Tuesday, January 22, 2013

อนาคตการเมืองชาติไทยพัฒนาไม่ง่าย

อนาคตการเมืองชาติไทยพัฒนาไม่ง่าย
                 การถึงแก่อสัญกรรมของ "ชุมพล ศิลปอาชา" หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่อเที่ยวและกีฬา แม้จะไม่เหนือความคาดหมาย เนื่องจากอาการป่วยหนัก แต่การจากไปก็สร้างความเศร้าสลดเสียใจให้แก่คนรู้จักไม่น้อย                 เนื่องจาก "ชุมพล" สร้างคุณงามความดีมาไม่น้อยโดยเฉพาะจากการเป็นแกนนำปฏิรูปการเมืองเมื่อปี 2538                 แต่นาทีนี้คนที่น่าจะหนักใจที่สุดคือ "บรรหาร ศิลปอาชา" ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะตัวจริง เพราะนอกจากจะเสียน้องชายอันเป็นที่รักแล้ว ยังทำให้สถานการณ์ทางการเมืองของพรรคชาติไทยพัฒนาลำบากอยู่ไม่น้อย                 ปัญหาอันน่าหนักใจเริ่มมาจากการที่ตำแหน่ง "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา" ซึ่งเป็นโควตาในมือของพรรคมาเป็นเวลานานว่างลง                 และที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าการทำงานสไตล์ "หลงจู๊" ไม่เคยเปลี่ยนไป เมื่อเขาจะเลือกคนที่ไว้ใจได้ สายตรงเท่านั้นมาทำงาน และที่สำคัญต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ "บรรหาร"                 ที่ผ่านมากระทรวงการท่องเที่ยวฯ ไม่น่าห่วง เพราะอย่างไรก็อยู่ในมือน้องชายอย่าง "ชุมพล"                 ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แม้จะเปลี่ยนรัฐมนตรีมาสองคนคือ "ธีระ วงศ์สมุทร" และ "ยุคล ลิ้มแหลมทอง" แต่ก็ถือเป็นเด็กสายตรง โดยมี "บรรหาร" คอยควบคุมการทำงานอีกครั้งหนึ่ง                 แต่มาวันนี้ต้องยอมรับว่าคนสายตรงของ "บรรหาร" เหลือน้อยลงเรื่อยๆ เพราะปีกของเขาไม่ได้สยายกว้างเหมือนวันที่เรืองอำนาจแม้ "ทักษิณ ชินวัตร" จะเกรงใจในไมตรีที่เคยมีให้กันอยู่ไม่น้อยก็ตาม                 แต่ตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงเศรษฐกิจที่ทำเงินและชื่อเสียงอย่างเรื่องการท่องเที่ยวนั้นใช่ว่าจะเอาใครก็ได้มาทำงาน เพราะวันนี้การท่องเที่ยวกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนคนใน "เพื่อไทย" หลายคนอยากดึงมาดูแลด้วยตัวเอง และแลกเปลี่ยนโควตาในกระทรวงระดับเดียวกันให้ พรรคชาติไทยพัฒนาดูแลแทน                 มิพักต้องพูดถึง "พรรคพลังชล" ที่ "สนธยา คุณปลื้ม" ก็แสดงออกว่าไม่ถนัดกับการนั่งเก้าอี้เจ้ากระทรวง "วัฒนธรรม" จนกระทั่งมีกระแสข่าวมาว่า ได้ดอดไปพบเจ้าของพรรคตัวจริงเสียงจริงในต่างแดน                 แน่นอนว่า "บรรหาร" ย่อมไม่สบายใจเพราะกระทรวงระดับนี้การเก็บไว้กับตัวเองหมายถึงหลายๆ อย่างไม่ใช่เฉพาะศักดิ์ศรีเท่านั้น                 แต่ใครเล่าจะมาแทน และใครเล่าที่เขาจะวางใจได้ เอาแค่ในพรรค วันนี้คนที่จะเลื่อนขึ้นมาแทนตำแหน่ง ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อคือ "ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์"                 หากจะดัน "ประดิษฐ์" ไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีเรื่องชื่อชั้น ฝีมือไม่มีปัญหา แต่อย่างที่รู้ว่า "ประดิษฐ์" ไม่ใช่สายตรงเพราะเขามากับ "พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์" เขาพร้อมที่จะยอมนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ แต่ต้องไม่มี "บรรหาร" มาคอยสั่งการ                 เป็นเรื่องที่รู้กันดีว่า หลายคนที่มารวมที่พรรคชาติไทยพัฒนา เหมือนกับมาหาที่พึ่งพิงชั่วคราวก่อนที่จะฉีกหนีออกไป และแน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ฟังคำสั่ง "บรรหาร" แม้หลายคนจะยังปากแข็งว่าเต็มใจอยู่ด้วยกันและทำตามหัวหน้า                 "ประดิษฐ์" ก็เป็นหนึ่งในนั้น และวันนี้เขารู้ดีว่าอำนาจต่อรองเริ่มกลับมาอยู่กับตัวแล้ว หากไม่ได้ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องรีบ                 แต่ครั้นจะกลับมาใช้คนนอกที่วางใจ แม้จะพอมองเห็น แต่ชื่อชั้นนั้นยังต้องตั้งคำถามเพราะวันนี้มีชื่อทั้ง "สมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์" อดีตผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี หรือ "สมบัติ คุรุพันธ์" อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และปัจจุบันนั่งในตำแหน่ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และ "สุวัตร สิทธิหล่อ" ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ คนปัจจุบัน                 ทั้งหมดยังต้องตั้งคำถามว่าผ่านคุณสมบัติเก้าอี้ที่หลายฝ่ายอยากได้หรือไม่ หรืออ่อนด้อยเพียงพอจะให้โจมตีหรือไม่ ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ต้องหนักใจอย่างยิ่ง                 แต่ครั้นจะลงเล่นเองก็จนใจ เพราะยังติดโทษเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง จากการถูกยุบพรรคเป็นเวลาห้าปี กว่าจะครบกำหนดก็ต้องวันที่ 3 ธันวาคม 2556 ยังเหลืออีกเกือบหนึ่งปี และผลจากการยุบพรรคครั้งนั้น ไม่ใช่เฉพาะ "บรรหาร" เท่านั้นที่ต้องโทษทางการเมือง หากแต่รวมถึงลูกๆ อีกด้วย จึงทำให้วันนี้เขาดูเดียวดายยิ่งนัก                 ครั้นจะให้ "ยุคล" ถ่างขาควบไปเรื่อยๆ รอวันพ้นโทษก็ดูจะเป็นภาระที่หนักเกินไปเพราะลำพังกระทรวงเกษตรฯ ที่เขาดูแลอยู่ก็มีงานมากมายมหาศาลอยู่แล้ว                 งานนี้การเก็บรักษา "กระทรวงการท่องเที่ยวฯ" ไว้ในมือจึงเป็นเรื่องยาก และไม่แปลกที่ "บรรหาร" จะต้องลงทุนลงแรงไปเจรจาถึงต่างแดนด้วยตัวเองด้วยหวังน้ำจิตน้ำใจในฐานะที่อยู่ด้วยกันมาแทบทุกสถานการณ์ เพราะสภาพการต่อรองในรัฐบาลวันนี้พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ได้มีแต้มต่อหรือเสียงดังเหมือนที่ผ่านๆ มา                 การเจรจาจึงหวังจะให้คนไกลยอมด้วยหวังว่าจะลากยาวเพื่อรอวันตัวจริงกลับมา แต่ดูแล้วก็เป็นเรื่องยากเสียเหลือเกิน เพราะเวลาเช่นว่านั้นนานเกินไป และกระทรวงนี้ไม่ใช่กระทรวงธรรมดาเหมือนที่ผ่านๆ มาอีกแล้ว หลังถูกจ้องตาเป็นมัน                 หากเกมรักษาเก้าอี้ในครั้งนี้ พรรคชาติไทยพัฒนาพ่ายแพ้ ก็เชื่อขนมกินได้เลยว่าพรรคจะเล็กลงไปอีก และมีคนกระโดดหนีออกไปเรื่อยๆ และวันนั้น แม้ถึงเวลาที่ "มังกรการเมือง" แต่ก็ใช่ว่าจะคืนชีพได้ง่าย

No comments:

Post a Comment

Blog Archive