Thursday, May 20, 2010

สุขุมพันธุ์เร่งเยียวยาเฉพาะหน้าทั้งกายใจ

สุขุมพันธุ์เร่งเยียวยาเฉพาะหน้าทั้งกายใจ



คมชัดลึก : "สุขุมพันธุ์"เร่งเยียวยาปัญหาเฉพาะหน้าทั้งทางกาย-จิตใจ เตือนปชช.เลี่ยงเข้า พท.ไฟไหม้ ส่ง จนท.สำรวจโครงสร้างสะพาน รถไฟฟ้าบีทีเอส หลังพบสถานีชิดลมระบบอาณัติสัญญาเสียหาย คาดอีก 2 วัน เปิดเดินรถได้ ด้านสายด่วน 1555 เริ่มเปิดบริการวันนี้ย้ายที่ทำการใหม่






(20พ.ค.) เวลา 10.00 น.ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานราชการ เพื่อหามาตรการดูแลความปลอดภัยและเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ผู้ก่อความไม่สงบเผาอาคาร ห้าง ร้านในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก โดยเปิดเผยภายหลังว่า ในเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ตนขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างมากและยอมรับว่ากทม.ทำงานได้ลำบากมาก เพราะมีอุปสรรค หลายอย่าง แม้ว่าจะมีความพร้อมในด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา รวมทั้ง มีเครือข่ายจากองค์กรต่าง ๆ ทั้ง จังหวัดปริมณฑล กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มท. รวมเจ้าหน้าที่ กว่า 1 , 200 คน ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ทันทีเพราะมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยทั้งสิ้น กว่าที่จะเข้าพื้นที่ได้ก็เกิดความเสียหายต่ออาคารไปเกือบหมดแล้ว โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิร์ลดพลาซ่า และย่านสยามสแควร์ ซึ่งในขณะนี้กทม.ไม่สามารถเข้าพื้นที่เพื่อตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารได้ เนื่องจากฝ่ายความมั่นคงยังไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่แต่อย่างใด ทั้งนี้หากกทม.สามารถเข้าพื้นที่และทำการตรวจสอบได้แล้ว จะมีการดำเนินการและประกาศให้ทราบอีกครั้ง
  ทั้งนี้ที่ประชุมยังให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของประชาชน และอาคารที่เกิดอัคคีภัย โดย กทม.เตรียมจะประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย ห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นที่ที่เกิดอัคคีภัย ระหว่างนี้กทม.กำลังดำเนินการสำรวจโครงสร้างความแข็งแรงของตัวสะพาน และโครงสร้างของรถไฟฟ้าบีทีเอส แต่ขณะนี้ที่สถานีชิดลมและศาลาแดง ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบความแข็งแรงได้ โดยเฉพาะที่สถานีชิดลมได้รับความเสียหายต่อระบบอาณัติสัญญาณ คาดว่าอาจจำเป็นต้องใช้เวลาถึง 2 วัน จึงจะสามารถเปิดระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสให้ทำงานได้ นอกจากนี้กทม.ยังได้รับการส่งมอบพื้นที่จากฝ่ายความมั่นคง 2 แห่งแล้ว คือที่หน้าลานอนุสาวรีย์ ร. 6 และสามเหลี่ยมดินแดง ซึ่งกทม.จะเร่งเข้าทำความสะอาดทันที
 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ส่วนการปิดให้บริการสายด่วน 1555 นั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่ต้องสั่งให้ระงับการให้บริการ เพราะช่วงที่ผ่านมาสายด่วน 1555 ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นที่พึ่งทางใจในการเป็นศูนย์ที่จะรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ให้กับประชาชน โดยในคืนก่อนมีประชาชนโทรศัพท์แจ้งข้อมูลมาถึง 7,000 กว่าสาย ทั้งนี้เชื่อว่าหากเมื่อคืนที่ผ่านมาสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติตลอด 24 ชั่วโมง อาจมีประชาชนโทรเข้ามาถึง 10,000 สาย สำหรับสาเหตุที่ตนต้องสั่งปิดให้บริการเนื่องจากมีคนโทรเข้าไปขู่จะเผาและวางระเบิดที่ทำการ 1555 ซึ่งในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่กะทันหันทำให้สามารถขอกำลังจากฝ่ายความมั่นคงให้เข้าไปดูแลได้ อย่างไรก็ตาม ในวันนี้สายด่วน 1555 จะกลับมาเปิดให้บริการเหมือนเดิม โดยจะย้ายที่ทำการไปที่อื่นแทน
