Thursday, May 20, 2010

ศอฉ. รับ กลุ่มก่อการร้ายยังฝังตัวราชประสงค์

ศอฉ. รับ กลุ่มก่อการร้ายยังฝังตัวราชประสงค์

ศอฉ. เผยกลุ่มคนร้ายอิสระเผาวอด 39 แห่ง ลั่นทหาร-ตร. 112 กองร้อย พร้อมเคลียร์ ก่อการร้าย รอบราชประสงค์ เชื่อยังเหลือก่อการร้ายฝังตัวในพื้นที่ พร้อมสั่งตำรวจล่าตัว “กี้ร์-แรมโบ้”เข้าคุก...พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. แถลงข่าวถึงความพยายามสร้างสถานการณ์ทั้งในเขตพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งในพื้นที่ต่างจังหวัดทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความพยายามสร้างสถานการณ์โดยตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเผายางรถยนต์บริเวณสถานหน้าที่สำคัญต่าง ๆ รวมถึงการทุบทำลายตู้เอทีเอ็ม เพื่อที่จะโจรกรรม แต่อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบกับทางผู้ว่าราชการจังหวัด และ แม่ทัพภาค ข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ในภาพรวมไว้เรียบร้อย และสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้จำนวนหนึ่ง สำหรับเขตพื้นที่ กทม. ที่ได้เข้ากดดันพื้นที่การชุมนุมตลอดจนกระทั้งเมื่อคืนที่ผ่านมา ก็มีความพยายามในการสร้างสถานการณ์การเผ่าวางเพลิงเพื่อทำลายทรัพย์สินของทางราชการ อาคารพาณิชย์ สถานีโทรทัศน์ จำนวน 39 แห่ง ทั้งนี้หลายพื้นที่สามารถควบคุมเพลิง และยุติการก่อเหตุได้ แต่บางพื้นที่ก็ปฏิบัติการไม่ได้เต็มที่เนื่องจากมีกลุ่มก่อการร้ายมีอาวุธสงครามที่ร้ายแรงคอยซุ่มลอบยิงเจ้าหน้าที่ในระหว่างแก้ไขสถานการณ์ตลอดเวลา พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า มีความลอบทำร้ายประชาชนเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ในเขตวัดปทุมวนาราม จากการตรวจสอบจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีผู้ที่พักหลบภัยประมาณ 5 พันคน ขณะนี้ได้ทยอยประชาชนออกไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินกรรมาวิธีในการบันทึกข้อมูล และมีการขัดแยกตามสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เพื่อพิจารณาตามข้อกฎหมาย และส่งตัวกับภูมิลำเนา แต่สิ่งที่น่าสลดใจคือความพยายามในการทำร้ายประชาชนกลุ่มนี้ ทั้งนี้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม แจ้งให้ทราบว่า จากการตรวจสอบในพื้นที่พบศพผู้เสียชีวิต 6 ศพ อยู่ในเต็นท์กาชาด โดยมีผู้ลอบยิงอาวุธสงครามมายังประชาชนในขณะที่ประชาชนจะเดินออกจากพื้นที่วัดปทุมวนาราม ผ่านแยกปทุมวัน เพื่อไปทางสนามกีฬาศุภชลาศัย ตามที่เจ้าหน้าที่ได้ประกาศเพื่อให้ประชาชนได้กลับบ้าน โดยช่วงเวลาประมาณ 17.00-18.00 น. สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ว่าเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้เลย มีเพียงเจ้าหน้าที่กาชาด กทม. และ ส่วนอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่เข้าไปช่วยดูแล ทั้งนี้ ศอฉ.ยืนยันตลอดว่าเจ้าหน้าที่ไม่ความประสงค์ทำร้ายประชาชนที่ไม่มีอาวุธ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า การปฏิบัติการของ ศอฉ.ใช้กำลังทหาร ตำรวจ ทั้งสิ้น 112 กองร้อย ในการที่จะกดดันพื้นที่การชุมนุม และควบคุมแกนนำ ทั้งนี้หากเราตั้งใจที่จะทำร้ายประชาชนยอดจำนวนผู้บาดเจ็บ และ เสียชีวิตจะสูงกว่านี้มากนัก แม้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตประมาณ 7 คน แต่ก็ถือว่าสูญเสียมาก ซึ่งเราจะต้องเยียวยากันต่อไป ตรงนี้ภาครัฐทุกส่วน และ ศอฉ. พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์เพื่อเครื่องยืนยันบริสุทธิ์ของเจ้าหน้าที่ว่าไม่ได้ก่อเหตุ แม้ว่าจะมีประชาชนในพื้นที่วัดปทุมวนารามจะเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจจะกระทำการในลักษณะแบบนี้ แต่ได้มีการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าไม่มีใครเห็น เพียงแต่เข้าใจเอาเองว่าจะเกิดแบบนี้ และในส่วนนี้ยืนยันอีกครั้งว่า เจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่าย และ ศอฉ.พร้อมให้ความยุติธรรมด้วยกระบวนการตรวจสอบทุกอย่างที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นนิติวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ประเด็นการสร้างสถานการณ์วางเพลิง เผาทรัพย์ ก่อเหตุความวุ่นวายไปทั่วสถานีโทรทัศน์ หรือสื่อมวลชนหลายแขนง ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารของรัฐ รวมทั้งอาคารห้างสรรพสินค้าทั้งหลาย ส่วนหนึ่งจะเป็นการโกรธแค้นของกลุ่มผู้ชุมนุม และมีการฉกฉวยโอกาสของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่จะสร้างสถานการณ์เพื่อลักทรัพย์ขโมยทรัพย์ แต่ส่วนหนึ่งยืนยันได้คือการดำเนินการอย่างมีแผน และมีระบบ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมีการชุมนุมราชประสงค์ ได้มีการชุมนุมในพื้นที่ต่างจังหวัด และมีแกนนำบางท่านที่ได้เจรจาปราศรัยบนเวทีอย่างชัดเจนว่า มีการยุยงให้เกิดการเผาทำลายทรัพย์ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ และพร้อมที่จะรับผิดชอบถ้าเกิดเหตุการณ์เหล่านั้น ทั้งนี้สิ่งที่พูดสามารถพิสูจน์ให้เข้าใจได้อย่างท่องแท้ จากนั้น พ.อ.สรรเสริญ ได้นำภาพคลิปวีดีโอเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงได้ปราศรัยกับคนเสื้อแดงในพื้นที่แห่งหนึ่งมาฉายให้สื่อมวลชนรับชม โดยนายณัฐวุฒิได้กล่าวว่า “พวกคุณยึดอำนาจพวกผม เผาทั่วประเทศ เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง แล้วถ้าใครจะจับมาจับผม” ส่วนหนึ่งที่เป็นเครื่องชี้ชัดได้เป็นอย่างดีคือเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจเข้ากดดันพื้นที่จนกระทั้งแกนนำยอมจำนนต่อสถานการณ์ ยอมจำนนต่อการกดดันของเจ้าหน้าที่ และได้ประกาศมอบตัว แต่เป็นการพยายามที่จะมอบตัวก่อนที่จะยุติการชุมนุมให้เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ โดยอาศัยอารมณ์โกรธแค้นของกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นหลักในการที่จะขยายผล แล้วมีคำพูดของแกนนำในลักษณะที่ทำนองที่ว่าต่อไปการเคลื่อนไหวขอให้เป็นไปอิสระ พ.อ.สรรเสริญ ระบุ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า เรื่องของการจับอาวุธสงคราม ซึ่งก่อนหน้านี้ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผช.ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าทีมในการที่จะเข้าไปตรวจค้นที่พักอาศัยบางแห่ง และสามารถตรวจยึดอาวุธสงคราม ระเบิด สิ่งเทียมอาวุธ ระเบิดแสวงเครื่องได้เป็นจำนวนมาก และเมื่อวานนี้ก็มีการจับวัตถุระเบิด และสิ่งเทียมอาวุธได้อีกจำนวนหนึ่ง แต่เราได้ชะลอในการแถลงข่าว โดยในบ่ายวันนี้จะมาแถลงรายละเอียดให้ทราบ ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผช.ผบ.ตร. ได้รายงานให้ที่ประชุม ศอฉ. ว่าในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปในพื้นที่อาคารเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อไปอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ชุดดับเพลิงแต่ก็ได้ถูกยิงต่อต้านจากกลุ่มชายชุดดำที่มีอาวุธสงคราม ประมาณ 2 ครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถบุกจับตัวได้ครั้งละ 4-5 คน ฉะนั้นในส่วนนี้ก็จะนำมาเรียนชี้แจงให้กับประชาชนได้รับทราบในเวลา 15.00 น. สำหรับการปฏิบัติงานของ ศอฉ.ในวันนี้นั้น ในส่วนของเจ้าหน้าที่ทหารจะดำเนินการในเรื่องการเข้าตรวจสอบรายละเอียดของพื้นที่ที่ยังเห็นว่าเป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยงต่ออันตรายโดยรอบแยกราชประสงค์ทางด้านฝั่งทิศตะวันตก จะไปจดบริเวณเซ็นทรัลเวิลด์ และทางฝั่งทิศตะวันออกประมาณแยกเพลินจิตด้านเหนือไปจนแยกประตู ด้านใต้ถึงแยกสารสิน เป็นพื้นที่เห็นว่ายังเป็นสุ่มเสี่ยง โดยจะตรวจสอบในพื้นที่โดยราบและ ขอเข้าตรวจค้นตามขั้นตอนกฎหมายในสถานที่ต่าง ๆ ที่เชื่อว่ายังเป็นที่หลบซ่อนของชายชุดดำ ที่มีอาวุธสงครามทำร้ายเจ้าหน้าที่และเผาทรัพย์ต่าง ๆ ขณะเดียวกันตำรวจจะอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนก่อนเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า การสร้างความเข้มแข็งในชุมชน ขณะนี้มีความพยายามสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่องเป็นต้น ดังนั้นชุมชนในพื้นที่ กทม. และ ต่างจังหวัดจะต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งข้อมูลให้กับฝ่ายราชการให้ได้รับทราบ อีกส่วนหนึ่งที่ ศอฉ.ได้มองเห็นความจำเป็นคือความเข้มแข็งของชุมชนเองที่จะต้องช่วยกันให้ความปลอดภัย ถ้าช่วยกันจะสามารถทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้ง่าย และเบาแรง เพื่อที่จะนำกำลังเจ้าหน้าที่ไปใช้ส่วนอื่น นอกจากนี้เรื่องสุดท้ายคือการประกาศห้ามออกนอกเคหะสถานในยามวิกาล ซึ่ง ศอฉ.ได้พิจารณานำเสนอรัฐบาลไปเมื่อเช้าว่า จะขอให้มีการประกาศพื้นที่ที่ห้ามออกนอกเคหะสถานในยามวิกาลต่ออีก 3 วันในพื้นที่เดิมที่ได้มีการประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ทั้ง 24 จังหวัด โดยจะมีการปรับเวลาจาก 2 ทุ่มของทุกวัน ไปจนถึง 6 โมงเช้า ก็จะขอปรับเวลาเป็น 3 ทุ่ม จนกระทั่งถึงตี 5 ของอีกวัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานได้สะดวกขึ้นส่วน คิดว่ามีกองกำลังเหลืออยู่ในพื้นที่หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ยังหลงเหลืออยู่ตามตึกและอาคารสูงหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นที่มีความเสี่ยงในราชประสงค์ ประตูน้ำ เซ็นทรัลเวิรล์ด เพลินจิต และแยกพระราม 4 บ่อนไก่ ซึ่งมีความพยายามสร้างสถานการณ์ตลอดทั้งคืน ซึ่งไม่มีตัวเลขชัดเจน เพราะส่วนหนึ่งปะปนในที่ชุมนุม ทั้งนี้ ต้องถามคนที่อยู่ในวัดปทุมวนาราม นอกจากนี้ กำลังติดอาวุธยังอยู่ในพื้นที่ล้มกรอบอยู่ ที่ปรากฎตัวชัดเจนมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ในช่วงกลางดึก อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุได้ว่ากลุ่มติดอาวุธได้รับบาดเจ็บหรือควบคุมตัวไปเท่าไหร่ ส่วนต่างจังหวัดที่ก่อเหตุร้ายเรามีภาพชัดเจนสามารถดำเนินคดีได้ ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีความคิดคล้อยตามกับกลุ่มราชประสงค์ เวลานี้เชื่อว่ามีการเคลื่อนไหวโดยอิสระจากฐานความคิดความชักจูงในระหว่างการชุมนุม ซึ่งจากข้อมูลมียอดผู้ชุมนุมในพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินมีประมาณ 13,000 คน และเชื่อว่ามีผู้ก่อการร้ายในต่างจังหวัดไม่ถึง 100 คนด้านความคืบหน้าในการติดตามตัว นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และนายสุพร อัตถาวงศ์ แกนนำ นปช. นั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ฟังที่ประชุม ศอฉ. เมื่อเช้ายังไม่พบตัว ซึ่งข่าวที่ว่าจับได้แล้วน่าจะเป็นข่าวลือ ทั้งนี้ เรากำชับทุกด่านที่เกี่ยวข้อง และหากประชาชนพบเห็นบุคคลที่มีหมายจับขอให้แจ้งข้อมูลเข้ามาที่ ศอฉ. ซึ่งการประกาศเคอร์ฟิวจำนวน 3 วัน หากเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เร็วก็จะสามารถยกเลิกประกาศเคอร์ฟิวได้ก่อนกำหนด ส่วนความจำเป็นที่ต้องมีคนแม่นปืนขณะนี้ ถือว่า มีความจำเป็นน้อยมาก เพราะพื้นที่การชุมนุมจบไปแล้ว อย่างไรก็ตามเรายังต้องมีชุดระวังป้องกันควบคู่กับกำลังทหารหลักที่เข้าไปเคลียร์พื้นที่สุ่มเสี่ยง เพื่อป้องกันการถูกลอบยิง สำหรับพื้นที่สุ่มเสี่ยงขณะนี้ คือ บ่อนไก่ และพื้นที่กรอบสี่เหลี่ยม เพลินจิต เซ็นทรัลเวิล์ด ประตูน้ำ สารสิน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการเร็วที่สุด ส่วนจะมีการดำเนินคดีกับกลุ่มลอบวางเพลิงหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เราจะดำเนินคดีกับผู้ที่มีภาพถ่ายชัดเจน รวมถึงแกนนำ ซึ่งเราจะให้ความยุติธรรมทุกฝ่ายตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ ส่วนฐานความผิดของแกนนำและผู้ก่อเหตุเป็นเรื่องของดีเอสไอที่จะดำเนินการ ทั้งนี้ เหตุการณ์วางเพลิงที่เกิดขึ้นไม่ใช่การเหนือความคาดหมายของ ศอฉ. แต่นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำใน ศอฉ. เช้าวันนี้ว่า ต่อไปสิ่งที่เราต้องระมัดระวังและดำเนินการเต็มที่ คือ ไม่พยายามที่จะขยายให้เกิดความรู้สึกขัดแย้งในประชาชน เพราะบ้านเมืองเราเดินมาถึงจุดที่หนักที่สุดวันนี้ และเมื่อผ่านไปแล้วก็เป็นห้วงเวลาที่เราต้องร่วมกันฟื้นฟูความรู้สึก ความมั่นใจ สำหรับตึกอาคารพาณิชย์ และธนาคารหลายสาขาที่ถูกเผารวมทั้งหมด 39 แห่งภายในกรุงเทพประกอบด้วย 1.คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 2.อาคารพาณิชย์ ชุมชนบ่อนไก่ 3ธนาคารกสิกรไทยซอยงามดูพลี 4.ห้างสยามพารากอน 5.อาคารเซ็นทรัลเวิร์ด 6.อาคารมาลีนนท์ 7.ธ.ออมสิน สามเหลี่ยมดินแดง 8การไฟฟ้าคลองเตย 9ใการประปาคลองเตย 10.ตลาดหลักทรัพย์ 11.ห้างโซโก้ ราชประสงค์ 12.โรงภาพยนตร์สยามและสกาล่า 13.หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ 14.ธ.กรุงเทพ สาขาอโศก 15.ธ.กรุงเทพ สาขาอนุสาวรีย์ 16.ธ.กรุงเทพ สาขาถนนจันทน์ 17.เซ็นเตอร์วัน 18.สยามสแควร์ 19.ธ.นครหลวงไทย(สยามสแควร์) 20.ธ.กรุงเทพ (สยามสแควร์) 21.ร้านค้า ซอย 5 และ 6 (สยามสแควร์) 22.อาคารมหาทุนเพลินจิต 23.ธ.กรุงเทพ สาขาพระราม 4 24.ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สามเหลี่ยมดินแดง 25.ธ.กรุงไทย ข้างโรงเรียนมาแตร์เดอี 26.ธ.กรุงไทย สาขาอโศก 27.ธ.กรุงเทพ สาขาบางจาก 28.ธ.ออมสิน สาขาสามเหลี่ยมดินแดง 29.ธ.กสิกรไทย งามดูพลี พระราม 4 30.ร้านโลตัส เอ็กซ์เพลส สาขาพระราม 4 31.ธ.กรุงเทพ สาขาสาธุประดิษฐ์ 32.ธ.กรุงเทพ สาขาถนนจันทร์ 33.ธ.กรุงเทพ สาขาสะพานเหลือง 35.ธ.นครหลวงไทย สาขาสามเหลี่ยมดินแดง 36.ธ.นครหลวงไทย สาขาสุนทรโกศา คลองเตย 35.ร้านเซ่เว่น อีเลฟเว่น บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ 37.ธ.กรุงเทพ สาขาหัวลำโพง 38.ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาประชาชื่น 39.ห้างบิ๊กซี สาขาราชดำริ


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive