ผู้ป่วยโรคบวมน้ำเหลือง เฮ! ศาลปกครองฯสั่งรับฟ้องคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล
ผู้
ป่วยโรคบวมน้ำเหลือง เฮ! ศาลปกครองสูงสุด
สั่งให้ศาลปกครองกลางรับพิจารณาคดีฟ้องคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล
กรณียกเลิกโครงการรักษาด้วยวิธีภูษาบำบัดฯ ต่อไป
วันที่ 31 ต.ค. ศาลปกครองสูงสุด โดยนายสุชาติ มงคลเลิศลพ ตุลาการเจ้าของสำนวนและองค์คณะ มีคำสั่งที่ 499/2555 กลับคำสั่งศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2555 ที่สั่งเพิกถอนกระบวนการพิจารณาคดีผู้ป่วยบวมน้ำเหลืองฟ้องคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล กรณียกเลิกโครงการรักษาด้วยวิธีภูษาบำบัดฯ
เหตุคำสั่ง ม.มหิดล เป็นคำสั่งภายใน เนื่องเห็นว่า นางสมจิต วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13
คน ซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคบวมน้ำเหลืองที่รักษาอาการโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน
คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล
ในโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัด และขันชะเนาะ ฟ้อง
คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล
กรณีออกประกาศยุบเลิกโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขัน
ชะเนาะ ผู้ฟ้องไม่ใช่ผู้เดือดร้อนเสียหาย
อีกทั้งโรคบวมเหลืองยังใช้วิธีอื่นรักษาได้ โดยให้รับคำฟ้องไว้พิจารณาและดำเนินกระบวนการพิจารณาตามรูปคดีต่อไป
ทั้งนี้คดีดังกล่าว นางสมจิตและพวกได้ยื่นฟ้องต่อศาลฯเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2554 และศาลก็ได้มีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณาไปแล้ว เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2554 จากนั้นก็ดำเนินกระบวนการพิจารณา โดยในวันที่ 15 ธ.ค. 2554ได้มีการนัดไต่สวนคู่กรณี เพื่อพิจารณาคำขอทุเลาการบังคับใช้ประกาศยุบเลิกโครงการฯก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา ของนางสมจิตและพวก แต่ต่อมาวันที่ 6 ม.ค.2555 ศาลก็กลับมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องคดีนี้ และสั่งเพิกถอนกระบวนการพิจารณาในชั้นรับคำฟ้องก่อนหน้านี้ทั้งหมดด้วย
ทั้ง
นี้ ศาลปกครองสูงสุด พิจารณาแล้วเห็นว่า
มีการจัดตั้งโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน
มหาวิทยาลัยมหิดล โดยทางโรงพยาบาล
ได้เปิดโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ นางสมจิต
วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13
คนเป็นผู้ป่วยโรคบวมน้ำเหลืองที่รักษาอาการด้วยวิธีการดังกล่าว
ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน
และอยู่ระหว่างการรักษาซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
การยุบเลิกโครงการทำให้นางสมจิต วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13
คน
ไม่สามารถรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะได้อีกต่อไป
แม้ว่า การรักษาโรคบวมน้ำเหลืองจะสามารถรักษาด้วยวิธีการอื่นได้
แต่การตัดสินใจว่า จะรักษาด้วยวิธีการใดเป็นสิทธิของผู้ป่วยที่แพทยสภา
สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภา
และคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะได้ร่วมกันออกประกาศรับรองสิทธิดัง
กล่าวไว้
นอกจากนี้
การรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ
ไม่ปรากฏว่ามีโรงพยาบาลใดรักษาด้วยวิธีการดังกล่าว
นอกจากโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เมื่อนางสมจิต วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13
คน เลือกที่จะรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ
ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน แต่ไม่อาจรักษาด้วยวิธีการดังกล่าวได้ เนื่องจากคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล ประกาศยุบเลิกโครงการ นางสมจิต วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13
คนจึงเป็นผู้ที่เดือดร้อนเสียหาย โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้
จากการกระทำของคณะเวชศาสตร์ ม.มหิดล อีกทั้งในข้อเท็จจริงไม่ปรากฏเหตุอื่น
ที่จะมีผลให้คำฟ้องคดีไม่สมบูรณ์ครบถ้วน
การฟ้องคดีนี้จึงเป็นไปตามเงื่อนไข การฟ้องคดีตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ดัง
นั้นการที่ศาลปกครองกลาง
มีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาในชั้นการรับคำฟ้องไว้พิจารณา
รวมถึงกระบวนพิจารณาในภายหลังทั้งหมด
และมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
และมีคำสั่งไม่รับคำขอวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาของนางสมจิต วัชราเกียรติ
กับพวกรวม 13 คน ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย
จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองกลาง
โดยให้รับคำฟ้องไว้พิจารณาและดำเนินกระบวนการพิจารณาตามรูปคดีต่อไป
No comments:
Post a Comment