Monday, February 4, 2013

ผบ.ทบ.ซัดโจรใต้ไม่ใช่คน

ผบ.ทบ.ซัดโจรใต้ไม่ใช่คน
                4 ก.พ.56 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ผู้ก่อความไม่สงบยิงครูสอนทำนาในพื้นที่ จ.ปัตตานี เสียชีวิต ว่า ตนได้สั่งเจ้าหน้าที่ให้ติดตามตั้งแต่เกิดเหตุ และให้สำรวจว่า มีหน่วยงานไหนเอาคนนอกพื้นที่เข้ามาหรือไม่ เพราะบางทีอาจไม่ได้แจ้งกัน เมื่อไม่ได้แจ้งจะทำให้เกิดช่องว่าง คนที่ไปทำงานในพื้นที่ภาคใต้ถือเป็นเรื่องดีและเป็นน้ำใจของคนภาคกลาง เพราะเป็นการฟื้นฟูนาร้างตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทั้งนี้คิดว่า คนที่ก่อเหตุไม่ใช่คน ซึ่งต้องไปทบทวนว่า จะแก้ช่องว่างพวกนี้อย่างไร ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.)แสดงความเป็นห่วง และสั่งการมายังตนขอให้ดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินให้เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งตนได้สั่งการให้คนในพื้นที่ทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยจะมีการปรับกำลังทั้งพลเรือน ตำรวจ ให้รับผิดชอบงานในเชิงรับมากขึ้นในพื้นที่ที่ไม่รุนแรงมากนัก เพื่อจะได้นำทหารไปปิดกั้นส่วนอื่น ซึ่งอีกประมาณ 2-3 เดือน เมื่อตำรวจได้รับการอนุมัติให้ทำงาน ทางทหารจะแบ่งมอบพื้นที่ให้ทำงาน                 “ยืนยันว่า การทำงานไม่สับสน และมีความชัดเจน โดยเราได้จัดรองแม่ทัพภาคทุกกองทัพภาคไปเป็น ผบ.ฉก.จังหวัด โดยจัดกำลังลงไปทั้งหมด 16 กองพัน เพี่อประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด โดยจะมีการปรับพื้นที่ให้มีการสอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งขณะนี้ถือเป็นการแก้ปัญหาในระยะที่สอง คือ การสร้างความเข้มแข็งให้หน่วยงานในพื้นที่ หากสถานการณ์ดีขึ้นจะค่อย ๆ ปรับกำลังออก แต่ถ้ายังไม่เรียบร้อยก็ปรับอะไรไม่ได้ ขอร้องให้ประชาชนช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในเรื่องการข่าว วันนี้ต้องแยกให้ออกว่า สถานการณ์เกิดขึ้นจากอะไร ซึ่งการที่มีการทำร้ายทั้งคนไทยพุทธ และไทยมุสลิมนั้น ความจริงไม่น่าทำร้ายคนทั้ง 2 พวก ดังนั้นแสดงว่า ต้องมีปัจจัยอื่นด้วย ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์อย่างเดียว อาจมีเรื่องส่วนตัว การเมืองท้องถิ่น หรือภัยแทรกซ้อนที่มีการหักหลังธุรกิจ โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ผมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะที่เป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรมให้ติดตามมทุกคดีว่า มีคดีความมั่นคงกี่คดี ซึ่งเขาต้องการพยายามสร้างความบาดหมางให้กับคนสองศาสนา โดยสถิติปีที่แล้ว 7-8 พันคดีเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนอีก 2 พันกว่าคดีเป็นคดีความมั่นคง ส่วนที่เหลือเป็นคดีทั่วไป” ผบ.ทบ.กล่าว   ชวนผู้สมัคร"ผู้ว่าฯกทม."หาเสียงในค่ายทหาร                 พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการให้ผู้สมัครผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร เข้าไปหาเสียในพื้นที่เขตทหารว่า ตนได้อนุมัติไปด้วยวาจามานานแล้ว ซึ่งหน่วยในพื้นที่คงกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งในวันนี้ ตนได้รับรายงานว่า จะมีบางพรรค เริ่มเข้าไปหาเสียงในค่ายทหารบ้างแล้ว ตนได้สั่งการไปแล้วว่า ระเบียบมีอยู่แล้วว่า หากเข้าไปในค่ายทหาร