Thursday, November 29, 2012

มาร์คจี้นายกฯ เร่งหาเจ้าภาพแก้ไฟใต้

มาร์คจี้นายกฯ เร่งหาเจ้าภาพแก้ไฟใต้
“มาร์ค” จี้นายกฯ เร่งหาเจ้าภาพดูไฟใต้คุโชน จวกรัฐแก้เหมือนลอยแพคน 3 จังหวัดชายแดนใต้ แนะเลื่อนวิทยฐานะ-เพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัย สร้างขวัญกำลังใจ...นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวรายการ ฟ้าวันใหม่ ทางบลูสกายแชลแนล ถึงสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่สมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประชุมเพื่อปิดการเรียนการสอนโรงเรียน 300 กว่าแห่ง ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหม่ แต่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ต้องพยายามหาวิธีการ และปรับแผนตลอดเวลา เพราะครูและข้าราชการในพื้นที่เป็นเป้าของผู้ก่อความไม่สงบ ตนมองว่าการเข้าไปของภาครัฐ เพื่อที่จะหามาตรการป้องกันร่วมกับครูในพื้นที่ทำค่อนข้างช้า ทั้งที่มีข่าวมาระยะหนึ่งแล้ว แต่กลับไม่มีการออกมาตรการ หรือการพูดคุยเพื่อหาทางออก จึงเป็นปัญหาอยู่ รวมถึงการแก้ปัญหาที่ขาดความเป็นเอกภาพและประสิทธิภาพ ซึ่งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ก็มีการพูดถึงจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีสาระสำคัญชัดเจน แต่ รมว.กลาโหม กลับชี้แจงว่า จะปรับเป็นยุทธศาสตร์เชิงรุกมากขึ้น ทั้งที่งานในเชิงรับคือ การคุ้มครองครู ยังเป็นปัญหาจึงทำให้มีความสับสนอยู่ ซ้ำยังมีความไม่ชัดเจนว่า มอบหมายใครรับผิดชอบส่วนไหน มาตรการคืออะไร จึงทำให้คนในพื้นที่มีความรู้สึกว่าถูกลอยแพ นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งหลักที่จะต้องทำคือ ต้องมีการหารือพบปะโดยเร็วที่สุด เพื่อหามาตรการรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจจะมีประเด็นในเชิงนโยบาย ที่อาจจะต้องสนับสนุนกำลังพล งบประมาณ หรือกฎระเบียบต่างๆ ต้องย้อนกลับมาที่ฝ่ายนโยบาย เวลามีประเด็นในเชิงนโยบายก็ต้องพูดคุยกับฝ่ายนโยบายโดยเร็วที่สุด ซึ่งตนเคยเสนอว่าอยากให้มีรัฐมนตรี 1 คน ที่ลงไปในพื้นที่เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบ แต่รัฐบาลก็ยังไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ เมื่อถามว่าการที่รัฐบาลไม่รับข้อเสนอของฝ่ายค้านจะเกี่ยวกับเรื่องของหน้าตารัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่อยากจะเชื่ออย่างนั้น และไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าตา แต่เหมือนลอยแพ หรือไม่ใส่ใจมากกว่า ซึ่งเป็นปัญหาที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ซึ่งปัญหาขณะนี้ของนายกฯ คือ การไม่มีการติดตามประเมินผลอะไรทั้งสิ้นในทุกเรื่อง ส่วนกรณีที่จะให้มีการเลื่อนวิทยฐานะในพื้นที่เป็นพิเศษ รวมถึงการเพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัยให้ครูในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยในเรื่องขวัญกำลังใจ แต่ประเด็นเรื่องความปลอดภัย การคุ้มครอง การดูแลเป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะไม่สามารถหยิบเฉพาะเรื่องขวัญกำลังใจมาทดแทนในแง่ความปลอดภัยได้ ซึ่งต้องมีการทำควบคู่กันไป.

No comments:

Post a Comment

Blog Archive