกว่าแน่นอน  และจากนี้จะพบปะเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น    "เพื่อไทย"ยันลงพื้นที่ต่อเนื่องแม้โพลล์นำ เตรียมอบรม"อาสาสมัคร"เฝ้าคูหา                ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีผลโพลล์จากศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ขณะนี้ผลโพลล์สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนอยากเห็น กทม.มีความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ถึงแม้ผลโพลล์ค่อนข้างจะเป็นบวกกับพรรคเพื่อไทย แต่ว่าพรรคเพื่อไทยจะตั้งอยู่บนความไม่ประมาทและทำงานหนักต่อไปในการลงพื้นที่ที่จะนำนโยบายของพรรคเราไปชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบอย่างทั่วถึงมากที่สุด ส่วนการจัดทีมเคาะประตูบ้าน การตั้งเวทีปราศรัยย่อยสามารถทำได้ตรงตามเป้าหมายที่เรากำหนดไว้ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี                 ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวต่อว่า ในวันที่ 6 ก.พ.นี้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคเพื่อไทย  จะแถลงนโยบายในลักษณะเจาะลึกถึงนโยบายที่จะใช้ในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของประชาชน การแก้ปัญหาเรื่องความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งจะครอบคลุมในเรื่องอัคคีภัยรวมถึงการแก้ปัญหายาเสพติด โดยจะชี้ให้ประชาชนเห็นถึงกระบวนการแก้ปัญหาและผลักดันนโยบายไปสู่การปฏิบัติจริงจับต้องได้ ไม่ได้เพ้อฝัน ซึ่งช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการเลือกตั้งพรรคจะมีการลงพื้นที่อย่างเข้มข้นเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจโดยไม่ลังเล                "นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังให้ความสำคัญกับการป้องกันการทุจริตการเลือกตั้งทุกรูปแบบ โดยในช่วงกลางเดือน ก.พ. พรรคจะมีการเปิดอบรมอาสาสมัครตัวแทนจากภาคประชาชน จำนวน 6,548 คน โดยจะให้ทำหน้าที่สังเกตการณ์ในแต่ละคูหาเลือกตั้ง โดยฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยจะเข้ามาอบรมซึ่งเนื้อหาจะมีสองส่วนคือ ความรู้ในเรื่องกฎหมายและเทคนิคกลโกงการทุจริตการเลือกตั้ง  โดยพรรคให้ความสำคัญกับการอบรมเพื่อที่จะให้การเลือกตั้งเกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรมมากที่สุด และพรรคอยากเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมจับตากลโกงเพื่อจะได้รู้เท่าทันกลโกงและรักษาผลประโยชน์ของผู้สมัครผู้ว่าฯกทม." ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าว   "อุดมเดช"ยันไม่ประมาทแม้โพลล์ให้"พงศพัศ"นำ                 นายอุดมเดช รัตนเสถียร สส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแนวทางการหาเสียงของ พล.ต.อ.พงศพัศ ว่า การปรับยุทธศาสตร์ในการหาเสียงถือเป็นยุทธศาสตร์ของพรรค เพราะถ้าหาเสียงแบบเดินโดยการลงไปดูในรายละเอียด หรือเคาะประตูบ้าน ก็จะไม่สามารถเรียกคะแนนเสียงได้ทัน เพราะขณะนี้ถือว่า ระยะเวลากระชั้นชิดแล้ว และต้องยอมรับว่า คนเป็นผู้ว่าฯมาก่อน ย่อมมีคะแนนจัดตั้ง นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์ ยังมี สก. สส.ในพื้นที่ กทม.มากกว่าพรรคเพื่อไทย ดังนั้น พล.ต.อ.พงศพัศ ต้องใช้ความโดดเด่นในตัวเองนำเสนอในภาพกว้างโดยผ่านสื่อ เพื่อให้ได้คะแนนในกลุ่มบ้านจัดสรร และตึกแถวเข้ามาเสริม ซึ่งเชื่อว่า คนกลุ่มดังกล่าวไม่ใช่คะแนนจัดตั้งของฝ่ายใด เพราะจะเลือกผู้สมัครที่มีวิสัยทัศน์ บุคลิก และวิธีคิดของผู้สมัคร                 "ยอมรับว่าคนที่เป็นผู้บริหารมาก่อน ย่อมมีคะแนนจัดตั้งอยู่ในมือ แต่ผลโพลล์ที่ออกมาระยะนี้ระบุว่า พล.ต.อ.พงศพัศ มีคะแนนความนิยมเหนือกว่าผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็อาจจะทำให้ผู้ที่คิดจะช่วยผู้บริหารคนเก่าอาจจะไม่กล้าช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลอยู่ถึงแม้ตอนนี้โพลล์ของ พล.ต.อ.พงศพัศ จะนำ เพราะการเลือกตั้ง สส.ที่ผ่านมาก็ยังมีความผิดเพี้ยนไปได้ โดยที่ผ่านมาโพลล์เพื่อไทยชนะยังแพ้เลย ฉะนั้นวันนี้เราต้องป้องกันให้คะแนนออกมาไม่แตกต่างจากผลโพลล์" นายอุดมเดช กล่าว                   "ผู้สมัครผู้ว่าฯ"แห่ร้อง"กกต."จี้ห้ามเผยแพร่โพลล์                 ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานเลือกตั้ง (กกต.) ว่า  นายกฤษณ์ สุริยะผล ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 20 ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียน พร้อมนำพวงหรีดที่มีข้อความว่า “แด่โพลล์ชี้นำ” เพื่อขอให้กกต.กทม. พิจารณาสั่งระงับหรือกล่าวตักเตือนไม่ให้สำนักโพลล์ต่างๆ เผยแพร่ผลการสำรวจการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในทุกกรณีโดยทันที พร้อมออกระเบียบห้ามไม่ให้เผยแพร่ผลการสำรวจความเห็นที่เกี่ยวข้องกับคะแนนนิยมของผู้สมัครรับเลือกตั้ง                นายกฤษณ์ กล่าวต่อว่า จะเห็นได้จากผลสำรวจที่ออกมาในแต่ละสัปดาห์ ไม่ว่าสำนักโพลล์ไหน ๆ ก็ระบุถึงคะแนนนิยมของผู้สมัครบางคนอย่างชัดเจน จนสร้างกระแสให้ผู้สมัครบางคนซึ่งเท่ากับเป็นการชี้นำ ดังนั้น ตนจึงไม่มั่นใจในความน่าเชื่อถือของนักวิชาการ ของสำนักโพลล์ในการสำรวจเพราะว่านักวิชาการบางคนมีความใกล้ชิดกับรัฐบาล บางคนรับเงินจากรัฐบาลในการทำงานสำรวจวิจัย พร้อมทำเวทีสานเสวนาให้กับรัฐบาล และบางคนก็สนิทสนมกับบางพรรคการเมืองอย่างแยกไม่ออกอีกด้วย                นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หมายเลข 6 ได้เดินทางมายื่นหนังสือขอให้ กกต.พิจารณาการทำโพลล์ที่มีการชี้นำ โดยเฉพาะการชี้นำไปที่สองพรรคการเมืองใหญ่ ทั้งที่ในความเป็นจริงมีคะแนนส่วนหนึ่งที่ประชาชนให้การสนับสนุนผู้สมัครอิสระ แต่ไม่ได้รับการเผยแพร่ จึงขอความเป็นธรรมให้กับตนและผู้สมัครคนอื่นๆ ด้วยการยุติการเผยแพร่โพลล์ต่างๆ นอกจากนี้ ยังขอให้สื่อให้ความเป็นธรรมอย่านำตนในฐานะผู้สมัครอิสระไปร่วมกับ ผู้สมัครอิสระคนอื่นที่อาศัยกระแส เพื่อเคลื่อนไหวโดยอิงการเมือง เพราะตนต้องการเข้ามาทำงานเพื่อคนกทม.อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ตนขอให้ กกต.กทม. ตรวจสอบว่า ถูกลอกเลียนแบบนโยบายโดย 2 พรรคการเมืองใหญ่หรือไม่ คือ นโยบายน้ำดีไล่น้ำเสีย และสวนสาธารณะลอยน้ำ ที่ตนได้คิดและประกาศนโยบายดังกล่าวตั้งแต่วันที่สมัครรับเลือกตั้งแล้ว                ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเดียวกันนั้น นายประทีป วัชระโชคเกษม อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 14 ที่ถูกตัดสิทธิ์ในการสมัครรับเลือกตั้งได้เดินทางมาชี้แจงและขอความเป็นธรรม กรณีถูกตัดสิทธิ์ โดยยืนยันว่า ไปใช้สิทธ์เลือกตั้ง สส.แบบล่วงหน้า ที่หน่วยเลือกตั้ง 72 เขตพระโขนง ซึ่งตนได้เซ็นชื่อที่ต้นขั้วของบัตรเลือกตั้ง แต่ไม่ได้เซ็นในสมุดทั่วไป ทั้งนี้ ตนเล่นการเมืองมานานและเคยดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ ซึ่งขนาดนี้มีอายุถึง 63 ปี แล้ว จึงเข้าใจกฎหมายและขั้นตอน รวมทั้งมีวุฒิภาวะพอที่จะรู้ว่า หากไม่ไปใช้สิทธิ์แล้วมาสมัคร ถือว่าเป็นการให้ข้อมูลเท็จจะถูกดำเนินคดีอาญาได้ อย่างไรก็ตามตนได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวกับประธาน กกต.กทม. ที่ระบุว่า จะให้คำตอบภายใน 2-3 วัน ซึ่งหากไม่คืนสิทธิ์ให้ ตนจะร้องถึงศาลฎีกาต่อไป  

No comments:

Post a Comment

Blog Archive