เราจะรวมคนให้พูดให้หาเสียงได้ เขตทหารจะเข้าไปเดินหาเสียงเหมือนด้านนอกไม่ได้ เพราะในค่ายทหารบางทีเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย และเป็นพื้นที่ที่รักษาความปลอดภัยด้วย ดังนั้นจึงต้องหาพื้นที่ที่เหมาะสม และไปรวมคนและครอบครัวทหารมาฟังผู้สมัครปราศรัย ซึ่งทางค่ายอาจให้ผู้สมัคร เดินเข้าไปเยี่ยมตรงโน้นตรงนี้ได้ไม่มาก เพราะต้องเป็นไปตามระเบียบที่ไม่ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยขึ้น เพราะคนเข้ามาเยอะและหลายพวกด้วยกัน โดยตนขอเชิญชวนทุกพรรคเข้ามา ไม่ห้ามใครอยู่แล้ว เข้าได้เหมือนกันทุกพรรค เข้ามาได้แค่ไหนก็ได้เหมือนกันทุกพรรค   ลั่นทบ.ซ้อมรบทำตามแผนรับสถานการณ์ไม่ใช่ยั่วยุ                พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการฝึกตามวงรอบประจำปีของกองทัพบกว่า การฝึกนี้เรียกว่าเป็นการฝึกตามวงรอบประจำปี มีอยู่ 2 อย่าง คือ 1. การฝึกตามวงรอบประจำปี ซึ่งทุกกองทัพภาคจะต้องมีการฝึกประจำทุกปีอยู่แล้ว เริ่มตั้งแต่การฝึกทหารใหม่ การฝึกภาคหมู่ ตอน หมวด ภาคกองร้อย ภาคกองพัน 2.การฝึกซักซ้อมแผนป้องกันประเทศ ซึ่งเราจะฝึกตามแผนที่เขียนไว้ทุกปี ในแต่ละภาคจะมีกองกำลัง เข้าไปฝึกหัด และจะใช้พื้นที่ด้านหลังของกองกำลังที่วางกำลังอยู่ตามแนวชายแดน เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยพื้นที่ ทั้งนี้ ไม่ได้เป็นการยั่วยุอะไรใคร เขาก็ฝึกของเขา เราก็ฝึกของเรา ทำนองเดียวกันทุกประเทศ เพราะถ้าย้ายจากแนวที่เราวางอยู่ไปฝึกในพื้นที่อื่นมันคงไม่ใช่ เราต้องอยู่ดูแลพื้นที่ตรงนั้นด้วย ซักซ้อมไว้หากเกิดเหตุ แล้วจะต้องทำอย่างไร ทำกันอย่างนี้ทุกปี อย่ามองกันให้เป็นประเด็นก็แล้วกัน                เมื่อถามว่า เป็นการเตรียมรับสถานการณ์ชายแดนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ภารกิจของกองทัพบกมี 2 ประการ คือการเตรียมกำลัง การฝึกให้หน่วยมีการพร้อมรบ การใช้อาวุธ การจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ เรียกว่าเตรียมกำลัง และหากมีการใช้กำลังจะเอาคนพวกนี้ไปทำงานชายแดน เรียกว่า ใช้กำลัง เราต้องปฏิบัติตามแผน ป้องกันประเทศ แผนเผชิญเหตุ เป็นแผนเขียนในกระดาษ แต่ยังไม่ปฏิบัติแต่หากต้องการใช้แผนนั้นแผนนี้ ก็ต้องออกเป็นคำสั่งให้ใช้ปฏิบัติ จะชนะหรือแพ้ก็ขึ้นอยู่กับกำลังพลว่า เข็มแข็งหรือไม่ อาวุธยุทโธปกรณ์พร้อมหรือไม่ ซึ่งเราต้องมีความพร้อม สิ่งนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว ทหารต้องมีความพร้อมในการป้องกันประเทศ และดูแลประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติและความเดือดร้อน นี้เป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว                เมื่อถามว่า มีใครขอร้องท่านหรือไม่ว่า เมื่อพูดถึงการเตรียมพร้อมชายแดนอย่าพูดขึงขัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้ขึงขัง ผมพูดเสียงดีหรือเปล่า ไม่มีใครมาขอร้องผม ผมขอร้องตัวผมเอง เตือนตัวเองอยู่เรื่อยว่า อย่าอารมณ์เสีย วันไหนถ้าผมปวดหัวมาก ผมก็อารมณ์เสียมาก ดังนั้นต้องแก้ไขตัวเอง ผมจะไปโทษใครได้ โทษสื่อก็ไม่ได้ ดังนั้นต้องโทษตัวเอง โมโหมากก็ปวดหัวมาก ถ้าไม่อยากปวดหัวก็อย่าโมโหคน ต้องลดระดับตัวเองลงไป แต่อย่าละเมิดในศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน เพราะกองทัพต้องมีศักดิ์ศรี”

No comments:

Post a Comment

Blog Archive