Sunday, May 2, 2010

เขายิงเราแล้วเสียงสุดท้ายของพลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ

เขายิงเราแล้วเสียงสุดท้ายของพลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ



คมชัดลึก : จากเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่ พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ สังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 9 (ร.9 พัน.2) เสียชีวิตขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ชุดลาดตระเวนเคลื่อนที่เร็ว เพื่อระงับเหตุการณ์การปะทะกันของเจ้าหน้าที่ ทหาร-ตำรวจ กับ กลุ่มคนเสื้อแดง ที่บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ผ่านมา ยังคงตราตรึงให้ พลทหารพงษ์ระวี ชนะชัย พลทหารสังกัดเดียวกับ พลทหารณรงค์ฤทธิ์ ที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว






พลทหารพงษ์ระวี เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ผ่านมา ในระหว่างทำหน้าที่เป็นพลขับชุดลาดตระเวนเคลื่อนที่เร็ว โดยมี พลทหารณรงค์ฤทธิ์ (ผู้ตาย) ซ้อนท้าย และมีอาวุธปืนครบมือในการทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย หลังจากได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ไปปฏิบัติภารกิจที่บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ
 โดยขี่รถจักรยานยนต์ไปกับเพื่อนร่วมทีมหลายคันตามกันไป แต่การปฏิบัติงานครั้งนี้ถือว่าลำบากมากเนื่องจากฝนตกลงมาเป็นจำนวนมาก ถือเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติงาน และมองไม่เห็นว่าสถานการณ์ข้างหน้าเป็นอย่างไร
 ก่อนออกไปปฏิบัติภารกิจดังกล่าว เพื่อนผม (พลทหารณรงค์ฤทธิ์) ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นลางบอกเหตุ และก็ไม่ได้มีการพูดอะไรกันมาก เพียงแต่ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าภารกิจข้างหน้าคืออะไร และควรทำอย่างไร เพื่อให้สถานการณ์เกิดความเรียบร้อยไม่ให้ลุกลาม
  แต่ในระหว่างที่ผมขี่จักรยานยนต์มาถึงที่เกิดขึ้น ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นประมาณ 4-5 นัด แต่ก็ไม่รู้ว่ากระสุนปืนดังมาจากทิศทางไหน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใต้ทางด่วนโทลล์เวย์ทำให้เสียงมันก้องมาก ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
 โดยสัญชาตญาณที่ได้ฝึกฝนมา เมื่อได้ยินเสียงปืนก็ได้ล้มรถจักรยานยนต์ และพยายามคลานเข้าหาที่กำบังให้โดยเร็วที่สุด ซึ่งวันนั้นกำบังที่ดีที่สุดคือรถที่จอดติดอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
 ได้ยินพลทหารณรงค์ฤทธิ์บอกกับผมว่า “เขายิงเราแล้ว” ซึ่งถือว่าคำพูดครั้งสุดท้ายที่ผมได้ยินเสียง
 จึงพยายามประคับประคองเพื่อนช่วยกันนำออกจากพื้นที่ ในความรู้สึกตอนนั้นคิดว่าต้องช่วยเพื่อนให้ได้ แต่ท้ายสุดก็ช่วยเพื่อนไม่ได้
 "ผมรู้สึกเสียใจมาก เพราะไม่คิดว่าเพื่อนที่นั่งซ้อนท้ายมาด้วยกันจะเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะมาเกิดขึ้น เพราะมันเร็วและตกใจกับเหตุการณ์ จากนั้นได้เรียกบรรดาเพื่อนที่ขี่จักรยานยนต์มาด้วยกันช่วยพยุงพลทหารณรงค์ฤทธิ์ออกจากพื้นที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุด"
 พลทหารพงษ์ระวี กล่าวว่า หลังจากที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายงาน ต้องทำงานร่วมกันและเจอกับเพื่อนคนนี้ทุกวัน จนกลายเป็นคู่หูในการออกปฏิบัติหน้าที่ โดยนิสัยส่วนตัวเขาเป็นคนนิสัยร่าเริง อารมณ์ดี และมีน้ำใจกับเพื่อนๆ เสมอ ไม่คิดว่าเพื่อนจะมาเสียชีวิต ต่อไปนี้คงไม่เจอกับเพื่อนคนนี้เหมือนเช่นทุกวันแล้ว
 ทั้งนี้การออกปฏิบัติภารกิจก็ไม่ได้มีอะไรเป็นเครื่องลางของขลัง เพียงแต่ยึดมั่นในเรื่องการทำงานให้ดีที่สุดเท่านั้น
 หลังจากเกิดเหตุการณ์มาได้ระยะหนึ่ง ก็ทำให้สภาพจิตใจดีขึ้น และตอนนี้ใจสู้เต็มร้อยแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด ทั้งนี้บทเรียนที่ผ่านมาหาซื้อไม่ได้ และเทียบไม่ได้
 เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเฉียดตายกับผมมาก เพราะถ้าไม่ใช่เพื่อนผม ก็คงจะเป็นตัวผมเอง
 นับจากนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าแรงมาก เพราะไม่ได้มีการเตรียมตัวล่วงหน้า ดังนั้นไม่ว่าการจะปฏิบัติงานอย่างไรจะต้องอยู่บนพื้นฐานอย่าประมาท และจะต้องระมัดระวัง
 “ผมอยากบอกเพื่อนให้ทำหน้าที่ในการปฏิบัติภารกิจต่อไป และตั้งใจให้เต็มที่ เพราะเราเป็นทหารจะต้องช่วยกันปกป้องบ้านเมืองให้เกิดความเรียบร้อย ทั้งนี้ไม่ว่าผมหรือเพื่อนๆ ตอนนี้ใจเต็มร้อยกันทุกคน และพร้อมที่จะปฏิบัติงานทุกเมื่อเมื่อได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา เพื่อให้ภารกิจของประเทศชาติลุล่วงไปด้วยดี
 พลทหารพงษ์ระวี กล่าวทิ้งทายว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ได้โทรศัพท์พูดคุยกับพ่อและแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด และเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟัง ซึ่งท่านก็ให้ระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ อย่าทำงานอย่างประมาท และนำบทเรียนที่เกิดขึ้นมาปรับใช้ให้ดี
 ทั้งนี้พรที่พ่อแม่ให้มาถือเป็นพรวิเศษที่สุดในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมยืนยันว่า กำลังใจเต็มร้อย จะไม่ท้อ และพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุด
 ขณะที่ พ.ท.สิทธิพร จุลปานะ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 9 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการสูญเสียอีกครั้งหนึ่งของกองทัพ แต่การปฏิบัติหน้าที่ของทหารก็จะต้องปฏิบัติกันต่อไปเพื่อประเทศชาติ
 ชุดลาดตระเวนของกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 9 ได้จัดภารกิจบริเวณหลักสี่ โดยมีชุดลาดเวนเคลื่อนที่เร็วจำนวน 1 ชุด หรือ 55 คัน ซึ่งการปฏิบัติงานแต่ละครั้งถือว่ามีความพร้อมเพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุขเหมือนเดิม
  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุสุดวิสัย แต่ก็ไม่ทราบว่ากระสุนปืนมาจากที่ใด และเสียงปืนที่ยิงมาก็ก้อง เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นบริเวณใต้ทางด่วนโทลล์เวย์ จึงไม่รู้ว่าเสียงปืนดังมาจากทางไหนบ้าง
 “กำลังพลเข้าใจดีต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่ากองทัพจะต้องสูญเสียกำลังพลในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ไป แต่เราก็จะยังเดินหน้าในการแก้ไขสถานการณ์ให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข กำลังพลทุกนายยังมีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ไม่มีใครหวาดกลัวอะไร ทุกอย่างสามารถเกิดการสูญเสียได้ ทั้งนี้จะเอาบทเรียนที่ได้รับมาปรับในการปฏิบัติงานให้รอบคอบมากกว่า ซึ่งเหตุการณ์ในวันดังกล่าวถือว่ามีอุปสรรคในเรื่องฝนฟ้าที่ตกลงมาเป็นจำนวนมาก การติดต่อสื่อสารก็ติดต่อลำบาก”
 หลังจากกองทัพต้องสูญเสียกำลังพลต่อการปฏิบัติหน้าที่ไป เราก็ไม่ท้อ และยังสามารถตอบโจทย์ให้กำลังพลในการเดินหน้าเพื่อประเทศชาติต่อไป และทุกคนก็ยินดีที่จะทำเพื่อประเทศชาติ และพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไป แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ต้องบอกว่าเสียใจ โดยเฉพาะตนในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง แต่ทุกอย่างก็ต้องเดินต่อไป และปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด
ปัญญา ทิ้วสังวาลย์








ข่าวที่เกี่ยวข้องศพทหารเหยื่อปะทะ28เม.ย.ถึงบ้านเกิดรับสมเกียรติสุเทพอุบวาระถกครม.นัดพิเศษปัดใช้กฎอัยการศึกรพ.จุฬาย้ายคนไข้หนีแดงช็อกยื้อชีวิต ศอฉ.แถลงทหารดับ1โชว์ยึดM79เพียบ

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive