Wednesday, October 31, 2012

ผู้ป่วยโรคบวมน้ำเหลือง เฮ! ศาลปกครองฯสั่งรับฟ้องคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล

ผู้ป่วยโรคบวมน้ำเหลือง เฮ! ศาลปกครองฯสั่งรับฟ้องคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล
Pic_302765
ผู้ ป่วยโรคบวมน้ำเหลือง เฮ! ศาลปกครองสูงสุด สั่งให้ศาลปกครองกลางรับพิจารณาคดีฟ้องคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล กรณียกเลิกโครงการรักษาด้วยวิธีภูษาบำบัดฯ ต่อไป
วันที่ 31 ต.ค. ศาลปกครองสูงสุด โดยนายสุชาติ มงคลเลิศลพ ตุลาการเจ้าของสำนวนและองค์คณะ มีคำสั่งที่ 499/2555 กลับคำสั่งศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2555 ที่สั่งเพิกถอนกระบวนการพิจารณาคดีผู้ป่วยบวมน้ำเหลืองฟ้องคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล กรณียกเลิกโครงการรักษาด้วยวิธีภูษาบำบัดฯ

เหตุคำสั่ง ม.มหิดล เป็นคำสั่งภายใน เนื่องเห็นว่า นางสมจิต วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13 คน ซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคบวมน้ำเหลืองที่รักษาอาการโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ในโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัด และขันชะเนาะ ฟ้อง คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล กรณีออกประกาศยุบเลิกโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขัน ชะเนาะ ผู้ฟ้องไม่ใช่ผู้เดือดร้อนเสียหาย อีกทั้งโรคบวมเหลืองยังใช้วิธีอื่นรักษาได้ โดยให้รับคำฟ้องไว้พิจารณาและดำเนินกระบวนการพิจารณาตามรูปคดีต่อไป
ทั้งนี้คดีดังกล่าว นางสมจิตและพวกได้ยื่นฟ้องต่อศาลฯเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2554 และศาลก็ได้มีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณาไปแล้ว เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2554 จากนั้นก็ดำเนินกระบวนการพิจารณา โดยในวันที่ 15 ธ.ค. 2554ได้มีการนัดไต่สวนคู่กรณี เพื่อพิจารณาคำขอทุเลาการบังคับใช้ประกาศยุบเลิกโครงการฯก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา ของนางสมจิตและพวก แต่ต่อมาวันที่ 6 ม.ค.2555 ศาลก็กลับมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องคดีนี้ และสั่งเพิกถอนกระบวนการพิจารณาในชั้นรับคำฟ้องก่อนหน้านี้ทั้งหมดด้วย
ทั้ง นี้ ศาลปกครองสูงสุด พิจารณาแล้วเห็นว่า มีการจัดตั้งโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล โดยทางโรงพยาบาล ได้เปิดโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ นางสมจิต วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13 คนเป็นผู้ป่วยโรคบวมน้ำเหลืองที่รักษาอาการด้วยวิธีการดังกล่าว ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน และอยู่ระหว่างการรักษาซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง การยุบเลิกโครงการทำให้นางสมจิต วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13 คน ไม่สามารถรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะได้อีกต่อไป แม้ว่า การรักษาโรคบวมน้ำเหลืองจะสามารถรักษาด้วยวิธีการอื่นได้ แต่การตัดสินใจว่า จะรักษาด้วยวิธีการใดเป็นสิทธิของผู้ป่วยที่แพทยสภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภา และคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะได้ร่วมกันออกประกาศรับรองสิทธิดัง กล่าวไว้
นอกจากนี้ การรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ ไม่ปรากฏว่ามีโรงพยาบาลใดรักษาด้วยวิธีการดังกล่าว นอกจากโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เมื่อนางสมจิต วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13 คน เลือกที่จะรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน แต่ไม่อาจรักษาด้วยวิธีการดังกล่าวได้ เนื่องจากคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล ประกาศยุบเลิกโครงการ นางสมจิต วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13 คนจึงเป็นผู้ที่เดือดร้อนเสียหาย โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ จากการกระทำของคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล อีกทั้งในข้อเท็จจริงไม่ปรากฏเหตุอื่น ที่จะมีผลให้คำฟ้องคดีไม่สมบูรณ์ครบถ้วน
การฟ้องคดีนี้จึงเป็นไปตามเงื่อนไข การฟ้องคดีตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542  ดัง นั้นการที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาในชั้นการรับคำฟ้องไว้พิจารณา รวมถึงกระบวนพิจารณาในภายหลังทั้งหมด และมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ และมีคำสั่งไม่รับคำขอวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาของนางสมจิต วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13 คน ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองกลาง โดยให้รับคำฟ้องไว้พิจารณาและดำเนินกระบวนการพิจารณาตามรูปคดีต่อไป

No comments:

Post a Comment

Blog Archive