 “ ถ้ามีการส่งมอบพื้นที่ทางใดเพิ่มเติม กทม.จะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ทำความสะอาดทันที เพราะไม่อยากให้มีพื้นที่ใดเป็นรอยแผลนานเกินควร เนื่องจากแผลในใจของประชาชน จะเป็นแผลเป็นไปอีกนาน และผมคิดว่าเหตุการณ์ 16 ตุลา 19 ยังไม่สามารถเทียบได้กับเหตุการณ์ 19 พ.ค. 53 ได้ เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้จะอยู่ในความทรงจำของประชาชนไปอีกนาน อาจถึงรุ่นลูกรุ่นหลานของเรา และตั้งแต่ตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นมาถือว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ทำให้ประชาชนคนกรุงเทพฯ เป็นอันตรายที่สุด ” ผู้ว่าฯกทม. ระบุ
 ผู้ว่าฯกทม. กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่สีแดง และสีเหลือง เท่าที่ติดตามสถานการณ์ตนยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีความปลอดภัยเพียงพอที่จะให้ประชาชนออกจากเคหะสถานได้หรือไม่ คงต้องให้ประชาชนใช้วิจารณญาณของตัวเอง เพราะการประกาศว่าพื้นที่ใดปลอดภัยหรือไม่ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง อย่างไรก็ตามตนได้สั่งการให้สำนักงานเขตในพื้นที่เข้าไปดูแลประชาชน ในด้านต่าง ๆ เช่น สิ่งของอุปโภคบริโภค
 นายถนอม อ่อนเกตุพล โฆษกกทม. กล่าวว่าสำหรับการประกาศเป็นพื้นที่อันตรายนั้นตามกฎหมาย หากพื้นที่ที่เกิดเพลิงไหม้เกิน 1 ไร่ การประกาศเป็นเขตอันตรายนั้นเป็นอำนาจของกระทรวงมหาดไทย แต่หากพื้นที่น้อยกว่า 1 ไร่ เป็นอำนาจของผู้อำนวยการเขตที่จะสั่งปิดประกาศ อย่างไรก็ตามขณะนี้ในหลายพื้นที่ที่เกิดเพลิงไหม้และเพลิงสงบแล้ว นายจุมพล สำเภาพล ผู้อำนวยการสำนักการโยธา และเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบอาคาร รวมถึงสะพานข้ามแยกดินแดงแล้ว
 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กทม. ได้รายงานว่ามีเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่กทม. รวม ณ เวลา 06.49 น. จำนวน 32 จุด ได้แก่ 1.โรงภาพยนตร์สยาม 2.อาคารในสยามซอย4-5 3.ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิล์ด 4.โรงแรมเซนทราแกรนด์ 5.การไฟฟ้านครหลวง สาขาคลองเตย 6.อาคารมาลีนนท์ 7.อาคารตลาดหลักทรัพย์ 8.ห้างสรรพสินค้าเซ็นเตอร์วัน 9.อาคารมหาทุนพลาซ่า เพลินจิต 10.อาคารไม่มีชื่อข้างสำนักงาน ป.ป.ส. 11.ร้านสะดวกซื้อ ตรงข้ามสำนักงาน ป.ป.ส.
 12.ร้านขายทอง บริเวณถนนพหลโยธิน ซอย 1 13.ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือพระนคร อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 14.โรงแรม แกรนไดมอน พันทิพย์ 15.ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำหริ และอีก 17 จุดเป็นธนาคาร ประกอบด้วยธนาคารกรุงเทพ 10 จุด , ธนาคารกรุงไทย 1 จุด , ธนาคารออมสิน 1 จุด ธนาคารกสิกรไทย 2 จุด , ธนาคารออมสิน 1 จุด และธนาคารนครหลวงไทย 2 จุด ซึ่งพื้นที่ที่เกิดเหตุดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการประกาศเป็นพื้นที่ห้ามเข้า เบื้องต้นหากประชาชนไม่มีความจำเป็น หรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็อย่าได้เข้าไปใกล้พื้นที่ดังกล่าว








ข่าวที่เกี่ยวข้องประกาศเคอร์ฟิวเพิ่ม3วัน-ห้ามออกบ้าน3ทุ่มถึงตี5"วีระ-หมอเหวง"เข้ามอบตัวกองปราบ"ธาริต"งงศาลสั่งชะลอหมายจับก่อการร้าย"แม้ว" จนท.ปอเต็กตึ๊งเป็น1ใน6ศพวัดปทุมฯ "หมอพรทิพย์"จัดทีมเก็บหลักฐานเพลิงไหม้

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive